“แอ๊ด คาราบาว” ยอมรับอดีตเคยเข้าร่วม นปช. แต่ปัจจุบันตาสว่างไม่ขอขึ้นเวทีเสื้อแดงตามคำเชิญ เผยก่อนหน้านี้เคยเตือน “ทักษิณ” แล้วว่าอย่าทำ จวกคนเสื้อแดงถ้ารักในหลวงให้กลับบ้าน อย่าเอาประชาธิปไตยมาอ้าง
หลังจากที่ “แอ๊ด คาราบาว” ยืนยง โอภากุล ออกมาแขวะพันธมิตรฯ ขณะเล่นคอนเสิร์ต “Road To Country Carabao & Friend” ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาในทำนองที่ว่าการยึดสนามบินสุวรรณภูมิทำให้เพื่อนเขา 2 คนที่ทำงานอยู่ไทยแอร์เอเชียต้องตกงาน อยากให้หันหน้ามาเจรจากันแบบสันติวิธี เพราะบ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว
ตรงกันข้ามกับเวลาที่พูดถึง “นช.ทักษิณ ชินวัตร” ที่ กลับออกปากเยินยอว่าเป็นคนที่มาช่วยเหลือคนจน อุ้มชูเกษตรกร ในขณะที่รัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีใครทำ ฉะนั้นอย่าด่าแบบไร้เหตุผล ทั้งยังกล่าวอีกว่าคนที่มาชมคอนเสิร์ตเยอะกว่าไปม็อบพันธมิตรฯเสียอีก สร้างกระแสความไม่พอใจให้กับกลุ่มพันธมิตรฯ และส่งผลเสียต่อคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ ของ “แก้วสรร อติโพธิ” เนื่องจากเลือกนักร้องเพื่อชีวิตคนดังเข้ามาร่วมทีมบริหาร
“ผมเป็นคนหนึ่งที่ต่อสู้มาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ตอนนี้ผมว่าประชาชนตกเป็นเครื่องมือของทั้งสองฝ่าย ประชาชนต้องตื่นผมไม่รู้จะทำไง เขียนเพลงให้ประชาชนตื่นเหรอ เอาเป็นว่าถ้ารักในหลวง อย่าออกไปเลย ทำประเทศให้ปกติดีกว่า มีบางกลุ่มที่เขาโจมตีผมแต่ผมไม่เคยตอบโต้ ผมจะโต้ทำไมถ้าผมโต้เขาจะเอาข่าวนี้ไปเล่นมันไม่มีประโยชน์ ผมไม่ได้ทำผิดอะไร คนรู้บ้างไม่รู้บ้างคนที่ไม่รู้มีไม่มากนะ แต่ส่วนมากเขารู้ว่าผมเป็นยังไง อย่ามายุ่งกันดีกว่า”
“บ้านเมืองแบบนี้จะจบอย่างไร ผมว่าตอนนี้การเมืองไทยเรากำลังกลายเป็นประวัติศาสตร์ของไทย ผมว่าบ้านเรามันไม่มีประชาธิปไตย มันไม่มีมานานแล้ว ผมไม่รู้ว่าระบบนี้มันเหมาะหรือไม่เหมาะ ฝรั่งโยนให้คนไทยใช้แต่คนไม่พร้อม นักการเมืองไทยบางกลุ่มในแบบอุปถัมภ์เขามีผลประโยชน์ในเครือข่าย และก็รวมกันเป็นพรรคการเมืองกุมอำนาจการปกครอง คิดดูกุมงบประมาณแผ่นดินหลายแสนล้านบาท อันตรายไหมทุกอย่างมันอันตราย ถ้าเป็นห่วงบ้านเมือง อย่าไปพูดประชาธิปไตย ทั้งเหลืองทั้งแดงมันไม่มีประชาธิปไตย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประชาธิปไตยเป็นอย่างไร”
“คือ ทั้งเหลืองและแดงผมว่าไม่รู้จริง เชื่อผมสิ ถ้ารักในหลวงเสื้อแดงให้กลับบ้าน ตอนนี้สีแดงบอกว่าถ้ารักทักษิณก็เอาประชาธิปไตยมาอ้างแล้วก็โจมตีองคมนตรี ซึ่งมันสุ่มเสี่ยงมากกลับบ้านเถอะ อย่าพยายามที่จะดึงผมไปเกี่ยวข้อง ดึงไม่ได้หรอกผมเป็นตัวของตัวเองโตแล้ว อดีตผมอาจเข้าร่วมแต่วันนี้เห็นหมดไม่ใช่ทำไปโดยไม่รู้ แต่วันนี้เราตาสว่างแล้วกลับบ้านเถอะ ถ้าการเมืองจะทำ ก็ต้องทำแบบเยอรมัน ใช้เวลา 12 ปีในการ ฝึกการปกครองแบบประชาธิปไตยจนจบมัธยม เราอยู่ในเอเชียห่างไกลจากประชาธิปไตยมาก อยู่ดีๆ เอารถมาให้ใช้ แต่ขับไม่เป็น เยอรมันเขายังต้องส่งเด็กเข้าโรงเรียน เขากลัวจะมีเผด็จการอีก เขาต้องเอาประชาธิปไปไตยมาไว้บ่มเพาะให้เยาวชน”
หลังจากที่ “แอ๊ด คาราบาว” ยืนยง โอภากุล ออกมาแขวะพันธมิตรฯ ขณะเล่นคอนเสิร์ต “Road To Country Carabao & Friend” ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาในทำนองที่ว่าการยึดสนามบินสุวรรณภูมิทำให้เพื่อนเขา 2 คนที่ทำงานอยู่ไทยแอร์เอเชียต้องตกงาน อยากให้หันหน้ามาเจรจากันแบบสันติวิธี เพราะบ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว
ตรงกันข้ามกับเวลาที่พูดถึง “นช.ทักษิณ ชินวัตร” ที่ กลับออกปากเยินยอว่าเป็นคนที่มาช่วยเหลือคนจน อุ้มชูเกษตรกร ในขณะที่รัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีใครทำ ฉะนั้นอย่าด่าแบบไร้เหตุผล ทั้งยังกล่าวอีกว่าคนที่มาชมคอนเสิร์ตเยอะกว่าไปม็อบพันธมิตรฯเสียอีก สร้างกระแสความไม่พอใจให้กับกลุ่มพันธมิตรฯ และส่งผลเสียต่อคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ ของ “แก้วสรร อติโพธิ” เนื่องจากเลือกนักร้องเพื่อชีวิตคนดังเข้ามาร่วมทีมบริหาร
แต่ล่าสุดในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ตสามช่าสามัคคี ที่โรงแรมดุสิตธานี “แอ๊ด คาราบาว” กลับสร้างเซอร์ไพรส์โดยการออกมาปฏิเสธขึ้นเวที “คนเสื้อแดง” ตามคำเชิญ พร้อมทั้งบอกว่าตนเองตาสว่างแล้ว และเคยเตือน “ทักษิณ” แล้วว่าอย่าทำแบบนี้ จวกคนเสื้อแดงถ้ารักในหลวงให้กลับบ้าน ไม่ใช่เอาประชาธิปไตยมาอ้าง
“การที่ ม็อบเสื้อแดงบอกถ้าผมรักประชาธิปไตยก็ให้ขึ้นเวทีของเขา โธ่...กูเพื่อชีวิตตรงไหน คนที่ไปเที่ยวผับเพื่อชีวิตแล้วบอกว่าเพื่อชีวิต ถามว่ามันเพื่อชีวิตตรงไหน ผมไม่ไปหรอก เมื่อก่อนผมเคยเตือนทักษิณว่าอย่าทำแบบนี้ ม็อบเสื้อเหลืองผมก็ไม่ได้ไปยุ่งกับเขา ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้มีเจตนาเรื่องประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ผมว่าที่เป็นอยู่คือกลุ่มเหลืองเกลียดทักษิณ อีกคนรักทักษิณ”
“ผมเป็นคนหนึ่งที่ต่อสู้มาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ตอนนี้ผมว่าประชาชนตกเป็นเครื่องมือของทั้งสองฝ่าย ประชาชนต้องตื่นผมไม่รู้จะทำไง เขียนเพลงให้ประชาชนตื่นเหรอ เอาเป็นว่าถ้ารักในหลวง อย่าออกไปเลย ทำประเทศให้ปกติดีกว่า มีบางกลุ่มที่เขาโจมตีผมแต่ผมไม่เคยตอบโต้ ผมจะโต้ทำไมถ้าผมโต้เขาจะเอาข่าวนี้ไปเล่นมันไม่มีประโยชน์ ผมไม่ได้ทำผิดอะไร คนรู้บ้างไม่รู้บ้างคนที่ไม่รู้มีไม่มากนะ แต่ส่วนมากเขารู้ว่าผมเป็นยังไง อย่ามายุ่งกันดีกว่า”
“บ้านเมืองแบบนี้จะจบอย่างไร ผมว่าตอนนี้การเมืองไทยเรากำลังกลายเป็นประวัติศาสตร์ของไทย ผมว่าบ้านเรามันไม่มีประชาธิปไตย มันไม่มีมานานแล้ว ผมไม่รู้ว่าระบบนี้มันเหมาะหรือไม่เหมาะ ฝรั่งโยนให้คนไทยใช้แต่คนไม่พร้อม นักการเมืองไทยบางกลุ่มในแบบอุปถัมภ์เขามีผลประโยชน์ในเครือข่าย และก็รวมกันเป็นพรรคการเมืองกุมอำนาจการปกครอง คิดดูกุมงบประมาณแผ่นดินหลายแสนล้านบาท อันตรายไหมทุกอย่างมันอันตราย ถ้าเป็นห่วงบ้านเมือง อย่าไปพูดประชาธิปไตย ทั้งเหลืองทั้งแดงมันไม่มีประชาธิปไตย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประชาธิปไตยเป็นอย่างไร”
“คือ ทั้งเหลืองและแดงผมว่าไม่รู้จริง เชื่อผมสิ ถ้ารักในหลวงเสื้อแดงให้กลับบ้าน ตอนนี้สีแดงบอกว่าถ้ารักทักษิณก็เอาประชาธิปไตยมาอ้างแล้วก็โจมตีองคมนตรี ซึ่งมันสุ่มเสี่ยงมากกลับบ้านเถอะ อย่าพยายามที่จะดึงผมไปเกี่ยวข้อง ดึงไม่ได้หรอกผมเป็นตัวของตัวเองโตแล้ว อดีตผมอาจเข้าร่วมแต่วันนี้เห็นหมดไม่ใช่ทำไปโดยไม่รู้ แต่วันนี้เราตาสว่างแล้วกลับบ้านเถอะ ถ้าการเมืองจะทำ ก็ต้องทำแบบเยอรมัน ใช้เวลา 12 ปีในการ ฝึกการปกครองแบบประชาธิปไตยจนจบมัธยม เราอยู่ในเอเชียห่างไกลจากประชาธิปไตยมาก อยู่ดีๆ เอารถมาให้ใช้ แต่ขับไม่เป็น เยอรมันเขายังต้องส่งเด็กเข้าโรงเรียน เขากลัวจะมีเผด็จการอีก เขาต้องเอาประชาธิปไปไตยมาไว้บ่มเพาะให้เยาวชน”