ศรีศักร์หนุนทวงคืน 4.6ตร.กม.ย้ำไทยเสียโง่ 3หนไม่จำ - กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์
นักประวัติศาสตร์ เผยไทยเสียโง่ 3หน แผนที่ฝรั่งเศส-ศาลโลก-ตีทะเบียนมรดกโลก6ชาติโผล่ยำผลประโยชน์ ย้ำอย่าหลงประเด็นต้องทิ้งปราสาท-ทวง4.6ตร.กม.
นักประวัติศาสตร์ เผยไทยเสียโง่ 3หน แผนที่ฝรั่งเศส-ศาลโลก-ตีทะเบียนมรดกโลก6ชาติโผล่ยำผลประโยชน์ ย้ำอย่าหลงประเด็นต้องทิ้งปราสาท-ทวง4.6ตร.กม.
รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม นักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ ปาฐกถาพิเศษ ”ภูมิวัฒนธรรมกับการจัดการพิพิธภัณฑ์เพื่อการท่องเที่ยว” ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก กล่าวถึงประวัติศาสตร์เขาพระวิหารว่า คนไทยพูดแต่เขาพระวิหาร แต่ไม่พูดถึงแลนด์สเคป หรืออาณาบริเวณโดยรอบ เช่น สระตาว ผามออีแดง
"ต้องบอกว่าคนไทยโง่ 3 ครั้ง ถูกฝรั่งหลอกตั้งแต่ ค.ศ.1902 ยุคฝรั่งเศสล่าอาณานิคม ช่วงนั้นบอกได้คำเดียวว่า ต้องยอมรับสภาพ เพราะคนไทยเขียนแผนที่ไม่เป็น ฝรั่งเศสเขียนมาให้และเซ็นต์รับทราบเมื่อปี ค.ศ.1907 ซึ่งในแผนที่บอกให้ใช้สันปันน้ำ หมายถึงแนวสันเขา ที่น้ำไหลลงฝั่งใดคือประเทศนั้น ซึ่งบนสันเขานั้นมีเขาพระวิหาร แต่ไม่ใช่แลนด์สเคปหรือแวดล้อมทั้งหมดของเขาพระวิหาร"
"ส่วนโง่ครั้งที่ 2 คือ คำตัดสินต่อมาของศาลโลก ตัดสินเขาพระวิหารเป็นของชาติใด สุดท้ายก็ตัดสินว่า เป็นของกัมพูชา เพราะใช้สันปันน้ำ ทำให้ยุคนั้น จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ ถึงทราบว่าถูกฝรั่งหลอก เพราะมั่นใจในศาลโลก เมื่อรู้ว่าแพ้ก็ขีดเส้นส่วนที่เสียไป คือเฉพาะตัวพระวิหาร จากนั้นจอมพลสฤษดิ์ จึงได้ทำแนวกันตามแนวสันปันน้ำ หรือทางลงจากเขาพระวิหาร กระทั่งประกาศว่า สักวันจะต้องทวงคืนเขาพระวิหารกลับคืนมาก เพราะถูกฝรั่งหลอก และที่สำคัญ ไม่ยอมรับพื้นที่ซับซ้อนหรือคำว่า 4.6 ตารางกิโลเมตร"
"มาวันนี้ โง่ครั้งที่ 3 คือ คำว่า มรดกโลก กรณีนายนพดล ปัทมะ ให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลก บนเงื่อนไขผลประโยชน์ทับซ้อน แล้วฝรั่งก็ยังหลอก นายปองพล อดิเรกสาร ให้เป็นหัวเรือหลักในการพัฒนาร่วม 6 ชาติบนที่ดินเขาพระวิหาร นี่คือ ความโง่ แต่กลับทำให้คนๆ หนึ่งเหมือนฮีโร่ ทั้งที่ คนในประเทศเสียหาย เสียแผ่นดิน ไม่จำเป็นต้องใช้ 5-6 ชาติมาทำอะไร เพราะความโง่ ไม่เข้าใจฝรั่ง ที่เขามองเขาพระวิหาร คือ เขามองทั้งแลนด์สเคป ไม่ใช่แค่เขา เพราะแค่เขาพระวิหารชูตระหง่านอยู่แห่งเดียวก็ไร้ความหมาย ไม่มีทางขึ้น"
นายศรีศักร์ กล่าวด้วยว่า หลังยุคเขมรแดง ประจวบเหมาะกับความโลภของคนไทยที่ต้องการแสวงหารายได้จากการท่องเที่ยว จึงเปิดบันได ปล่อยให้กัมพูชาเข้ามายึดครองพื้นที่ หรือที่เรียกว่าพื้นที่ซับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ทั้งๆที่ จะมีคำว่าทับซ้อนอีกต่อไปหากไปย้อนดู ความโง่ครั้งที่ 1 และ 2 วันนี้ กัมพูชายึดครอง พื้นที่ดังกล่าวโดยปฏิบักษ์ กัมพูชาคบคิดกับต่างชาติ สั่งคนและว่าจ้างคนเข้ามาบุกยึดครอบครอง โดยมีกระทรวงต่างประเทศและกรมแผนที่ทหาร รู้เห็นเป็นใจทุกครั้ง ว่าด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน โดยไม่รู้ว่าไทยเสียดินแดนไปแล้ว
"รัฐบาลอภิสิทธิ์ พูดถูกต้องคำเดียวคือ คัดค้านยูเนสโกประกาศเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก เพราะรู้ดีว่า กัมพูชาขึ้นทะเบียนไปก็ไร้ประโยชน์ เขาเป็นของกัมพูชา แต่เส้นทางขึ้นเป็นของไทย ที่สำคัญผิดหลักการขึ้นทะเบียนมรดกโลกอยู่แล้ว เพราะฝรั่งมองแลนสเคป ไม่ใช่มองเฉพาะเขาพระวิหาร กองทัพไทยนี่ถือว่า แย่ที่สุด ปล่อยให้เขมรครอบครองพื้นที่บริเวณทางขึ้นเขาพระวิหาร โดยอ้างว่า เป็นการพัฒนาร่วมทั้งสองประเทศ ทั้งๆ ที่บริเวณดังกล่าว คือของคนไทย แต่เขมรยึดครองโดยปฏิปักษ์"
รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม กล่าวอีกว่า การดำเนินการของนายวีระ สมความคิด และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตนทั่วประเทศบุกทวงคืนดินแดนเขาพระวิหาร นั้นถูกต้องแล้ว จะต้องไปประชิดถึงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สิ่งที่น่าห่วงก็คือกับระเบิด แต่ขอย้ำว่า ไม่ใช่ทวงคืนเขาพระวิหาร แต่จะต้องทวงคืนแดนดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรกลับคืนมาเท่านั้น อย่าหลงประเด็น
บทสรุปที่สื่อและรัฐบาลควรจะทำคือ ทิ้งประสาทเขาพระวิหาร และเอาดินแดน 4.6 ตารางเมตรกลับคืนมา อย่าโง่อีกเลย คนไทยจะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับมรดกโลก ปล่อยให้กัมพูชาสร้างกระเช้าขึ้น เสียดายที่พรรคประชาธิปปัตย์คิดเป็น แต่ทำไม่เป็น ควรบอกชาวโลกไปเลยว่า ถูกหลอกตั้งแต่สันปันน้ำ พูดอีกครั้งก็ได้ว่า คนไทยโง่ ถูกฝรั่งหลอกมาแล้ว 3 ครั้ง