ย้อนเวลา Deal ขสมก สมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ปลายปี 2550/2007
ข้อสังเกตุ และคำอ้าง
กรุงเทพฯ สีเขียวด้วยรถเมล์ NGV รุก ขสมก. ลดภาวะโลกร้อน เปลี่ยนใช้ก๊าซ NGV
Thursday, 1 November 2007
ข้อสังเกตุ และคำอ้าง
- อ้างว่าขาดทุนปีละ 6000 ล้านบาท เมื่อปลายปี 2550
- อ้างว่าโครงการนี้ จะทำให้ ขสมก ยืนได้ด้วยตัวเองใน 3-5 ปี โดยลดการขาดทุน
- อ้างว่าโครงการนี้ ช่วยรัฐลดค่าใช้จ่ายค่านำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 7500 ล้านบาทต่อปี (ถ้าหักลบกับการขาดทุน 6000 ล้านบาทต่อปี กับต้นทุนค่าแกส NGV ที่เพิ่มขึ้น การประหยัดค่าน้ำมันนี้ เกือบจะทำให้ ขสมก กลับมาทำกำไรได้เลยทีเดียว)
- เมื่อเร็วๆนี้ ในคำแถลงเรื่องเช่ารถเมล์ NGV 4000 คัน กว่า 1 ปี ครึ่งที่ผ่านมา ขสมก ยังใช้ตัวเลขขาดทุนตัวเดิม คือ 6000 ล้านบาทต่อปี แม้ในปีที่แล้ว 2551 จะประสบปัญหาน้ำมันแพง แต่ก็ได้มีการขึ้นราคาค่าโดยสารช่วยไปแล้ว รายได้ที่ลดไปในช่วงปี 2551 ส่วนหนึ่งเกิดจากโครงการ "รถเมล์ฟรี เพื่อประชาชน" ที่เกิดจากอดีตนายกสมัคร จนถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในปัจจุบัน "รถเมล์ฟรี จากภาษีประชาชน" และล่าสุด จากเหตุการณ์ เมษาแดงเดือด ขสมก สรุปค่าเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
- อ้างว่าจะนำเทคโนโลยีมาใช้ในรถ เช่น GPS และ e-ticket 1 ปีครึ่งผ่านไป ยังไม่เห็นการนำระบบ e-ticket มาใช้งานอย่างเป็นรูปธรรม
- อ้างว่าเป็นการลดมลพิษ แต่บริษัท จะรับซื้อรถเมล์เก่า ราคาคันละ 300,000 บาท มูลค่ารวม 750 ล้านบาท แล้วนำไปบริจาคให้โรงเรียนยากจน หน่วยราชการในต่างจังหวัด คือเท่ากับ ย้ายมลพิษ จากกรุงเทพ ไปสู่ต่างจังหวัด
- บริษัท ซันลอง ได้เข้าร่วมประมูล รถประจำทางด่วนพิเศษ กทม. (BRT) พร้อมกับบริษัทปรินทร์ อิมพอร์ต เอ็กพอร์ต และ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด (ผู้ชนะประมูล) อยู่ระหว่างการสอบสวนจากการทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว เนื่องจาก บริษัททั้งสอง ต่างถือหุ้นอยู่ในบริษัท ซันลอง
- จากการสอบถามศุนย์ข้อมูลภาครัฐ (1111) ถึงเรื่องมูลค่าโครงการซื้อรถเมล์ NGV 2500 คัน และรายละเอียด ศูนย์ข้อมูลไม่สามารถให้รายละเอียดได้ โดยให้หมายเลขของ ขสมก มา เมื่อสอบถามทาง ขสมก ได้รับแจ้งว่าเป็นเรื่องของ ฝ่ายนโยบายของ ขสมก และบริษัท ซันลอง ไม่สามารถเปิดเผยได้ั ทั้งๆที่เป็นโครงการสาธารณะ
- จากการโทรศัพท์ถึง บริษัท ซันลองเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องโครงการ NGV 2500 คัน โดยใช้หมายเลข 02-750-3901-4 พบว่า เป็นหมายเลขของ บริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป เมื่อถามว่าเป็นบริษัทซันลองใช่หรือไม่ ได้รับคำตอบว่าใช่ เมื่อสอบถามถึงเรื่องรถเมล์ NGV ผู้รับสายเข้าใจว่าสอบถามถึง รถเมล์ NGV 4000 คัน ที่เป็นข่าวอยู่ในปัจจุบัน เมื่อแจ้งว่าไม่ใช่ จึงได้รับคำแนะนำให้สอบถามบุคคลอื่นต่อไป
- โครงการเช่ารถเมล์ NGV 6000 คัน ของ ขสมก เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลอดีตนายกสมัคร สุนทรเวช
กรุงเทพฯ สีเขียวด้วยรถเมล์ NGV รุก ขสมก. ลดภาวะโลกร้อน เปลี่ยนใช้ก๊าซ NGV
Thursday, 1 November 2007
บริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด (Sunlong Motors Thailand Co., Ltd.) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย “รถโดยสาร NGV” กล่าวถึงการเปิดตัวโครงการเปลี่ยนรถโดยสาร NGV ว่าบริษัทได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนในการรับซื้อรถโดยสารเก่าของ ขสมก. และของรถร่วมบริการ ขสมก. ในเขตกรุงเทพมหานครที่มีอายุใช้งานกว่า 15 ปี และเป็นผู้ให้บริการจัดหารถโดยสาร NGV ใหม่มาทดแทน โดยรถโดยสารรุ่นใหม่ทุกคันจะติดตั้งเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เป็นโครงการในฝันของคนกรุงเทพฯ ในการได้รับบริการที่ดี สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นด้วยการช่วยลดมลภาวะ ประเทศสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 7,500 ล้านบาท/ปี โดยงบที่ประหยัดได้ในส่วนนี้สามารถนำมาใช้ปรับปรุงคุณภาพบริการและประสิทธิภาพของ ขสมก. ให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ ขสมก. ได้เป็นรัฐวิสาหกิจที่สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองภายในระยะเวลา 3-5 ปี โดยลดปัญหาการขาดทุนปีละ 6,000 ล้านบาท โดยในโครงการนี้คาดว่าจะมีการเปลี่ยนรถโดยสาร NGV จำนวน 2,500 คัน ซึ่งจะสามารถลดมลพิษในอากาศได้มากกว่า 250 ตัน/ปี ทำให้การแก้ปัญหามลพิษในกรุงเทพฯได้ผลเป็นรูปธรรม โครงการนี้จึงถือเป็นทางเลือกใหม่ของระบบขนส่งมวลชน ให้คนกรุงเทพฯ ได้อย่างแท้จริง
นายหลิน เข่อ นั่ว ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด แถลงถึงการเปิดตัวโครงการ “เปลี่ยนรถโดยสารประจำทางเก่าเป็นรถโดยสารประจำทาง NGV ใหม่” เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ในการโดยสารรถประจำทาง ซึ่งปัจจุบันรถโดยสารประจำทางยังเป็นระบบขนส่งมวลชนสำคัญในการสัญจรไปมาของผู้โดยสารที่มีรายได้จำกัดมากกว่า 3 ล้านคนต่อวันแต่ผู้โดยสารจำนวนร้อยละ 80 ยังไม่พอใจกับมาตรฐานการบริการโดยรวมนอกจากนั้นรถโดยสารประจำทางยังเป็นต้นเหตุของการก่อให้เกิดมลพิษ และ อุบัติเหตุต่าง ๆ ที่เกิดจากสภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐานและยังมีอายุการใช้งานมานานกว่า 15 ปีขึ้นไป โครงการเปลี่ยนรถโดยสาร NGV เป็นโครงการที่เน้นให้ผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและเอกชน ให้มีความสนใจและตระหนักถึงปัญหาต่างที่เกิดขึ้น โดยโครงการมีนโยบายในการนำรถโดยสารประจำทางเก่ามาแลกเป็นรถโดยสารประจำทาง NGV ใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพยกระดับการให้บริการ และตอบสนองความต้องการของประชาชนในกรุงเทพฯ อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของรัฐในการนำเข้าเชื้อเพลิง ประมาณ 7,500 ล้านบาท/ปี
โครงการนี้มีหลายหน่วยงานของรัฐและเอกชนเกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบไปด้วย กรมขนส่งทางบก ปตท. ขสมก. รัฐบาลท้องถิ่นสาธารณรัฐประชาชนจีน สภาหอการค้าระหว่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ทูตพาณิชย์สาธารณรัฐประชาชนจีน บริษัท โกลเด้นดราก้อน (ประเทศจีน) ซึ่งเป็นโครงการที่นับได้ว่าเป็นกรอบของความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศ ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างเต็มที่จากทั้งบริษัทเอกชนที่เดินรถร่วมบริการ ขสมก. โดยเบื้องต้นมีบริษัทเอกชนสั่งซื้อรถโดยสาร NGV มาที่บริษัทฯเพื่อให้บริการผู้โดยสารแล้วจำนวน 6 รายรวมกว่า 200 คัน และกำลังอยู่ในช่วงทำความตกลงกับทาง ขสมก. โดยรัฐบาลจีนยินดีสนับสนุนด้วยการส่งมอบรถโดยสารรุ่นใหม่ จำนวน 2,500 คัน โดยทางรัฐบาลไทยเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขในการผ่อนชำระยาวนานถึง 10 ปี นอกจากนี้ทางรัฐบาลจีนยังยินดีให้ทางรัฐบาลไทยกำหนดอัตราผ่อนซื้อบนพื้นฐานรายได้ของ ขสมก. โดยทางบริษัทฯ ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลจีน ยินดีซื้อรถเก่าที่เสื่อมสภาพทั้งหมดคืนในราคาคันละ 300,000 บาท หรือเป็นจำนวน 750 ล้านบาท โดยไม่มีการหักจากค่าผ่อนซื้อแต่อย่างใด และในส่วนของรถเก่าที่ทางบริษัทซื้อคืนนั้น ทางบริษัทฯจะนำไปบริจาคให้กับโรงเรียนยากจนและหน่วยงานราชการในต่างจังหวัดรวมถึง 3 จังหวัดชายแดนภายใต้ ซึ่งรถโดยสาร NGV ที่นำเข้ามาจากประเทศจีนนั้นจะมาพร้อมกับการรับประกันเหมาซ่อมไม่จำกัดระยะทางในเวลาที่กำหนด
มร. หลิน ได้กล่าวเสริมถึงประโยชน์ของโครงการนี้ว่า หากเราได้เปลี่ยนรถโดยสาร NGV ตามเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 2,500 คัน จะสามารถลดมลพิษได้มากกว่า 250 ตัน/ปี ทำให้กรุงเทพฯ ไม่มีควันดำบนท้องถนนอีกต่อไป รวมถึงการประหยัดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศประมาณ 150 ล้านลิตร/ปี โดยสามารถหันมาใช้ผลผลิตทางด้านพลังงานราคาถูกที่ผลิตในประเทศแทน สามารถช่วยเอกชนรถร่วมบริการ หรือ ขสมก. ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงลงประมาณ 1,799 ล้านบาท/ปี อีกทั้งนำประโยชน์การใช้ก๊าซสู่ประชาชนผู้ใช้บริการโดยตรง
ดังนั้นโครงการ “เปลี่ยนรถโดยสารประจำทางเก่าเป็นรถโดยสารประจำทาง NGV ใหม่” จะเป็นหนึ่งในการผลักดันให้เกิดประโยชน์ในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การสาธารณูปโภคที่ให้บริการแก่ประชาชนและที่สำคัญคือสิ่งแวดล้อมและสภาวะโลกร้อนที่นับวันก็จะยิ่งเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นทุกวัน และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของทางกรุงเทพมหานคร ที่เน้นในเรื่องการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม เพื่ออากาศที่สดใสไร้มลพิษในกรุงเทพฯ โดยทั้งหมดที่กล่าวมานั้นจึงเป็นที่มาของงาน “กรุงเทพฯ สีเขียวด้วยรถโดยสาร NGV”
สำหรับจุดเด่นของนวัตกรรมรถโดยสาร NGV นี้อยู่ที่การติดตั้งระบบความปลอดภัยชั้นสูง ที่จะสามารถควบคุมพฤติกรรมของคนขับรถ รถทุกคันที่ส่งมอบจะใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์โดยจำกัดความเร็วสูงสุดของการเดินรถ มีระบบล็อคอัตโนมัติหากประตูไม่ปิดให้สนิทรถจะไม่สามารถเคลื่อนที่ออกได้ ที่ด้านข้างประตูและด้านท้ายรถจะติดตั้งกล้องวงจรปิดแสดงผลผ่านหน้าจอบนแผงหน้าปัดพวงมาลัยรถเพื่อให้พนักงานขับรถสามารถตรวจความเรียบร้อยในช่วงการขึ้นลงของผู้โดยสารและในขณะถอยหลังพร้อมสัญญาณเตือนการถอย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับการบริการและความปลอดภัยสูง สำหรับเทคโนโลยีอื่นๆที่ปัจจุบันมีใช้งานอยู่ในระบบรถโดยสารในประเทศจีน ได้แก่ระบบ GPS ที่จะสามารถควบคุมพฤติกรรมของคนขับรถ ทั้งยังทำให้ศูนย์ควบคุมกลางสามารถควบคุมความถี่ของการปล่อยรถได้ ใช้ปรับเพิ่มความเร็วในชั่วโมงเร่งด่วน หาก นอกจากนี้ยังมีระบบ E-Ticket ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร ด้วยการใช้บัตรคอนแท็คเลสสมาร์ทการ์ด (เทคโนโลยี RFID - ThaiDMZ)(Contactless Smartcard) เหมือนกับปัจจุบันที่ใช้กับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ( BTS และ BMCL ) ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารแล้ว ยังช่วยลดปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ โดยดำเนินการแบบ
One Man Operation มีเพียงพนักงานคนขับท่านเดียวที่ดูแลและให้บริการ เทคโนโลยีทั้งสองส่วนนี้หาก ขสมก. เลือกใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและลดต้นทุนด้านแรงงาน สามารถลดจำนวนพนักงาน Back Office ซึ่งเป็นนายท่าประจำอู่โดยสารกำกับดูแลการปล่อยรถมากกว่า 1,200 คน และจำนวนกระเป๋ารถเมล์กว่า 7,000 คน สำหรับยอดลดต้นทุนรวมด้านแรงงานปีหนึ่งๆ คิดเป็นยอดเงินมากกว่า 2,000 ล้านบาท/ปี ประกอบด้วยการลดต้นทุนค่าแรงนายท่า จำนวน 216 ล้านบาท/ปี และพนักงานกระเป๋ารถเมล์ จำนวน 1,260 ล้านบาท/ปี จึงเชื่อว่าในอนาคตทางรัฐบาลไทยจะนำระบบ E-Ticket และ GPS มาใช้กับรถโดยสารประจำทาง เนื่องจากทั้ง 2 ระบบนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยลดต้นทุนและปรับปรุงคุณภาพการบริการ ทั้งยังลดต้นทุนการใช้แรงงานปีหนึ่งๆ มากกว่า 2,000 ล้านบาทอีกด้วย
สำหรับบรรยากาศในงานเป็นการเปิดตัวโครงการ “กรุงเทพฯสีเขียวด้วยรถโดยสาร NGV” ซึ่งนำเข้าและจัดจำหน่าย “รถโดยสาร NGV” โดยบริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์และเชี่ยวชาญด้านการผลิตรถโดยสารด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูงที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลจีน ผู้ใช้ในภูมิภาคเอเชียและในภูมิภาคอื่นๆของโลก โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายหลิน เข่อ นั่ว ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด เป็นประธานในงาน พร้อมด้วย นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ อธิบดีกรมขนส่งทางบก นายเกรียงศักดิ์ กองพลพรหม รองอธิบดีกรมขนส่งทางบก นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. ร่วมกันให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ นายเฉิน เต๋อ ไห่ กงสุลที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมพิธีการส่งมอบกุญแจรถโดยสาร NGV และพีธีมอบเช็คชำระค่ารถโดยสารเก่าที่ซื้อจากกลุ่มบริษัทรถร่วมบริการ ขสมก. ที่ได้เข้าร่วมโครงการ แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานได้แก่ คณะทูตจากประเทศฮังการี คณะทูตจากประเทศแคนนาดา นายแจ๊คกี้ เฉิน รองประหอการค้าระหว่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน นายเฉิน จิน ฉาย ประธานกลุ่ม บ.โกลเด้น ดราก้อน คณะสื่อมวลชนสถานีโทรทัศน์ CCTV สาธารณรัฐประชาชนจีน คณะสื่อมวลชน ซิง หัว สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี นายหวัง เจียง และ นายปรินทร์ โรจนะโกสินทร์ กรรมการผู้จัดการ ของบริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด ให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนที่มาร่วมงาน เมื่อเร็วๆ นี้ ที่พีทีที มอเตอร์สปอร์ตแลนด์ ( แดนเนรมิตเก่า )
ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด
บริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด (Sunlong Motors Thailand Co., Ltd.) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย “รถเมล์ NGV” เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2546 ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท และบริษัทในเครืออีก 65 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 95 ล้านบาท ที่ตั้งสำนักงานเดียวกัน เลขที่ 111 ถนน บางนา-ตราด กม.13.5 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
วัตถุประสงค์หลัก คือ การนำเข้า ผลิต และจำหน่ายรถบัสโดยสารและรถหัวลาก และดันแปลงระบบเชื้อเพลิง (NGV) ที่มีคุณภาพสูง ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมีราคาที่เหมาะสม พื้นที่โรงงานประกอบรถบัสกว่า 300,000 ตารางเมตร โดยทางบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุน ด้านเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และได้รับความไว้วางใจเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จาก Xiamen Golden Dragon Van Co., Ltd. (Golden Dragon) ซึ่งนับได้ว่าบริษัท Xiamen Golden Dragon Van Co., Ltd. เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถบัสรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีฐานการผลิตใหญ่อยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัท Sunlong Motors Thailand จำกัด แผนกประชาสัมพันธ์โทรศัพท์ : 0-2750-3901-4 โทรสาร: 0-2750-0225