Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Wednesday, July 29, 2009

“ชวน”เมินออกทีวี100ช่องจี้“แม้ว”พูดความจริง

Daily News Online > “ชวน”เมินออกทีวี100ช่องจี้“แม้ว”พูดความจริง
เย้ยไม่กลับไทยเพราะกลัวคดี โวปชป.ยังไม่กลัวส.ส.โดนสอยเรื่องหุ้นสัมปทานไม่หวั่นกระทบเสถียรภาพรบ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ก.ค.)ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมออกทีวี 100 ช่อง เพื่อทำเรียลรี้แก้จน ขายสินค้าโอท็อป และเป็นติวเตอร์ว่า ไม่ทราบรายละเอียด ถ้าหากพ.ต.ท.ทักษิณ ให้ข้อมูลที่เป็นจริงโดยไม่เบี่ยงเบนบิดเบือน ตนคิดว่าจะทำอย่างไรก็ได้ไม่มีปัญหาอะไร รวมถึงการเรียกร้องกลับประเทศ ก็ไม่มีใครห้าม เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ศาลยังไม่ตัดสินคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ตนก็พูดเองว่าพ.ต.ท.ทักษิณ สามารถกลับประเทศได้ เพราะเป็นคนไทยย่อมมีสิทธิ์กลับประเทศ วันนี้เหตุผลก็ไม่เปลี่ยน คือพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นต้องให้ความจริงกับประชาชนว่าการที่พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไม่ใช่เพราะใครไปห้าม แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่กลับเอง จะด้วยกลัวคดีหรืออะไรก็ตาม ดังนั้นจึงต้องมาดูว่าทุกคนมีสิทธิ์เรียกร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งขณะนี้ความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่สองมาตรฐาน คนทำผิดก็ต้องรับผิดตามกฎหมาย

“เหมือนกับที่กกต.วินิจฉัยเรื่องส.ส.ถือหุ้น ผมก็เห็นด้วยว่าถ้าผิดก็ต้องว่าไปตามผิด แม้จะไม่มีเจตนาทุจริต มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดที่บ้านเมืองจะต้องอยู่ในกรอบ ผมยังดีใจว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันยังไม่มีอะไรทำนอกกติกาบ้านเมือง ถ้าเราเคารพกติกาบ้านเมือง อาจจะเจ็บปวดหน่อยสำหรับคนที่โดน ส่วนที่มองว่าอาจจะกระทบกับเสถียรภาพรัฐบาลนั้น เรื่องเสียงมากเสียงน้อยกับกฎหมายถือเป็นคนละเรื่องกัน เราต้องถือหลักเคารพกฎเกณฑ์ก่อน และหากคิดว่าถ้าส.ว.โดนเรื่องถือหุ้นแล้วส.ส.จะไม่โดนนั้น คิดว่ากกต.คงไม่ทำ เพราะกกต.เป็นผู้ใหญ่ต้องยึดหลักความถูกต้อง ไม่เช่นนั้นความเชื่อถือจะเสียไป” นายชวน กล่าว.

อ่าน พท.รับลูกทีวีแม้ว เข็นเป็นนโยบาย


พท.รับลูกทีวีแม้ว เข็นเป็นนโยบาย

Daily News Online > พท.รับลูกทีวีแม้ว เข็นเป็นนโยบาย
“เสื้อแดง” ได้ทีขย่มรัฐบาล นัด 31 ก.ค. แห่กลองยาว 10 ขบวนรอบสนามหลวง ฉลองล่าครบล้านชื่อ ปูดเกมชักชื่อออกภายหลัง “เพื่อไทย”โหนกระแส”ทีวีแม้ว” ยกเป็นนโยบายพรรค ลั่นหากเป็นรัฐบาลดันเป็นวาระแห่งชาติ โวออนแอร์สอนมวยปชป.ทำงาน “เทพเทือก” ย้ำอย่าจี้เส้นเต้นตาม “ทักษิณ” แจงแทนนายกฯไม่ใช่ดีแต่เดินสายพูด แต่ต้องชี้แจงการทำงาน “มาร์ค” เมิน” แม้วเซอร์ไพร้ส์” ทำไก๋ไม่รู้เรื่อง” ลุงจิ้น “เซ็งแซยิด “ทักษิณ” จืด ภท.ดันเรื่องถวายฎีกาเข้าถกในพรรค เตรียมหาคำตอบกล่อมคนอีสาน “หมอท็อป” รับฝีมือทีมงานปชป.โพสต์อวยพรวันเกิดให้ “ทักษิณ” ยันไม่ใช่นายกฯทำ “สดศรี” ขอดีเอสไอส่ง “ประจวบ สังข์ขาว” ให้กกต. สอบเงินบริจาค 258 ล. เข้าปชป. ดีเอสไอปฏิเสธยังไม่ส่งให้ คดีนายกฯฟ้อง “จตุพร” หมิ่น ศาลฯประทับรับฟ้อง นัดคู่ความ 31 ส.ค. ส่วน “เทพเทือก” ชี้แพ้เลือกตั้งนายกฯอบจ.สุราษฎร์ฯไม่กระทบสนามใหญ่

* อย่าตื่นเต้นตามเกม “ทักษิณ”

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจัดงานแซยิดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติ อย่าไปตื่นเต้นมาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯมาตั้ง 6-7 ปี ต้องมีคนรักอยู่บ้างเป็นเรื่องธรรมดา ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรกับผลโพลที่สำรวจพบว่าพ.ต.ท. ทักษิณ ได้รับความนิยมมากกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ กล่าวว่า ผลโพลถือว่าเป็นเรื่องปกติตามแต่ละช่วงเวลา มีขึ้นมีลง

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการที่พ.ต.ท. ทักษิณ ออกมาพูดว่าหากต้องการจะให้เกิดความปรองดอง ก็ควรปรองดองด้วยกันทั้งสองฝ่าย นายสุเทพ กล่าวว่า ตนต้องตรึกตรองให้ดีว่า ความหมายที่แท้จริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณต้องการอะไร เนื่องจากในช่วงเวลา 5-6 เดือนที่ผ่านมา ท่านพูดหลายเรื่อง แต่ถ้าถามว่ารัฐบาลอยากเห็นความปรองดองหรือไม่ ตอบได้ทันทีว่าอยากเห็นที่สุด

* ย้ำชัดนายกฯไม่ใช่ดีแต่พูด

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีเสียงวิจารณ์จากประชาชนว่าไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล รองนายกฯ กล่าวว่า ยอมรับที่ชาวบ้านบ่นเพราะปัญหาแต่ละเรื่องไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเรื่องการเมือง แต่สุดท้ายตนเชื่อว่านายกฯสามารถ แก้ปัญหาได้ ส่วนที่ระบุว่านายกฯ ควรจะลดการเดินสายปาฐกถาแต่ให้ผลักดันการทำงานให้มากขึ้น มองว่าจะเป็นประโยชน์ทำให้ประชาชนได้เข้าใจทิศทางการทำงานของรัฐบาลว่ากำลังทำอะไร และทำเพื่อใคร จึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร

เมื่อถามถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมเปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม 100 ช่อง จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นาย สุเทพ ย้อนถามว่า เขาเปิดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ใครจะทำอะไรไม่สำคัญแต่อย่าทำร้ายประเทศชาติ อย่าทำร้ายประชาชน อย่ามุ่งร้ายต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพรักของเรา

* “มาร์ค”เมิน“แม้วเซอร์ไพร้ส์”

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดเผยบิ๊กเซอร์ ไพร้ส์ของพ.ต.ท.ทักษิณว่า “ตกลงคืออะไรครับ” เมื่อผู้สื่อข่าวระบุไปว่าเป็นการตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ซึ่งจะมีช่องสถานีโทรทัศน์ สำหรับคนไทย 3 ช่อง นายอภิสิทธิ์ กล่าวสั้น ๆ ว่า “อ๋อ...ครับ”

นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า ตนไม่ใช่ตำรวจ และไม่มีหน้าที่ในการจับตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณเคยเป็นนักเรียนทุน เป็น PH.D. (ดอกเตอร์) และเคยเป็นนายกฯ ต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง ดังนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตน แต่ปัญหาอยู่ที่พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อถามว่าการส่งสัญญาณแบบนี้เหมือนเป็นการเยาะเย้ยว่ารัฐบาลไม่สามารถนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับเข้ามาได้ นายกษิต กล่าวว่า อยากจะเยาะเย้ยอะไร ก็เยาะเย้ยไป ตนไม่ได้สะดุ้งสะเทือน อย่างไรก็ตาม ตนขอให้สื่อมวลชนไปถาม พ.ต.ท. ทักษิณว่าได้ทำอะไรที่ดีกับประเทศชาติบ้าง

* “ลุงจิ้น”เซ็งบิ๊กเซอร์ไพร้ส์จืด

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงเรื่องบิ๊กเซอร์ไพร้ส์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในงานวันเกิด เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่มีอะไรเซอร์ไพร้ส์ ส่วนเรื่องมีกระแสข่าวว่าการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อขอถวายฎีกาให้พ.ต.ท.ทักษิณ โดยการใช้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นแกนนำและมีการแจกเงินให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านด้วยนั้น ตนเองไม่ทราบรายละเอียด แต่ เห็นว่าการแจกเงินเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย จึงไม่อยากพูด

นายชวรัตน์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่ มีความกังวลจากหลายฝ่ายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถสร้างพื้นที่ข่าว ทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และเว็บไซต์ จนอาจจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศหรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบ เพราะไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะมีการชุมนุมเพื่อยกระดับขับไล่รัฐบาลอีก ครั้งนั้นก็คงเป็นวิธีการต่อสู้ทางการเมืองเป็น เรื่องธรรมดาและไม่ทราบว่าจะมีการบานปลายหรือไม่

* ภท.ห่วงจัดเบิร์ธเดย์ล้ำเส้น

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่ม เสื้อแดงจัดงานแซยิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ต้องยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยมีวิธีการเดินหน้าทางการเมืองด้วยวิธีการต่าง ๆ แต่ตนขอแสดงความเห็นว่าการจัดงานครั้งนี้ สังคมต้องคิดว่าเกินสมควรหรือเหมาะสมหรือไม่

นายศุภชัย กล่าวว่า ส่วนการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ต้องถามว่ามีจุดประสงค์อะไร ซึ่งในการประชุมพรรคภูมิใจไทยในวันที่ 28 ก.ค. จะนำเรื่องนี้เข้าหารือด้วย เนื่องจากหลายฝ่ายเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ยังมีการเดินหน้าทำกันอยู่ ทั้งที่ตามหลักแล้วเรื่องนี้มีเพียงพ.ต.ท.ทักษิณ และบุตรทั้ง 3 คน ที่จะดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายได้อยู่แล้วโดยไม่ต้องใช้ประชาชนถึงล้านคนมาดำเนินการ

* รับทีมงานปชป.โพสต์อวยพร

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณเตรียมออกทีวี 100 ช่องว่า ถือเป็นการอาศัยช่องว่างในช่วงที่กฎหมายกิจการโทรคมนาคมยังค้างอยู่ที่สภา ดังนั้นหากการออกทีวีโดยไม่มีการปลุกระดมสร้างความแตกแยกก็เป็นเรื่องที่กทช.ต้อง ดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ถ้ามีการยั่วยุให้คนทำผิดกฎหมายหรือพาดพิงสถาบันรัฐบาลก็จะไม่ยอมให้ใครดำเนินการโดยเด็ดขาด และยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ปิดกั้นในทีวีดังกล่าว หากเนื้อหาไม่ยุยงให้ทำผิดกฎหมาย

นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกฯอวยพรพ.ต.ท.ทักษิณผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการกระทำของคณะทำงานของนายกฯที่เป็นลักษณะอาสาสมัครที่ไม่ได้รับเงินเดือน ซึ่งเขามีเจตนาดี และได้นำคำพูด ของนายกฯที่ให้สัมภาษณ์ในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯเข้าไปโพสต์ และได้มีความพยายามประสานงานกับนายกฯแล้วแต่ประสานไม่ทัน ทำให้ข้อความออกไปก่อน

* แนะ“ทักษิณ”เกษียณตัวเอง

นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงการจัดงานวันเกิดครบ 60 ปีที่ผ่านมาว่า คงไม่มีผลอะไร แต่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณคิดให้ดี ท่านเป็นคนเก่งมาก ประสบความสำเร็จทั้งการเป็นนักธุรกิจและความเป็นนักการเมือง แต่คนเราพลาดกันได้ วันนี้อายุครบ 60 ปี ถือว่าเกษียณแล้ว และมีวุฒิภาวะมากที่สุด น่าจะรู้ ดีว่าการโฟนอินจะทำให้สถานการณ์การเมืองในประเทศตกอยู่ในความตึงเครียดต่อไป อายุขนาดนี้น่าจะอยู่อย่างสบาย อยากให้ท่านใช้ชีวิตอย่างสงบ ไม่ผูกใจเจ็บ อาฆาต ต้องละวางทุกอย่าง และต้องฉุกคิดได้ว่าคนรอบข้างต้องการอะไร กันแน่

เมื่อถามถึงบิ๊กเซอร์ไพร้ส์ที่จะเปิดทีวี 100 ช่องไปทั่วโลก ขายสินค้าโอทอป เป็นแค่กลยุทธ์ทางการเมืองหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า คิดว่าเป็นอย่างนั้น คงใช้ช่องทางสื่อ ยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสาร เชื่อว่าทำได้เพราะเคยทำด้านสื่อสารมาก่อนและมีเงิน หากจะทำสถานีโทรทัศน์ 1 ช่อง ต้องใช้เงิน 5 ล้านบาทต่อเดือน ทำ 100 ช่อง ต้องใช้ 500 ล้านบาท ตกปีละ 6,000 ล้านบาท ไม่กระทบกระเป๋าตัวเองอยู่แล้ว แต่การเปิดสถานีหากทำเพื่อประโยชน์บ้านเมืองก็สนับสนุน แต่หากเปิดแล้วมีเนื้อหา กระทบสถาบัน จะถือว่าเป็นภัยความมั่นคง รัฐบาลต้องดำเนินการ

* พท.เข็นทีวีแม้วขึ้นวาระชาติ

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงบิ๊กเซอร์ไพร้ส์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่มีแนวคิดใช้โทรทัศน์ที่ครอบคลุมทั้งโลกโดยจะมี 3 ช่องสำหรับประเทศไทยเพื่อทำในเรื่องของการขายสินค้าโอทอป ทำเรียลิตี้ เพื่อคนจนและเรื่องการศึกษาว่า เป็นการนำเทค โนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้อย่าง น่าสนใจ เชื่อว่าเรื่องนี้ทำได้ง่ายมากเพราะองค์ความรู้หลักสูตรเรามีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องโอทอป การกระจายสินค้าจากภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภายในประเทศออกสู่ตลาดโลกนั้น นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ถ้าทำได้จะเป็นการขายตรงไม่ต้องเสียเวลาโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปยังตลาดต่างประเทศ ช่วยเหลือภาคธุรกิจได้มากแน่นอน

นายปานปรีย์ กล่าวอีกว่า จากแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นได้แค่การศึกษาทางเลือก หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะง่ายมากต่อการสร้างกลไกตอบสนองเพราะใช้งบประมาณไม่มาก โดยกำหนดหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งขึ้นมาเป็นตัวกลางเชื่อมต่อในเรื่องของการศึกษา โดยทำเป็นวาระแห่งชาติได้เลย ประสานงานระหว่างรัฐบาล กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร มหาวิทยาลัย องค์กรเอ็นจีโอ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเราจะทำเรื่องนี้ไว้ในนโยบายพรรค และถ้าเราได้เป็นรัฐบาลก็จะทำให้เป็นวาระแห่งชาติ

* โวออนแอร์สอนมวยรัฐบาล

นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี พ.ต.ท. ทักษิณ ประกาศตั้งโทรทัศน์ที่ครอบคลุมทั้งโลกโดยจะทำช่องเพื่อประเทศไทยในเรื่องของการขายสินค้าโอทอป เรียลิตี้เพื่อคนจน และเรื่องการศึกษา ว่า ทราบมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้เตรียมพร้อมในการจัดตั้งโทรทัศน์ดังกล่าวมานานกว่า 3 เดือนแล้ว คาดว่าใช้งบประมาณกว่า 1 พันล้านบาท ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางไปทั่วโลก เพื่อหาตลาดให้กับสินค้าโอทอป ของไทยและพัฒนาการศึกษาของเยาวชนไทย คาดว่าจะสามารถเปิดออนแอร์เป็นทางการได้ในต้นเดือน ส.ค.นี้

นายประชา กล่าวอีกว่า เบื้องต้นไม่ขอเปิดเผยว่าใช้สัญญาณดาวเทียมดวงไหน ส่วนชื่อของสถานีและรายการยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา อาจใช้ชื่อ Voice TV พร้อมสามารถติดตามในอินเทอร์เน็ตได้ที่ www.voicetv.co.th และจะมีรายการของ “แผ่นดินสยามเพื่อไทย” ซึ่งจะเชื่อมสัญญาณกับดีสเตชั่น เป็นไปได้ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ จะจัดรายการด้วยตัวเอง ทั้งนี้ พ.ต.ท. ทักษิณได้บอกกับ ส.ส.ที่เดินทางไปพบปะหลายคนว่าบิ๊กเซอร์ไพร้ส์ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นแนวทางที่จะทำให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าแนวทางที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ควรทำอย่างไรที่ประชาชนจะได้รับ ประโยชน์อย่างแท้จริง

* กกต.แจงเอาผิดโฟนอินยาก

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ให้สัมภาษณ์ว่า คงไม่สามารถเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณจากการโฟนอินมาในช่วงการจัดงานวันเกิดว่าเข้าข่ายหาเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าได้เพราะในเรื่องดังกล่าว กกต. ได้วินิจฉัยและมีบรรทัดฐานไปแล้วว่าในเรื่องการโฟนอินไม่สามารถเอาผิดได้ และยังไม่มีหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า พ.ต.ท. ทักษิณเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพราะตามข้อเท็จจริงที่พรรคเพื่อไทยได้แจ้งมายังนายทะเบียนพรรคการเมืองนั้นคือนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ

ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามทำให้เข้าใจว่าเป็นหัวหน้าพรรคนั้น นางสดศรี ระบุว่า ก็ไม่ใช่มีเพียง พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยเท่านั้นแต่ยังมีหลายพรรคที่ได้แสดงบทบาทในลักษณะดังกล่าว การแสดงตัวเป็นนอมินีกฎหมายก็ไม่ได้เขียนห้ามไว้ ดังนั้นกรณีดังกล่าวหากจะเอาผิดฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องดูกฎหมายให้ชัดเจน กกต.จะได้ไม่ต้องมาตีความว่าใครจะมาแสดงตัวว่าเป็นหัวหน้าพรรคแทนคนอื่นไม่ได้

* 40ส.ว.เตือนอย่าเหลิงแก้รธน.

ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว. สรรหา ในฐานะสมาชิกกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวเรียกร้องต่อนายอภิสิทธิ์ ในการที่จะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ฟังเสียงของประชาชนว่า กรณีดังกล่าวจะฟังเสียงของนักการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ อีกทั้งนักการเมืองควรเคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่แก้ไขกฎหมายให้เป็นประโยชน์กับพวกตน ในลักษณะ “ชงเองกินเอง” โดยไม่เคารพกฎหมายเดิมที่กำหนดไว้ ซึ่งหากมีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญตามความต้องการของนักการเมืองเพียงฝ่ายเดียวแล้ว นายกฯจะเรียกร้องให้ประชาชนเคารพกฎหมายได้อย่างไร

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ควรมีการรับฟังความเห็นของประชาชนใน 2 ประเด็น คือ 1.การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นประโยชน์เฉพาะนักการเมืองกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเป็น ประโยชน์แก่ประชาชนโดยตรง ว่าจะเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบไหน 2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น ตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะสามารถทำให้กลุ่มมวลชนที่มีความขัดแย้งกัน จะสามารถยุติความเคลื่อนไหวและสร้างความสมานฉันท์ในสังคมได้หรือไม่

* เข็นขึ้นภาษีน้ำมันยกสอง

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงภายหลังการประชุมว่า วิปรัฐบาลได้หารือเพื่อจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมายที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในช่วงเปิดประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติวันที่ 1 ส.ค.นี้ ซึ่ง วิปรัฐบาลมีมติให้ส่งร่าง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติไม่อนุมัติไปเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้ ครม.ยืนยันตามมาตรา 184 วงเล็บ 5 ก่อนที่จะส่งเข้าสู่ที่ประชุมสภาเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป

นายชินวรณ์ กล่าวว่า คาดว่าจะนำเข้าครม.ได้ในวันอังคารหน้า จากนั้นก็นำเข้าที่ประชุมสภาเป็นวาระเร่งด่วน โดยจะต้องเห็นชอบด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ 239 เสียง เพราะปัจจุบันเสียงในสภาทั้งหมดมี 475 คน

* กกต.ขอตัวต้นเรื่องเงิน258ล.

นางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเงินบริจาค 258 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านบริษัท แมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด และการใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ผิดวัตถุประสงค์ว่า ตนได้ทราบข่าวจากทางสื่อฯ ว่าดีเอสไอ ได้ตัวนายประจวบ สังข์ขาว อดีตผู้บริหาร บริษัท “แมซ ไซอะฯ มาแล้ว ซึ่งอยากให้ทางดีเอสไอส่งตัวมาให้ กกต. เนื่องจากนายประจวบเป็นต้นเรื่องที่ กกต. ต้องการจะสอบถามเรื่องบริษัท แมซไซอะฯ ซึ่งจะเป็นจุดสำคัญของเส้นทางการเงินว่าไปถึงตรงไหนขั้นตอนไหน อย่างไร

นางสดศรี กล่าวอีกว่า กกต.อยากให้นายประจวบ สังข์ขาว มายืนยันด้วยตัวเองกับ กกต. เพื่อที่จะได้รับรองสำนวนคำให้การ ที่เคยให้การกับดีเอสไอไว้ ว่าคำให้การนั้นถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกต้องก็จะสามารถนำไปเป็นหลักฐาน ในการดำเนินการ ซึ่งหากนายประจวบมาให้การ กับกกต. คงจะมีการถ่ายวิดีโอเทปไว้เป็นหลักฐานด้วย หากนายประจวบยังมีชีวิตอยู่ก็ควรจะมาให้การกับ กกต. อย่างไรก็ตาม ตนจะให้เจ้าหน้าที่ประสานขอวิดีโอคำให้การของนายประจวบจากดีเอสไอ

* ดีเอสไอยังไม่ส่งตัวให้กกต.

พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอยืนยันว่ายังไม่ได้ส่งตัวนายประจวบ สังขาว อดีตผู้บริหารแมซไซอะฯให้ กกต. และ ดีเอสไอจะไม่เป็นผู้เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลของคดีนี้ แต่จะให้เป็นหน้าที่ของกกต. ในการให้รายละเอียดความคืบหน้า ก่อนหน้านี้ กกต. เคยส่งหนังสือมาแล้วในเดือน มิ.ย. แต่เพิ่งมาถึงดีเอสไอในเดือน ก.ค. ทั้งนี้ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้นายประจวบเคยเข้าให้ข้อมูลต่อดีเอสไอแต่นานมาแล้ว และยังไม่มีการสอบปากคำเพิ่มเติมอีก

พ.ต.อ.สุชาติ ยังกล่าวว่า กระแสข่าวที่ออกมามีความคลาดเคลื่อน โดยเฉพาะที่ระบุว่าดีเอสไอส่งสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติม พร้อม ตัวนายประจวบให้กกต. ความจริงแล้วดีเอสไอเพียงแค่ส่งหนังสือแจ้งให้กกต.ทราบว่าหนังสือที่กกต. ส่งให้ดีเอสไอติดตามตัวนายประจวบเข้าให้ข้อมูลมีการระบุเดือนผิดพลาด ส่วนการเปิดเผยคำให้การของนายประจวบตามที่เป็นข่าว อาจจะเป็นคำให้การเก่าที่เคยให้การต่อดีเอสไอไปก่อนหน้านี้

* รับฟ้อง“จตุพร”หมิ่นนายกฯ

ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เวลา 09.30 น. วันเดียวกัน ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์คดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่น โดยการโฆษณา กรณีเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2552 นายจตุพรแถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย ทำนองว่า นายอภิสิทธิ์ กระทำการมิบังควรตีตนเสมอพระเจ้าแผ่นดิน โดยนั่งเก้าอี้เทียบเสมอพระเจ้าแผ่นดินในการถวายรายงานข้อราชการ

โดยนายอภิสิทธิ์ ขึ้นเบิกความเอง โดยชี้ว่าจำเลยไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือ ติชมโดยสุจริต แต่มีเจตนาใส่ร้ายให้ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้นายกฯยังตอบคำถามค้าน จากทนายจำเลย และพยานเบิกความรวมเวลา 45 นาที ต่อมาศาลได้อ่านคำสั่งโดยพิเคราะห์ คำเบิกความของโจทก์แล้วเห็นว่า คดีมีมูลจึงให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา และนัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายในวันที่ 31 ส.ค. นี้ เวลา 09.00 น.

* เสื้อแดงนัดแห่ล้านรายชื่อ

นายจตุพร กล่าวภายหลังศาลอาญามีคำสั่งประทับรับฟ้องกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ว่ากันไปตามกระบวนการ โดยตนจะเตรียมต่อสู้คดีต่อไป อย่างไรก็ตามในขณะนี้ตนจะขอให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯเป็นพยานในคดีนี้ในฐานะที่เคยเป็นนายกฯ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงรูปแบบการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 31 ก.ค.ที่สนามหลวง เพื่อทำพิธีรับมอบรายชื่อ ประชาชนที่ร่วมถวายฎีกาว่า ได้เตรียมขบวนกลองยาว 10 ขบวนตั้งจุดโดยรอบสนามหลวง ทำหน้าที่แห่รายชื่อไปมอบให้กับแกนนำบนเวทีตลอดทั้งวัน ไปจนถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 31 ก.ค. จากนั้นจะประกาศจำนวนอย่างไม่เป็นทางการก่อนนำไปตรวจสอบความถูกต้องเพื่อ ดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามทางเราทราบดีว่ามีเกมล้มฎีกา เป็นต้นว่าถ้าถึงวันถวายฎีกาแล้วอาจมีคนกลุ่มหนึ่งออกมาประกาศขอถอนรายชื่อ ก็เป็นวิชาหนึ่งของเกม

* แพ้เลือกนายกฯอบจ.ไม่กระทบ

ผู้สื่อข่าวจ.สุราษฎร์ธานี รายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานี คนใหม่แทนนายธานี เทือกสุบรรณ น้องชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ปรากฏว่า นายมนตรี เพชรขุ้ม อดีตส.ส.ร. ผู้สมัครหมายเลข 3 จากกลุ่มสุราษฎร์ร่มเย็น ได้คะแนนอันดับ 1 จำนวน 113,340 คะแนน ขณะที่ นายดำรงค์ เทือกสุบรรณ ผู้สมัครหมายเลข 1 ซึ่งเป็นญาติผู้น้องของนายสุเทพและนายธานี และยังเป็นอดีตประธานสภา อบจ.สุราษฎร์ธานี ได้ 111,776 คะแนน ตามมาเป็นอันดับที่ 2 สำหรับผู้มี สิทธิเลือกตั้งมีจำนวน 675,850 คน มาใช้สิทธิ 322,768 คน คิดเป็นร้อยละ 47.68, และมีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนถึงจำนวน 19,583 คน คิดเป็นร้อยละ 6.07

ส่วนนายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ถึงการ เลือกตั้งซ่อมนายกอบจ.สุราษฎร์ธานี ที่มีการมองกันว่านามสกุลเทือกสุบรรณไม่สามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้ จะกระทบการเลือกตั้งใหญ่ว่า การเลือกตั้งไม่ใช่เรื่องของตระกูลเป็นเรื่องของ ผู้สมัครและพี่น้องประชาชนและเรื่องนี้ตนเชื่อ ว่าไม่น่าจะมีผลต่อการเลือกตั้งซ่อมตำแหน่ง ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 จ.สุราษฎร์ธานีที่ว่าง ฉะนั้นผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไรก็ไม่ได้มีผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป.


Label Cloud