Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Tuesday, June 2, 2009

รายงานพิเศษ : เช่ารถเมล์ 4 พันคัน...วัดใจ “ปชป.” รักชาติจริงหรือไม่?

Politics - Manager Online
อมรรัตน์ ล้อถิรธร.....รายงาน

ไม่เพียงต้องลุ้นว่า โครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน ที่ “โสภณ ซารัมย์” รมว.คมนาคมจากพรรคภูมิใจไทย เป็นโต้โผ จะได้เข้าที่ประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ (3 มิ.ย.) หรือไม่ แต่ยังต้องลุ้นด้วยว่า หากได้เข้า แล้ว ครม.จะกล้าอนุมัติโครงการดังกล่าวหรือเปล่า เพราะแม้ด้านหนึ่ง แกนนำพรรคภูมิใจไทย จะขู่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหากไม่ผ่านโครงการดังกล่าว แต่อีกด้านหนึ่ง รัฐบาลจะรับมือไหวหรือไม่ หากผ่านโครงการ แล้วถูกประชาชนยื่นถอดถอน ครม.ทั้งคณะ นี่ยังไม่รวมที่ ส.ว.ขู่คว่ำ พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้าน หากรัฐบาลดึงดันผ่านโครงการเช่ารถเมล์ ...งานนี้ ไม่เพียงรัฐบาลต้องคิดหนัก แต่ยังเป็นการวัดใจพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า...ชาติและประชาชนต้องมาก่อนจริงหรือไม่

ขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ระยะเวลา 10 ปี มูลค่าเกือบ 7 หมื่นล้านบาทของ ขสมก.กำลังดังกระหึ่มไปทั้งสังคม แต่รัฐมนตรีคมนาคมจากพรรคภูมิใจไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน อย่างนายโสภณ ซารัมย์ ก็ยังพยายามดันโครงการเจ้าปัญหาเข้า ครม.ในสัปดาห์นี้ (3 มิ.ย.) หลังถูกที่ประชุม ครม.เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน(19 พ.ค.)ตีกลับให้ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง) เพื่อให้ได้ข้อยุติก่อน แล้วค่อยเสนอกลับเข้ามาใหม่ใน 2 สัปดาห์ เพราะตัวเลขวงเงินของโครงการไม่เพียงสูงเอาการ แต่ยังดูสับสน และสร้างความคลางแคลงใจชนิดที่ว่า ค่าเช่ารถว่าแพงแล้ว แต่ค่าซ่อมรถยังแพงกว่าค่าเช่าเสียอีก โดยค่าเช่าอยู่ที่คันละประมาณ 4,780 บาทต่อวัน โดยเป็นค่าเช่าตัวรถคันละ 2,195 บาท คิดเป็นเงิน 32,047 ล้านบาท ขณะที่ค่าซ่อมรถปาเข้าไปคันละ 2,250 บาทต่อวัน คิดเป็นเงิน 32,850 ล้านบาท โดยต้องเสียค่าซ่อมตั้งแต่วันแรก ทั้งที่เป็นรถใหม่!?!

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณให้มีการตีกรอบรถเมล์ที่จะเช่าว่า ต้องผลิตในประเทศไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 และให้ปรับลดตัวเลขต่างๆ ในโครงการลงตามที่คณะทำงานชุด พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ได้ศึกษาไว้ก่อนหน้านี้

ขณะที่ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีคมนาคม หลังหารือกับกระทรวงการคลังแล้ว ก็ยอมลดมูลค่าโครงการลงจาก 69,700 กว่าล้าน เหลือ 67,900 กว่าล้าน ขนาดค่าเช่ารถ ยังยอมตัดใจลดลงให้ตั้ง 4 บาท จากคันละ 4,784 บาทต่อวัน เหลือ 4,780 บาท

หลังปรับแต่งตัวเลขใหม่ นายโสภณ ก็เดินหน้าดันโครงการนี้เพื่อให้เข้าที่ประชุม ครม.อีกครั้งในวันที่ 3 มิ.ย.นี้ โดยอ้างว่า ครบ 2 สัปดาห์ที่ ครม.ให้ไปหารือกับกระทรวงการคลังแล้ว ดังนั้นต้องเสนอเข้าที่ประชุมใหม่ โดยไม่สนใจเสียงท้วงติงจากหลายภาคส่วนในสังคมที่คัดค้านและเรียกร้องให้ชะลอหรือยกเลิกโครงการนี้ แถมยังมีสัญญาณจากแกนนำพรรคภูมิใจไทยด้วยว่า หาก ครม.ไม่อนุมัติโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน ต้องมีเหตุผลที่ฟังได้ว่าเพราะอะไร หาไม่แล้ว งานนี้อาจมีการถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล!

ลองไปดูกระแสคัดค้านโครงการนี้กันบ้างว่าเป็นอย่างไร กลุ่มแรกๆ ที่ออกมาคัดค้านน่าจะเป็นกลุ่ม 40 ส.ว.นำโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ที่เปิดฉากชี้ให้สังคมเห็นถึงความไม่โปร่งใสของโครงการดังกล่าว ทั้งเรื่องค่าเช่ารถที่สูงเกินควร ,ค่าซ่อมรถที่ไม่สมเหตุสมผล, ระยะเวลาเช่ารถที่ยาวเกินควร, การประมาณการรายรับที่ ขสมก.จะได้ในอนาคตเพื่อมาจ่ายค่าเช่ารถสูงเกินจริง นอกจากนี้ ยังมีการส่อฮั้วกันระหว่างนักการเมืองกับบริษัทที่มีความใกล้ชิดกับนักการเมือง โดยกำหนดให้การประมูลต้องมีค่าประกันซองสูงถึง 3,000 ล้านบาท ซึ่งล่าสุด ประชาชนที่ได้เข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันกับ ส.ว.(27 พ.ค.) ได้ข้อสรุปว่า พร้อมจะเข้าชื่อยื่นถอดถอน ครม.และผู้เกี่ยวข้อง หากอนุมัติโครงการที่ส่อทุจริตดังกล่าว

น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.1 ใน 40 ส.ว.และประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ชี้ว่า โครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน ไม่เพียงส่อทุจริต แต่ยังเป็นการแปรรูป ขสมก.โดยไม่ต้องแก้กฎหมายอีกด้วย เพราะกำไรทั้งหมดอยู่ที่บริษัทให้เช่ารถ ส่วนภาวะขาดทุนตกอยู่กับ ขสมก.

“ตัวเลขของทางรัฐมนตรีที่เสนอมาเกี่ยวกับเรื่องโครงการนี้เนี่ย มันมีการประเมินรายได้ที่สูงเกินจริง และมีการทำรายจ่ายที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะฉะนั้นโครงการนี้ออกมาก็ขาดทุนทันทีน่ะ ซึ่งการขาดทุนทันทีหมายความว่า ขสมก.ก็ต้องเป็นคนแบกรับหนี้สินตรงนี้ แล้ว ขสมก.แบกรับ ก็คือ ประชาชนก็ต้องแบกรับ ใช่มั้ย เพราะอย่างรัฐมนตรี ยกตัวอย่างนะ เขาบอกว่าจะมีรายได้วันละ 11,000 บาท ซึ่งก็คือกำไรแค่วันละ 1,000 บาทต่อคัน ซึ่งถ้าเกิดไม่ได้ 11,000 เนี่ย คุณจะว่ายังไง เพราะค่าใช้จ่ายที่รัฐมนตรีบอกว่าประมาณวันละ 9,000 กว่าบาท จริงๆ แล้วไม่ใช่ มันวันละ 12,000 บาท ดูจากค่าใช้จ่ายทั้งหมดนะของ ขสมก. ขสมก.เขามีประเมินไว้เลย ก๊าซเอ็นจีวีวันละ 2,100 บาทต่อคันต่อวัน พนักงานขับรถ 2,400 บาทต่อคันต่อวัน ฝ่ายบริหาร เพราะ ขสมก.ไม่ได้มีแต่คนขับรถนะ เขาก็มีฝ่ายบริหารของเขา ซึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ก็ต้องถูกเอามาเป็นโสหุ้ยในส่วนของที่จะมาคิดคำนวณกับรายได้ ในส่วนของฝ่ายบริหารเนี่ย 1,121 บาท และดอกเบี้ยอีกประมาณ 70,000 ล้านของเขาเนี่ย ก็เป็นดอกเบี้ยตกวันละ 1,412 บาทต่อคันต่อวัน พนักงานสนับสนุนอีก 693 นี่รวมตัวเลขนี้ก็ 7,700 บาท 7,700 ไปบวกกับค่าเช่ารถของเขา 4,780 บาท ตอนนี้เขาลดลงมาเหลือ 4,657 ก็ 12,000 แล้วคุณหากำไรวันละ 11,000 เนี่ย มันจะกำไรได้ยังไง มันขาดทุนตั้งแต่วันแรกที่ทำ ใช่มั้ย”

“แล้วกรณีนี้เนี่ย มันเป็นแปรรูปกิจการของ ขสมก.โดยพฤตินัย โดยไม่ต้องแก้กฎหมาย คือกำไรทั้งหมดจะไปอยู่ที่บริษัทที่เอารถมาให้เช่า ส่วนขาดทุนจะอยู่กับ ขสมก.เพราะอุปมานะว่า บริษัทให้เช่ารถก็เหมือนอู่แท็กซี่ ขสมก.กลายเป็นแท็กซี่ อู่ที่เป็นคนให้เช่าแท็กซี่ พอครบกำหนด อ้าว! คุณต้องจ่ายฉันวันละ 1,000 คุณจะได้กำไรหรือคุณจะมีรายได้เท่าไหร่ เขาไม่เกี่ยว ใช่มั้ย บอก เฮ้ย! ทำไมกลายเป็น ขสมก.ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานเส้นทางการเดินรถทั้งหมดเนี่ย ทำตัวที่จะให้บริษัทที่มา (ให้) เช่ารถได้กำไร แต่ตัวเองรับภาระการขาดทุน รับภาระความเสี่ยงต่างๆ โครงการแบบนี้มันส่อว่ามันทุจริต มันไม่ชอบธรรมอยู่แล้ว”

น.ส.รสนา ยังจับพิรุธโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันอีกว่า นอกจากการประเมินรายได้ที่ ขสมก.จะได้รับสูงเกินจริง และประเมินค่าใช้จ่ายของ ขสมก.ต่ำกว่าความเป็นจริงแล้ว ก็ยังไม่เห็นแผนบริหารหนี้ของ ขสมก.และแผนรองรับการปลดพนักงานเก็บตั๋วรถเมล์อีกนับหมื่นคน หากเปลี่ยนมาใช้ระบบอี-ทิกเก็ตแทน พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า รัฐมนตรีคมนาคมเป็นผู้จัดการหรือเจ้าของบริษัทที่จะให้เช่ารถเมล์หรืออย่างไร ถึงได้สามารถกำหนดค่าเช่ารถหรือปรับลดค่าเช่าทันทีทันใดได้

“เป็นเรื่องที่ประหลาดมากเลยว่า รัฐมนตรีมาเคาะตัวเลขเอง เป็นไปได้ไง ปกติแล้วการประมูลอะไรทั้งหลาย คุณต้องตั้งราคากลางขึ้นมา แล้วคุณกำหนดทีโออาร์ขึ้นมาว่าคุณต้องการอะไร แล้วคุณก็ต้องเปิดให้คนเข้ามาเสนออะไรเข้ามา ไม่ใช่คุณกำหนดราคา แล้วก็ลดได้ทุกวันเลย จาก 69,000 ล้าน แล้วก็ลดลงมาเหลือ 67,900 ล้าน เฮ้ย! ลดกันเป็นรายวันเลย มันเกิดอะไรขึ้น มันน่าสงสัยมั้ยล่ะ ใช่มั้ย คือมันอย่างกับต่อรองซื้อเงาะกันแน่ะ พอคนเขาท้วงว่าแพง เอ้า! วันก่อนเนี่ย 4,784 บาท เอ้า! ลดให้ 4 บาท เหลือ 4,780 บาทถ้วนๆ มาถึงวันนี้ ลดลงมาเหลือ 4,657 บาท พอคนออกมาถล่มๆๆๆ รัฐมนตรีออกมาลดราคาให้ รัฐมนตรีตกลงเป็นคนจัดการเช่ารถเองเหรอ เป็นบริษัทให้เช่ารถหรือยังไง ...เมื่อเช้า (1 มิ.ย.) รัฐมนตรีเพิ่งให้สัมภาษณ์ว่า เขาจะได้กำไรเพราะเขาจะปลดคนน่ะ อ้าว! เฮ้ยคุณจะปลดคนเนี่ยนะ ขสมก.มีพนักงานขายตั๋วประมาณ 8,000 คน ใช้ อี-ทิกเก็ต ปุ๊บเนี่ย พวกนี้ตกงานหมดนะ คุณมีอะไรรองรับเขามั้ย หรือคุณเขี่ยเขาไปเลย อ้าว! ทำไง เขาเป็นรัฐวิสาหกิจน่ะ แล้วคน 8,000 คนออกไปปุ๊บเนี่ย ครอบครัวแต่ละคนเนี่ย สมมติมี 3 คน 24,000 แล้วนะ ถ้าเกิดครอบครัวละ 5 คน ก็ 40,000 คน คุณคิดว่าโอ๊ย! เล็กน้อย ตัดทิ้งไปเลยหรือเปล่า ขสมก.รู้เรื่องมั้ยเนี่ย”

ส่วนกรณีที่ พรรคภูมิใจไทย อาจถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล หาก ครม.ไม่ผ่านโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันนั้น น.ส.รสนา บอกว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องไปว่ากันเอง แต่ถ้าเมื่อไหร่รัฐบาลตัดสินใจอนุมัติโครงการดังกล่าว เพียงเพราะกลัวว่าพรรคภูมิใจไทยจะถอนตัว ย่อมสะท้อนว่า รัฐบาลเห็นแก่ประโยชน์ของพรรคมากกว่าประโยชน์ของชาติและประชาชน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ประชาชนก็คงไม่เอารัฐบาลไว้เหมือนกัน

น.ส.รสนา เผยด้วยว่า วันที่ 3 มิ.ย.นี้ กลุ่ม ส.ว.จะประชุมหารือ จากนั้นอาจยื่นเรื่องให้นายกฯ ทบทวนโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันในวันเดียวกัน

ด้านนายจารึก อนุพงษ์ ส.ว.สรรหา และประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ซึ่งคัดค้านโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันเช่นกัน ก็ได้ออกมาตั้งคำถามที่ไม่รู้ว่ารัฐมนตรีคมนาคมอย่าง นายโสภณ ซารัมย์ จะตอบได้หรือไม่ว่า “ถ้าจะเช่ารถเมล์ในโครงการนี้ ต้องใช้เงิน 67,922 ล้านบาทในเวลา 10 ปี เฉลี่ยต่อปี 6,792 ล้านบาท แสดงว่า ขสมก.ต้องหารายได้วันละ 186 ล้านบาท เมื่อนำเอาค่าโดยสาร 30 บาทต่อคนไปหาร ต้องมีผู้โดยสารมาใช้บริการวันละ 6.2 ล้านคน ผมถามว่า ขสมก.จะไปหาผู้โดยสารจำนวนนี้มาจากไหน เพราะผู้โดยสารปัจจุบันมีไม่ถึง 4 ล้านคน จะเอาปัญญาจากไหนไปหา และสถิตินี้จะลดจำนวนลงอีก เพราะอนาคตขนส่งมวลชนอื่นจะดึงผู้โดยสารจาก ขสมก.มากขึ้นอีก”

ขณะที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ใช้สิทธิตรวจสอบโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน โดย พล.ต.ท.วิรุฬ ฟื้นแสน ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการฯ ตรวจสอบความไม่ชอบมาพลของโครงการดังกล่าวว่า ทำไมต้องเช่าในวงเงินสูงถึง 5-6 หมื่นล้านบาท

ด้านนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ และรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เผยว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้รับตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยจะเชิญผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ทั้งในส่วนของบอร์ด ขสมก.-รัฐมนตรีคมนาคม คนปัจจุบัน รวมทั้งรัฐมนตรีคมนาคมในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เพราะโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันนี้ เริ่มส่อเค้าไม่ชอบมาพากลตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายสมัครแล้ว

“โครงการมันต่อเนื่องมาจากคุณสมัคร (สุนทรเวช) ตั้งแต่รัฐบาลสมัยคุณสมัคร ตั้งแต่เดือน เข้า ครม.ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.2551 เป็นการแก้ปัญหาหนี้สินของ ขสมก.7 หมื่นกว่าล้าน ก็แบ่งเป็นหลายรายการ รายละเอียดก็เยอะมาก วิธีการแก้ ก็คือ การที่จะขอเช่าซื้อรถ 6,000 คัน ทีนี้หลังจากนั้นก็มีปัญหาเกิดขึ้น ก็ตั้งคณะกรรมการใน ครม.ใหม่ มอบให้คณะรัฐมนตรีโดยมี เสธ.หนั่น (พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ) ไปพิจารณาใหม่ ก็เหลือ 4,000 คัน จากนั้นราคาก็ปรับลงมาใหม่ พอปรับลงมาใหม่ มันก็ยังไม่ถูกต้องกันอีก ก็มีปัญหาที่จะต้องพิจารณาเรื่องรายละเอียดว่า การเช่าซื้อนั้นยังแพงไป ค่าบำรุงรักษายังแพงไป สรุปแล้วตัวเลขที่คาดการณ์ว่า เดิมทีรถ ขสมก.มีอยู่แค่ 1 ล้าน 8 แสนคนที่ใช้บริการอยู่ จะไปหาลูกค้าที่จะมานั่งอีกประมาณ 4 ล้านคนอย่างนี้ ดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะมีเหตุปัจจัยอื่น เช่น มีการลงทุนรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และระบบขนส่งมวลชนเพิ่มขึ้นใน 10 ปีข้างหน้า ก็ลงทุนไปประมาณ 5 แสนล้าน อันนี้ก็จะลงทุนอีก 6.7 หมื่นล้าน มันก็เลยจะทำให้ภาระหนี้ทั้งหมดเนี่ยมันไม่เป็นไปตามนั้นแล้ว แก้ไขไม่ได้แล้วยังเป็นภาระหนี้ตามมาอีก อันนี้ประเด็นเรื่องรายละเอียดนะ ทีนี้ตัวเลขไม่ตรงกันเพราะอะไร ใครเป็นคนคิด และคิดยังไง และการคิดครั้งนี้มันมีวาระซ่อนเร้นเรื่องทุจริตเกิดขึ้นมั้ย ใครได้รับผลประโยชน์ ผลประโยชน์นั้นมันตกกับใคร อันนี้จะดูรายละเอียดถึงทีโออาร์ด้วย ว่าจะทำให้เกิดความโปร่งใสยังไงในการเปิดประมูล มันก็เลยเกิดเป็นประเด็นข้อที่จะต้องศึกษาต่อเนื่อง ขณะนี้รอวันที่ 2 ให้เขามาชี้แจงว่า เขาคิดยังไงตามที่เราตั้งโจทย์ไว้”

“(ถาม-เราคงไม่เชิญรัฐมนตรีมา?) รัฐมนตรีต้องเชิญแน่ รวมทั้งอดีตรัฐมนตรีด้วย ตั้งแต่สมัยคุณสันติ (พร้อมพัฒน์) เป็นโครงการต่อเนื่องมา และเขาไปปรับลด และตอน ครม. ขณะนี้ผมกำลังไล่เรียงมติ ครม.ซึ่งมีเป็นสิบ โอ๊ย! อ่านจนมึนหัวเลย (ถาม-ผลสอบของเราจะทัน ครม.เหรอ ถ้ามีการอนุมัติ?) เราคงไม่ไปยึดตัวนั้นเป็นหลัก เราจะยึดข้อเท็จจริง แล้วเราคงจะใช้เวลาสัก 4 ครั้ง ประชุม 2 ครั้ง เราจะได้ข้อเท็จจริงเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นจะดูว่ามันไปเกี่ยวข้องกับใคร เพราะมันเป็นลายเซ็นการอนุมัติ เห็นชอบ ไม่เห็นชอบ แย้ง มันมีข้อโต้แย้งเยอะนะ แต่ข้อโต้แย้งเนี่ย ไม่ปฏิบัติตามก็เยอะพอสมควรเหมือนกัน เอกสาร (ถาม-4 ครั้งน่าจะกินเวลาประมาณเท่าไหร่?) เดือนเดียวน่าจะจบ เพราะเป็นการพิจารณาวาระพิเศษเลยเที่ยวนี้ คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.เขาให้วิธีการพิจารณาเป็นกรณีแยกออกไปจากประชุมปกติ”

ส่วนถ้าสอบแล้วพบทุจริตในโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ของสภาฯ จะทำอย่างไรได้บ้างนั้น นายชาญชัย บอกว่า ถ้าพบข้าราชการทุจริต ก็ส่งให้นายกฯ และส่งให้หน่วยงานที่เป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการรายนั้นลงโทษทางวินัยหรืออาญาต่อไป แต่ถ้าเป็นนักการเมือง ก็นำเรื่องฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้

เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าปัญหาโครงการนี้จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล นายชาญชัย ซึ่งสวมหมวก 2 ใบ คือ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่คำนึงถึงตรงนั้น เพราะหากสงสัยว่าทุจริต ต้องตรวจสอบ หากไม่อยากให้ตรวจสอบ รัฐบาลต้องไม่ทุจริต

นายชาญชัย ยังเผยด้วยว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการ กำลังหาวิธีอุดรอยรั่วไม่ให้มีการทุจริตในวงราชการ ด้วยการออกระเบียบให้คณะกรรมการหรือบอร์ดที่ดูแลกิจการของหน่วยงานต่างๆ ต้องเปิดเผยบัญชีการเงิน รวมทั้งกำหนดให้มีบทลงโทษทางวินัย เพื่อไม่ให้ผู้บริหารเหล่านี้ทำงานแบบสุกเอาเผากินหรือกระทำการทุจริต ซึ่งคาดว่าวิธีนี้น่าจะช่วยป้องกันการทุจริตได้ง่ายกว่าการมานั่งไล่จับหรือควานหาตัวผู้กระทำผิดเมื่อเกิดการทุจริตขึ้นแล้ว!!

Label Cloud