ส.ว.แนะทีโอทีเปิดประมูลคลื่น3จีอย่างเสรี-พิรุธตีเช็ค1500ล้าน - กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์
"ไพบูลย์"แนะ"ทีโอที"เปิดประมูลเสรีคลื่น3จีมูลค่า2.6หมื่นล้าน พบข้อมูลเซ็นเช็คให้บริษัทการตลาดในเครือ 1,500ล้านอย่างเร่งรัด หวั่นต่างชาติฮุบ
ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและพนักงานบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ขอให้ตรวจสอบโครงการจัดซื้ออุปกรณ์เพื่อดำเนินโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จี มูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาทของบริษัททีโอที ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ โดยจะมีการใช้วงเงินกู้จากโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งมีความไม่ชอบมาพากล
โดยเรื่องนี้มีต่อเนื่องมาตั้งแต่ทีโอทีดำเนินโครงการในนามบริษัท เอซีทีโมบายล์ ซึ่งในขณะนั้นมีปัญหาการจัดซื้ออุปกรณ์มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท และบริษัท ไทยโมบายล์ ก็มีปัญหาการตลาดจนขาดทุนย่อยยับ ล่าสุด ระบุว่ามีการลงนามในเช็คจ่ายให้บริษัทที่รับจ้างบริหารด้านการตลาดใบเดียวเป็นเงิน 1,500 ล้านบาทอย่างเร่งรัดผิดปกติ ทั้งที่บริษัทนี้มีแต่จะทำให้ทีโอทีขาดทุนมากมาย"พอเห็นข้อมูลก็รู้สึกคล้ายๆ กับเรื่องรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ที่มีการจัดซื้อจัดจ้างมหาศาลและอาจมีการได้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคา ซึ่งเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ 3 จี ของทีโอที ไม่ควรจะใช้เงินกู้ไปซื้อมาดำเนินการตลาดเอง เพราะจะมีแต่ขาดทุน แต่ควรเอาสิทธิในคลื่น 3 จีจำนวน 30 เมกกะไบต์ มาแบ่งเป็น 3 สัญญา แล้วเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลคลื่นเพื่อไปดำเนินการ เพราะจะทำให้ทีโอที มีรายได้ทันทีเป็นหมื่นๆ ล้านบาท ซึ่งกลุ่ม 40 ส.ว. จะตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไปในวันที่ 8 ตุลาคม" นายไพบูลย์ กล่าว
ด้านนายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน เสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภควุฒิสภา กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯกำลังศึกษาเรื่องที่ กสท.จะทำการเปิดประมูลระบบ 3 จี ในเร็วๆนี้ ซึ่งกมธ.เกรงว่าจะเกิดผลกระทบต่อประเทศไทยในหลายมิติ เช่นด้านความมั่นคงของชาติ และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิบริษัท ทศท.คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) ซึ่งจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เกรงว่าการเปิดประมูลครั้งนี้จะทำให้บริษัทเครือข่ายสื่อสารยักษ์ใหญ่ของต่างชาติ จะได้รับสัมปทานไปทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ตัดโอกาสธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมของไทย รวมทั้งจะทำให้ กสท.และทศท.ถูกแย่งชิงทรัพยากรนี้ไปด้วย ฝากถึงรัฐบาลต้องคำนึงถึงการสร้างรายได้จากการประมูลครั้งนี้ด้วย เข้าใจว่าการประมูลครั้งนี้ก็เป็นการหารายได้เข้าประเทศก็จริง แต่ต้องคำนึงถึงความมั่นคงของชาติเป็นหลัก และคิดถึงโอกาสภาคเอกชนไทยด้วย