Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Thursday, February 19, 2009

ทำไมอดีตนายกฯ จึงไม่ยอมรับคำตัดสิน

Bangkok. September 2008Image by adaptorplug via Flickr

ขอนำข้อเขียนอันชวนคิดตามของ "สิงห์ม่วง" มาลงไว้ในที่นี้

ทำไมอดีตนายกฯ จึงไม่ยอมรับคำตัดสิน

ช่างคิดประดิษฐ์คำเสียเหลือเกิน สำหรับอดีตนายกฯ ว่างงานนาม “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่รู้พูดมาได้อย่างไรว่ากระบวนการดำเนินคดีที่ถูกจำคุก 2 ปีคือ "กระบวนการยุติความเป็นธรรม" หาใช่ "กระบวนการยุติธรรมไม่"

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : O ถามง่ายๆ แต่จะตอบได้หรือเปล่าว่า แล้วทีเมียที่ชื่อ "พจมาน ชินวัตร" ศาลยกฟ้องทุกข้อหา แบบนี้เรียกว่าเป็นธรรมหรือเปล่า หรือว่าไม่เป็นธรรมที่เมียไม่ได้ติดคุกด้วย หรือแอบหวังลึกๆ ให้เมียติดคุกเดียวกันแน่...(ฮา)
O เรื่องแบบนี้ถ้ามองแบบ "คนดีๆ" เขามองกัน ก็ต้องเข้าใจว่าศาลเป็นธรรม เพราะถ้าเขากลั่นแกล้งหรือ "ยุติความเป็นธรรม" ก็คงสั่งลงโทษเต็มเหนี่ยวทุกข้อหา จำคุก 10 ปี 15 ปี ให้อายุความยาวนานกว่านี้ไม่ดีหรือ (เพราะไหนๆ ทักษิณและพวกก็ทำนายไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าอย่างไรเสียก็ต้องโดน)
O แต่ก็อย่างว่า พอมองด้วยสายตา "พาลๆ" เมื่อศาลลงโทษข้อหาเดียว ก็อ้างว่าหาช่องเล่นงาน (อีกจนได้) ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย
O การถูกจำคุก 2 ปีตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100 โดยที่ศาลยกฟ้องข้อหาทุจริตต่อหน้าที่เป็นเพราะไม่มีหลักฐานที่มีน้ำหนัก เพียงพอ แต่ไม่ได้หมายความว่าอดีตนายกฯ ไม่ได้กระทำผิด
O คำอธิบายแบบเข้าใจง่ายต้องขอยืมทฤษฎีของ อ.แก้วสรร อติโพธิ ท่านบอกว่าให้เปรียบเทียบกับ "พระ" เพราะภิกษุนั้นจะถูกกำกับทั้ง "ศีล" และ "วินัย" การทำผิดศีลหรือไม่บางครั้งพิสูจน์ยาก จึงต้องมีวินัยมากำกับไว้ไม่ให้กระทำ หากพระรูปใดผิดวินัย ก็จะขาดจากความเป็นพระทันที ไม่ต้องย้อนไปดูว่าทำผิดศีลจริงหรือไม่
O เช่น ศีลกำหนดห้ามพระเสพเมถุน หรือกระทำไม่เหมาะสมกับสีกา เรื่องแบบนี้เอาเข้าจริงก็พิจารณายากว่ากระทำเข้าข่ายหรือยัง จึงต้องมีวินัยมากำกับว่า ไม่ให้พระอยู่ในที่รโหฐานกับสีกาสองต่อสอง ฉะนั้นเมื่อพระกระทำผิดวินัย คืออยู่ในที่รโหฐานสองต่อสองกับสีกา ก็จะมีผลทันทีโดยไม่ต้องย้อนไปดูว่ากระทำผิดตามที่ศีลกำหนดห้ามไว้หรือไม่
O เทียบกับกรณีของอดีตนายกฯ แน่นอนศาลยกฟ้องข้อหาทุจริตเพราะหลักฐานไม่ถึง แต่ "คนโตจากลอนดอน" ก็กระทำผิดวินัย คือ กติกากำหนดห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐที่ตนเอง กำกับดูแล ซึ่งเป็นข้อห้ามตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100 เมื่อคุณทำผิดตรงนี้ คือ ฝ่าฝืนวินัย ก็ถูกลงโทษทันที โดยไม่ต้องย้อนไปดูว่ากระทำผิดศีล คือทุจริตด้วยหรือไม่ เพราะมันมีการทุจริตมากมายที่หาหลักฐานไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อผู้กระทำทุจริตมีอำนาจบารมีและอิทธิพลล้นเหลือ
O ถ้าได้อ่านคำแถลงของอดีตนายกฯ จะมองเห็นตัวตนของคนคนนี้ 2 ประการคือ หนึ่ง ไม่มีความรู้สึกเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน จริยธรรม ความเหมาะควรอยู่ในสามัญสำนึกเลย เพราะการซื้อที่ดินซึ่งเป็นสมบัติของรัฐโดยภริยาของนายกรัฐมนตรี ถ้ามองเป็นเรื่องธรรมดาก็ป่วยการที่จะอธิบายกันต่อว่ามันเป็นการขัดกัน ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวมอย่างไร เพราะคงไม่มีวันเข้าใจ
O หรือ สอง ถ้าข้อสังเกตข้อหนึ่งไม่ถูกต้อง อดีตนายกฯ ผู้นี้ก็เข้าข่ายดับเบิลสแตนดาร์ดมากที่สุด เพราะเลือกพูดเฉพาะประเด็นที่เป็นประโยชน์กับตัวเองอย่างร้ายกาจ และทำลายเครดิตของระบบศาลทั้งระบบ
O กฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100 เขาเขียนไว้ทนโท่ ถ้ากฎหมายไม่ดีก็ต้องไปแก้ไข ไม่ใช่ไปด่าศาล ที่สำคัญเรื่องกล่องขนม 2 ล้าน หรือความพยายามวิ่งล็อบบี้ตุลาการผ่านรัฐมนตรีคนหนึ่งในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ถึงกับพากันไปกินข้าวที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง นั่นเรียกว่ากระบวนการ "ยุติความเป็นธรรม" ด้วยหรือไม่
O นี่ยังไม่นับคดีเสนอสินบนในคดียุบพรรคที่เรื่องค้างเติ่งอยู่ในชั้นอัยการมา นานเป็นปีแล้ว เรื่องแบบนี้ทั้งแม้วทั้งอ๋อยไม่เคยพูดถึงเลย ได้แต่โวยวายเช่นเคยว่ากฎหมายไม่เป็นธรรม
O ส่วนเรื่องพันธมิตรยึดทำเนียบ ก็ไม่ได้รับการคุ้มครองจากศาลอย่างที่พยายามกล่าวอ้าง การพูดเหมารวมแบบนี้มันทำลายเครดิตกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมาศาลแค่ถอนข้อหากบฏ เพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ซึ่งก็เป็นกระบวนการรีวิวตรวจสอบกันตามปกติของศาลแต่ละชั้นที่เปิดช่องให้ ประชาชนได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น ส่วนเมื่อศาลมีคำสั่งแล้ว เจ้าหน้าที่อื่นไม่ยอมบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งศาลหรือบังคับไม่สำเร็จ อันนั้นก็ต้องไปโทษเจ้าหน้าที่แต่ละฝ่าย ไม่ใช่ไปด่าศาล
O อดีตนายกฯ เอง ก็เคยได้ประโยชน์กับกระบวนการแบบนี้ เช่น การขอเดินทางไปต่างประเทศแล้ว "หนี" ไม่ยอมกลับมานี่อย่างไร ทำไมแบบนั้นไม่บอกว่าศาลไม่เป็นธรรมบ้างที่อนุญาตให้ท่านเดินทางออกนอก ประเทศ แล้วไม่ต้องกลับมารับโทษ
O พิเคราะห์จากการปลุกมวลชนเสื้อแดง ตามด้วยถ้อยคำล่อแหลมเรื่อง "พระบารมี" ก็พอมองเห็นจังหวะก้าวของ "บิ๊กแม้ว" เที่ยวนี้ว่าคงหนีไม่พ้นขอพระราชทานอภัยโทษตามที่ "สิงห์ม่วง" เคยคาดการณ์เอาไว้ สอดรับกับบทวิเคราะห์การเมืองของ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีนิด้า ที่เคยชี้ให้จับตากรณีของฟิลิปปินส์ให้ดีๆ เพราะประธานาธิบดีอาร์โรโยก็ตัดสินใจออกกฎหมายอภัยโทษให้อดีตประธานาธิบดี เอสตราดามาแล้ว
O แต่ประเด็นที่ อาจารย์สมบัติ เน้นเป็นพิเศษก็คือ จะทำเช่นนั้นได้นายกฯ ต้องเป็นคนของตัวเอง และนี่คือสาเหตุว่าทำไม "ทักษิณ" ถึงต้องดิ้นเพื่อรักษาอำนาจไว้ในหมู่พวกตัวเองให้นานที่สุด จัดตัวสำรองชุด 2 ชุด 3 มาเป็นรัฐมนตรีโดยไม่เกรงใจประชาชน คำตอบก็คือผลประโยชน์และความอยู่รอดของตนเอง หาใช่ประเทศชาติที่กำลังดำดิ่งเพราะวิกฤติทั้งภายในและภายนอกไม่!


สิงห์ม่วง kobkab034@hotmail.com


Reblog this post [with Zemanta]

Label Cloud