ผู้นำฝ่ายค้านนอกสภา ทักษิณรีเทิร์น โดย นายซื่อตรง รักเมืองไทย
...ผมพร้อม ถ้าประชาชนพร้อม ผมพร้อมจะกลับไปเป็นนายกฯให้ประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ถ้าประชาชนพร้อมเมื่อไหร่ ผมก็พร้อมเมื่อนั้น ถ้าประชาชนยอมพ่ายแพ้ ก็ถือว่าผมหมดหน้าที่ ถึงแม้ผมจะต้องอยู่ต่างประเทศอีกนาน แต่ผมจะไม่ยอมตายในต่างประเทศแน่นอน... (วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2552 ,ทักษิณรีเทิร์นกล่าว)
หลายคนบอกว่านี่คืออาการดิ้นครั้งสุดท้ายของเสือลำบาก ที่แม้ไม่ตกยาก แต่หาทางออกกับระเบิดเวลาที่ผูกมัดอยู่รอบตัวตอนนี้ไม่ได้
หลายคนจึงตั้งคำถามว่า หากคุณทักษิณไม่มีคดีติดตัวท่วมหัวแล้วนั้นยังจะคิดกลับมามีอำนาจปกครอง ประเทศอีกครั้งเพื่อประชาชนจริงหรือ? หรือแม้กระทั่งจะบอกว่า จะทำเพื่ออดีตลูกพรรคที่ยังนับถือตน
แต่หากคุณทักษิณประกาศว่าตอนนี้หมดตัวไม่เหลือเงินแล้วจะยังมีคนยอมรับนับถืออุดมการณ์คุณทักษิณจริงหรือ?
คำถามที่ไม่ต้องรอคำตอบเหล่านี้ เพราะคุณทักษิณเองได้เผยความในใจ หรือเรียกว่า "ธาตุแท้" ก็ได้เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง และสุดท้ายก็ได้ออกมาเป็น ชุดยุทธศาสตร์ที่หนักแน่น ที่จะเรียกว่า "ยุทธศาสตร์ยึดประเทศไทย" ก็ได้ (ไม่ใช่แค่การล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์)
ที่มาของปัญหาตั้งแต่ความแตกแยกภายในของพรรคเพื่อไทยที่ดูเหมือนจะยังรวมกันไม่ติดหลังการขึ้นสู่อำนาจของประชาธิปัตย์
ซึ่งอาจเป็นเพราะการหาหลักยึดที่แน่นอนไม่ได้ และการปรับตัวในฐานะฝ่ายค้านครั้งแรกในสภาที่ยังใหม่อยู่ รวมถึงหัวหน้าพรรคตัวจริงยังไม่ปรากฏ
และที่สำคัญเจ้าภาพกระเป๋าเงินใหญ่ของพรรคยังไม่รู้ว่าเจ้าเดิมจะยังคงทุ่มต่อหรือไม่
นำมาสู่การเข้าจัดการด้วยตนเองของนายใหญ่อย่างคุณทักษิณ ที่ได้ผ่านต่อสายพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ในพรรคมาประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อจังหวะเหมาะและทำความเข้าใจประสานผลประโยชน์กับกลุ่มก๊วนที่เหลืออยู่สำเร็จ จึงเข้าสู่กระบวนการที่สองนั่นคือ
เปิดตัวต่อสาธารณชนและกลับมายึดเก้าอี้หัวหน้าพรรคตัวจริงกับบรรดาลูกพรรคในพรรคใหม่นี้เป็นครั้งแรก
โดยคุณทักษิณได้โทรศัพท์ข้ามประเทศผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อโฟนอินกลาง เวทีสัมนาของ สส.พรรคเพื่อไทยที่เขาใหญ่ ที่เพิ่งจัดไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้เอง
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อคัดสรร"ผู้นำฝ่ายค้านในสภา" เป็นตัวหลักในการเล่นเกม ในฐานะบทบาทใหม่ของบรรดาลูกพรรคเพื่อไทยที่ไม่เคยเป็นฝ่ายค้านมาก่อน
นอกจากนี้การประชุมครั้งนี้ก็เพื่อวางแผนปรับโครงสร้างพรรคใหม่ทั้งใน ส่วนฝ่ายบริหารและวางกลยุทธ์ที่ต้องปรับตัวเป็นฝ่ายรุก ในฐานะฝ่ายค้านเป็นครั้งแรกของคุณทักษิณ
อันที่จริงการเป็นฝ่ายค้านของบรรดาคนรักทักษิณได้กระทำอย่างเป็นรูปธรรมมา แล้วครั้งหนึ่งในสมัยรัฐประหารซึ่งทำได้ค่อนข้างดี เป็นกระบวนการและหนักหน่วงพอสมควร
หากแต่เป็นฝ่ายค้านในสภานั้น จะยากตรงที่เล่นเกมกับพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีความเก๋ามากในสภา
แต่การเป็นฝ่ายโจมตีย่อมง่ายกว่าฝ่ายตั้งรับอยู่แล้ว และถ้าพลาดพลั้งก็ไม่เสียหายอะไรเหมือนกับความพลาดของซีกรัฐบาล
อย่างไรก็ตามไฮไลท์อยู่ที่การโฟนอินของคุณทักษิณ 20 นาที แต่เนื้อหาได้คัดแล้วว่า สำคัญและชัดเจนจริงๆ
การโฟนอินนอกจากเป็นการปลุกใจบรรดาสส. เคลียร์ปมที่ค้างคาใจบรรดาสส. กลุ่มก๊วนต่างๆที่อยู่ภายใต้บ้านใหม่พรรคเพื่อไทยเป็นครั้งแรก ด้วยลีลาโวหารของคุณทักษิณก็ทำให้บรรดาลูกพรรคเคลิบเคลิ้มไปตามๆกัน
นอกจากนี้คุณทักษิณยังได้มอบนโยบายทั้งเรื่องภาพรวมและยุทธศาสตร์หลักใน การโจมตีรัฐบาล นั่นคือ การพูดเป็นนัยๆ ให้มีการระดมพลชาวบ้านให้มากที่สุด
โดยพูดทำนองว่า หากมีพลังเรียกร้องของประชาชนที่มากพอ ตนเองในฐานะนายใหญ่จะได้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง
ตบท้ายด้วยเรื่องเงิน
เพราะที่ผ่านมาช่วงหลังมักมีข่าวว่า นายใหญ่ตัดท่อน้ำเลี้ยง หรือแม้กระทั่งข่าวโดนอังกฤษยึดทรัพย์ซึ่งทำให้บรรดาสส.เริ่มลังเลถึง--ที่ เคยได้และอนาคตที่อาจไม่มีน้ำเลี้ยงเหมือนเคย
การโฟนอินครั้งนี้ได้ช่วยทำให้บรรดาลูกพรรคทั้งหลายมั่นใจมากขึ้น เพราะหลุดออกจากปากนายใหญ่เองว่า ตนยังมีเงินอีกมากและพร้อมให้ สส.ทุกคนโทรหาได้ทุกเมื่อ
แทบจะไม่ต้องตีความว่า ปกครองกันด้วยอะไร
นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า"ธาตุแท้"ของคุณทักษิณ! ที่ออกมาในลักษณะของนักสู้หลังพิงฝา หากแต่ผลของการโฟนอินวันนั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อมาในยุทธศาสตร์ของเพื่อไทย
ยุทธศาสตร์ใหม่ที่สรุปประเด็นมาได้
ประการแรกคือ ที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ประกาศ แถลงการณ์เขาใหญ่ 9 ข้อ โดยระบุชัดว่า คุณทักษิณมีส่วนอย่างมากในการปรับปรุงแถลงการณ์ทั้ง 9 ข้อ ที่จะถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของพรรคต่อไป
เนื้อหาไม่มีอะไรมาก ทุกอย่างทำเพื่อประเทศชาติ
แต่ประเด็นที่กล้าประกาศว่า
คุณทักษิณมีส่วนร่วม ทั้งที่คุณทักษิณถูกห้ามเล่นการเมือง 5 ปี และยังเป็นนักโทษคดีอาญานั่นเท่ากับคุณทักษิณไม่สนการเปลี่ยนแปลงในวิถีปกติ อีกต่อไป
และสิ่งทั่คุณทักษิณกำลังทำจะน่ากลัวและคาดเดาไม่ได้ในเส้นทางที่ควรจะเป็นอีกแล้ว
ประการต่อมาคือการปล่อยยุทธศาสตร์ในสภา ซึ่งนายปราณปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาประกาศว่า
การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลใน 2 ประเด็นหลัก คือ
1.การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เช่น มาตรการต่างๆ การสร้าง-- ความเหมาะสมในการกู้ยืมเงิน ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ดีในการตรวจสอบและดูจะเป็นเรื่องปกติ
2.ประเด็นการเมือง บอกว่าจะมีการตรวจสอบการบริหารงานของแต่ละกระทรวง โดยจะมีการแบ่งกลุ่มประชุมติดตามการทำงานแต่ละด้านของรัฐบาลทุกสัปดาห์ เพื่อนำข้อมูลไปอภิปรายในสภาฯและชี้แจงต่อสาธารณชน
หากแต่ในข้อนี้ยังบอกว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้สำเร็จอีกด้วย
อันนี้สอดคล้องกับแนวคิดที่วางไว้ก่อนหน้าที่คุณทักษิณจะต้องเล่นเกมที่อยู่นอกกติกาปกติ
การแก้รัฐธรรมนูญก็ไม่ต่างอะไรจากหลักการนั้น และยังถือเป็นแนวทางเดียวกับ นปช.ที่เรียกร้องตลอดมา นี่คือ
การนำนโยบายของนปช.มาใช้อย่างเปิดเผยใช่หรือไม่
ยุทธศาสตร์การเมืองโดยร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ในฐานะสส.--ส่วน ประกาศชัดถึงหลักการหลักสองข้อ คือ
1.โจมตี คมช.และ
2.ผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ยุทธศาสตร์นี้ยิ่งตอกย้ำการสู้นอกกติกาให้ชัดขึ้น และแน่นอนต้องใช้มวลชนมาจัดการ ไม่ใช่สส.ในระบบรัฐสภาอย่างแน่นอน
ยุทธศาสตร์ล้างกระดานล้างความผิด
งานนี้--านคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.--ส่วน และประธานสส.พรรคเพื่อไทย ที่ประกาศว่า
การเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยจะชูนโยบายนิรโทษกรรมคดีอาญาที่มีมูลเหตุจากการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 กับบุคคลทุกกลุ่มไม่เว้นแม้แต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ใครมีโทษก็จะได้รับการยกโทษ และคดีไหนที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ก็จะนิรโทษกรรมเช่นกัน
การเหมารวมเช่นนี้ดูเหมือนจะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับและลดแรงกดดันจากซีกสีเหลือง
หากแต่เป้าประเด็นหลักคือ นิรโทษกรรมทักษิณ และทุกคนในตระกูลชินวัตร!ไม่ใช่หรือ?
สำหรับคำถามว่าใครจะมาเป็นนอมีนีคนต่อไปของคุณทักษิณ
งานนี้ไม่ต้องคาดเดาอีกต่อไปว่าเป็นใครเชื่อมโยงมายังไง
เพราะรุ่งขึ้นหลังวันประชุมก็มีข่าวชัดเจนว่าจะให้ ตระกูลชินวัตรกลับมายึดครองพรรคการเมืองอีกครั้ง
โดยภาคเหนือมีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นผู้ดูแล
ภาคอีสานเป็นของนายพายัพ ชินวัตร
ภาคใต้มีนางเยาวเรศ ชินวัตร เป็นผู้ดูแล
ส่วนภาคกลางและกทม.นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรจะเป็นผู้กำกับดูแล
ขณะที่หัวหน้าพรรคจะเป็นใครใน 4 คนนี้ หรืออาจเป็นคนนอกคนใหม่
แต่ประเด็นชัดคือ เจ้าภาพ สปอนเซอร์ นายใหญ่เหมาหมดนั่นเอง
บทบาทของคุณทักษิณครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การตั้งนอมีนีมาบริหารแทนอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นเงา เป็นแขนเป็นขาของคุณทักษิณเองเลยที่จะเข้ามาจัดการ หากแต่เพียงครั้งนี้คุณทักษิณจะเข้ามาคุมพรรคในฐานะฝ่ายค้านครั้งแรกของ ชีวิต
จึงขอแต่งตั้งให้เป็น ผู้นำฝ่านค้านนอกสภา อย่างเป็นทางการ
เกร็ดเล็กน้อยจากการโฟนอินที่น่าสนใจก็ตรงที่
คุณทักษิณ พูดถึงการใช้เงินของตนเองในต่างประเทศว่า ใช้ปีละร้อยกว่าล้านบาทนั้น และที่บอกว่าค่าเช่าโรงแรมคืนละหมื่นบาท
ดังนั้นหากคิดคร่าวๆ ก็ตกปีละ 3 ล้านกว่าบาท รวมค่าใช้ชีวิต
ซึ่งหากจะคิดให้เป็นเท่าตัวของค่าเช่าห้องก็ยังไม่เกิน10ล้าน เบ็ดเสร็จยังไงก็ไม่น่าจะถึง 20 ล้าน ด้วยซ้ำไป
ดังนั้นค่าใช้จ่ายกว่าร้อยล้านนั้นนั่นคือวิถีชีวิตของมหาเศรษฐีที่ไม่รู้จักคำว่า"พอเพียง" นั่นเอง
ดังนั้นที่คุณทักษิณกล่าวต่อว่ารัฐบาลชุดนี้ มันเป็นรัฐบาลเสือหิว ยุคนี้มันกลียุค รวบรวมเอาเสือหิวเสือโหยมาอยู่ด้วยกันนั้น
ต้องถามกลับว่าที่คุณทักษิณต้องการกลับมาประเทศไทยมาบริหารประเทศนั้นต้องการอะไรกันแน่หรือ ?
"ความรวดร้าวรันทด ก็เป็นพลังชนิดหนึ่ง
สามารถบันดาลให้ผู้คนกระทำเรื่องที่ปกติไม่กล้ากระทำ"
(โกวเล้ง จาก ซาเสี่ยวเอี้ย)
------------------------------
คารวะท่าน โกวเล็ง 1 จอก
|