Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Thursday, April 30, 2009

เบื้องลึกส.ว.กระโดดร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ - เบื้องลึกส.ว.กระโดดร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ
รัฐบาลผสมที่นำโดยนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เริ่มสั่นคลอนอันเป็นเรื่องธรรมดาของรัฐบาลที่มีหลายพรรคการเมือง

มาร่วมขับเคลื่อนนโยบาย ทำให้ "ง่าย" ต่อการ "ไม่ลงรอย-ไม่ลงตัว"

ผลอันสืบเนื่องมาจากการเมืองที่เริ่มไม่ลงตัวในหลายกระทรวง ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ข่าววงในด้านการศึกษาไทย บอกว่า เราจะปฏิรูปการเมือง แต่การศึกษายังติดอยู่ในหล่มโคลน เพราะเกิดความขัดแย้งของผู้ใหญ่ที่เกิดการ "ขวางทางปืน" กันอยู่ในเวลานี้

ดังนั้น หลายกระทรวงเวลานี้จึงเห็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงทำงานเฉพาะหน้า หรือแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ แต่สำหรับการเมืองระยะยาว มีเหตุผล และคำตอบอยู่ที่ว่า เวลานี้ทำไมนักการเมืองต้องกระเหี้ยนกระหือรืออยากแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นเหมือนขวากหนามที่สุดแล้วในอนาคตพรรคเล็กพรรคน้อย จะไหลรวมกันเป็นพรรคการเมืองใหญ่ และโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่มี ส.ว.สายพรรคการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ส.ว.เลือกตั้ง จึงรวบรัดตัดตอนกระบวนการร่วมประชุมกับวิปรัฐบาล วิปผ่านค้าน เสนอชื่อ ส.ว.และนักวิชาการ ในโควตา ส.ว. เข้าไปเป็นคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดองและสมานฉันท์ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ มีการอ้างในที่ประชุมกรรมาธิการกิจการวุฒิสภาถึงเหตุผลที่ ส.ว.เข้าผสมโรงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า "เหล็กกำลังร้อนต้องตีไว้ก่อน"

เหตุผลเพียงเท่านี้ไม่ได้ชักจูงให้คณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา เออออให้เป็นมติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ การที่อ้างเช่นนั้นโดยยกตนเองว่ามีตำแหน่งนั้น ตำแหน่งนี้ในกรรมาธิการ เพื่อสร้างเครดิตให้กับตัวเองเท่านั้น

ดังนั้น จะสังเกตได้ในทันทีว่า ส.ว. 2 คน ที่ได้รับการเสนอชื่อ คือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย จึงขอถอนตัวทันที เพราะที่ดำเนินมาทั้งหมดนั้นขัดกับ "ปฏิญญาเขาใหญ่"

ปฏิญญาเขาใหญ่ ที่ ส.ว.ร่วมกันวางหลักเกณฑ์ไว้ชัดเจนว่า

1. ถ้า ส.ว.คนใดจะไปร่วมกิจการการเมือง ต้องอภิปรายแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อทราบถึงความรู้ความสามารถของ ส.ว.ผู้นั้นเสียก่อน

2. การที่ ส.ว.คนไหนจะไปร่วมกิจกรรม หรือร่วมเป็นกรรมการประเด็นทางการเมือง ต้องขอมติจากที่ประชุมวุฒิสภา 150 คน เท่านั้น

ดังนั้น จึงมีการเสนอชื่อ นายอนุรักษ์ นิยมเวช และนายสุพจน์ โพธิ์ทองคำ เข้ามาแทน นายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และในการเปลี่ยนโผรายชื่อกรรมการครั้งนั้นมีคนบอกว่า "ไม่เป็นไรผมรับผิดชอบเอง"

เมื่อเห็นการรวบรัดตัดตอนเช่นนี้ จึงมี ส.ว.จำนวนมากโทรศัพท์ไปขอปรึกษากับ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา และนี่เองจึงเป็นที่มาของการยกเลิกรายชื่อกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดองและสมานฉันท์ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของวุฒิสภา

ดังนั้น จึงมีการเรียกประชุมกันอย่างเคร่งเครียดระหว่าง นายประสพสุข นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 นางทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 และนายวิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม ในฐานะเลขาธิการวิปวุฒิสภา ซึ่งต่างคนต่างมีความเห็นแตกต่างและมีการอ้างถึง "ปฏิญญาเขาใหญ่"

ทั้งนี้ วุฒิสภา ต้องเป็นกลางทางการเมือง เพื่อแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะที่สูงกว่า ส.ส. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ ส.ส.ยังไม่ตกผลึกว่าจะปฏิรูปการเมืองด้วยการสร้างความปรองดอง และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น พรรคประชาธิปัตย์ ก็แตกเป็น 2 ฝ่าย ขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็ประกาศไม่ส่งรายชื่อ ส.ส.เป็นคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯ

ผลของหารือครั้งนี้ เป็นที่มาของการส่งข้อความสั้น (sms) เพื่อนัดประชุมวุฒิสภาในเวลา 13.00 น.ของวานนี้ (29 เม.ย.) ซึ่งก็ไม่ใช่การประชุมวุฒิสภาเพื่อให้ ส.ว.แสดงวิสัยทัศน์ หรือให้ ส.ว.ลงคะแนนเลือกเป็นตัวแทนเข้าร่วมกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯ

ดังนั้น จึงเกิดคำถามว่า สมาชิกวุฒิสภา รู้หรือไม่ว่าที่เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา ไม่ใช่ฝ่ายเรียกร้อง แต่เป็นฝ่าย ส.ส.ทำไมวุฒิสภาต้องเร่งรีบชิงตั้งกรรมการทั้งที่นักการเมืองบางพรรคเขาไม่สนใจเข้าร่วมด้วยซ้ำ

อีกประเด็นหนึ่งก็คือ โครงสร้างของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯ ที่กำหนดมานั้นไม่มีความเหมาะสม เพราะไม่มีส่วนไหนที่ยึดโยงประชาชน แม้จะอ้างว่ามีนักวิชาการ แต่นักวิชาการเหล่านั้นก็มาจากการเสนอชื่อของนักการเมือง ซึ่งจะต้องเกรงใจผู้ที่เสนอชื่อและคล้อยตามผู้ที่เสนอชื่อ

นอกจากนี้จะเกิดคำถามใหญ่ ว่า ที่ ส.ส. และ ส.ว.เร่งรีบผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้น มีส่วนไหนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพราะทุกวันนี้ประชาชนฉลาดขึ้น สามารถมองออกว่าทุกมาตราที่เสนอมา ล้วนแต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของ ส.ส.เท่านั้น อาทิเช่น เรื่องแบ่งเขตเลือกตั้งให้เล็กลง ก็เพื่อให้นักการเมือง เขาจ่ายเงินซื้อเสียงได้ง่าย และจ่ายเงินน้อยลง รวมทั้งการแก้ไข มาตรา 237 เรื่องยุบพรรค มาตรา 265-266 เรื่องผลประโยชน์ที่ ส.ส.ต้องการนั่งควบตำแหน่งทางการเมือง

มาตราต่างๆ เหล่านี้มีคำถามจากสังคมอีกว่า ประชาชนได้ประโยชน์อะไรจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ครั้งนี้บ้าง นอกจากพบแต่การ "ฮั้ว" กันของนักการเมือง หากเป็นเช่นนี้บ้านเมืองก็จะเกิดความวุ่นวาย เพราะเหลือง และแดง ต่างมีจุดยืนที่ต่างกันสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อันอาจนำมาสู่การชุมนุมของคนจำนวนมาก เกิดการเผชิญหน้าจนมีการก่อจลาจล นำไปสู่วิกฤติ และที่สำคัญจะนำไปสู่การทำรัฐประหาร

น่าเสียดายคำพูดที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งพูดไว้เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ว่าจะตั้งกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือคณะกรรมการตรวจสอบการสลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง และคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายและรัฐธรรมนูญ แต่เวลานี้ทำไมจึงรวบรัดให้เหลือเพียงกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯ เพียงชุดเดียว แล้วอ้างชื่อความปรองดอง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

เป็นเพราะแรงบีบจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ และ ส.ว.สายการเมืองก็ฉวยจังหวะนี้กระโดดไปรับลูกนักการเมือง เป็นตัวตั้งตัวตีขับเคลื่อนแก้รัฐธรรมนูญ

นี่คือเบื้องลึกเบื้องหลังที่ว่า ทำไม ส.ว.ส่วนหนึ่งจึงเริ่มเห็นต่างในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่อยากเห็น "การหักด้ามพร้าด้วยเข่า" ด้วยการเรียก ส.ว.มาประชุมโดยผ่าน sms แล้วรวบรัดเสนอชื่อกรรมการที่มีการเตรียมตั้งสมัครพรรคพวกของตัวเองเอาไว้แล้ว

หากเป็นเช่นนี้ "ปฏิญญาเขาใหญ่" ซึ่งเสียเงินเสียทองไปประชุมจึงเป็นแค่ไม้หลักปักขี้เลน

เพราะฉะนั้นจึงต้องกลับมาตั้งสติว่าเราจะปฏิรูปประเทศไทยด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน ซึ่งมันก็มีแต่ฉิบหายแล้วจะมุ่งหน้าเดินไปสู่จุดนั้นกันทำไม
, , ,
Reblog this post [with Zemanta]

เตียบันห์ยันทักษิณไม่เคยเข้ากัมพูชา

angkor pilgrimageImage by shapeshift via Flickr

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ - เตียบันห์ยันทักษิณไม่เคยเข้ากัมพูชา
"เตีย บันห์"ยัน"ทักษิณ"ไม่เคยเข้าเขมร ปัดให้พาสปอร์ตหลบหนี ส่วนประเด็นขัดแย้งรมว.ต่างประเทศของไทย เชื่อไม่มีอะไร

พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้รับพาสปอร์ตจากประเทศกัมพูชาในการหลบหนีเข้าประเทศว่า ไม่มี กัมพูชาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หลบเข้ามาอยู่บริเวณเกาะกง พล.อ.เตีย บันห์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่ว่าจะเป็นเกาะกงหรือเกาะอื่นๆของกัมพูชาก็ไม่มี เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยเข้ามาในบริเวณประเทศกัมพูชา

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มีปัญหาขัดแย้งกับสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มีการทำความเข้าใจหรือยัง พล.อ.เตีย บันห์ แสดงสีหน้าไม่สบายใจ ก่อนกล่าวว่า เรื่องมันแล้วไปแล้ว ไม่มีอะไร
,
Reblog this post [with Zemanta]

นายกฯเชื่อต่างชาติเข้าใจทักษิณพลิ้วป้ายสี

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ - นายกฯเชื่อต่างชาติเข้าใจทักษิณพลิ้วป้ายสี

"อภิสิทธิ์"มั่นใจปธ.สภาจะหาประธานกมธ.ปรองดอง ได้ แม้ พท.ปฏิเสธส่งคนร่วม โต้แถลงการณ์"ทักษิณ"พลิ้วป้ายสีรัฐบาลโยนความผิด เชื่อต่างชาติเข้าใจ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังมั่นใจประธานรัฐสภาจะสามารถหาทางออกในการคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดอง สมานฉันท์ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากพรรคเพื่อไทย(พท.) ปฏิเสธจะส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าว

โดยกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่การอภิปรายทั่วไป ทางวิปและสมาชิกหลายคนแสดงออกไปในทิศทางเดียวกันว่าจะต้องเดินหน้าต่อไป จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหาทางออกให้ได้ และอยากให้ประธานสภาฯ ช่วยดูว่าจะหาทางออกอย่างไร

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีปฏิเสธจะแสดงความเห็นต่อท่าทีของพรรคเพื่อไทยว่า สอดคล้องกับแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อ้างว่าจะเดินหน้าต่อสู้ด้วยสันติวิธีเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยหรือไม่ แต่เชื่อว่าอดีตนายกรัฐมนตรีและนายจักรภพ เพ็ญแข หนึ่งในแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่

"ขอยืนยันว่าไม่ว่าจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไร แต่จะต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย หากทำผิดกฎหมายทางการก็จำเป็นต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด" นายกรัฐมนตรี ระบุ

ส่วนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกแถลงการณ์ระบุถูกรัฐบาลไทยกล่าวหาว่าสนับสนุนให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงใช้ความรุนแรงนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต่างชาติน่าจะเข้าใจสถานการณ์เรื่องนี้เป็นอย่างดี ซึ่งรัฐบาลจะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป

อ่านแถลงการณ์ทักษิณ
Reblog this post [with Zemanta]

ปลัดกห.-อ.นิด้าชี้แดงตกยุคใช้รูปแบบพคท.

(Kookykman, self-made, based on Ricky Chow's work.Image via Wikipedia

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ - ปลัดกห.-อ.นิด้าชี้แดงตกยุคใช้รูปแบบพคท.
"อภิชาติ"ชี้เสื้อแดง"ตกยุค"เคลื่อนไหวแบบพรรคคอมฯ ด้านอธิการนิด้า ระบุคอมมิวนิสต์ทั่วโลกล่ม เชื่อไทยมีขบวนการสาธารณรัฐ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อภิชาติ เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) มีแนวคิดจะใช้ความเคลื่อนไหวแบบพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศ(พคท.) ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าคงทำไม่ได้ เพราะบ้านเมืองเปลี่ยนยุค เปลี่ยนสมัยแล้ว อีกทั้งเชื่อว่าแนวคิดนี้คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ ใครมีแนวคิดดังกล่าวก็คงตกยุค

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช.ระบุว่าจะใช้การเคลื่อนไหวลงใต้ดินและอาจใช้กองกำลังติดอาวุธ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า อยากถามว่าเขาจะทำได้แค่ไหน แต่เท่าที่ประเมิน ทำไม่ได้ เพราะเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ ไม่เอาด้วย ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการใช้ความรุนแรง คิดว่าสิ่งที่นายจักรภพพูดเป็นแค่การหลอกลวง หลอกประชาชน"

ด้านนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนายจักรภพว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะต้องรอหมายจับจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ก่อน จึงจะดำเนินการหาแหล่งที่อยู่ของนายจักรภพ ในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ถ้ามีการพำนักอยู่ที่ประเทศไลบีเรียจริง ก็คงเป็นปัญหา เนื่องจากประเทศไลบีเรียไม่มีสถานเอกอัครราชทูตไทย ซึ่งถ้าทราบว่าอยู่ที่ไหน เราก็พร้อมที่จะไปประสาน ยอมรับว่าในขณะนี้ยังไม่มีรายงานชัดเจนว่าทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพนั้นอยู่ที่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยหรือยัง และมีการห้ามนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยหรือไม่ นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศส่วนใหญ่ไม่มีการห้ามคนของเขาเข้ามาเที่ยวประเทศไทย เพียงแต่ให้ระมัดระวังตัว เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย ยังคงมีการเตือน โดยเขียนเตือนนักท่องเที่ยวว่าในเมื่อสถานการณ์ยังไม่แน่นอน ก็ขอให้หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ใช้ในการชุมนุม ซึ่งขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปยังสถานทูตไทยและสถานกงศุลต่างๆ ทั่วโลก ให้สร้างความมั่นใจ และเมื่อสถานการณ์ต่างๆ สงบลงแล้ว เชื่อว่าต่างประเทศเองก็รอดูสถานการณ์ไปสักระยะ จากนั้นก็คงเข้าสู่ภาวะปกติ

มท.1 ไม่ตอบเสื้อแดงปลุกคนเดือนตุลาเดินเกมใต้ดิน

ต่อมา เวลา 16.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวกลุ่มเสื้อแดงเตรียมให้คอมมิวนิสต์มานำขบวนการเคลื่อนไหวต่อต้านอำนาจรัฐ นายชวรัตน์ ย้อนถามว่า คอมมิวนิสต์ยังมีอีกหรือ ส่วนที่มีข่าวว่าคนเสื้อแดงจะให้อดีตคนเดือนตุลามาช่วยวางยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหนนั้น ตนยังไม่ทราบข่าว

เมื่อถามย้ำว่า ทางกระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการอย่างไร เพราะล่าสุด นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์(แซ่ด่าน) แต่งกายด้วยชุดของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มามอบตัวตำรวจนครศรีธรรมราช นายชวรัตน์ กล่าวว่า ตนเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์เท่านั้น ส่วนจะมีรายงานความเคลื่อนไหวในพื้นที่ต่างๆ หรือไม่ นายชวรรัตน์ปฏิเสธจะตอบคำถามนี้

เมื่อถามว่ารัฐบาลมั่นใจหรือไม่ว่าในการจัดงานครบรอบ 60 ปีบรมราชาภิเษก ในวันที่ 5 พ.ค.จะไม่มีการขนคนเพื่อให้เห็นว่ามีผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่มีเพราะเป็นการจัดงานเพื่อถวายสักการะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

อธิการนิด้า ระบุมีขบวนการสถาปนาสาธารณรัฐ

นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) คนเดือนตุลา กล่าวถึงกรณีคนเดือนตุลา จะเข้ามาเป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงว่า กลุ่มคนที่เรียกว่าคนเดือนตุลา มีหลายประเภท ส่วนใหญ่ที่ไปร่วมกับเสื้อแดงจะเป็นอดีตนักศึกษายุค 6 ต.ค. 2519 ซึ่งก็สามารถแยกได้หลายแนวคิดอุดมการณ์ ในเรื่องคอมมิวนิสต์นั้นถือว่าหมดอิทธิพลจากสังคมไทยไปแล้วในปัจจุบัน แม้แต่มหาอำนาจอย่างรัสเซียก็ต้องล่มสลายไป หรือจีนก็มีแต่เพียงพรรคคอมมิวนิสต์ที่ยังคงครองอำนาจอยู่เท่านั้น แต่ระบบเศรษฐกิจเป็นแบบทุนนิยมเสรีไปเรียบร้อยแล้ว ในเอเชียก็ยังมีเพียงเนปาลและฟิลิปปินส์เล็กน้อย

ทั้งนี้ แนวคิดคอมมิวนิสต์นั้นแม้ไม่สนับสนุนการมีสถาบันพระมหากษัตริย์แต่ก็ไม่ได้มองว่าสถาบันฯเป็นศัตรู เห็นได้จากประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศก็ยังให้เกียรติสถาบันฯของประเทศอื่นเห็นได้จากประเทศจีนที่มีความสัมพันธ์กับสถาบันฯของไทย

"เท่าที่ผมเห็นจากขบวนการเคลื่อนไหวที่มีลักษณะหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสถาบันฯ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในช่วงนี้ คาดว่าจะเกิดจากกลุ่มคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไปเป็นสาธารณรัฐมากกว่าคอมมิวนิสต์ เพราะแนวทางคอมมิวนิสต์นั้นล่มสลายไปแล้ว อาจจะมีบ้างที่เอากลยุทธ์การต่อสู้ของคอมมิวนิสต์มาใช้ ส่วนคนที่เคยเข้าร่วมการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์วันนี้ ส่วนหนึ่งก็หมดความเชื่อในเรื่องนี้กลายไปเป็นลิ่วล้อทุนนิยมสามานย์ไปแล้ว” นายสมบัติ กล่าว
Reblog this post [with Zemanta]

ซ้ายเก่า จะมาช่วยทักษิณ วิญญาณ เหมากับเช ขอร่ำไห้

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ - ซ้ายเก่า จะมาช่วยทักษิณ วิญญาณ เหมากับเช ขอร่ำไห้
ข่าวบอกว่า "ซ้ายเก่า" ได้รับการเสนอชื่อให้มาเป็นแกนนำของความเคลื่อนไหว เพื่อช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตร

หลังจากที่แกนนำเสื้อแดง ไม่ประสบความสำเร็จในภารกิจที่ตั้งไว้

"ซ้ายเก่า" เป็นชื่อที่คนอื่นใช้เรียกขานคนกลุ่มนี้ แต่ความเป็น "ซ้าย" จริงๆ เป็นอย่างไร หรือยังมีความเป็น "ซ้าย" ในความหมายเดิมหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าสงสัยอยู่

แต่พอผมเห็นภาพของแกนนำเสื้อแดงคนหนึ่ง ใส่ชุด "นักรบ" พรรคคอมมิวนิสต์ไทยในอดีต ไปมอบตัวกับตำรวจที่นครศรีธรรมราช ในข่าววันเดียวกัน ผมก็ต้องยอมรับว่าผมอดเห็นเป็นเรื่องขำๆ ที่ค่อนข้างจะประหลาดไม่น้อย

คำว่า "ซ้ายเก่า" สำหรับผมจึงเป็นเรื่อง "โจ๊ก" มากกว่าเรื่องจริงจังที่จะมาช่วยให้ชาติบ้านเมือง แก้ปัญหาของประเทศชาติได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมไม่อาจจะมองเห็นตรรกะของการผสมผสาน ระหว่างอภิมหาเศรษฐีที่ได้ประโยชน์สุดๆ จากระบบทุนนิยมอย่างคุณทักษิณ กับอุดมการณ์การต่อสู้แบบคอมมิวนิสต์ของ "ซ้าย" ไม่ว่าจะเป็นซ้ายเก่า หรือซ้ายใหม่ หรือซ้ายในอนาคตก็ตาม

ยิ่งคนที่รวยจากสัมปทานรัฐ และโดนศาลตัดสินติดคุก 2 ปี เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนที่มักจะปรากฏในระบบทุนนิยมสุดขั้วตะโกนคำว่า "ปฏิวัติประชาชน" ผ่านวีดิโอลิงค์บ่อยๆ ด้วยแล้ว ผมยิ่งเห็นเป็นเรื่องตลกโปกฮา

เป็นเรื่องที่ดูถูกสติปัญญาของคนไทยที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองและเหตุการณ์ระหว่างประเทศมาบ้าง

แต่ถ้าสังเกตให้ดี แม้ว่าหลักคิด และอุดมการณ์ของทุนนิยมสุดๆ (รวมถึงการปั่นหุ้นในตลาดหุ้นเพื่อความร่ำรวยส่วนตัวเมื่ออยู่ในอำนาจรัฐ) กับความเป็นซ้าย จะเป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง แต่ฝ่ายทุนนิยมก็อาจจะใช้วิธีการ หรือ tactics แบบกองโจร เพื่อบรรลุเป้าหมายของนักทุนนิยมได้

เพราะตรงกับความเชื่อของทักษิณ ที่เคยประกาศไว้ว่า "เป้าหมายสำคัญกว่าวิธีการ" หรือ "The end justifies the means."

แปลว่าจะใช้วิธีการอย่างไรก็ได้ ขอให้บรรลุเป้าหมายเป็นพอ

ดังนั้น ในช่วง "สงกรานต์เลือด" เราจึงเห็นความพยายามก่อจลาจล ด้วยวิธีการของคอมมิวนิสต์ในอดีตที่เรียกว่า urban guerrilla warfare อาทิเช่น การบล็อกถนน การบุกเข้ายึดสถานที่ประชุมอาเซียน การเผารถเมล์ การจี้เอารถขนแก๊สมาข่มขู่ประชาชน การใช้หน่วยจรยุทธในกรุง เพื่อสร้างความปั่นป่วนสูงสุด เพื่อใช้ความวุ่นวายให้เป็นประโยชน์ต่อการบรรลุเป้าหมายของฝ่ายตน

ถ้าหาก "ปฏิวัติประชาชน" หมายรวมถึง การที่ผู้ต่อต้านพยายามจะสังหารผู้นำประเทศด้วยแล้ว ก็น่าสงสัยว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ "ซ้าย" ด้วยหรือไม่?

นั่นคือ วิธีการของ "ซ้าย" ในอดีตที่ผมเคยพบ แต่จะเกี่ยวกับความเป็นคอมมิวนิสต์หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

และคนที่บงการวิธีการ "ซ้าย" ที่ว่านี้ คือ "นายใหญ่" ของระบบนายทุน

ใครใช้ใครเป็นเครื่องมือก็คงวิเคราะห์กันได้ไม่ยาก

ประชาชนที่เฝ้ามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิดก็คงจะมีคำถามว่าวิธีการเช่นนี้ เป้าหมายเช่นนี้ ถือเป็นการต่อสู้เพื่อ "ประชาธิปไตยที่แท้จริง" อย่างที่ประกาศเป็นเป้าหมายของการชุมนุมประท้วงจริงหรือ

ด้วยเหตุผลที่มองอย่างชาวบ้านอย่างผมอย่างนี้แหละ ผมจึงเห็นเรื่อง "ซ้ายเก่า" มาช่วยให้ "นายทุนใหญ่" กลับมามีอำนาจทางการเมือง โดยอ้างว่าเป็นการต่อสู้เพื่อ "ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง" เป็นเรื่องตลก

เพราะถ้าผมหลงกลให้ความสำคัญกับข่าวคราวเรื่องนี้ และตั้งหน้าตั้งตาหาเหตุหาผลมาวิเคราะห์ปรากฏการณ์เช่นนี้ ผมก็จะต้องกลายเป็นคนเครียดจนอาจจะเป็นบ้า ต้องขอลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศอีกคนก็ได้

เพราะถ้าเชื่อตามนั้นก็จะเสียชื่อ "ซ้าย" แท้ๆ อย่างเหมาเจ๋อตุง และเช เกวาร่า หมดสิ้นแน่นอน


“เสถียร จันทิมาธร” ลาออกหลัง “มติชน” หักปากกาเชียร์แม้ว

Manager Online

เสถียร จันทิมาธร” องครักษ์พิทักษ์ระบอบทักษิณ น้อยใจยื่นจดหมายลาออกจากค่ายมติชน-ข่าวสดแล้ว หลังถูกปลดกลางอากาศ พร้อม บก.เสื้อแดง ส่วน “สรกล อดุลยานนท์” ที่ชื่นชอบระบอบทักษิณยังเหนียว แม้จะงัดข้อกับลูกสาว “ขรรค์ชัย” อย่างแรง

แหล่งข่าวในหนังสือพิมพ์มติชนรายงานว่า นายเสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการอำนวยการหนังสือพิมพ์ข่าวสด บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ และคอลัมนิสต์หน้า 3 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการใช้สื่อในเครือมติชน ผู้ปกป้องระบอบทักษิณ และโจมตีการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยื่นหนังสือลาออกจากบริษัทแล้ว หลังจากถูกนายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานบริษัทฯ ปลดกลางอากาศ พร้อมกับ “บก.เสื้อแดง” น.ส.จุฬาลักษณ์ ภู่เกิด บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน

โดยเมื่อวานนี้ (28 เม.ย.) นายเสถียรได้เข้ามายื่นใบลาออกแล้วเก็บเข้าของออกไปจากบริษัททันที

ทั้งนี้ คอลัมน์และข้อเขียนของนายเสถียร และ น.ส.จุฬาลักษณ์ มีทัศนะที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร ระบอบทักษิณ และการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงอย่างชัดเจน โดยทั้งคู่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มคนฝ่ายซ้ายที่เป็นมันสมองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ หรือนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ฯลฯ และ น.ส.จุฬาลักษณ์ได้เปิดตัวร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงมาแล้ว

การแสดงบทบาทสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงออกนอกหน้า ทำให้แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เปิดโปงนายเสถียรบนเวทีระหว่างการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล และเรียกร้องให้ประชาชนเลิกซื้อหนังสือในเครือมติชน-ข่าวสดทั้งหมดอีกด้วย

ส่วนการลาออกของ นายนิวัติ กองเพียร นั้น แหล่งข่าวกล่าวว่าไม่เกี่ยวข้องการการสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นความขัดแย้งจากเรื่องอื่น ประจวบกับนายนิวัติมีอายุ ครบ 60 ปี ทางบริษัทจึงถือโอกาสไม่ต่ออายุการทำงาน ทั้งนี้ โดยปกติแล้วทางบริษัทจะต่ออายุให้กับผู้ใหญ่ที่อยู่ร่วมกันมานาน อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่า นายนิวัติแม้จะรู้จักกับนายขรรค์ชัยมาก่อน แต่นายนิวัติก็ไม่ได้ร่วมหัวจมท้ายในการก่อร่างสร้างบริษัทมาตั้งแต่ต้น แต่เข้ามาในช่วงที่บริษัทมั่นคงอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แล้ว

แหล่งข่าวระดับบรรณาธิการของมติชนรายวันบอกว่า คนที่สนับสนุนระบอบทักษิณอย่างออกหน้า แต่ยังมีบทบาทในการเป็นคอลัมนิสต์มติชนรายวัน และมติชนสุดสัปดาห์ ก็คือ นายสรกล อดุลยานนท์ เจ้าของนามปากกา วิหคเหินฟ้า และหนุ่มเมืองจันท์ แม้ว่าปัจจุบันนายสรกลจะถูกจำกัดบทบาทอย่างมากหลังมีความขัดแย้งกับ น.ส.ปานบัว บุนปาน บุตรสาวของนายขรรค์ชัย และถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีส่วนรู้เห็นกับการเข้ามาฮุบกิจการมติชนของนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม หรืออากู๋แห่งแกรมมี่ ซึ่งในครั้งนั้นนายวาณิช จรุงกิจอนันต์ คอลัมนิสต์ นักเขียนรางวัลซีไรต์ กลายเป็นเหยื่อที่ถูกสังเวยออกจากเครือมติชนเพียงคนเดียว และครั้งนั้นองค์กรสื่อและประชาสังคมได้ออกมาต่อสู้ปกป้องเครือมติชน เพราะเชื่อว่าเบื้องหลังการเข้าฮุบกิจการมติชนของเครือแกรมมี่ครั้งนั้นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

http://pics.manager.co.th/Images/552000005144001.JPEG

หน้าเว็บมติชน วันที่ 30 เมษายน 2552 เวลา 7.10น. หลังข่าวการลาออก
ความเปลี่ยนแปลง ????

right click > view image เพื่อดูรูปใหญ่

Reblog this post [with Zemanta]

อดีตสหาย 15 จว.อีสานโต้! ไม่เข้าร่วมป่วนใต้ดิน - จี้หยุดแอบอ้าง/ชี้จุดยืนเทิดทูนสถาบัน

Manager Online

บุรีรัมย์ – แกนนำ “กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย” ที่มีสมาชิกใน 15 จว.อีสานกว่า 3,800 คน สุดทนออกโรงตอบโต้พร้อมปฏิเสธลั่น ไม่เข้าร่วมชุมนุมประท้วงหรือเคลื่อนไหวใต้ดินสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองกับกลุ่มใดโดยเฉพาะเสื้อแดงเด็ดขาด จี้ หยุดแอบอ้างก่อให้เกิดความสับสนเสียหาย ระบุ จุดยืนเดียวของกลุ่มอดีตสหาย คือ ต้องการพัฒนาประเทศชาติให้รุ่งเรือง เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เหนือสิ่งอื่นใด

วันนี้ (29 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีสมาชิกกว่า 334 คน และเป็น 1 ใน 15 จังหวัดภาคอีสานที่มีสมาชิกผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยรวมทั้งหมดกว่า 3,800 คน นำโดย นายญวน จันทร์ดี ประธานกลุ่ม ผรท.จ.บุรีรัมย์ และ นายละเอียด รัตนศรี เลขานุการกลุ่ม ผรท.จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาตอบโต้พร้อมปฏิเสธกรณีที่มีบางกลุ่มออกมากล่าวอ้างว่าได้มีกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเข้าร่วมเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง

นายละเอียด รัตนศรี เลขานุการกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า กรณีที่มีบางกลุ่มกล่าวอ้างว่ากลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ได้เข้าไปร่วมเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงและเคลื่อนไหวใต้ดินกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะกับกลุ่มคนเสื้อแดงทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายนั้น ไม่เป็นความจริง เป็นคำกล่าวอ้างที่ก่อให้เกิดความเสียหาย

ทั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ต่างมีจุดยืนที่จะไม่เข้าไปร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มเสื้อสีใดๆ เพราะที่ผ่านมาบ้านเมืองเกิดความวุ่นวายมามากแล้ว จึงขอให้กลุ่มคนดังกล่าวได้หยุดเคลื่อนไหวกล่าวอ้าง เพราะอาจทำให้หลายฝ่ายเกิดความสับสนได้

“กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยต่างมีจุดยืนเดียวกัน คือ ต้องการที่จะพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป รวมทั้งเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ไว้เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีจุดประสงค์ที่จะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จนทำให้บ้านเมืองเกิดความเดือดร้อนเสียหาย ตามที่มีผู้กล่าวอ้างอย่างแน่นอน” นายละเอียด กล่าว
Reblog this post [with Zemanta]

Wednesday, April 29, 2009

"จตุพร"ซัดนายกฯ เห็นแก้ไขรธน. สำคัญกว่าชีวิตคนตาย

หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์
"จตุพร"ซัดนายกฯ เห็นแก้ไขรธน. สำคัญกว่าชีวิตคนตาย

นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีที่วิป 3 ฝ่ายได้ประชุมกันและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้จัดให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด เพื่อชำระการสอบสวนเหตุการณ์วุ่นวายช่วงสงกรานต์ และแก้ไขตามรัฐธรรมนูญว่า สุดท้ายนายกฯ ก็ยกเลิกการสอบสวนเรื่องการใช้อาวุธ แต่เห็นความสำคัญการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาก่อน แทนที่จะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่ฆ่าคนตาย ทั้งนี้ มีการตรวจพบหลักฐานการใช้อาวุธ แก๊สน้ำตา อาวุธปืนเอ็ม16 และอาวุธสงคราม นอกจากนี้ ยังมีการใช้รถน้ำ แต่เพื่อใช้ในการล้างเลือดประชาชนเท่านั้น


นายจตุพร กล่าวว่า หวังว่าฝ่ายค้านจะไม่บ้าจี้ตามพรรคประชาธิปปัตย์ เพราะชีวิตคนนั้นยิ่งใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุนี้จึงจัดให้มีการชุมนุมเพื่อชำระข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น


เพลง แผ่นดินของเรา - สันติ ลุนเผ่





Reblog this post [with Zemanta]

เพลง ถามคนไทย - สันติ ลุนเผ่


ฟังเต็ม สันติ ลุนเผ่ - ถามคนไทย -

เราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งผอง
ไทยฆ่าไทย ให้ชาติอื่นครอง

วิญญานปู่จะร้อง ไอ้ลูกหลานจัญไร

download





Reblog this post [with Zemanta]

Clip: Thai troops crack down on protesters - 13 Apr 09



News Agency: AlJazeera
Reporter: Tony Cheng

Min. 0:05
Molotov cocktail or petrol bomb thrown at troops.
ระเบิดเพลิงถูกขว้างเข้าใส่เจ้าหน้าที่ปราบจลาจล

Min.1:10
Red Protester: We are ready to fight for the peace..ful way. We don't have any weapon. We're free hand. We are going to fight them again.
เสื้อแดง: เราพร้อมที่จะสู้เพื่อสัน..ติ แบบสันติ เราไม่มีอาวุธ เรามามือเปล่า เราจะสู้อีกครั้ง

Min. 1:20
Meeting between army and protesters during riot.
ภาพการต่อรองระหว่างเสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่ (แสดงขั้นตอนการสลายการชุมนุมของทางเจ้าหน้าที่)

Min. 1:48
Presence of media behind the army line.
ภาพแสดงการทำงานของสื่อหลังแนวเจ้าหน้าที่
(แตกต่างจาก พฤษภา 35 ที่ไม่มีสื่อบนถนนเลยในคืนนองเลือดเนื่องจากถูกกักบริเวณ แม้กระนั้นก็ยังมีภาพออกมาให้เห็นจำนวนมาก - ปัจจุบัน โลกดิจิทัล ทั้งกล้องมือถือ กล้องดิจิทัล หลักฐานน่าจะมีจำนวนมาก ถ้ามีผู้เสียชีวิตตามที่ผู้ชุมนุมกล่าวอ้าง)

Min. 1:52
Gun fire broke out
เจ้าหน้าที่เริ่มยิงปืน

Min. 2:00
Reporter: The soldiers fire into the air to force protesters back.
ผู้รายงานข่าว: ทหารยิงปืนขึ้นฟ้า เพื่อบีบบังคับให้ผู้ชุมนุมถอยร่น

Min. 2:15
Protesters sent buses careering down the road
เสื้อแดงส่งรถเมล์พุ่งใส่เจ้าหน้าที่ สุดท้ายชนเสาไฟ หยุด

Reblog this post [with Zemanta]

Tuesday, April 28, 2009

Thaksin says he loves Thailand but ....




download video file

"ทักษิณ"ปัดหนุนเสื้อแดงแรง! Thaksin backs peaceful protest

BANGKOK, THAILAND - NOVEMBER 30:  A pro-govern...Image by Getty Images via Daylife

โพสต์ ทูเดย์ - "ทักษิณ"ปัดหนุนเสื้อแดงแรง!
แม้วแถลงการณ์ โวยรัฐโยนผิดบาปยันยึดสันติปัดหนุนม็อบเสื้อแดงใช้ความรุนแรง

แถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี


“การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยสันติวิธี”


ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและกลไกของรัฐบาล ได้พยายามที่จะโยนความผิดให้ผมสำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในระหว่างการประท้วงในทางการเมืองในประเทศไทยเมื่อเร็วๆนี้ ยิ่งกว่านั้น ผมถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมว่าเป็นผู้สนับสนุนและเห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง


ก่อนอื่น ผมขอปฎิเสธข้อกล่าวหาข้างต้นอย่างสิ้นเชิง ตลอดชีวิตของผม ผมเคารพในสันติวิธี เสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ผมทำในสิ่งที่ผมพูด แม้ว่าผมได้ให้กำลังใจกระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้เรียกร้องให้พี่น้องประชาชนชาวไทยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยผ่านทางวิดีโอและทางโทรศัพท์ ผมได้ย้ำตลอดมาว่า การรเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ต้องป็นไปด้วยสันติและกระบวนการต่อสู้ของประชาชนจะไม่ใช้ความรุนแรง พี่น้องประชาชนนับหมื่นนับแสนได้ตอบสนองข้อเรียกร้องและได้พากันชุมนุมประท้วงอย่างสงบและสันติเป็นเวลาหลายสัปดาห์เพื่อเรียกร้องให้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมาสู่ประเทศไทย


ผมขอเรียนย้ำต่อพี่น้องชาวไทยว่าการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของเราจะต้องไม่ใช้วิถีของความรุนแรง ผมไม่สามารถสนับสนุนการใช้ความรุนแรง ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า เราจะไม่ใช้อาวุธในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย เราต้องสร้างอนาคตของพวกเราผ่านความเข้มแข็งทางความคิดและหลักการอันถูกต้องของพวกเรา และพวกเราต้องอดทนและวางเฉยต่อการยั่วยุต่างๆจากทางภาครัฐ


ผมขอเรียกร้องให้คนไทยที่รักสันติทุกคนให้ผนึกกำลังเพื่อบรรลุถึงความปรองดองของคนในชาติและประชาธิปไตยที่แท้จริง ตามที่ผมเคยพูดไว้เราได้ถอยหลังจากการเผชิญหน้าไปหนึ่งก้าว และเราจะไม่ยอมยุติการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยของไทย แม้เราถูกหยุดยั้งโดยภาครัฐงานของพวกเราก็จะไม่หยุด เพราะเราเชื่อมั่นว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้นคือการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และในท้ายที่สุดนี้ ผมมีความมั่นใจว่าพลังของพี่น้องประชาชนจะต้องชนะและมีชัยด้วยแนวทางสันติ

ทักษิณ ชินวัตร
28 เมษายน 2552



Bangkok Post: Thaksin backs peaceful protest

Outlawed former prime minister Thaksin Shinawatra has denied ever supporting the use of violence by his followers in the United Front for Democracy against Dictatorship (UDD) to achieve his political resurrection.

He said in a statement issued on Tuesday he would continue using peaceful means to bring ''true democracy'' to the country.

Thaksin said the Thai government was trying to blame him for the riots during the anti-government protest by his supporters in mid-April.

The self-exiled politician said he was unfairly accused of supporting violence to achieve his political objectives.

In the statement, Thaksin denied all charges made by the government and said he had, throughout his life, respected peaceful means, freedom and equality.

Thaksin said he had given his support to Thai people through phone- and video-link speeches in the past several weeks, and that he had repeatedly told them that they must not resort to violence.

Thaksin reiterated to his supporters that they must not use weapons to fight for democracy, but should build the future with strong beliefs and a righteous principles.

He urged them to be tolerant and pay no attention to the government's ''provocative measures''.

He also asked all peace-loving Thais to work together to bring about reconciliation and democracy in the country.

Thaksin said his supporters would not stop the fight for democracy, and expressed confidence that they would emerge victorious through peaceful means.

Earlier, fugitive UDD core member Jakrapob Penkair said the red-shirts will use new tactics to topple the Democrat-led coalition government and they may include violence using weapons, .

Mr Jakrapob, who went into hiding to evade an arrest warrant for inciting unrest in mid-April, made the threat in a telephone interview from an undisclosed location to a foreign news agency.

The red-clad group wanted a fresh general election so a democratically elected government could be put in place, he said. They would use violent methods if necessary to achieve this.

Reblog this post [with Zemanta]

เสื้อแดงประกาศชุมนุมใหญ่สัปดาห์หน้า

โพสต์ ทูเดย์ - เสื้อแดงประกาศชุมนุมใหญ่สัปดาห์หน้า
แกนนำนปช.เผยเตรียมจัดชุมนุมใหญ่ภายในสัปดาห์หน้า ยืนยันไม่เป็นการชุมนุมยืดเยื้อ

นายวีระ มุกสิกพงษ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ร่วมแถลงยืนยันว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงภายในสัปดาห์หน้า

นายวีระ กล่าวว่า ขบวนการของคนเสื้อแดงยังไม่สามารถยุติได้ โดยคาดว่าการชุมนุมจะสามารถมีขึ้นได้ภายในสัปดาห์หน้าแต่จะไม่เป็นการชุมนุมแบบยืดเยื้อซึ่งรูปแบบของการชุมนุมจะเป็นการบอกทิศทางในการเคลื่อนไหวพร้อมกับสรุปสถานการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด

ทั้งนี้คิดว่าการชุมนุมจะไม่เป็นการกระทำที่ขัดกับเงื่อนไขในการให้ประกันตัวของศาลเพราะจะไม่มีการยุยง ปลุกปั่น แต่จะเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 นอกจากนี้ได้รับการประสานมาจากผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่นแล้วโดยตอนนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อขออนุญาตในการเปิดสถานีอีกครั้งซึ่งคาดว่าจะออกอากาศได้เร็วๆนี้

“สำหรับเหตุการณ์ที่ผ่านมามีความเห็นว่าเป็นช่วงที่มีความวิกฤติ จึงเห็นควรให้มีการตั้งคณะกรรมการขำระข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะการสลายการชุมนุมว่าไม่ได้เป็นไปตามหลักสากล จะมาใช้คำว่าจลาจลกับคนเสื้อแดงมันก็ดูไม่เป็นธรรม ดังนั้นต้องมีการตั้งคณะกรรมการอิสระที่ประกอบไปด้วยบุคคลที่มีความเป็นกลางขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเหมือนเหตุการณ์พฤษภามิฬในปี 2535 เช่นเดียวกับการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม7ต.ค.2551 ที่ตรวจสอบบุคคลระดับนายกรัฐมนตรีลงม เพื่อไม่ให้มีลักษณะเป็น 2 มาตรฐาน” นายวีระ กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า คณะกรรมการอิสระที่ตั้งขึ้นมาต้องไม่มีมีตัวแทนจาก ส.ส. ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ส.ว. และคนเสื้อแดงเข้าไปเป็นกรรมการ แต่ควรนำคนที่มีความเป็นกลางจริงๆ เข้าไปดำเนินการ ทั้งนี้เราไม่เคยหากินกับคนตายเพียงแต่ต้องการแสวงหาความยุติธรรมให้เท่านั้น และขอตั้งข้อสังเกตว่าในงานศพผู้เสียชีวิตที่นางเลิ้งมีแต่พวงหรีดของพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น

“พรรคเพื่อไทยไม่ควรเข้าไปร่วมแก้รัฐธรรมนูญกับรัฐบาล ส่วนที่มีความพยายามยั่วยุว่าจะให้นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นประธานในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ถ้าหากพรรคเพื่อไทยคิดได้เท่านี้ก็ควรกลับไปเป็นควาย เราอย่าไปตื่นเต้นกับการแก้รัฐธรรมนูญตามเกมของพรรคประชาธิปัตย์เพราะวันนี้ประชาธิปัตย์กลัวการถูกยุบมากที่สุด การเป็นนักการเมืองไม่ควรมีพฤติการณ์เหมือนหมาคาบเนื้อบนสะพานเห็นเงาเนื้อในน้ำชิ้นใหญ่กว่าก็ปล่อยชิ้นเนื้อที่คาบออกไป พรรคเพื่อไทยถ้าเอาเฉพาะเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเป็นการฝันลมๆแล้งๆ หากละเลยในการแสวงหาข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ปราบปรามประชาชน พรรคจะมีปัญหากับตนแน่นอน หวังว่าที่ประชุมของพรรคน่าจะมีการทบทวนเรื่องนี้” นายจุตพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งหนังสือมายังนายชัย ชิดชอบประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอตัวไปดำเนินคดีตามหมายจับของศาลระหว่างสมัยประชุมสภานั้น จะขอให้สภาดำเนินการส่งตัวตนไปดำเนินคดีได้เลย และจะมอบตัวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลแน่นอน และพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลอย่าหน้าด้านยกมือให้เพื่อคุ้มครองตน เพราะส่วนตัวไม่สามารถทำงานร่วมกับฆาตกรที่ฆ่าประชาชนได้

ทั้งนี้ นายจตุพร ได้ปฎิเสธถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาจจะร้องขอให้นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชชยชัย อดีต รมช. คมนาคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยมาเป็นแกนนำนปช.รุ่นต่อไป


เผย10ปมเสื้อแดงสู้ จับตาปรับยุทธศาสตร์เหมือนพคท.

หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ - เผย10ปมเสื้อแดงสู้ จับตาปรับยุทธศาสตร์เหมือนพคท.
หน่วยข่าวกรองประเมิน10ประเด็นเสื้อแดงฮือสู้ คาดปรับยุทธศาสตร์ใหม่รุนแรงขึ้น จับตาเปลี่ยนโครงสร้างเคลื่อนไหวตามรอยพรรคคอมมิวนิสต์ หวังสร้างแนวร่วมเพิ่มในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน-นศ.

เมื่อวันที่ 27 เมษายน ศูนย์ปฏิบัติการข่าวกรองแห่งชาติ (ศป.ข.) สำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปการประเมินแนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมือง จากการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง


1.ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงยังน่ากังวล ค่อนข้างแน่ชัดว่าจะมีการเคลื่อนไหวต่อไป และมีความเป็นไปได้ว่าจะเคลื่อนไหวจนถึงขั้นที่อาจจะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงได้อีก เนื่องจากกลุ่มเสื้อแดงยังคงมีศักยภาพที่จะเคลื่อนไหวต่อไป และยังคงมีมวลชนที่เข้มแข็ง แม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่บรรลุเป้าหมายในการล้มรัฐบาลก็ตาม กลุ่มเสื้อแดงยังมีขีดความสามารถที่จะฟื้นฟูการเคลื่อนไหว และมีวิธีดำเนินการหลายหนทาง โดยเฉพาะการโหมทำสงครามข่าวสาร เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อโจมตีรัฐบาลและกองทัพอย่างต่อเนื่อง ทั้งในสื่อมวลชนในและต่างประเทศ รวมทั้งอินเตอร์เน็ต ควบคู่ไปกับการปลุกระดมมวลชน การจัดชุมนุมย่อยในพื้นที่กรุงเทพฯและภูมิภาค ตลอดจนการเคลื่อนไหวผ่านทางเครือข่ายแกนนำ ส.ส. หัวคะแนน ในการลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูและขยายแนวร่วมมวลชนในระดับต่างๆ เพื่อพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งต่อๆ ไป


2.ศักยภาพและขีดความสามารถของกลุ่มเสื้อแดง ภายหลังการยุติการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มเสื้อแดงได้รับความสูญเสียบางส่วน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สูญเสียความเชื่อถือทั้งในและต่างประเทศไปมากและมีคดีเพิ่ม และถูกกดดันในด้านพื้นที่ที่จะอยู่อาศัยและเสรีภาพในการเดินทาง รวมทั้งสูญเสียทางการเงินและโอกาสหารายได้


ส่วนระดับนำที่เป็นมันสมองใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มเสื้อแดง โดยเฉพาะกลุ่มคนเดือนตุลาฯซึ่งมีอยู่หลายคน ไม่ได้รับความกระทบกระเทือนใดๆ และน่าจะเป็นกลุ่มที่ยังคงปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ต่อไปแต่อาจถูกจำกัดความเคลื่อนไหว ทำให้คนที่ออกมาดำเนินการต่อเป็นแกนนำระดับรองๆ ขณะที่นายจักรภพ เพ็ญแข น่าจะดำเนินการเคลื่อนไหวในทางลับใต้ดินต่อไป ซึ่งจะมีความสามารถในการชี้นำยุยงผ่านทางสื่อที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการปิดสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น วิทยุชุมชน เว็บไซต์ที่ยุยงให้ใช้ความรุนแรง เป็นมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ส่วนมวลชนรากหญ้าทั้งในเมืองและในชนบท โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสาน น่าจะยังมีความเข้มแข็งและมีจำนวนมาก


3.ในระยะเวลา 1-2 เดือนจากนี้ไปกลุ่มเสื้อแดงอาจจะปรับยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเฉพาะการสรุปบทเรียนการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาเพื่อนำไปวางแผนอุดช่องว่าง และแสวงหาช่องทางที่จะสามารถชิงเป็นฝ่ายรุกในการสร้างประเด็นใหม่ๆ สร้างเงื่อนไขกดดันรัฐบาล ทั้งบนดินและใต้ดินต่อไปจนกว่าบรรลุเป้าหมาย


4.โครงสร้างการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม ระดับแกนนำยังคงเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนั้นคือ นายจักรภพ และคนเดือนตุลาฯที่เคยเข้าร่วมงานกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ส่วนระดับปฏิบัติมีหลายระดับ หลังจากที่มีการออกหมายจับ ทำให้แกนนำระดับรองมาทดแทน เช่น นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายขวัญชัย ไพรพนา ร่วมทั้งแกนนำระดับภูมิภาคและมีเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมีกลุ่มนักรบไซเบอร์ดำเนินการโฆษณาชวนเชื่อ เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จปลุกปั่นยุยง


5.กลุ่มที่น่าให้ความสำคัญมากที่สุดคือฐานมวลชนของกลุ่มเสื้อแดง ที่ถูกแสวงประโยชน์ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง


6.แนวคิดของกลุ่มเสื้อแดง มีข้อสังเกตถึงการเน้นชี้นำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างอำมาตย์กับประชาชน ที่เป็นการต่อสู้ระหว่างชนชั้นอย่างชัดเจน


7.การชี้นำทางความคิด มีอิทธิพลสูงต่ออารมณ์ความรู้สึกของมวลชนเสื้อแดงโดยเฉพาะรากหญ้าที่นิยม พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้น่าจะยังให้การสนับสนุนและพร้อมเคลื่อนการชุมนุมเมื่อมีการนัดหมาย หากรัฐบาลไม่สามารถสถาปนาความไม่สงบเรียบร้อยได้อย่างแท้จริง และการปรับปรุงภาวะเศรษฐกิจไม่ได้ผล ซึ่งรูปแบบการขยายจำนวนมวลชนจะคล้ายกับพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีต โดยใช้เครือข่ายชนบท ร่วมกับการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ตลอดจนนักการเมืองและผู้นำท้องถิ่น ผ่านการโฆษณาชวนเชื่อ การใช้วิธีจรยุทธ์ในเมือง การชุมนุมประท้วง ร่วมกับการดำเนินงานในรัฐสภา


8.เครื่องมือที่สำคัญที่กลุ่มเสื้อแดงจะใช้ในการปลุกระดมประชาชนในต่างจังหวัด ประกอบกับการใช้สื่อทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ และระบบอินเตอร์เน็ต ส่วนการใช้อาวุธมีความเป็นไปได้เนื่องจากมีข้อมูลข่าวสารบ้างแล้ว แต่ยังต้องตรวจสอบความถูกต้องอยู่ ทั้งนี้น่าจะถึงขั้นตั้งกองกำลังติดอาวุธอย่างที่ พคท.เคยทำมาในอดีต


9.มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะพยายามสร้างแนวร่วมเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ใช้แรงงานและนักศึกษา เพื่อขยายมวลชนให้ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทางด้านเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง เกษตรกรที่ผลผลิตเสียหายหรือราคาตกต่ำ รวมทั้งราษฎรที่ขัดแย้งกับโครงการต่างๆ ของรัฐ


10.ด้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปัจจุบันยังสามารถรักษามวลชนได้อย่างเหนียวแน่น เหตุการณ์ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำคนสำคัญ กลุ่มพันธมิตร ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรงในทันที แต่มีการแสดงท่าทีพร้อมจะเคลื่อนไหว รวมถึงการเคลื่อนไหวคัดค้านการดำเนินงานของรัฐบาล ที่ขัดกับจุดยืนของพันธมิตรโดยเฉพาะการนิรโทษกรรมนักการเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ


ฝ่ายค้านนิคารากัวจี้รบ.แจงกรณีทักษิณ

Daniel Ortega, president of Nicaragua.Daniel Ortega Image via Wikipedia

คมชัดลึก : ฝ่ายค้านนิคารากัวจี้รบ.แจงกรณีทักษิณ

รัฐบาลนิคารากัวยังนิ่งเฉยกรณี "ทักษิณ" ระบุประธานาธิบดีไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว ขณะที่ฝ่ายค้านจี้รัฐบาลแจงข้อเท็จจริงมีผลประโยชน์อะไร
(21เม.ย.) รัฐบาลของประธานาธิบดีแดเนียล ออร์เตก้า ที่สื่อสารกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเว็บไซท์ข่าวในอินเตอร์เน็ตอย่างน้อย 4 แห่ง ยังคงนิ่งเฉยต่อประเด็นใหม่ที่จุดชนวนความขัดแย้งระหว่างไทยกับนิคารากัว และกรณีที่มีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหลบหนีคดีจากประเทศไทย ไปโผล่ที่กรุงมานากัว เมืองหลวงของนิคารากัว หลังเดินทางออกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพราะได้หนังสือเดินทางทางการทูตที่นิคารากัวออกให้

เจ้าหน้าที่ของกองตรวจคนเข้าเมือง ในสังกัดกระทรวงต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่สนามบินนานาชาติ ซานดิโน่ เปิดเผยว่า ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าประเทศ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามที่สื่อมวลชนไทยรายงานข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ด้านสำนักงานโฆษกของประธานาธิบดีออร์เตก้า ในกรุงมานากัว ได้เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้รับหนังสือเดินทางทางการทูต และมีตำแหน่งเป็นทูตพิเศษเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ การเปิดเผยเรื่องนี้ก่อให้เกิดกระแสวิพากวิจารณ์จากฝ่ายค้าน ที่เตือนว่าจะเป็นการละเมิดกฎหมายอย่างร้ายแรง ที่เอาตำแหน่งสำคัญนี้ไปให้กับต่างชาติ พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลอธิบายให้ชัดเจนว่า ทำแบบนี้แล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์อันใดบ้าง

แม้จะไม่มีการทำข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่รัฐบาลไทยพยายามขอร้องให้ทางการนิคารากัวส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณให้ แต่แม้จะมีการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง " ทูตพิเศษ " แต่รองประธานาธิบดีไฆเม่ โมราเลส คาราโซ่ ที่รับผิดชอบด้านความสัมพันธ์กับนักธุรกิจต่างชาติ กลับกล่าวว่า ไม่รู้จักพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการส่วนตัว และกล่าวด้วยว่า เท่าที่จำได้ ประธานาธิบดีออร์เตก้า ก็ไม่รู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณเช่นกัน คิดว่าอาจจะมีที่ปรึกษาแนะนำให้รู้จัก

รองประธานาธิบดีนิคารากัว กล่าวว่า อาจเป็นที่ปรึกษาคนเดิมของประธานาธิบดีออร์เตก้า ที่แนะนำเรื่องนี้ โดยไม่ได้รู้เรื่องราวที่ลึกซึ้ง เชื่อใจในทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยความสุจริตใจปราศจากเจตนามุ่งร้ายที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า และจะไม่ให้การสนับสนุนกรณีที่มาเป็นตัวแทนของประเทศ ในสภาพที่เผชิญข้อกล่าวหาตั้งมากมายในบ้านของตัวเอง
Reblog this post [with Zemanta]

แม้วเตรียมดึงภูมิธรรม-หมอมิ้งนำเสื้อแดง

คมชัดลึก : แม้วเตรียมดึงภูมิธรรม-หมอมิ้งนำเสื้อแดง

"สุเทพ" รับกังวลเหตุก่อวินาศกรรม-ลอบสังหาร หลังเกิดเหตุยิง "สนธิ" ประสานตำรวจ-ทหาร สนธิกำลังตั้งจุดตรวจ เผยประชุมสุดยอดอาเซียนให้ทหารเข้ามารับผิดชอบรักษาความ ตั้งกก.ปรองดอง-แก้รธน.แทนขีดเส้นภายใน15วันปลอดภัย "ทักษิณ"เตรียมดึง "ภูมิธรรม-จาตุรนต์-หมอมิ้ง"นำเสื้อแดง

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 27 เม.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงนี้ตนไม่ค่อยอยากพูด หรือให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มากนัก เพราะเห็นว่าถ้าพูดอะไรไปแล้ว จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ จึงขอให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ ให้มากขึ้นจะดีกว่า

นายสุเทพ ได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องการรักษาความปลอดภัย ว่า ในเมื่อเรามีบทเรียนกันมาแล้ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พัทยา จ.ชลบุรี ดังนั้นในครั้งนี้จึงจะมีการปรับแผนการรักษาความปลอดภัยกันใหม่ โดยถ้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ตนเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย ตนก็จะขอให้กระทรวงกลาโหมเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดระบบการรักษาความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด

โดยให้กระทรวงกลาโหมใช้ทั้งกำลังทหารจากทุกเหล่า และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำงานแบบสนธิกำลังซึ่งกันและกัน ซึ่งตนคิดว่าถ้ามีการปรับแผนแล้ว จะทำให้ผู้นำของประเทศต่าง ๆ มีความมั่นใจในการเดินทางมาร่วมประชุมดังกล่าวมากขึ้น ที่สำคัญเราจะไม่ยอมให้เหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นซ้ำสองอีกเป็นอันขาด มิเช่นนั้นประเทศไทยจะไม่มีที่ยืนบนเวทีโลก สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลในช่วงนี้ ได้ให้เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและทหาร ร่วมกันปฏิบัติงาน เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย โดยตั้งจุดตรวจเป็นระยะ รวมทั้งมีสายตรวจเคลื่อนที่ร่วมกัน เพราะตนเป็นห่วงในเรื่องการก่อวินาศกรรมและการลอบสังหาร

อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาความปลอดภัยดังกล่าวคงต้องทำต่อไปสักระยะหนึ่งควบคู่ไปกับการประเมินด้านการข่าวไปทุกวัน ๆ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ทำให้ตนรู้สึกเครียดอยู่ไม่น้อย แต่ตนยืนยันได้ว่าไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ของกลุ่มคนเสื้อเหลือง และไม่ใช่ฝีมือของรัฐบาลหรือกองทัพ เพราะการกระทำดังกล่าวจะยิ่งเป็นชนวนก่อให้เกิดความไม่สงบมากขึ้น โดยคดีนี้ตนได้บอกกับตำรวจที่รับผิดชอบคดีว่า งานนี้ตำรวจต้องทำงานหนัก ตามเกมให้ทันและต้องจับให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือสีไหนก็ตาม

ทักษิณเตรียมดึง"ภูมิธรรม-จาตุรนต์-หมอมิ้ง"นำเสื้อแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังจากม็อบเสื้อแดงที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลถูกสลาย คณะทำงานของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ประเมินสถานการณ์ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ต่อสู้ทางการเมืองไป โดยเห็นด้วยที่จะดึง นพ.พรหมมินท์ เลิศสุริย์เดช นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ขึ้นมาเป็นแกนนำขับเคลื่อนมวลชนเสื้อแดง พร้อมกำหนดยุทธศาสตร์และรูปแบบการเคลื่อนไหวใหม่ไปสู้เป้าหมายเปลี่ยนประเทศไทยเป็นการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ส่วนบุคคลเหล่านี้จะตอบรับหรือไม่ จะต้องรอผลการหารือร่วมกันก่อน คาดว่าจะได้ผลสรุปภายในสัปดาห์นี้แน่นอน

“เกรียงกมล”ออกตัวต้องทำเพื่อประชาชน

นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ อดีตที่ปรึกษาส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในสมัยเป็นนายกฯ กล่าวว่า พูดเป็นเล่นไปได้น่า ส่วนตัวเห็นว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองยึดถือผลประโยชน์โดยรวมของสังคมเป็นที่ตั้งเสมอ จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะไปร่วมในการนำการเคลื่อนไหว

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะดึงไปร่วมเป็นแกนนำเคลื่อนไหวเสื้อแดงนั้น ไม่แน่ใจเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แม้เป็นเรื่องจริง แต่การตัดสินใจใดขึ้นอยู่บนพื้นฐานเป็นเรื่องของผลประโยชน์ประชาชนทั้งประเทศ และการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่ดีนั้น ไม่ควรทำอะไรที่ผิดกฎหมาย และการหมิ่นประมาทควรหลีกเลี่ยงด้วยซ้ำไป การชุมนุมแต่ละครั้งควรชุมนุมตามสิทธิรัฐธรรมนูญ ชุมนุมโดยเปิดเผย ไม่ต้องมีอาวุธ หรือหน่วยการ์ดใด จะปล่อยให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไป

แนะ“อดีตประธานศาลฎีกา”เป็นคนกลางสอบสลายม็อบแดง

นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วิป 3 ฝ่ายนัดหารือ เพื่อตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการสลายม็อบเสื้อแดงว่า ขอเสนอให้นายสวัสดิ์ โชติพานิช อดีตประธานศาลฎีกา เข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการฯชุดนี้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นถึงอดีตประธานศาลฎีกา ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ไม่มีใครปฏิเสธในความเป็นกลาง ถ้าในช่วงนั้นท่านรับเป็นประธานคตส.คงไม่ทำให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้

ตั้งกก.ปรองดอง-แก้รธน.แทนขีดเส้นภายใน15วัน

เมื่อเวลา 16.30 น.ได้มีการประชุมวิป 3 ฝ่าย โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เป็นประธานในการประชุม โดยปรากฏว่าในการประชุมครั้งนี้ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชได้เข้าร่วมประชุมด้วย โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 2 ชั่วโมง

ภายหลังการประชุมนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาลแถลงว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาข้อเสนอของวิปทั้ง 3 ฝ่ายที่ให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 2 ชุด แต่เห็นควรให้มีการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมือง เพื่อความปรองดอง และสมานฉันท์ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากฝ่ายเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ยืนยันในข้อกฎหมายว่า การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญของรัฐสภาดังกล่าว เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 135-137 จึงได้อาศัยอำนาจของประธานรัฐสภาแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแทน ตามข้อบังคับกาประชุมที่ 8 (5) ซึ่งการอาศัยอำนาจของประธานสภาในการตั้งคณะกรรมการเคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงนายมารุต บุนนาค เป็นประธานรัฐสภานายมารุต บุนนาค ก็สามารถที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมาธิการได้ เพื่อที่จะให้มีการตั้งกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ตั้งกรรมการดังกล่าว โดยมีกรอบเวลาดำเนินการ 15 วัน และให้นำเสนอผลการทำงานต่อประธานรัฐสภาต่อไป

นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการดังกล่าวจะประกอบด้วย กรรมการ 40 คน แบ่งเป็นสัดส่วนของส.ส. 23 คน เป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย 9 คน พรรคประชาธิปัตย์ 8 คน พรรคภูมิใจไทย 2 คน พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม พรรคประชาราช พรรคราษฎร พรรคละ 1 คน ส.ว. 7 คน และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 10 คน แบ่งเป็นสัดส่วนของวุฒิสภา 2 คน และส.ส. 8 คน ในจำนวนของส.ส.แบ่งเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ พรรคละ 2 คน ที่เหลือแบ่งตามโควตาของพรรคการเมืองที่เหลือ ซึ่งจะให้แต่ละพรรคได้เสนอชื่อกรรมการต่อประธานรัฐสภาภายในบ่ายวันที่ 28 เม.ย.นี้

ส่วนสาเหตุที่ไม่ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญของรัฐสภาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 - 15 เม.ย.นั้นเนื่องจากขณะนี้รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาตรวจสอบ รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศก็ได้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ไว้ชัดเจนแล้ว และในการประชุมร่วมรัฐสภาก็มีการพูดคุยอย่างชัดเจนเช่นกัน ดังนั้นจึงเห็นว่าหากมีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาอาจไม่นำสู่ข้อยุติที่แท้จริงและจะทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิ์การชดเชยได้ อย่างไรก็ตามหากประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถมาร้องเรียนที่คณะกรรมาธิการของสภา วุฒิสภา รวมถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ และคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้น เพื่อให้ความเป็นธรรมกับประชาชน

นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.สรรหา ในฐานะวิปวุฒิสภา กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการเพียงชุดเดียว โดยจะศึกษาทั้งปัญหาการเมือง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่าจะต้องมีการถอยคนละ 2-3 ก้าว และต้องลดทิฐิมานะ เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ โดยเอาปัญหาของประเทศเป็นตัวตั้ง เพื่อประโยชน์ส่วนรวม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรายชื่อในสัดส่วนของวุฒิสภาประกอบไปด้วยนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิคนที่ 1 นายดิเรก ถึงฝั่ง สว.นนทบุรี พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สว.สรรหา พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ สว.สุราษฏร์ธานี นายวิทยา อินาลา สว.นครพนม นายสุพจน์ โพธิ์ทองคำ สว. สรรหา นายอนุรักษ์ นิยมเวช สว.สรรหา และในส่วนของผู้ทรงคุรวุมิภายในนอกในสัดส่วนของวุฒิสภาเสนอนายสุพจน์ นิติไกรพจน์ อาจารย์คณะนิติ ม.ธรรมศาสตร์ นายมนตรี รูปสุวรรณ ที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา


ตร.ชี้แม้วผิดหมิ่นสถาบัน

โพสต์ ทูเดย์ - ตร.ชี้แม้วผิดหมิ่นสถาบัน
สันติบาลชี้ทักษิณจ้อสื่อนอกเข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามป.อาญามาตรา 112

พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบ และพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการได้พิจารณากรณีการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศที่เกิดขึ้นภายนอกประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้วเห็นว่า มีมูลความผิดเข้าข่ายล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยพิจารณาได้จากพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้สัมภาษณ์หลังวันที่ 12 เม.ย.52 ซึ่งรวบรวมจากเว็บไซต์, ข้อมูลจากสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร และข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลประกอบกัน ส่วนนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชุมเห็นว่ายังไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจน

ทั้งนี้ จะส่งรายงานไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งอาจตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ หรือส่งเรื่องให้กองปราบปรามดำเนินคดีต่อไป แต่การติดตามตัวทั้งสองคนกลับมารับโทษนั้น เป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุด ที่จะดำเนินการประสานขอความร่วมมือในระดับชาติต่อไป


Monday, April 27, 2009

"ประวิตร"เรียก"เสธ.แดง"แจง หลังพาดพิงสร้างขั้วใหม่ร่วม"เนวิน"

NationChannel : "ประวิตร"เรียก"เสธ.แดง"แจง หลังพาดพิงสร้างขั้วใหม่ร่วม"เนวิน"
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อบ่ายวันที่ 27 เมษายน พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าสำนักงานผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเพื่อนเตรียมทหารรุ่น11 ได้ประสานงานมาให้ไปพบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ห้องรับรอง สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ และขอให้ช่วยชี้แจงกรณี ที่ตนไปให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ประวิตร เป็นส่วนหนึ่งของขั้วอำนาจใหม่ทางการเมือง โดยมี นาย เนวิน ชิดชอบ รวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ได้สัมภาษณ์ไว้ในประเด็นเรื่องการลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

“ตอนนี้ต้องทำหน้าที่เป็นโฆษกประจำ รมว.กลาโหม เพี่อนำข้อมูลที่ท่าน พล.อ.ประวิตร ได้บอกกับผมมาชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจว่า ท่านไม่ได้เป็นขั้วอำนาจใหม่ตามที่มีการวิเคราะห์ของสื่อ และ สิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์ก็เป็นการวิเคราะห์จากข่าว และจากที่ลูกชายของนาย สนธิพูด แต่จากการที่ได้พูดกับ พล.อ.ประวิตร ท่านบอกว่า ไม่คิดเล่นการเมือง และไม่คิดตั้งพรรคการเมือง รวมทั้งไม่เคยมักใหญ่ใฝ่สูง การมาเป็น รมว.กลาโหม ก็เพราะเขาเชิญมา ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือ เข้าไปพรรคประชาธิปัตย์เลย มาทำหน้าที่ตรงนี้ก็เพื่อดูแลกองทัพ และ น้องๆ ให้ทำงานได้”พล.ต.ขัตติยะ กล่าว

พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ยังบอกให้ตนช่วยดูแลกองทัพ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เพราะทำงานเพื่อส่วนรวมอยู่ ซึ่งก็ได้ชี้แจงไปว่าที่ผ่านมาได้ทำทุกอย่างในการปกป้อง ทั้งกองทัพ และ พล.อ. อนุพงษ์ มาตลอด ทั้งออกหน้าทะเลาะกับสีเหลือง ชี้แจงแทนกองทัพในเรื่องการสลายชุมนุมว่าไม่มีคนตาย รวมทั้ง เรื่องกระสุน พล.ร.9 ซึ่งกลับโดนตำหนิ อีกทั้งผู้บังคับบัญชาก็ฟังแต่คนรอบข้าง ไม่ได้ฟังว่าชาวบ้านส่วนใหญ่เขาคิดกันอย่างไร ซึ่งตนได้สะท้อนข้อมูล และ สถานการณ์ผ่านมาให้ รมว.กลาโหมฟัง อันเป็นเรื่องที่ท่านไม่เคยรับรู้มาก่อน เพระรอบข้างมีแต่ลิ่วล้อ ไม่ค่อยมีขุนพลคู่ใจ ต้องมีจั่นเจาอย่างตนคอยให้ข้อมูลถึงจะได้ข้อมูลรอบด้าน

“ผมบอกว่าตอนนี้มีท่านเพียงคนเดียวที่มีบารมี ท่านทำได้ คือ ต้องชี้แจงให้นายกฯ รู้ว่าสภาพการเมืองตอนนี้แตกแยกกัน เราต้องละลาย โดยยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ ล้างเหลือง แดง น้ำเงิน ให้หมด แล้วไปสู่สนามเลือกตั้ง ตอนนี้มีท่านที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะมีบารมี มีน้องๆ ในกองทัพ ที่ฟังท่าน แถมพี่ป้อมยังเข้าถึง ป๋าเปรม ได้ด้วย เนวิน มันเห็นว่าท่านมีประโยชน์ สามารถคุมสภาพได้หมด แต่เมื่อทุกอย่างสำเร็จตามจุดประสงค์ พี่ทำอะไรได้ตามเป้า เนวิน มันก็จะหักหลังท่านอีก ซึ่งเมื่อผมวิเคราะห์ตรงนี้ให้พี่ประวิตรฟัง ท่านก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ” พล.ต.ขัตติยะ ซึ่งกลายเป็นโฆษกประจำตัว รมว.กลาโหม กล่าว

พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ไม่ขอออกความเห็นว่า เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ในสิ่งที่ พล.อ.ประวิตร บอกว่าจะไม่เล่นการเมืองหรือตั้งพรรคการเมือง แต่ ตอนนี้ พล.อ.ประวิตร ถือเป็นคนที่มีบารมีที่สุด เป็นคนที่นิ่งที่สุด เหมาะจะเป็นนายกฯ ใครๆ ต่างก็ให้การยอมรับ ซึ่งในอดีตทหารก็มีการตั้งพรรคการเมืองมาแล้ว ทั้งพรรคเสรีมนังคศิลา ของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม พรรคสหภูมิ ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และพรรคสามัคคีธรรมของ รสช. แต่ตนไม่รู้ว่าจะมีการตั้งพรรคโดยทหารขึ้นอีกหรือไม่ แต่ พล.อ.ประวิตร ขอให้ตนมาชี้แจงในเรื่องนี้ว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง กับขั้วอำนาจใหม่อย่างที่สื่อวิเคราะห์กัน ก็ขอทำหน้าที่ โฆษกฯ ให้ท่าน เท่านั้นเอง


เสื้อแดงเชียงใหม่แจกซีดี-ชวนชาวบ้านต้านรัฐ

NationChannel : เสื้อแดงเชียงใหม่แจกซีดี-ชวนชาวบ้านต้านรัฐ
กลุ่มเสื้อแดงประมาณ 3-4 คน ได้นำรถเครื่องเสียง 1 คันประกาศเชิญชวนผ่านทางเครื่องขยายเสียง ตามตลาดสดหลายแห่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้มวลชนเสื้อแดงออกมาต่อต้านรัฐบาล ที่ใช้การจัดการกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะประเด็นการแจ้งจับแกนนำในพื้นที่ โดยกลุ่มดังกล่าวมุ่งโจมตีว่า รัฐบาลได้ใช้ 2 มาตรฐานในการดำเนินคดีกับการชุมชนุมของกลุ่มเสื้อแดง และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากการโจมตีเชิญชวนให้ชาวบ้านทั้งพ่อค้าแม่ค้าและผู้มาจับจ่ายซื้อของในตลาดร่วมกันต่อต้านรัฐบาลแล้ว ชายกลุ่มดังกล่าวยังได้นำแผ่นซีดีที่อ้างว่าเป็นภาพทหารทำร้ายกลุ่มเสื้อแดงมาแจกให้กับประชาชนซึ่งมีจำนวนที่จำกัด จากนั้นชายกลุ่มดังกล่าวได้พากันขับรถเครื่องเสียงออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งแตกต่างกับการเปิดเวทีปราศรัยเป็นเวลานานในช่วงก่อนหน้าช่วงสงกรานต์ที่รัฐบาลยังไม่มีการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม


"สุรชัย แซ่ด่าน"สวมชุดนักรบป่า-เครื่องแบบพคท.มอบตัว

May Day 2006 - Communist PartyImage by nic0 via Flickr

NationChannel : "สุรชัย แซ่ด่าน"สวมชุดนักรบป่า-เครื่องแบบพคท.มอบตัว
เมื่อเวลา 13.00 น.ของวันที่ 27 เม.ย.52 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรชัย (แซ่ด่าน) ด่านวัฒนานุสรณ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลพัทยา ในกรณีเป็นแกนนำเสื้อแดง บุกล้มการประชุมอาเซียนที่ พัทยา จ.ชลบุรี และ หมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในกรณีพกพาอาวุธปืน และชักปืนหลังจากที่กลุ่มเครือข่ายรักป๋าเปรม เข้าไปต่อต้านการชุมนุมขนคนเสื้อแดงไปยัง กทม.ก่อนวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ติดต่อกับ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอเข้ามอบตัวสู้คดีดังกล่าว
โดยเมื่อเดินทางมาถึงยังกองบังคับการ ภ.นครศรีธรรมราช พบว่า นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ได้สวมเครื่องแบบทหารป่าสีเขียวขี้ม้า และ มีดาวแดงเป็นสัญลักษณ์บนหมวกเขียว โดยหน้าอกด้านซ้ายปักตัวอักษร ทปท.บนพื้นสีแดง ซึ่งเป็นตัวย่อจากข้อความว่า “กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย” และมีทนายความรวมถึงผู้ติดตามใกล้ชิดเช่น นายประกอบ แต้มสีทอง และ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทยเก่า พรรคพลังประชาชน และ พรรคเพื่อไทย รวมทั้งชาวบ้าน ซึ่งพบว่าเป็นอดีตผู้เคยเคลื่อนไหวในฝ่ายซ้ายมาก่อนราว 10 คน เดินทางตามมาให้กำลังใจ

พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าตามหมายจับของทั้งสองคดีในคดีที่เกิดขึ้นใน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เป็นคดีพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ และในอีกคดีคือ คดีที่ศาลพัทยา เป็นผู้ออกหมายจับ
โดยในคดีแรกพนักงานสอบสวนจะรับมอบตัว และให้ทนายความยื่นขอประกันตัวตามขั้นตอน ในอีกคดีคือที่ศาลพัทยาพนักงานสอบสวนจะทำบันทึกการรับมอบตัวแล้วนำตัวไปส่งมอบยังพนักงานสอบสวนเจ้าของท้องที่ที่เกิดเหตุต่อไป ซึ่งขอยืนยันว่าดำเนินการไปตามกระบวนของกฎหมาย ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งใดๆทั้งสิ้น

นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ เปิดเผยว่าในข้อหาที่ถูกออกหมายจับนั้นขอปฏิเสธทั้งหมด ทั้งในส่วนของนครศรีธรรมราช และที่พัทยา ซึ่งตนเองไม่ได้เข้าร่วมเข้าไปในโรงแรมที่ประชุมด้วย หลังจากที่ถูกออกหมายจับตนได้หลบมากบดานในป่าแถวนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นพื้นที่ใด

ซึ่งหากมีการไล่ล่าตนเองเตรียมที่จะเข้าป่าต่อสู้อีกครั้งอยู่แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลายตนเองจึงออกมามอบตัวสู้คดี
ต่อข้อถามการสวมเครื่องแบบ พคท.จะเป็นการสื่อความหมายถึงการสานต่อการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ไทยใหม่ หรือไม่ นายสุรชัยกล่าวว่า การออกมาเปิดเผยแนวคิดก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องเล่นๆเท่านั้น แต่มาวันนี้ต้องการให้เกิดการเมืองขั้วที่ 3

“เราเคยคาดหวังกับนโยบาย 66/23 และ เราเคยประกาศไว้ว่าเราวางอาวุธแต่ไม่วางอุดมการณ์ ที่ผ่านมาเป็นการหลอกให้เราวางปืน แต่ไม่ได้ทำให้ประชาธิปไตยเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ เหล่านี้เป็นสาเหตุในการเข้าร่วมกับกลุ่มเสื้อแดง ”นายสุรชัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ได้ประกาศในการเริ่มก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยใหม่ จนเป็นข่าวโด่งดัง และต่อมาได้ประกาศจัดตั้งกองกำลังพิทักษ์ตนเองตามลำดับ และ สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในภาคใต้ ได้มีการรวมตัวกันในหลายพื้นที่บ่อยครั้งเช่น ที่นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พัทลุง และตรัง

ซึ่งมีความเคลื่อนไหวอย่างหนักช่วงเหตุการณ์ความวุ่นวายและมีการจับตาความเคลื่อนไหวเหล่านี้อย่างใกล้ชิด
ส่วนนายสุรชัยนั้นมีรายงานว่า ได้หลบกบดานอยู่ใน ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นายสุรชัย กว้างขวาง และเคยเคลื่อนไหวในอดีต


Reblog this post [with Zemanta]

"ทนายผู้เสียหายสลายพันธมิตร" ถอนฟ้อง "พัชรวาท-อำนวย"

NationChannel : "ทนายผู้เสียหายสลายพันธมิตร" ถอนฟ้อง "พัชรวาท-อำนวย"
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 27 เม.ย.52 ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ อ.4142/2551 ที่ นายสิทธิพร โพธิโสตา อาชีพทนายความ ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เสียหายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 ที่ผ่านมา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. , พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. , พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. เป็นจำเลยที่ 1- 5 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีร่วมสั่งการให้มีการสลายการชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต

โดยวันนี้ทนายความจำเลยเดินทางมาศาลเพื่อเตรียมการซักค้านพยานแต่ปรากฏว่า นายสิทธิพร โจทก์ ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง พล.ต.อ.พัชรวาท จำเลยที่ 2 , พล.ต.ท.สุชาติ จำเลยที่ 4 และพล.ต.ต.อำนวย จำเลยที่ 5 ไปเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องนายสมชาย จำเลยที่ 1 ไปตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.51 และถอนฟ้อง พล.ต.อ.จงรัก จำเลยที่ 3 ไปเมื่อวันที่ 27 ก.พ.52 ซึ่งการถอนฟ้องโจทก์ระบุว่าไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีต่อไป และเพื่อความสมานฉันท์และความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง โดยศาลสอบถามฝ่ายจำเลยไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ถอนฟ้องและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายสิทธิพร นั้นมีรายงานข่าวระบุว่ามีความสนิทสนมกับ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.และถูกมองว่านำคดีดังกล่าวมาฟ้องเพื่อหวังให้ ป.ป.ช.ยุติการไต่สวนนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการใช้กำลังสลายการชุมนุม ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2542 มาตรา 86 ได้บัญญัติ ห้ามไม่ให้ ป.ป.ช.รับคำกล่าวหาที่เกี่ยวกับเรื่องที่ศาลรับฟ้องในประเด็นเดียว


"พณิช"ชี้ห้ามสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ไปยูเออีไม่ได้

Emirates of the UAEImage via Wikipedia

หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์
"พณิช"ชี้ห้ามสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ไปยูเออีไม่ได้

นายพณิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงรายงานว่า มีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกถอนสิทธิ์เลือกตั้งจากการยุบพรรคบางคน เตรียมที่จะเดินทางไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ว่า ในหลักการรัฐบาลไม่สามารถปิดกั้น หรือสั่งห้ามมิให้เดินทางออกนอกประเทศได้ นอกจากบุคคลเหล่านี้จะมีทั้งหมายจับ และถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

"เราไม่ทราบว่าพวกเขาไปยูเออีเพื่ออะไร โดยทั้ง 111 คนไม่ได้ทำผิดทั้งหมด ความจริงพวกเขาสามารถเดินทางไปไหนทั่วโลกได้เป็นปกติ เว้นแต่เล่นการเมืองเท่านั้น แต่หากในจำนวนนี้มีผู้ที่ถูกหมายจับ และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ทางกระทรวงก็มีหน้าที่แจ้งไปยังต่างประเทศ เพื่อช่วยกันติดตามตัวบุคคลเหล่านี้กลับมาดำเนินคดีในประเทศ" นายพณิชกล่าว
Reblog this post [with Zemanta]

อาเซียนโล่งใจหลังไทยยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

Location of Southeast Asia.  This map primaril...Image via Wikipedia

Daily News Online
อาเซียนโล่งใจหลังไทยยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

วันนี้(27 เม.ย.) ที่โรงแรมโฟร ซีซั่น นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน กล่าวถึงการเตรียมจัดประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ภายหลังที่รัฐบาลไทยได้ยกเลิกการประชุมดังกล่าวที่จัดขึ้นที่พัทยา เนื่องจากผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงบุกรุกและสร้างความปั่นป่วนจนทำให้การประชุมไม่สามารถเริ่มขึ้นได้ว่า ได้มีการหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในการกำหนดวันประชุมที่ผู้นำทั้ง 16 ประเทศ สะดวกเดินทางเข้าร่วมประชุมพร้อมกัน เท่าที่ทราบมีบางประเทศติดเลือกตั้งภายในประเทศ บ้างติดพิจารณางบประมาณประจำปี และเยือนประเทศอื่น

'เบื้องต้นเอาแค่ผู้นำของประเทศในอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาทั้ง 16 ประเทศมาร่วมประชุมให้ได้เสียก่อน ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนที่จะนัดแนะเวลาที่เหมาะสม ส่วนการเชิญเลขาธิการยูเอ็นและองค์การสถาบันการเงินมาร่วมในกรอบอาเซียน โกลบอล ไดอะล็อกนั้น จะพิจารณากันภายหลัง เพราะอยากให้การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14 ที่เป็นของปีที่แล้ว ให้เสร็จลุล่วงไปได้ และอย่าลืมว่าการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 ที่เป็นของปี 2552 จะต้องมีขึ้นในปลายปีนี้' นายสุรินทร์กล่าว

เลขาธิการอาเซียน กล่าวอีกว่า ส่วนการยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นเป็นนิมิตหมายที่ดี โดยตนเชื่อว่าหลายประเทศในอาเซียนโล่งใจที่ไทยยกเลิก พ.ร.ก.ดังกล่าว เมื่อสถานการณ์ในไทยคืนสู่ปกติ ไม่มีความขัดแย้งที่รุนแรงภายในเดือนครึ่ง ก็พอที่จะยืนยันถึงเสถียรภาพและความมั่นคงของไทยได้ อย่างไรก็ตาม ทุกประเทศในอาเซียนยังมีความเชื่อมั่นในมาตรการรักษาความปลอดภัยในการประชุมสุดยอดอาซียน และแสดงความพร้อมจะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว.


Reblog this post [with Zemanta]

'พนิช'ยันยูเออีห้าม'ทักษิณ'เคลื่อนไหวทางการเมือง

Daily News Online
'พนิช'ยันยูเออีห้าม'ทักษิณ'เคลื่อนไหวทางการเมือง

วันนี้(27 เม.ย.) นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อ้างว่าประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี)ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สามารถเดินทางเข้ายูเออีได้ตามปกติ ว่า ยังได้รับการยืนยันจากรักษาการปลัดกระทรวงต่างประเทศของยูเออี ว่าจะไม่ยอมให้ใครใช้ยูเออีขับเคลื่อนทางการเมือง แต่ถ้าใช้ในเชิงดำเนินการทางธุรกิจ ก็ไม่มีปัญหา ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณใช้เมืองดูไบเป็นฐานขับเคลื่อนทางการเมืองเพื่อโจมตีประเทศไทย รัฐบาลยูเออีจึงไม่ยินยอมแน่นอน และในตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีหนังสือเดินทางของประเทศไทยแล้ว ดังนั้น ต่อจากนี้ ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้ามายังยูเออี เชื่อว่ารัฐบาลยูเออีจะจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับยูเออีอยู่ในระดับที่ดีมาก

'ผมได้เดินทางไปยูเออีพร้อมกับเอกอัครราชทูตไทยประจำยูเออี ซึ่งมีบันทึกยืนยันชัดเจนว่าการพูดคุยกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง' นายพนิช กล่าว

ส่วนความคืบหน้าการทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไทย-ยูเออีนั้น ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการร่างสนธิสัญญา ซึ่งยูเออีได้ส่งร่างมาให้กระทรวงการต่างประเทศไทยแล้ว กำลังพิจารณาให้อยู่ในกรอบ พ.ร.บ.การส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 และจะได้พิจารณาลงนามอย่างเร็วที่สุด ซึ่งยูเออีเองก็ต้องการนำตัวคนของยูเออีที่อยู่ในประเทศไทยกลับโดยเร็วเช่นกัน นอกจากนี้ ไทยอยู่ในระหว่างดำเนินการทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับหลายประเทศด้วย

เมื่อถามว่าได้ตรวจสอบข่าวที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้หนังสือเดินทางของกัมพูชาหรือไม่ นายพนิช กล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่การตรวจสอบเรื่องนี้ต้องดูว่า พ.ต.ท.ทักษิณถือหนังสือเดินทางกัมพูชาโดยใช้ชื่อตัวเองหรือคนอื่น ถ้าเมื่อไหร่ใช้ชื่อตัวเอง ย่อมมีหมายจับดำเนินการตามกฎหมายได้ เพราะยังถือว่าพ.ต.ท.ทักษิณยังมีสัญชาติไทย ทั้งนี้ไม่ยืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณถือหนังสือเดินทางของประเทศใดบ้าง แต่ได้ทราบข่าวว่ามีประเทศนิการากัวได้แจ้งการมอบหนังสือเดินทางพิเศษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา

ต่อข้อถามว่ากระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยในแถบประเทศแอฟริกาดำเนินการติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ หลังจากมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศแถบดังกล่าว ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตอนนี้พ.ต.ท.ทักษิณมีหมายจับแล้ว ส่วนประเทศเล็กๆในแถบแอฟริกา แม้ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตต่อไทย แต่สามารถประสานประเทศที่มีสถานเอกอัครราชทูตไทยให้ติดตามตัวได้ เพราะประเทศเล็กๆเหล่านั้นมีเพียงไม่กี่ประเทศ แต่ยอมรับว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหวในประเทศเล็กๆเหล่านั้นได้นาน คงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้มาก เพราะไทยไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูต

เมื่อถามถึงข่าวที่ว่า นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ถูกออกหมายจับ กำลังเคลื่อนไหวอยู่นอกประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอย่างไร นายพนิช กล่าวว่า นายจักรภพขณะนี้เป็น 1 ใน 13 คนที่ถูกออกหมายจับจากการเคลื่อนไหว เท่าที่ตรวจสอบล่าสุดเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ยังไม่พบว่า นายจักรภพ เดินทางออกนอกประเทศ เพราะยังไม่มีการเดินทางโดยการใช้หนังสือเดินทางในชื่อนายจักรภพ แต่ถ้าแอบหรือเดินทางด้วยวิธีอื่นก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ถูกออกหมายจับพร้อมกับนายจักรภพ ยังไม่พบด้วยว่าเดินทางออกไปจากประเทศไทย ทั้งนี้ การติดตามตัวกลับมาเป็นเรื่องของตำรวจและอัยการที่จะติดตามตัวมาดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งถ้ากระทรวงการต่างประเทศได้รับการประสานมาจากตำรวจหรืออัยการให้ดำเนินการ ก็จะแจ้งไปยังประเทศที่มีสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ไทยประจำอยู่ถึงการนำตัวกลับมาดำเนินคดี ซึ่งเราจะรีบแปลเอกสารเพื่อแจ้งให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้ยังไม่มีการประสานมาให้ดำเนินการ

ส่วนการดำเนินการถอนหนังสือเดินทางบุคคลทั่วไปของนายจักรภพ นายพนิช กล่าวว่า ทางกระทรวงฯไม่สามารถทำโดยพลการได้ ถ้าไม่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหรืออัยการ แต่ถ้ามีข่าวว่านายจักรภพเดินทางออกนอกประเทศ เชื่อว่าการถอนหนังสือเดินทางจะหยุดการเดินทางออกนอกประเทศและนำตัวกลับมาดำเนินคดีได้.


จตุพรค้านจักรภพติดอาวุธต้านรบ.

โพสต์ ทูเดย์ - จตุพรค้านจักรภพติดอาวุธต้านรบ.
จตุพรแนะหาคนกลางสอบสลายเสื้อแดงแก้ไขรธน.ค้านจักรภพติดอาวุธต้านรัฐบาล

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.แบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่ากรณีวิป 3 ฝ่ายเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุสลายการชุมนุมช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา และคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นควรจะหาบุคคลที่มีความเป็นกลางเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าว โดยไม่ควรให้มีตัวแทนจากวิปทั้ง 3 ฝ่ายเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะจะไม่ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นยุติลงเนื่องจากต่างฝ่ายยังมีความหวาดระแวงกัน เช่นเดียวกัน ในส่วนของกลุ่ม นปช.ก็ไม่ควรจะมีตัวแทนเข้าไปร่วมในคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด

แกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้แกนนำกลุ่ม นปช.ที่ออกหมายจับจะทยอยเดินทางไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวน โดยในส่วนของนายจักรภพ เพ็ญแข ยังไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน และไม่เห็นด้วยกับความเห็นของนายจักรภพที่จะใช้อาวุธต่อต้านรัฐบาล ซึ่งหากตนเองมีโอกาสพบปะกับนายจักรรภพก็จะแนะนำไม่ให้มีการเสนอความเห็นดังกล่าว.


นายกฯเข้าเฝ้าในหลวง

โพสต์ ทูเดย์ - นายกฯเข้าเฝ้าในหลวง
นายกฯเข้าเฝ้าในหลวงพระราชวังไกลกังวลถวายรายงานบริหารราชการแผ่นดิน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางโดยเครื่องบินของกองทัพบก ไปยังพระราชวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อถวายรายงานเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน และจะเดินทางกลับมาถึง กทม.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.


สุเทพไม่รู้แม้วถือพาสปอร์ตเขมร

Map Of CambodiaImage via Wikipedia

โพสต์ ทูเดย์: - สุเทพไม่รู้แม้วถือพาสปอร์ตเขมร
ยูเออีไม่ห้ามทักษิณเข้าประเทศแต่ห้ามซ่องสุมการเมืองป่วนไทย
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ระบุ ไม่ทราบกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือพาสปอร์ตของประเทศกัมพูชา และไม่ได้ฝากให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือเรื่องนี้ในโอกาสเยือนกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยอมรับว่าห่วงการเคลื่อนไหวของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องติดตามดู

ส่วนการประชุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีพูดชัดแล้วว่า การชุมนุมใดหากอยู่ในกรอบของกฎหมาย ก็สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม จะต้องพยายามทำให้ประชาชนทุกฝ่ายเข้าใจว่า ถ้าทุกคนเคร่งครัดเคารพกฎหมาย บ้านเมืองก็จะสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นหน้าที่ที่จะต้องช่วยกัน


ฺยูเออีให้เข้าปท.แต่ห้ามป่วนไทย

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สามารถพำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ ในฐานะนักธุรกิจหรือบุคคลธรรมดา ซึ่งต้องไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะหากมีการเคลื่อนไหวก็จะให้ออกจากประเทศ

ทั้งนี้ ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปประเทศใด เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นแอฟริกา แต่เชื่อว่า มิตรประเทศของไทยจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา นอกจากนี้ขอเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ หากไม่กลับมารับโทษในประเทศไทย ก็ไม่ควรมีการเคลื่อนไหว ที่ทำให้ประเทศต้องได้รับความเสียหาย


สันติบาลกังวลหลักฐานเอาผิดแม้ว

พล. ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล กล่าวว่า ในวันที่ 27 เม.ย. จะมีการนัดประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ ทำหน้าที่ตรวจสอบคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับสื่อต่างประเทศเกี่ยวกับสถาบัน เพื่อประมวลพยานหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังคณะตรวจสอบชุดเล็กตรวจสอบแล้วเห็นว่า บทสัมภาษณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรีมีความไม่เหมาะสม

ผู้ บัญชาการตำรวจสันติบาล กล่าวต่อว่า สันติบาลยังกังวลเรื่องหลักฐานที่จะใช้พิจารณาเอาผิด ทั้งที่เป็นเอกสารบทสัมภาษณ์ ผู้แปล ผู้สัมภาษณ์ และผู้ที่เผยแพร่ ซึ่งจะต้องมีการลงนามรับรองว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์จริง นอกจากนี้ ที่ประชุมจะหยิบยกกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช. ให้สัมภาษณ์พาดพิงสถาบันมาพิจารณาด้วย


Reblog this post [with Zemanta]

ศาลคุกเสธแดงหมิ่นเสรีฯ

…And Justice for All album coverImage via Wikipedia

โพสต์ ทูเดย์
ศาลคุกเสธแดง2เดือนรอลงอาญา2ปีคดีโพสต์หมิ่นเสรีฯโกงกฐินบนเวปไซต์

ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาในคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง เป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาท จากกรณีที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของเว็บไซต์เสธ.แดง โดยมีการตั้งกระทู้ภายในเว็บไซต์ อันมีข้อความหมิ่นประมาทโจทก์กล่าวหาว่า ยักยอกเงินทอดกฐินของวัดไร่ใหญ่สามัคคีเป็นจำนวนกว่า 6 ล้านบาท ซึ่งเป็นความเท็จทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

ศาลอาญาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยในฐานะเจ้าของเว็บไซต์ ควรดูแลรับผิดชอบและลบข้อความที่ไม่เหมาะสม แต่จำเลยกลับไม่ได้กระทำการดังกล่าว จึงถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการหมิ่นประมาท พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 เดือน และปรับ 20,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และเคยสร้างคุณงามความดีต่อประเทศ และไม่เคยได้รับโทษทางอาญามาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญา 2 ปี แต่ให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ และมติชน เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน
Reblog this post [with Zemanta]

Sunday, April 26, 2009

ราชดำเนิน การเมืองบนโลกไซเบอร์

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์

โพลหลายสำนัก ระบุ ตรงกันว่า ยุคนี้คนไทยเป็นโรคเครียด 2 เรื่องหลักๆคือเศรษฐกิจและการเมือง

โดยเฉพาะเรื่องหลัง จากก่อนหน้านี้อาจมีเพียงแค่คนเฉพาะกลุ่มให้ความสนใจพูดคุย แสดงความเห็น

แต่วันนี้ "การเมือง" กลายเป็นเรื่องที่คนทุกระดับ คุยกันได้ตั้งแต่ในสวนผลไม้ ในที่ทำงาน ในห้องประชุม บนโต๊ะกินข้าว และบนอินเทอร์เน็ต



คลิปการเมืองว่อนเน็ต
วันนี้ ปรากฏการณ์ "วิดีโอ คลิป การเมือง" กลายเป็นข้อมูล และหลักฐานสำคัญ ที่ถูกนำมากล่าวอ้างบนเว็บไซต์ นอกเหนือจากบทความ ข้อเขียนต่างๆ โดยเฉพาะมีให้เห็นมากขึ้นตามเว็บไซต์ดังๆ ที่เปิดให้แสดงความคิดเห็นทางการเมือง

"วันฉัตร ผดุงรัตน์" ผู้ก่อตั้งเวบไซต์พันทิป (www.pantip.com) ที่มีห้องราชดำเนินต้อนรับคอการเมือง แสดงความเห็นว่า วันนี้การแสดงความคิดเห็นในกระทู้การเมือง มีพัฒนาการเพิ่มขึ้น ไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นแบบลอยๆ จับต้องไม่ได้อีกต่อไป เพราะแต่ละฝ่ายจะนำข้อมูลหลักฐานที่สามารถอ้างอิงที่มาที่ไป นำมาโต้เถียงกันมากกว่าในอดีต

"ในราชดำเนินตอนนี้ นอกจากหลักฐานบทความต่างๆ ก็จะมีข้อมูลด้านมัลติมีเดีย อย่างวีดีโอ คลิป หรือหรือลิงค์ข่าวพร้อมรูปภาพต่างๆ ที่ถูกนำมาถกเถียงหาข้อเท็จจริงเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นพัฒนาการทางความคิดของคนยุคปัจจุบัน เราเองไม่ได้กวดขัน หรือกลั่นกรองอะไรเป็นพิเศษ เพราะยังเชื่อว่า ภาพวิดีโอจะตัดต่อได้ไม่เนียน เท่ากับภาพนิ่งที่ตรงนั้นอาจจะต้องพิจารณากันมากหน่อย"

อย่างคลิป วิดีโอ ทางการเมืองที่ทางสภาฯ ไปนำเสนอกันช่วงประชุม 2 วันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็เป็นคลิปที่สมาชิกในห้องราชดำเนินถกเถียงกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งมีทัศนะทั้งฝ่ายเหลือง แดง และกลางๆ โดยเห็นว่าคนที่เข้ามาในห้องนี้มีวิจารณญาณเลือกที่จะเชื่อ หรือไม่เชื่อก็ได้ แต่ที่ยังหนักใจ และยังต้องดูแลใกล้ชิดต่อเนื่องก็คือ ข้อความที่หมิ่นเบื้องสูง

เสียงจริง..ของคนบนเว็บ
วันฉัตร ให้ความเห็นว่า จากที่คลุกคลีกับการแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ มานานบนเวบ ถือว่าความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ต ณ วันนี้เป็น "เสียงสะท้อน" ที่แท้จริงของคนในสังคม ตามแต่ละสถานการณ์ แต่ก็ยังเห็นว่า ความเห็นบนเน็ต ก็เป็นเพียงแค่ทัศนะของคนหนึ่งคน หลากคนก็หลากทัศนะมีหลายมุมมอง แต่มีข้อดีกว่าอดีต คือ ระบบสามารถตรวจสอบได้ เพราะต้องมีการล็อกอิน ทำให้มั่นใจว่าคนที่มาแสดงความคิดเห็นนั้น มีตัวตนอยู่จริงๆ

"วันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ห้องราชดำเนินจะมีคนสีกลางๆ ที่ไม่ใช่เหลือง และแดงเข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงความเดือดร้อนที่เขาได้รับจากความวุ่นวายทางการเมือง การปิดถนนในกรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก เฉพาะวันที่ 13 มีจำนวนเพจวิวสูงมากที่สุดคือ 4.7 แสนเพจวิว"

ขณะที่ ฝั่งสีแดง และเหลืองต่างก็เอา หลักฐานต่างๆ มาเพื่ออธิบายถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ก็ถือว่า เป็นช่วงที่ "ราชดำเนิน" ร้อนที่สุดก็ว่าได้ โดยหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย กลุ่มคนที่เราเชื่อว่าเป็นกลางๆ ไม่ใช่ทั้ง 2 สี ก็ค่อยๆ หายไป เพราะส่วนใหญ่คนเหล่านี้จะเป็นคนทั่วไปที่เน้นเรื่องการทำมาหากินเป็นหลัก และเห็นว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลายเขาก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขได้

แม้วันนี้สถานการณ์การเมืองยังไม่คลี่คลายแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ "วันฉัตร" เผยว่า ยังไม่มีใบสั่งจากใครใดๆ ทั้งสิ้น ให้กวดขันควบคุมเนื้อหา แม้ว่าครั้งหนึ่งห้องราชดำเนินจะเคยถูกเพ่งเล็งจาก "คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ" (คมช.) ขอให้ตรวจสอบเนื้อหาการแสดงความเห็นช่วงการเมืองร้อนแรงให้มากขึ้นเป็นพิเศษ

ครั้งนั้นจึงเป็นครั้งแรก และครั้งเดียวที่เวบพันทิปต้องตัดสินใจปิดห้องราชดำเนินชั่วคราว!!!


Reblog this post [with Zemanta]

Label Cloud