ควันหลงจากกรณียกฟ้องคดีกล้ายาง คตส.ซัด"อัยการ"ไม่ทำหน้าที่ทนายแผ่นดิน - Suthichaiyoon.com
คตส.เดือดอัยการหยามหลังแพ้คดีกล้ายาง โต้เป็นทนายแผ่นดินแต่ไม่ทำหน้าที่ เที่ยววุ่นวายสร้างความสับสนในสังคม แฉมีกระบวนการดิสเครดิต หัวโจกกระบวนการยุติธรรมเป็นพยานให้จำเลย “สัก-นาม” มั่นใจคดี “หวยบนดิน” เอาผิดได้แน่ เหตุหลักฐานแน่น "ทักษิณ" เหน็บอดีตรัฐมนตรีย้ายฟากเพื่อรอดพ้นคดี จวกเป็นพวกนายหน้าค้าอำนาจ
อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ประกอบด้วย นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. นายอุดม เฟื่องฟุ้ง นายกล้านรงค์ จันทิก นายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ นายแก้วสรร อติโพธิ นายสัก กอแสงเรือง และคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ได้ประชุมหารือกัน หลังจากที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้องคดีทุจริตกล้ายางพารา 90 ล้านต้น โดยที่ประชุมได้หารือถึงกรณีที่โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ออกมาโจมตีการทำงานของ คตส.ที่พ่ายแพ้คดี
นายสัก แถลงภายหลังการหารือว่า สาเหตุต้องแถลง เพราะโฆษกอัยการสูงสุดพาดพิง คตส. โดยมีการวิจารณ์สั่งสอน และหยามการทำงานของ คตส. โดย คตส.ขอชี้แจงว่า การแถลงครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลฎีกา โดย คตส.ยอมรับ และถือเป็นข้อยุติ แต่กลับมีการกระทำของผู้ที่เกี่ยวข้องในองค์กรหลักในกระบวนการยุติธรรมออกมาวิจารณ์
จึงอยากถามว่า หลังจากศาลพิพากษาแล้ว องค์กรอัยการมีหน้าที่ต้องออกมาชี้แจงหรือไม่ หากไม่มีหน้าที่แล้วออกมาชี้แจง ก็จะให้สังคมไปพิจารณาเอง เพราะทำให้สังคมวุ่นวายและทำให้องค์กรกระบวนการยุติธรรมเสื่อม ซึ่งมีมาแล้วหลายองค์กร ที่มีความเสื่อมมาจากผู้นำ
นายสัก กล่าวว่า ศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาว่า คตส.ได้แจ้งข้อกล่าวหาครบถ้วน และมีอำนาจเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย สามารถนำพยานในชั้นตรวจสอบมาใช้ในชั้นไต่สวนได้ ส่วนที่อัยการเห็นว่า คตส.ไม่มีอำนาจฟ้องเองจนจำเลยยกมาเป็นข้อต่อสู้ ศาลได้พิพากษาแล้วว่า คตส.มีอำนาจฟ้อง
“การที่บอกว่า คตส.ฟ้องคดีเองทำให้รัฐเสียหาย ต้องเสียค่าทนายความ เนื่องจากอัยการมีหน้าที่ฟ้องคดีแทนแผ่นดิน แต่ไม่ทำหน้าที่ กฎหมายจึงกำหนดให้ คตส.ต้องจัดหาทนายความฟ้องเอง โดยขอให้สภาทนายความ ส่งทนายความฟ้องความให้ จนขณะนี้ยังไม่มีการจ่ายค่าทนายแต่อย่างใด จึงขอถามสังคมว่า ถึงเวลาสมควรแล้วหรือยัง ที่จะมีองค์กรอิสระภาคประชาชน มาทำหน้าที่ในกรณีที่องค์กรของรัฐไม่ทำหน้าที่ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ไต้หวัน เกาหลี เหมือนสุภาษิตจีนที่ว่า อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล” นายสัก กล่าว
คตส.จวกอัยการดิสเครดิต
นายสัก กล่าวว่า การที่อัยการออกมาแถลงว่า จะฟ้องใครต้องมีหลักฐานเพียงพอที่ศาลจะลงโทษได้ ขอถามอัยการว่า ผลที่สุดแล้ว ผลแห่งคดีที่อัยการฟ้อง ไม่มีการยกฟ้องเลยใช่หรือไม่ แต่ปรากฏว่ามีผู้รับผิดชอบระดับสูงของกระบวนการยุติธรรม ไปเบิกความพยานฝ่ายจำเลย ทั้งคดีกล้ายาง และคดีหวย 2 ตัว 3 ตัว และตอบคำถามทนายจำเลยบางประการว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ข้อกฎหมาย มันเป็นเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวพัน ผลจึงออกมาในลักษณะนี้
"ขอยืนยันว่า คตส.ทำหน้าที่เพื่อแผ่นดิน แต่กลับถูกกล่าวหา และฟ้องร้องทั้งคดีแพ่งและอาญา จากฝ่ายผู้ถูกตรวจสอบรวมกว่า 20 คดี แล้วยังต้องมาถูกกล่าวหาซ้ำเติม จากเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมของรัฐบางกลุ่มอีก ดังนั้น เราต้องจับตาดูว่า มีกระบวนการดิสเครดิตการทำงานของ คตส. ผ่านบางกลุ่ม บางพวกในองค์กรกระบวนการยุติธรรม ซึ่งสังเกตได้ว่า กระบวนการนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ คตส.ชี้มูลความผิดคดีซีทีเอ็กซ์"
มั่นใจคดี "หวย" เอาผิดได้แน่
นายสัก ยังตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากคดีกล้ายางแล้ว ขอให้รอดูคดีหวย 2 ตัว 3 ตัว ในช่วงปลายเดือนก.ย.ว่า ศาลจะตัดสินอย่างไร เพราะจากการวิเคราะห์พบว่า 1.มติ ครม.ที่อนุมัติให้ออกหวยบนดินได้ ผิดกฎหมาย เพราะเป็นสลากกินรวบ ไม่ใช่สลากกินแบ่ง ถือเป็นการพนัน กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่าผิด
2.มติ ครม.ที่อนุมัติให้สำนักงานสลากกินแบ่งฯ ไม่ต้องนำเงินส่งกระทรวงการคลัง 28% ต้องถามว่า ครม.มีอำนาจยกเว้นการไม่นำเงินภาษีส่งคลังหรือไม่ เพราะถือว่า ไม่มีกฎหมายรองรับ และ 3.มติ ครม.ที่สั่งให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการศึกษาและการช่วยเหลือสังคม นำเงินไปใช้ในโครงการเพื่อสังคม ก็ถือว่า ไม่มีกฎหมายรองรับเช่นกัน
นายนาม กล่าวว่า ไม่หนักใจในการที่ศาลจะพิจารณาคดีหวยบนดินในวันที่ 30 ก.ย.นี้ เพราะมั่นใจในหลักฐานของ คตส. แต่การต่อสู้ในข้อกฎหมายย่อมมีทั้งบวกและลบ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เมื่อศาลตัดสินออกมาอย่างไร คตส.ก็พร้อมรับ แต่จะเห็นด้วยหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง และเชื่อว่าคดีนี้ไม่มีเหตุผลทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ขึ้นกับดุลยพินิจของศาลในการปกป้องประโยชน์ของแผ่นดิน
"แก้วสรร" ซัดโฆษกอัยการ "พูดไม่สวย"
นายแก้วสรร กล่าวเสริมว่า คตส.คงไม่ไปฟ้องร้องโฆษกอัยการสูงสุด ที่ออกมาพาดพิงการทำงานของ คตส. แต่การพูดในลักษณะเช่นนี้ มันไม่สวย เพราะจะมีผลกระทบกับอีกหลายคดีที่รอการพิพากษาในชั้นศาล และใน ป.ป.ช.ซึ่งแต่ละคดีจะมีความแน่นและหนักเบาไม่เหมือนกัน ดังนั้น การพูดจึงไม่ควรมาก้าวล่วง คตส.เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่โฆษกอัยการสูงสุดออกมาพูดอย่างนี้มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะมีผู้บริหารสูงสุดของอัยการสูงสุด (อสส.) ตกเป็นจำเลยในคดีการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์หรือไม่ นายแก้วสรร ตอบว่า คตส.ไม่บังอาจไปคิดก้าวล่วงอย่างนั้น เพราะยังมีเรื่องในชั้นศาลอีกหลายคดี ไม่อยากไปละเมิดศาล
เมื่อถามว่า สาเหตุที่ คตส.แพ้คดีกล้ายาง เพราะมี คตส.บางคน ไปเป็นพยานฝ่ายจำเลยหรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า เขาเป็นคนที่ทนายจำเลย คณะกรรมการนโยบายพัฒนาและช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) อ้างอิงให้เป็นพยาน ซึ่งเขาเป็นเสียงส่วนน้อยใน คตส. ที่เห็นว่า คชก.ไม่มีความผิด เพราะเป็นการอนุมัติงบตามอำนาจหน้าที่ ดังนั้นที่เขาต้องไปให้ปากคำ เพราะทำตามอำนาจศาลในการเรียกพยาน
"ทักษิณ" เหน็บอดีต รมต.ย้ายฟากเพื่อรอดคดี
เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์ twitter.com ใน Thaksinlive ถึงการตัดสินคดีกล้ายาง ที่ศาลฎีกาฯ ยกฟ้องจำเลยทั้ง 44 คน โดยมีใจความว่า "จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ผมรู้สึกเห็นใจและขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่ออดีตรัฐมนตรีที่ยังมั่นคงอยู่กับผมแต่โดนคดี ผมไม่ขัดข้องและไม่โกรธเลยถ้าท่านจะย้ายข้ามฟากเพื่อความรอดพ้น เพราะท่านมีครอบครัวต้องรับผิดชอบ
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า แต่ข้ามฟากอย่างเดียวไม่พอ ท่านต้องเนียนด้วยการคลอเคลียใส่ความผมเยอะๆ และลืมไม่ได้ ต้องกล่าวทับถมระบอบทักษิณ ที่ครั้งหนึ่งท่านเคยว่าคนที่ว่าเรามาก่อน และข้อกล่าวหาที่ได้ผลชัด คือ ล้มล้างสถาบัน ทั้งๆ ที่ท่านรู้ดีว่าผมเทิดทูนสูง เพราะท่านก็เคยร่วมกับผมทำงานถวายอย่างมีความสุขมาหลายปีหลายงาน และเราก็เคยพูดกันใน ครม. ถ้าท่านทำได้ครบก็จะมีคนยกหูช่วยท่านให้หลุดพ้น
ผมขอให้โชคดีและพ้นคดีกันทุกคนนะครับ ถ้าเนียนจริงก็จะได้เป็นนายหน้าค้าอำนาจ ไม่ต้องห่วงผม ชีวิตผมต้องช่วยตัวเองครับ เกิดปีวัวกลางวันก็หนักหน่อย ผมใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนก็สบายดีครับ ถึงแม้จะเหงาหน่อยแต่ก็จิตสงบดี เพราะไม่ได้ฟังเรื่องไร้สาระรายวัน คนที่นี่เขาใช้เวลาทำมาหากินอย่างมีกติกาครับ"
"พัชรวาท" ร้องศาล ปค.ล้มมติ ป.ป.ช.
นายสมบูรณ์ บุญญาภิรมย์ ทนายความที่รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้งคณะ กรณีที่มีมติชี้มูลความผิด พล.ต.อ.พัชรวาท กระทำความผิดวินัยร้ายแรง ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และมีความผิดอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ในการสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551
โดยขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำวินิจฉัยและชี้มูล และมติรับรองคำวินิจฉัยดังกล่าว พร้อมทั้งเรียกร้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชดใช้ค่าเสียหาย ทดแทนความเสียหายที่เกิดแก่สิทธิ และเกียรติยศชื่อเสียง เป็นเงิน 50 ล้านบาท รวมทั้งขอให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉิน และมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวด้วย