Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Thursday, April 23, 2009

เกมนี้"มันจบแล้ว"สำหรับกบฏทักษิณ - เปลว สีเงิน 23-04-2009

ไทยโพสต์ - เปลวสีเงิน

ก็แปลกดี  เผาบ้าน-แยกเมือง  เสร็จแล้วแทนที่จะตกเป็นผู้ต้องหาก่อจลาจล  ทำลายความมั่นคง-ล้มล้างสถาบันหลักของชาติ   แต่  ส.ส.แกนนำก่อจลาจล  "นายจตุพร  พรหมพันธุ์"  และคณะพรรคเพื่อไทย  กลับใช้วาทกรรมพลิกตัวเองขึ้นเป็นผู้เสียหาย  กล่าวหารัฐบาล  และทหารว่าฆ่าพวกเขาตาย-เจ็บเป็นร้อยๆ  แล้วแอบลำเลียงศพไปเผาที่โน่น-ที่นี่

  พูดง่ายๆ  คือ  เจ้าหน้าที่ผู้รักษาบ้านเมืองแทนที่จะเป็นโจทก์  กลับกลายเป็นจำเลย  ส่วนผู้ก่อจลาจลในบ้านเมือง  แทนที่จะเป็นจำเลย  กลับกลายเป็นโจทก์  แล้วอย่างนี้ไม่แปลกหรือ?

     แต่ถ้าใครเข้าใจยุคสมัยแล้วจะไม่แปลก  ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ  ยุคนี้เป็นยุค  "สื่อสารครองโลก"  ใครยึดสื่อได้ก่อน  ก็เป็นผู้ครองโลกได้ก่อน  คนที่เข้าใจตรงนี้ดีที่สุดคือ  "ทักษิณ  ชินวัตร"  เพราะฉะนั้น  เขาและบริวารจึงสามารถพลิกแพลงความเป็นโจทก์  หรือความเป็นตัวนำได้ก่อนเสมอ

     เขาทำอย่างไร..?

     ก็ด้วยการอาศัย  "ไมค์สื่อ"  ที่จ่อปากเป็นเครื่องมือ  พลิกลิ้น  ปลิ้นปล้อน  หน้าด้าน  พลิกดำเป็นขาว-พลิกขาวเป็นดำ  ให้กลายเป็นข่าวกรอกหู-กรอกตาประชาสาธารณชนผ่านจอ  เรียกว่า  "ชิงพื้นที่ข่าว"  ก่อนได้เปรียบ  อะไรประมาณนั้น

     พวกหนังหนา-หน้าด้าน  ไร้ซึ่งหิริ  โอตตัปปะเช่นนี้  คนบุราณท่านจัดอยู่ในประเภท  "คนระยำ  ใส่ครกตำ  สักพันปี  ก็บ่มี  ซึ่งยางอาย"!

     สื่อประเภทถือไมค์  ผมสังเกตว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือง่ายมาก  และมากต่อมาก  ถ้าวัดระดับความเฉลียวดฉลาดในด้านสื่อแล้ว  ผมว่านายจตุพร  พรหมพันธุ์  ฉลาดเหนือชั้นกว่านักข่าว  และหัวหน้าข่าวโทรทัศน์หลายๆ  ช่อง  เพราะหลังจากหนีไปตั้งหลักอยู่วัน-สองวัน  พอโผล่หน้าก็มีสื่อเป็นม้าใช้  รุมกันเอาไมค์จ่อปาก

     แล้วจตุพรก็ลากไป  ว่าฝ่ายรัฐบาล  ให้ทหารลากปืนมาฆ่าประชาชนเสื้อแดงตายเป็นเบือบ้าง  ทหารขนเอาศพไปแอบเผาทิ้งบ้าง  พวกเสื้อแดงทำถูกทั้งหมด  ฝ่ายรัฐบาล-ทหารทำผิดทั้งหมดที่มาปราบปรามประชาชน  ซ้ำไม่กระดากปากปลิ้นปล้อนไปซึ่งๆ  หน้าว่า  พวกเขา-พวกเสื้อแดงไม่ใช่เป็นคนยิงใส่มัสยิด  มีคนสวมรอยป้ายความผิดไปให้พวกเขา

     เที่ยงๆ  บ่ายๆ  ค่ำๆ  คำสามานย์เหล่านั้นก็ได้ออกเป็นข่าวตามแผน  "กบฏแผ่นดิน"  ที่หลอกใช้สื่อโทรทัศน์กระจายข่าวสารจาก   "คณะก่อการทักษิณ"  สู่ประชาชน  ทั้งใกล้ปืนเที่ยง  และไกลปืนเที่ยง  เรียกว่าตั้งประเด็นเป็นโจทก์ไว้ก่อน-ได้เปรียบ  แล้วฝ่ายทหาร-ฝ่ายรัฐบาลก็เป็นฝ่ายคลานตามมาแก้  (ตัว)  ซึ่งเสียเปรียบในเชิงจิตวิทยามวลชน

     เมื่อพลิกลิ้นได้เปรียบเชิงกลทางข่าวสารที่  ถึงเร็ว-ถึงไว  และถึงก่อน  ไปแล้ว  ก็คิดเค้นประเด็นใหม่เป็นเหยื่อล่อให้สื่อไล่งับใหม่ไปเรื่อยๆ  ในภาษาสื่อเขาบอกว่า  "ประเด็นไม่ด้าน"  ถ้าไม่มีประเด็นใหม่มาหลอก  สื่อก็จะไม่เอาไมค์มาจ่อปาก  หรือจ่อปาก  คนข้างในก็จะไม่ตัดต่อออกหน้าจอสู่ประชาชน

     จตุพรศิษย์เอกทักษิณเขาเก่ง  ปล่อยข่าวเท็จจนฮิตติดชาร์ตไปแล้ว  ๒  ประเด็น  ทั้งเรื่องเสื้อแดงถูกทหารยิงตายเอาศพไปแอบเผา  กับเรื่องทหารเอาปืนจริง-กระสุนจริงมายิงเสื้อแดง  ก็เปิดประเด็นใหม่ตามแผน  "ใช้สื่อเป็นสากกะเบือ"  ไล่ทุบตีฝ่ายตรงข้าม

     รถแก๊สปิดถนน  ขู่บึ้มมมมม  ทลายกรุง  ตั้ง  ๒-๓  คันทั้งย่านดินแดงและราชปรารภ  อันเป็นหลักฐานประจานความชั่วร้ายขบวนการทักษิณ  นั้น  มันตวัดลิ้นไปว่า  หาใช่เกิดจากการกระทำของพวกเขาไม่

     หากแต่มีคนอีกฝ่ายจงใจ  "จัดฉาก"  ให้ฝ่ายเขาเป็นโจร....ดูมันพูดเข้า!?

     แม้กระทั่งจลาจลนางเลิ้ง  เสื้อแดงคลั่งยิงชาวบ้านตายไป  ๒  ศพ  มันยังกล้าพูด  หาใช่ฝีมือพวกมันไม่  หากแต่มีใครอีกฝ่ายสวมรอย  แล้วป้ายความผิดให้กบฏแผ่นดิน

     พรุ่งนี้ไม่รู้เขาจะคิดสรรปั้นประเด็นอะไรมาหลอกใช้สื่อ  และลากรัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ ให้ตกเป็นจำเลยตามไปแก้ข้อกล่าวหาอีก  ก็ช่วยไม่ได้ครับ  ในตำราบอกว่า  "การศึกย่อมไม่หน่ายเล่ห์"  ฉะนั้น  เมื่อไม่คำนึงถึงคุณธรรม  มโนธรรม  และความงามสง่าในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

     นายจตุพรและ  ส.ส.เพื่อไทย  เขาก็มีสิทธิ์ทำทุกอย่างเพื่อให้ฝ่ายตัวเองได้เปรียบ  และได้มวลชน  เช่นเดียวกัน  ฝ่ายรัฐบาล-ทหาร-ตำรวจ  ซึ่งเป็นฝ่ายรักษากฎหมาย  รักษาบ้านเมือง  และบริหารราชการงานเมือง  เรียกว่าได้เปรียบทั้งทางเงื่อนไข  และทางกลไกรัฐ  แต่ในเมื่อไม่สามารถใช้สิ่งที่เหนือกว่าชิงความได้เปรียบ  แม้กระทั่งสื่อโทรทัศน์ก็เป็นของรัฐ

     แล้วจะให้ไปโขกสับ-ด่าทอนายจตุพร  หรือนายตะแบงปากพูด-ตะแคงตูดถ่ายคนไหน  ก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไรกัน  ในชนชั้นไร้เสียแล้วซึ่งสำนึกแห่งชาติ  และมโนธรรมแห่งวิญญูชน

     คนในอาชีพสื่อ-ถือไมค์ทุกวันนี้  ก็น่าเห็นใจ  หน้าที่ของเขาคือซับข่าวสารกลับเข้าไปข้างในให้ได้มากที่สุด  และทุกอย่างขึ้นกับวินิจฉัยบุคลากรภายในว่าอะไรควรนำใส่จอ  แต่คนดูภายนอกไม่ค่อยเข้าใจ  ดี-ร้าย  ก็เหมาลงไปที่คนถือไมค์  และคนแบกกล้องจ้องถ่ายหมด

     ซึ่งผมก็เห็นใจ  และเข้าใจในข้อจำกัด  "นักรบถือไมค์"  ทั้งหลาย  ในภาวะสถานการณ์เป็นตาย  ประดาบกับ  "ตัวข่าว"  ทีไร  กลายเป็นเครื่องมือให้เขาไปโดยปริยายทุกที  เหตุผลง่ายๆ  ก็คือว่า  มีหน้าที่จ่อไมค์  แต่ไม่รู้จะตั้งประเด็นจี้ซักถามอะไร  เนื่องจากเหตุไม่มีภูมิในตัว  หรือไม่เคยทำการบ้านในเรื่องราวข่าวสารนั้นๆ  มาก่อน  จึงไม่มีฐานข้อมูลเป็นตัวรับและตัวรุก  คือการตั้งประเด็นซักไซ้  และถามแย้งกลับไปในการสัมภาษณ์

     ไมค์เลยถูกใช้เป็นสากกะเบือ  ให้เขาพูดลากไปตามประเด็นที่เขาตั้งใจจะใส่ร้ายป้ายสีใคร  หรือตามที่ตั้งใจจะพลิกแพลงตะแบงข่าวจากขาวเป็นดำสู่สังคม!

     เห็นมีคำถามยอดฮิตติดปากสื่อที่ได้ยินประจำทางหน้าจออยู่ประโยคเดียวซ้ำๆ  ซากๆ  คือ...ท่านครับ..ท่านคะ..เรื่องนี้ท่านว่าไงครับ  หรือไม่ก็..เรื่องนี้ไปถึงไหนแล้วคะ?

     นักการเมือง  หรือนักกวนเมืองได้ยินแล้วก็หัวเราะในใจ  จับไต๋ได้ว่าคนถามมีแต่ขี้คาไส้  นอกนั้นกลวงโบ๋  จึงให้ข่าวในลักษณะ  "หลอกใช้สื่อ"  เป็นเครื่องมือสู่เป้าหมายของเขา

     เนี่ยะ..ตั้งแต่  ๑๔  เมษา  ฝ่ายกบฏทักษิณ  "ออกแผน"  เป็นแคมเปญช่วงชิงมวลชนทางการตลาด  โดยชูประเด็น  ทหารใช้กระสุนจริงยิงเสื้อแดง  ทหารฆ่าเสื้อแดงเอาศพไปเผา  รัฐบาลใช้  ๒  มาตรฐานในการจับกุม  และต่างๆ  นานา  สุดแต่ความหนาจะเสกสรรค์ปั้นแต่งขึ้นมาสาดสี  ซึ่งนอกจากเป็นการโต้กลับแล้ว  ยังเป็นการกลบเกลื่อนความชั่วร้ายฝ่ายตัวเองที่ปล้นบ้าน-เผาเมืองอีกด้วย!

     กบฏทักษิณ  นายจตุพรและคณะพรรคเพื่อไทย  ไม่เห็นพูดถึงบ้างเลยว่า  นับแต่วันที่  ๘ เมษายน  ๒๕๕๒  ที่ทักษิณวิดีโอลิงค์มาถึงมวลชนเสื้อแดงอันรายล้อมทำเนียบรัฐบาล  และบ้านประธานองคมนตรีแน่นหนา  ด้วยคำปลุกเร้าประโยคหนึ่งว่า

     "เมื่อข้าอยู่ไม่ได้  ก็อย่าหวังว่าใคร  หน้าไหนจะอยู่ด้วยความสงบ"

     แล้วบรรดาสาวกเสื้อแดงก็ฮึกเหิม  ฮือก่อการจลาจลเมืองตามคำทักษิณสั่ง  ปิดถนนเฉพาะที่  และดาวกระจายตามปกติ  ก็ไม่ว่ากัน  แต่การไล่ปิด-ไล่ยึดทั้งกรุงเทพฯ  จนเป็นเมืองร้าง

     -ยึดรถเมล์มาเผา

     -ไล่ทุบ  ตามล่า  ไล่ฆ่านายกฯ  และคณะ

     -บุกโรงแรมรอยัลคลิฟบีช  พังการประชุมอาเซียนซัมมิต

     -ปิดดินแดง  ใช้รถแก๊สหวังระเบิดกรุง  ปาระเบิดเพลิงทำร้ายทหาร

     -กราดอาวุธสงครามใส่ศาลรัฐธรรมนูญ  หวังฆ่าคณะตุลาการ

     -ก่อจลาจล  สุมไฟ  แล้วไล่ยิงชาวบ้านนางเลิ้ง  ๒  ศพ

     -ย่ำยีศาสนสถานพี่น้องชาวมุสลิมย่านถนนเพชรบุรี

     ยังไม่นับที่จ้วงจาบหยาบช้าต่อสถาบันเบื้องสูง  และปลุกเร้า-ปลุกระดม  ให้กองกำลังเสื้อแดงลุกฮือยึดศาลาจังหวัดในแต่ละจังหวัด  อันเข้าข่ายกบฏแยกบ้าน-แยกแผ่นดิน

     นี่..ย่อๆ  แค่นี้  นายจตุพร  และคณะ  ส.ส.เพื่อไทย  ในเมื่อเรียกร้องความเป็นธรรม  เรียกร้องความถูกต้อง  เรียกร้องมาตรฐานในปฏิบัติการของตำรวจ-ทหาร  และรัฐบาล  แล้วทำไม่เห็นหยิบยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาถามบ้างล่ะว่า

     "หมาหรือคนตัวไหนมันทำระยำต่อเมือง"?

     มันถูกต้องหรือไม่  มันเกินเลยกว่าการชุมนุมตามกรอบรัฐธรรมนูญหรือไม่  มันเป็นการก่อจลาจลปล้นยึดประเทศหรือไม่  และเข้าข่ายอาชญากรก่ออาชญากรรมหรือไม่?

     มากล่าวหาทหารทำรุนแรง  เอากระสุนจริงมายิงล้อรถเมล์ทะลุ  ซึ่งมันปลายเหตุ  ในเมื่อต้นเหตุก่อจลาจลเผาเมือง-ฆ่าชาวบ้านดังที่กล่าวมา  ถ้าทหาร-ตำรวจจะยิงให้ตายโหง-ตายห่าไปบ้าง  ผมว่าไม่มีใครพุทโธ  หรือติดใจสงสัยอะไรด้วยซ้ำ  มีแต่ตอนนี้ทั้งชาวบ้าน  และชาวโลกด้วยซ้ำที่กังขา

     รัฐบาล  ตำรวจ-ทหารประเทศไทย  "ใจพุทธ"  หรือว่า  "ใจไม่ถึง"?

     ทีทำหยาบช้า-ป่าเถื่อนกับบ้านกับเมือง  กับพี่น้องประชาชนด้วยกัน-ทำได้  ครั้นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเขาทำหน้าที่ระงับยับยั้ง  ไม่ฆ่า-ไม่แกง  กลับแว้งกัด  ตัดประเด็นมาเสแสร้งใส่ไคล้กล่าวหา...ทหารฆ่าประชาชน

     ก็มันสมควรฆ่ามั้ยล่ะ....ถ้าเขาจะฆ่าจริงๆ  น่ะ  ไม่ปล่อยให้มายึดสภาฯ  เป็นกระดองเห่าอยู่อย่างนี้หรอก  ยิ่งลูกอีช่างสังเกตอะไรนั่นน่ะ  ทหารไม่เอากาบกล้วยคลุกขี้แมวท้องเสียแล้วราดสีแดงไปแพ่นตรงกลางกบาล  ให้มันร้องโฮๆ  ไปให้พ่อมันที่นิการากัวขัดหัวมันแผล็บให้  ก็นับว่าบุญแค่ไหนแล้ว?

     แสดงเดชศักดา  "ล่มประเทศ"  ตัวเองบูชาเจ้านาย  "กบฏทักษิณ"  กันไปเถอะ  มันจบแล้วสำหรับทักษิณที่จะได้กลับมา  "จูบแผ่นดิน"  อย่างครั้งก่อน  "บิน ลาดิน"  ที่โลกประณามเป็นผู้ก่อการร้ายโลกนั้น  ชั่ว-ดี-ถี่-ห่าง  บิน  ลาดิน  ทำทุกอย่างเพื่อปกปัก-พิทักษ์รักษาสถาบันเชื้อชาติ  ศาสนา  และวัฒนธรรม  ประเพณีของเขา

     บิน  ลาดิน  ไม่เคยทำลายประเทศชาติบ้านเมืองตัวเอง  และพี่น้องร่วมชาติ  ร่วมเผ่าพันธุ์ตัวเองเลย!

     แต่ทักษิณ  ชินวัตร  ล่ะ  ทำลายทั้งประเทศชาติตัวเอง  ทำลายทั้งสถาบันหลักของชาติตัวเอง  ทำลายทั้งพี่น้องร่วมชาติ-ร่วมเผ่าพันธุ์ตัวเอง  เพื่อปกปักรักษาสมบัติตัวเอง  อำนาจตัวเอง  และตระกูลตัวเอง  ในขณะที่มันให้ลูก-เมียบินหนีออกจากประเทศไทยไป  "ลอยชาย-ช็อปปิ้ง"  อยู่ต่างประเทศ  แล้วมันก็หลอกให้ชาวบ้านสวมเสื้อแดงก่อการกบฏบ้าน-กบฏเมือง...เพื่อมัน  อย่างนี้มันเลวกว่า  "ผู้ก่อการร้าย"  แล้วจะยอมตาย-ขายชาติให้กับคนจัญไรเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?

มาร์คแจงจำเป็นสลายนปช. อ้างปล่อยไว้นิติรัฐล่มสลาย

posttoday: การชุมนุมทางการเมืองในช่วงก่อนสงกรานต์ แม้ส่วนใหญ่จะเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ

แต่ ปรากฏว่ามีแกนนำบางคนเปลี่ยนแกนนำการชุมนุมเป็นการใช้ความรุนแรง ดังปรากฏได้จากเหตุการณ์วันที่ 7 เม.ย. ที่พัทยา จ.ชลบุรี เรื่อยมาจนถึงวันที่ 9 เม.ย. ที่มีการปิดถนนและสี่แยกในกทม. จนถึงการขัดขวางการประชุมผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจาในวันที่ 1011 เม.ย. ทำให้รัฐบาลต้องประกาศเลื่อนการประชุมดังกล่าวออกไป ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศและภูมิภาคเป็นอย่างมาก จึงได้ตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและยกเลิกในวันเดียวกันภายหลังจากที่ ส่งผู้นำต่างประเทศเรียบร้อย

สำหรับสาเหตุที่ต้องมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่กทม. ในวันที่ 12 เม.ย. เพราะถ้าปล่อยไว้จะทำให้ความเป็นนิติรัฐสิ้นสุดลง และเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่ามุ่งหมายจะฆ่าตัวผม แต่ในที่สุดก็สามารถออกมาได้ จึงได้หารือกับฝ่ายความมั่นคง โดย มอบนโยบายให้กับฝ่ายปฏิบัติการว่าต้องไม่ใช้ความรุนแรง การปฏิบัติการจะเป็นเพียงแค่การทำให้บ้านเมืองคลี่คลายสถานการณ์ให้ประเทศ กลับสู่ภาวะความสงบเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการปราบปราม ซึ่งการปฏิบัติการเป็นที่น่าพอใจ

ส่วนเรื่องการดำเนินคดีชัดเจนว่าจะดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญา และพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเฉพาะผู้ชุมนุมที่เกี่ยวข้องกับ การใช้ความรุนแรงเท่านั้น ขณะที่ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 2 คน ซึ่งเกิดจากการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและประชาชนย่านนางเลิ้ง ไม่ได้มาจากส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่

กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บ มีทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน เป็นทหาร 4 นาย และประชาชน 2 คน ซึ่งกระสุนปืนดังกล่าวไม่ใช่มาจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ส่วนการพบผู้เสียชีวิต 2 คนในแม่น้ำเจ้าพระยา ได้สอบสวนพยานพบว่า 2 คนที่เสียชีวิตไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมแต่อย่างใด

หวังว่าการประชุมรัฐสภาจะเป็นเวทีมาร่วมกันหาทางออก ถึงเวลาแล้วที่ผู้แทนปวงชนชาวไทยจะต้องตัดสินใจแล้วว่า จะใช้เวทีรัฐสภาสร้างให้ประชาชนเกิดความศรัทธาต่อระบบรัฐสภา และใช้เป็นสถานที่ร่วมกันหาทางออกและสมานแผล หรือจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง รัฐบาลคิดว่าความคิดเห็นของทุกฝ่ายเป็นความคิดที่บริสุทธิ์ และพร้อมรับฟังข้อเรียกร้อง ซึ่งรัฐบาลก็ได้เสนอไว้แล้ว เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการปฏิรูปการเมือง ซึ่งได้มอบให้พรรคร่วมรัฐบาลนำเสนอต่อรัฐบาลภายใน 2 สัปดาห์ และจะเป็นการดี หากฝ่ายค้านและสว. จะร่วมกันเสนอความคิดเห็นด้วย

อย่างไรก็ตาม 2 วันที่ผ่านมา ได้มีการเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มที่อ้างอิงภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งลักษณะนี้จะเป็นการอาศัยเงื่อนไขให้มีการปลุกระดมให้เกิดสถานการณ์ก่อน ช่วงสงกรานต์อีกครั้ง และสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียประชาธิปไตย ยิ่งไปกว่านั้นยังปรากฏคำให้สัมภาษณ์ของคนบางคนผ่านสื่อต่างประเทศที่พยายาม ทำให้เกิดความ ขัดแย้ง โดยมีบางคำพูดที่ไม่เหมาะสม มี การจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งสถาบันนี้อยู่เหนือความขัดแย้งทุกประการ และยังมีแกนนำบางคนให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า จะเปลี่ยนแนวทางการชุมนุมโดยใช้ความรุนแรง

ดังนั้น ผมอยากเห็นผู้แทนปวงชนชาวไทยร่วมกันปฏิเสธแนวทางนี้ และรัฐบาลจะพร้อมรับฟังเพื่อให้ทุกอย่างสามารถเดินไปได้ ถ้าผู้แทนปวงชนทำได้จะไม่มีใครชนะนอกจากประชาชนและประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุข และถ้าการประชุมรัฐสภาของพวกเราเกิดความขัดแย้ง ก็เท่ากับว่าเรากำลังล้มเหลวในการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันหาทางออก รัฐบาลพร้อมรับฟังและพร้อมชี้แจง

ส่วนการประกาศใช้พ.ร.ก.ในสภาวะฉุกเฉิน หรือในวันนี้ ผมไม่เคยกล่าวหาประชาชนส่วนใหญ่ที่มาร่วมชุมนุมว่ากระทำการผิดกฎหมาย ซึ่งในแง่การกระทำการของเจ้าหน้าที่ หากพบการกระทำที่ไม่เหมาะสม ก็สามารถนำข้อมูลหลักฐานมาตรวจสอบเพื่อช่วยกันหาทางออกได้ ซึ่งทั้งหมดก็ไม่ใช่ความขัดแย้งทางการเมือง แต่อยากถาม กลับว่าที่มีบางคนไปให้สัมภาษณ์ที่บีบีซี บอกว่าการชุมนุมยังไม่สิ้นสุด แต่จะมีการใช้อาวุธแบบนี้เป็นการต่อสู้ทางการเมืองหรือไม่ ซึ่งหากเรื่องนี้แยกแยะได้ รัฐบาลก็จะประกาศยกเลิกพ.ร.ก.แน่ แล้วการชุมนุม ก็สามารถทำได้ตามปกติ จะวิพากษ์วิจารณ์หรือด่ารัฐบาลก็สามารถทำได้

ทั้งนี้ ขอความกรุณาอย่ามีการชุมนุม ใช้สื่อเพื่อปลุกระดมให้มีการกระทำผิดกฎหมาย แต่ขอให้เราร่วมมือกันว่า หากมีคนยืนยันจะใช้ความรุนแรงก็ขอให้รัฐบาลใช้กฎหมายเข้าไปดำเนินการได้ ซึ่งหากสถานการณ์คลี่คลาย ก็จะมีการยกเลิกพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันไม่ให้คนที่ใช้วิธีผิดกฎหมายเป็นผู้นำในการชุมนุม

นายกฯประกาศพ.ร.ก.ชอบด้วยกม.

matichon:  ศาลยกคำร้องทนายนปช.ขอปล่อย 3 แกนนำเสื้อแดงชี้นายกฯประกาศพ.ร.ก.ชอบกม.

ศาลอาญามีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยตัวนายวีระ มุกสิกพงษ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายแพทย์เหวง โตจิราการ 3แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตามที่ทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาล โดยระบุว่าการควบคุมตัวของพนักงานสอบสวน ตามที่ได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเห็นว่ายังไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี

ศาล พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของนายกรัฐมนตรี ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว และที่ประชุมได้ลงมติให้มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งต่อมานายกรัฐมนตรีก็ได้แจ้งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบในเรื่องดัง กล่าวจึงไม่ใช่การประกาศโดยลำพังตามที่กล่าวอ้าง การควบคุมตัวของพนักงานสอบสวนตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการกระทำโดยชอบตามกฎหมาย จึงมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าว

อย่างไรก็ ตามภายหลังรับฟังคำสั่งของศาลแล้ว นายคารมณ์ พลทะกลาง ทนายความ นปช. เปิดเผยว่า จะเตรียมยื่นอุทธรณ์ภายในสัปดาห์หน้า ในประเด็นการประชุมคณะรัฐมนตรีนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจะต่อสู้ในข้อกฎหมายต่อไป

"ป๋าเปรม"แนะ"ทักษิณ"หยุดเคลื่อนไหว

posttoday: พล.อ.เปรม ยืนยัน ไม่เป็นศัตรูกับ "ทักษิณ" แนะ หยุดเคลื่อนไหว เชื่อ "อภิสิทธิ์" นำชาติพ้นวิกฤต

พล. อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานกล่าวเปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 12 มีใจความตอนหนึ่งว่า วันนี้อยากจะขอพูดเรื่องความเป็นไทยอีกครั้ง เด็กทุกคนที่มาร่วมขอให้ภูมิใจและมั่นใจในความเป็นไทยของตนเอง แม้แต่จะไม่ได้รับถือศาสนาที่คนส่วนใหญ่ของประเทศนับถือ แต่เด็กทุกคนก็มีหน้าที่ดูแลบ้านเมืองของตนเองและของคนไทยทุกคน เป็นส่วนสำคัญของชาติบ้านเมืองของเรา เป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถพูดถึงความดีและความไม่ดีของชาติได้ ขอให้ภูมิใจ

พล. อ.เปรม กล่าวว่า การเป็นคนไทยที่ดีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีต่อชาติ บ้านเมือง และสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้ภูมิใจว่าเธอเป็นส่งที่พวกเราตั้งความหวังไว้ว่างจะโตขึ้นมาเป็น ผู้ใหญ่ที่มีความมุ่งมั่นและปรารถนาจะดูแลชาติบ้านเมืองของพวกเราคนไทยแทน พวกเราให้ชาติบ้านเมืองมีความรักความสามัคคี สมานฉันท์ เจริญก้าวหน้า

" ขอพูดกับเด็กๆ ว่าเด็กๆ รู้จักพระสยามเทวาธิราชไหม พระสยามเทวาธิราชไม่ใช่พระ แต่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของประเทศ อยู่ในพระบรมมหาราชวัง คนไทยทุกคนถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองประเทศให้สงบร่มเย็น พระสยามเทวาธิราชได้แสดงให้เห็นมาโดยตลอดว่าท่านดูแลชาติบ้านเมืองของเรา จริงๆ เพราะฉะนั้นที่ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้พวกเราได้ระลึกถึงพระสยามเทวาธิ ราช และพูดกันตามภาษาธรรมดาว่า ขอบนบานสานกล่าวให้พระสยามเทวาธิราชได้คุ้มครองเด็กๆ ที่มาจากภาคใต้ คุ้มครองชาติบ้านเมืองให้มีความสงบร่มเย็น และโปรดดูแลคนที่ไม่หวังดีต่อประทศให้มีอันเป็นไป"พล.อ.เปรมกล่าว
 
จากนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวว่า โดยส่วนตัวได้ระมัดระวังตนเองอยู่พอสมควร ซึ่งขอยืนยันว่า ตนไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร แม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ใช่ศัตรู แต่อย่างไรก็ตาม หาก พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดการเคลื่อนไหวคงจะเป็นเรื่องที่ดี ขณะเดียวกันมองว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่น และจะนำประเทศผ่านพ้นวิกฤตไปได้ และจะได้รับการสนับสนุนจากคนเป็นจำนวนมาก
        
ขณะเดียวกัน พล.อ.เปรม ยังกล่าวด้วยว่า ประเทศไทยยังไม่สิ้นหวัง รวมถึงคนไทยยังมีหวังอยู่ โดยหากมีคนกลางที่เข้ามาแก้ไขปัญหา อาจไม่จำเป็นต้องเป็นคนกลางเพียงคนเดียว แต่ขอให้เป็นคนกลางอย่างแท้จริง

"จดหมายรัก คนเสื้อแดง" โดย ไทยทน จากมติชนออนไลน์

"จดหมายรัก คนเสื้อแดง"

โดย ไทยทน จากมติชนออนไลน์

 

สีแดง เป็นสีที่มีความหมาย หมายถึงประชาชนคนไทย 65 ล้านคน คนไทยทุกคน มีเลือดสีแดง มีความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย (สีแดง) มีหลักธรรมและคุณธรรม (สีขาว) และมีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักเทิดทูนของพสกนิกรไทยทั้งประเทศ เป็นศูนย์รวมดวงใจ (สีน้ำเงิน) ร่วมกัน คนไทยทั้ง 65 ล้านคน จึงพึงรักสามัคคีกัน โดยเฉพาะผู้นำประเทศ พึงนำประชาชนให้ไปสู่ความรักสามัคคีของคนในชาติ ไม่มีความแตกแยก

จดหมายรัก “คนเสื้อแดง” ฉบับนี้ จึงขอแสดงความรักผ่านแง่คิดมุมมองบางประเด็น ดังต่อไปนี้

1. คนไทยพึงรักสามัคคีกัน ทุกคน ทุกสี
: จะมีประโยชน์อันใด หากคนไทยไม่รักกัน แบ่งเป็นสีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน คนเสื้อแดงไม่ยอมซื้อของจากคนเสื้อเหลือง คนเสื้อเหลืองไม่ยอมขึ้นแท็กซี่ของคนเสื้อแดง คนเสื้อเหลืองกับคนเสื้อแดงต้องทะเลาะกันเมื่อพบกัน สังคมที่ไม่รักสามัคคีกัน จะมีพลังได้อย่างไร หากสังคมแตกแยกถึงขั้นสร้างความลำบากต่อกัน ทำร้ายกัน สร้างอันตรายถึงชีวิตกันจนบ้านเมืองอาจวอดวาย เราและลูกหลานเราจะมีสันติสุขอย่างวันดีๆที่คนไทยเราเคยมีตลอดมาได้อย่างไร

สังคมจะรักและเข้าใจกันเพียงใด เริ่มที่การชี้นำของผู้นำ เราจึงอยากเห็นผู้นำที่ไม่สร้างความแตกแยก ไม่เติมไฟในความขัดแย้ง และประชาชนไม่ต้องมีสีที่แตกต่าง ความแตกต่างทางการเมืองก็ดำเนินการผ่านสภา ความแตกต่างทางคดีก็ดำเนินการในศาล และประชาชนก็ติดตามเอาใจช่วยด้วยเสรีภาพที่มีตามระบอบประชาธิปไตย แต่ยังรักสามัคคีกัน ไม่ต้องทะเลาะกัน


2. ให้ความรักชนะความโกรธ : ในทุกระดับของสังคม ครอบครัว ที่ทำงาน หรือประเทศชาติ ความโกรธไม่สามารถจบสิ้นได้ ที่ฝ่ายหนึ่งกำราบอีกฝ่ายหนึ่งให้หมดสิ้นขวากหนาม แต่พึงเอาความรักชนะความโกรธ

เราโชคดี ที่นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้นำที่ไม่สร้างความรู้สึกแตกแยก ไม่เติมไฟในความขัดแย้ง เราจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงจากทีวีรัฐที่เชียร์แต่ผู้นำเสื้อแดง เย้ยหยันคนเสื้อเหลือง แล้วเปลี่ยนเป็นทีวีรัฐที่เชียร์แต่ผู้นำเสื้อเหลือง หรือเสื้อน้ำเงิน เราไม่เห็นความเย้ยหยันคนไทยด้วยกัน

และที่สำคัญ นายกฯ อภิสิทธิ์ ได้แสดงความรักที่ยิ่งใหญ่ ด้วยชีวิตของท่านเอง ท่านถูกมุ่งทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ เมื่อติดไฟแดงที่พัทยา ท่านถูกความพยายามทำให้เสียหน้า ด้วยการลงทุนถึงทำลายศักดิ์ศรีของประเทศด้วยการทำลายประชุมผู้นำอาเซียน ท่านถูกมุ่งทำร้ายอีกครั้งที่กระทรวงมหาดไทย หากถูกจับตัวได้คล้ายๆ คุณนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ก็อาจหัวแตกเหมือนกัน หรือยิ่งกว่านั้น ท่านก็เป็นปุถุชน ย่อมมีความรู้สึกได้

ในขณะที่ท่านมีอำนาจในมือ มีกำลังทหารที่พร้อมด้วยอาวุธ และในขณะที่มีภาพกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ก่อความวุ่นวาย ปิดการจราจรจนผู้คนมากมายไม่พอใจ เอารถแก๊สมาตั้ง ทำให้คนมากมายหวาดกลัว เผารถเมล์ เผายางทำให้บ้านเมืองเกิดบรรยากาศลุกเป็นไฟ ขณะที่มีคนไทยบางส่วน เอาใจช่วยคนเสื้อแดง ก็มีคนไทยจำนวนมาก อยากเห็นรัฐบาลใช้อำนาจเด็ดขาด เพื่อเอาผิดกลุ่มเสื้อแดงผู้สร้างความเดือดร้อนเหล่านี้ ย่อมเป็นเหตุให้นายกฯ อภิสิทธิ์แสดงอำนาจบารมี ตอบโต้คนเสื้อแดงอย่างเด็ดขาดได้ คนจะได้กลัว และไม่กล้าทำร้ายท่านอีกต่อไป

แต่ท่านกลับใช้วิธีแห่งความรัก ความให้อภัย ความเข้าใจ ความถ่อม การใช้กำลังยุติการชุมนุม ทำด้วยความใจเย็น ไม่มุ่งทำลายประชาชนคนไทยร่วมชาติ เพียงหวังให้ผู้เข้าใจผิดและไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้ด้วยวิธีการรุนแรงแยก ย้ายกันกลับบ้าน ท่านไม่โกรธ ท่านไม่เติมไฟความโกรธ ท่านเป็นแบบอย่างของผู้นำที่จะสร้างความรักความสามัคคีให้คนไทยกลับมารัก สามัคคีกันได้ต่อไปอย่างแท้จริง่อมเป็นเหตุให้นายกฯ อภิสิทธ


3. คดีว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม
: คนไทยทุกคน ควรอยู่ใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่มี 2 มาตรฐาน รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ควรให้มีการบังคับใช้กับทุกคนเหมือนกัน การที่อดีตนายกฯ ทักษิณ กล่าวอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งด้วย “กระบวนการยุติความเป็นธรรม” นั้น แต่ท่านก็ไม่เคยหาหลักฐานมาหักล้าง

เช่น คดีที่ดินรัชดา ท่านมักจะบอกว่า ภรรยาซื้อที่ดินธรรมดา แต่ไม่สามารถกลบเกลื่อนหลักฐานว่า รอบก่อนหน้าภรรยาท่านประมูล ราคากลางอยู่ที่ 870 ล้านบาท วางมัดจำ 10 ล้านบาท มีผู้วางมัดจำ 10 ล้านบาทแล้ว 3 รายแต่กลับไม่ได้ยื่นซอง และในการจัดประมูลรอบใหม่ ยกเลิกราคากลาง เพิ่มมัดจำเป็น 100 ล้านบาท และภรรยาท่านซื้อไปที่ 772 ล้านบาท หลังจากนั้น มีการเปลี่ยกฎแก้ไขข้อจำกัดความสูงของอาคารเอื้อประโยชน์ต่อภรรยาท่าน ท่านไม่ได้ชี้แจงอธิบายใดๆเรื่องนี้

ท่านมักจะบอกว่า ถูกกลั่นแกล้งจาก คมช. หรือ คตส. แต่หลักฐานที่เขาพบเช่น วันที่ 31 สิงหาคม 2543 นาย พานทองแท้ ต้องทำหนังสือสัญญาใช้เงิน 4,500 ล้านบาท ให้แม่ 1 วัน ก่อนโอนหุ้นชินฯให้ในวันที่ 1 กันยายน 2543 ท่านมักจะบอกว่าเป็นการโอนหุ้นในครอบครัวธรรมดา แล้วหนี้ 4,500 ล้านบาท คือหนี้ค่าอะไร ท่านไม่เคยตอบ แกนนำทุกคนไม่เคยให้คำตอบ แต่มันเป็นหลักฐานว่า เอาหุ้นไปเก็บไว้เฉยๆ เลี่ยงรัฐธรรมนูญ (ฉบับ 2540) เพื่อให้นายกฯอยู่ในตำแหน่งได้ เอื้อประโยชน์ได้นับหมื่นนับแสนล้านบาท เช่น การลดส่วนแบ่งรายได้รัฐกรณีบัตรพรีเพด และการให้ภาระภาษีสรรพสามิต เป็นของ ทศท. ฝ่ายเดียว เป็นต้น และอีกหลายกรณี

ท่านไม่ควรสู้คดี ด้วยการหลอกให้คนสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง แต่ควรสู้ด้วยหลักฐานในศาล ประชาชนก็รักความเป็นธรรม ติดตามการพิสูจน์หลักฐานให้กระจ่างดีกว่า สังคมจะได้ไม่อยู่ในความเท็จต่อไป


4. เรื่องการเมือง ว่ากันตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ
: ต่างกับในที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่ตอบกระทู้ในสภา ยุบสภาเมื่อจะมีการซักฟอกกรณีหุ้นชินคอร์ปฯ ในสมัย นายกฯ อภิสิทธิ์ ท่านเปิดโอกาสให้ผู้เห็นต่าง ฝ่ายค้าน (ระดับดาวสภาฯ) ซักถาม ซักฟอกเต็มที่ ไม่มีความจำเป็นต้องต่อสู้ทางการเมืองนอกสภาอีกต่อไป ประชาชนย่อมสามารถใช้สิทธิผ่านผู้แทนของเราในสภาได้


5. ประเมินผู้นำให้กระจ่าง
: มีความจริงหลายเรื่องที่ทุกคนควร “รู้ความจริง” ให้ตรงกัน

... จริงหรือที่ทักษิณเป็นผู้กู้ชาติจากวิกฤต 2540 : ทั้งๆ ที่รัฐบาลที่กู้ IMF ก็คือรัฐบาลชวลิต ซึ่งท่านทักษิณสนับสนุนมาโดยตลอด ในวันที่ 14 สิงหาคม 2540 และท่านก็เข้าไปเป็นรองนายกฯในวันที่ 15 สิงหาคม 2540 และก่อนหน้านี้ ท่านก็ส่ง นาย ทนง พิทยะ เป็นรัฐมนตรีคลังเพียงประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนลอยตัวค่าเงินบาท ซึ่งเสนาะกล่าวหาว่า ท่านรวยเพราะค่าเงิน เหมือนเผาบ้านเมืองเอาประกัน และทักษิณมักจะฟ้องผู้ใส่ร้ายท่านเสมอ แต่ไม่เคยฟ้องหมิ่นประมาทเสนาะเรื่องนี้เลย

... จริงหรือที่ทักษิณ “ไม่กู้เงิน” : ยุครัฐบาลชวลิต ที่ท่านเข้าเป็นรองนายกฯ ก็ สร้างหนี้รัฐโดยรับหนี้เอกชนจาก 56 ไฟแนนซ์เป็นหนี้รัฐหลายแสนล้านบาท ในยุคท่าน ทั้งสร้างหนี้ภาคประชาชนเพิ่มเติม ซ่อนหนี้เพิ่มเติม เช่น กองทุนศูนย์ราชการ ก็ซ่อนหนี้ในรูปภาระการจ่ายค่าเช่า กองทุนวายุภักย์ ก็ซ่อนภาระในการซื้อคืนกองทุนใน 10 ปีข้างหน้า ฯลฯ นอกจากนั้น ท่านยังขายและพยายามขายทรัพย์สินชาติมากมาย เช่น หุ้น ปตท. หุ้น กฟผ. ฯลฯ

... จริงหรือที่ทักษิณเป็นผู้นำรักษาประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ : ท่านอ้างว่าต่อต้าน คมช. ทั้งๆที่ รัฐบาลขิงแก่ก็ลงจากอำนาจแล้ว แต่ จริงๆ ท่านเคยขอสัมปทานจากเผด็จการ รสช. และเมื่อท่านมีปัญหา ท่านก็หารือ พลเอกสุจินดา และท่านเป็นผู้นำอย่างไร ยุยงจากต่างประเทศ แต่ครอบครัวหนีไปก่อนสร้างความวุ่นวาย แล้วใครจะรับผิดชอบคนเสื้อแดงที่ออกมาด้วยใจบริสุทธิ์ ท่านอ้างว่า “วันใดเสียงปืนแตก ท่านจะกลับมานำประชาชน” แล้วท่านอยู่ไหนครับ มันวุ่นวายน้อยไปหรือครับ ท่านจึงยังไม่กลับมา

เราคนไทย ไม่ต้องโกรธกัน รักกันได้เสมอ เรื่องการเมืองเดินผ่านสภาฯ เรื่องคดีสู้ด้วยหลักฐานและความจริง บ้านเมืองก็สงบสุขครับ

คนไทยสีใดๆ ก็รักสามัคคีกันครับ บ้านเมืองจะได้สันติสุขคืนมา เรารักคนเสื้อแดง เหลือง น้ำเงิน และทุกๆสีครับ

***************************************************************************

หมายเหตุ : ไทยทนขอชวนท่านผู้อ่าน โหลดข้อมูล หรือทำสำเนาออกแจกจ่าย ให้แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ ตอนชำระเงิน ด้วยความรัก ไทยทนเชื่อว่า การสร้างความรัก ความสามัคคีกลับคืนมา เป็นหน้าที่ของเราคนไทยร่วมชาติทุกคนครับ

รอความหวังดูไบช่วยจับตัว "แม้ว" ส่งกลับไทย

Map of United Arab EmiratesImage via Wikipedia

nationchannel: รอความหวังดูไบช่วยจับตัว "แม้ว" ส่งกลับไทย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศได้มีการประสานไปยัง สหรัฐอาหรับเอมิเรตเพื่อส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ว่า เขาไปดำเนินการอยู่ เพราะสิ่งหนึ่งที่เราทำอย่างน้อยที่สุดคือการขอความร่วมมือจากทุกประเทศว่า อย่าให้มีการเข้าไปใช้พื้นที่เป็นฐานในการสร้างความไม่มีเสถียรภาพหรือกระทบ กับความมั่นคงของเรา โดยเฉพาะการเรียกร้องให้ใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตาม เมื่อถามว่ามีข่าวถึงขนาดที่ว่าทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตพร้อมจับตัวส่งมาให้ หากมีการไปเคลื่อนไหวจริง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็คงต้องดูว่าในทางปฏิบัติ จริงเป็นอย่างไร

Reblog this post [with Zemanta]

ชาวสมุทรสาครค้านการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง

nationchannel: ชาวสมุทรสาครค้านการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง

    ประชาชนพี่น้องชาวสมุทรสาครจำนวนประมาณ 200 คนได้มารวมตัวกันที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่จังหวัดสมุทรสาคร ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25 เมษายน 2552 ที่บริเวณมหาชัยวิลล่า ม. 7 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตัวแทนได้ถือป้ายประท้วงโดยมีใจความว่า ไม่มี ทักษิณไม่มีความรุนแรง,หยุดทำร้ายประเทศไทยรักษาชาติก่อนไม่มีชาติให้รักษา, ชาวสมุทรสาคร ไม่อยากเป็นเหยื่อความรุนแรง ,พลังเงียบออกมารักษาชาติ เป็นต้น พร้อมกับแบบจำลองรถแก๊สที่ติดข้อความข้างรถว่าสยามแก๊ส มาด้วย

    นายดำรงค์ ทรัพย์สุวรรณ อายุ 44 ปี ตัวแทนกลุ่มประชาชนพี่น้องชาวสมุทรสาคร ได้ยื่นเรื่องแถลงการณ์คัดค้านการชุมชนกลุ่มคนเสื้อแดงให้แก่ นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร โดยให้เหตุผลว่า ชาวสมุทรสาครไม่ต้องการเห็นการแตกแยกของคนประชาชนในพื้นที่ สืบเนื่องมาจากการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงดังเช่นเหตุการณ์ช่วงวันที่ 8-13 เมษายน 2552 และเนื่องจากพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เป็นพื้นที่มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ทำให้เสี่ยงต่อการปะปนของแรงงานกลุ่มดังกล่าวในการร่วมชุมนุม ซึ่งเป็นการยากสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ ในการควบคุมความสงบเรียบร้อย กรณีเกิดเหตุจลาจลขึ้นรวมทั้งจากเหตุการณ์จราจรช่วงวันที่ 8 -13 เมษายน 2552 พวกเราจึงมีความกังวลใจว่า ชาวสมุทรสาคร จะไม่มีความปลอดภัยและเป็นอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน ดังเช่นชาวชุมชนนางเลิ้งที่ได้มีการสูญเสียและเสียชีวิตเกิดขึ้น

    จากเหตุผลดังกล่าวพวกเราชาวจังหวัดสมุทรสาคร จึงขอคัดค้านการชุมนุมของคนเสื้อแดงเพื่อให้เกิดความสงบสันติขึ้นในจังหวัด และประเทศต่อไป ซึ่งหลังจากนายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับเรื่องดังกล่าวแล้วได้เปิดเผยว่าทางจังหวัดนั้นได้กำหนดไว้ว่า ใครจะมาขอสถานที่ราชการมาชุมนุมในทางการเมืองนั้น ทางจังหวัดจะไม่อนุญาตเด็ดขาด

จตุพร ค้านจักรภพพูดสื่อตปท.

nationchannel: จตุพร ค้านจักรภพพูดสื่อตปท.

นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปช.) กล่าวถึงกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มนปช.พูดผ่านสื่อต่างประเทศว่าการต่อสู้ของกลุ่มเสื้อแดงหลังจาก นี้จะเป็นการเคลื่อนไหวใต้ดินโดยใช้อาวุธ ว่า เชื่อว่าเป็นเพียงความคิดของนายจักรภพเพียงคนเดียว เพราะล่าสุดตนยังไม่ติดต่อกับนายจักรภพภายหลังจากที่เดินออกไปต่างประเทศ ซึ่งหากมีโอกาสจะพูดกับนายจักรภพว่า แกนนำกลุ่มเสื้อแดงทั้งในส่วนของตน นายวีระ มุสิกพงษ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่เห็นด้วย เพาะการใช้ความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การต่อสู้ต้องจบลงที่สันติภาพเท่านั้นและไม่ควรเปลี่ยนแนวทาง



คมชัดลึก :“จตุพร” ค้าน ”จักรภพ” พูดสื่อตปท.เสื้อแดงเตรียมเดินเกมใต้ดินติดอาวุธ ชี้ต้องจบด้วยสันติภาพเท่านั้น ขู่หากไม่เลิกไล่ล่าแกนนำ “ม็อบเสื้อแดงเรือนแสน” พร้อมออกรอบ 2 ประกาศหลังปิดสมัยประชุมสภาไป ”มอบตัว” แน่

(23เม.ย.) นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) กล่าวกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มนปช.พูดผ่านสื่อต่างประเทศว่าการต่อสู้ของกลุ่มเสื้อแดงหลัง จากนี้จะเป็นการเคลื่อนไหวใต้ดินโดยใช้อาวุธ ว่า เชื่อว่าเป็นเพียงความคิดของนายจักรภพเพียงคนเดียว เพราะล่าสุดตนยังไม่ติดต่อกับนายจักรภพภายหลังจากที่เดินออกไปต่างประเทศ ซึ่งหากมีโอกาสจะพูดกับนายจักรภพว่า แกนนำกลุ่มเสื้อแดงทั้ง ในส่วนของตน นายวีระ มุสิกพงษ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่เห็นด้วย เพาะการใช้ความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การต่อสู้ต้องจบลงที่สันติภาพเท่านั้นและไม่ควรเปลี่ยนแนวทาง

“เชื่อมั่นว่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดงมา ถูกทางแล้ว ที่เราทำให้ประชาชนไม่ต้องเสียชีวิต หากวันที่ 13 เม.ย.เราไปอยู่ท่างกลางฝูงชน เราอาจเป็นฮีโร่แต่ต้องแลกกับชีวิตประชาชน ณ วันนี้บอกได้เลยว่าการต่อสู้ยังไม่จบ เวทีในสภาก็เป็นเพียงการต่อสู้อีกอย่างหนึ่ง แต่เส้นทางการต่อสู้ยังอีกยาวไกล ตอนนี้ต้องบอกว่าคนเสื้อแดงไม่ได้พ่ายแพ้ แต่อยู่ในฐานที่ตั้งพร้อมที่จะออกมาทุกเมื่อ หากเราถูกท้าทาย ถูกไล่ล่า เอาผิดอย่างที่รัฐบาลตำรวจทำอยู่กับแกนนำ กับคนเสื้อแดง และพยายามบิดเบือน ป้ายสีความผิดมาให้เรา เราก็พร้อมออกชุมนุมมาด้วยจำนวนเป็นหมื่นเป็นแสน มากกว่า ยิ่งใหญ่กว่าการชุมนุมเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2552 ที่ผ่านมา ส่วนเงื่อนไข เงื่อนเวลาว่าเราจะกลับมาอีกครั้งเมื่อไหร่ อยู่ที่กระกระทำของรัฐบาล ที่จะทำให้คนเสื้อแดงทนไม่ไหวและต้องออกมาต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมอีกครั้ง” นายจตุพร กล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังการอภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภาหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ล่าสุดยังไม่ได้ติดต่อกับพ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งภาพรวมการชี้แจงของฝ่ายค้านจะเชื่อมโยงให้ประชาชนได้เห็นข้อเท็จจริง แต่มองว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯไม่สามารถชี้แจงได้ ในหลายประเด็นทั้งในเรื่องการใช้อาวุธสงครามกับประชาชน และการที่ไปเอาตำรวจที่จ.บุรีรัมย์ จ.ชัยภูมิ มาสวมเสื้อสีน้ำเงิน ซึ่งประเด็นนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่เรายอมรับว่า กลุ่มเสื้อแดงมีจุดแข็งคือ คนมาชุมนุมเองไม่ได้จัดตั้ง แต่ก็มีจุดอ่อนคือมีช่องว่างทำให้คนมาสวมรอยได้ง่าย

เมื่อถามถึงกรณีที่กระทรวงต่างประเทศร่างสนธิสัญญา UAE เพื่อเตรียมจับตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดี นายจตุพร กล่าวว่า เท่าที่ทราบรัฐบาลยังแค่ร่าง แต่มาให้ข่าวก่อน แต่เชื่อว่าไม่สามารถจับกุมพ.ต.ท.ทักษิณได้เพราะคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ธรรมดา เป็นนกมีขน คนมีเส้น มีมิตรอยู่ทั่วโลก

เมื่อถามถึงกรณี ที่มีการมองว่า นายจตุพรยังไม่ยอมมอบตัวโดยใช้เอกสิทธิ์สภาคุ้มครอง และต้องการรอให้รัฐบาลยกเลิกพ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินก่อน นายจตุพร กล่าวว่า ยืนยันว่าตนไม่เคยกลัวติดคุก หากวิปรัฐบาลโหวตให้ตนมอบตัวตนก็พร้อมไปมอบตัวทุกเมื่อ โดยภายหลังปิดสมัยประชุมสภาที่จะปิดลงในวันที่ 19 พฤษภาคม นี้ ตนจะไปมอบตัวแน่นอน
Reblog this post [with Zemanta]

ป๋าเปรมแช่งคนไม่หวังดีปท.มีอันเป็นไป

POSTTODAY: พล.อ.เปรม บนบานพระสยามเทวาธิราช คนไม่หวังดีต่อประเทศให้มีอันเป็นไป

พล. อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานกล่าวเปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 12 มีใจความตอนหนึ่งว่า วันนี้อยากจะขอพูดเรื่องความเป็นไทยอีกครั้ง เด็กทุกคนที่มาร่วมขอให้ภูมิใจและมั่นใจในความเป็นไทยของตนเอง แม้แต่จะไม่ได้รับถือศาสนาที่คนส่วนใหญ่ของประเทศนับถือ แต่เด็กทุกคนก็มีหน้าที่ดูแลบ้านเมืองของตนเองและของคนไทยทุกคน เป็นส่วนสำคัญของชาติบ้านเมืองของเรา เป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถพูดถึงความดีและความไม่ดีของชาติได้ ขอให้ภูมิใจ

พล. อ.เปรม กล่าวว่า การเป็นคนไทยที่ดีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีต่อชาติ บ้านเมือง และสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้ภูมิใจว่าเธอเป็นส่งที่พวกเราตั้งความหวังไว้ว่างจะโตขึ้นมาเป็น ผู้ใหญ่ที่มีความมุ่งมั่นและปรารถนาจะดูแลชาติบ้านเมืองของพวกเราคนไทยแทน พวกเราให้ชาติบ้านเมืองมีความรักความสามัคคี สมานฉันท์ เจริญก้าวหน้า

"ขอพูดกับเด็กๆ ว่าเด็กๆ รู้จักพระสยามเทวาธิราชไหม พระสยามเทวาธิราชไม่ใช่พระ แต่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของประเทศ อยู่ในพระบรมมหาราชวัง คนไทยทุกคนถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองประเทศให้สงบร่มเย็น พระสยามเทวาธิราชได้แสดงให้เห็นมาโดยตลอดว่าท่านดูแลชาติบ้านเมืองของเรา จริงๆ เพราะฉะนั้นที่ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้พวกเราได้ระลึกถึงพระสยามเทวาธิราช และพูดกันตามภาษาธรรมดาว่า ขอบนบานสานกล่าวให้พระสยามเทวาธิราชได้คุ้มครองเด็กๆ ที่มาจากภาคใต้ คุ้มครองชาติบ้านเมืองให้มีความสงบร่มเย็น และโปรดดูแลคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศให้มีอันเป็นไป"พล.อ.เปรมกล่าว

nationchannel: ป๋าเปรมบอกเด็ก3จว.ใต้ขอพระสยามฯคุ้มครองชาติร่มเย็น

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษพร้อมด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกฯ ได้เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดโครงการ "สานใจไทยสู่ใจใต้" รุ่นที่ 12 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทั้ง 2 คน ออกงานพร้อมกัน หลังจากที่สถานกาณ์บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย

โดย พล.อ.เปรม ได้กล่าวย้ำกับเยาวชนในเรื่องของความเป็นไทย ขอให้เยาวชนภูมิใจและมั่นใจความเป็นไทยของตนเอง ให้มีหน้าที่รับผิดชอบ ดูแลชาติบ้านเมือง เมื่อเติบโตขึ้นสามารถตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน ซึ่งเยาวชน เป็นเสียงหนึ่งที่สามารถพูดถึงความดีไม่ดีของคนในชาติบ้านเมืองได้ ขอให้ภูมิใจ เป็นคนไทยที่มีศักดิ์ศรี มีความซื่อสัตย์สุจริตเสียสละ จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง ศาสนา และพระมหากษัตริย์
พล.อ.เปรม ยังกล่าวอีกว่า พระสยามเทวาธิราช ไม่ใช่พระ แต่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวัง คุ้มครองประเทศให้สงบร่มเย็น ได้แสดงให้เห็นว่า ท่านดูแลชาติบ้านเมืองของเราจริง ขอบนบานให้ท่านคุ้มครองพวกเราและชาติบ้านเมืองให้สงบร่มเย็น และให้คนที่ไม่หวังดีต่อประเทศให้มีอันเป็นไป

Reblog this post [with Zemanta]

ส.ส.พผ.เผยแท็กซี่รายได้หด คนเมินขึ้นหลังบางส่วนร่วมเสื้อแดง

Taxi colours againImage by Geoff_B via Flickr

matichon: ส.ส.เพื่อแผ่นดิน เผยปชช.ฉุนแท็กซี่ร่วมม็อบเสื้อแดง หันไปใช้บริการรถอิ่น ทำรายได้หด ส.ว.

ส.ส.พผ.เผยแท็กซี่รายได้หดคนรู้สึกไม่ดีไปขึ้นรถอื่นแทน

นาย รณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวอภิปรายในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 22 เมษายน ถึงกรณีที่แท็กซี่มาร่วมกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า ประชาชนที่ขึ้นรถแท็กซี่มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อแท็กซี่จึงหันไปใช้บริการ อื่นเพราะว่าไม่พอใจแท็กซี่ทำให้รายได้คนขับลดลง จากการที่เชื่อผู้นำบางคน วันนี้หลังมีเหตุการณ์ขึ้นแท็กซี่รายได้ลดลงต้องหาค่าเช่า ตอนนี้แท็กซี่ที่รับผู้โดยสารต่างประเทศลดลงมาก ชาวต่างชาติเองก็หายไป เคยเอาแท็กซี่ไปจอด ส.น.ชนะสงคราม พอที่จะมีเงินรับคนต่างชาติไปพัทยา วันนี้หายไปแล้วนี่คือผลกระทบที่ชัดเจนมาก เจ้าของอู่ก็เดือดร้อนเพราะว่าคนขับแท็กซี่กลัวความผิดทำให้กลับไปบ้านเกิด ไม่มีคนเช่ารายได้เจ้าของอู่ก็ลดลง



Reblog this post [with Zemanta]

ครม อนุมัติ ความช่วยเหลือ ผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ 8-14 เมษายน 2552

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 8-14 เมษายน 2552 และเหตุการณ์เกี่ยวเนื่อง  และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการและศูนย์เยียวยาฯ ต่อไป  ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
        กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอว่าได้กำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 8-14 เมษายน 2552 และเหตุการณ์เกี่ยวเนื่อง
โดยอาศัยหลักเกณฑ์และวิธีการการเยียวยาให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่      7 ตุลาคม 2551 และเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง  ทั้งนี้  เป็นการให้การช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายโดยไม่เลือกฝ่ายอย่างรวดเร็ว  ทั่วถึงและเป็นธรรม และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบและเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข  ซึ่งหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือมีดังนี้



Link

Label Cloud