Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Thursday, April 9, 2009

ทักษิณแขวะฝนเทียมไล่ม็อบ

posttoday: ทักษิณวีดีโอลิงก์ลั่นหมดยุคอำมาตย์ปชช.ต้องเป็นใหญ่แขวะฝนเทียมไล่ม็อบ

เมื่อเวลา 20.20น.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้วิดีโอลิงก์มาที่ผู้ชุมนุมตามจุดต่างๆโดยร้องเพลง"เล่าสู่กันฟัง"และระบุว่าฝนที่ตกวันนี้เป็นฝนเทียมอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม การที่ฝนตกวันนี้นอกจากในพื้นที่กทม.ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล อนุสาวรีย์สมรภูมิเท่านั้น แม้แต่บางนาบางกะปีก็ตกเช่นเดียวกัน

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวขออภัยผู้ใช้รถที่คนขับแท็กซี่ ปิดอนุสาวรีย์สมรภูมิแต่ขอให้อดทนไม่กี่วัน แต่เพื่ออนาคตที่ยาวนาน และการชุมนุมครั้งนี้ เป็นการถอนรากถอนโคนการปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 เพื่อให้ครั้งสุดท้ายของการปฏิวัติ และให้รัฐธรรมนูญปี 2550 ถูกฉีกเป็นฉบับสุดท้าย รัฐบาลนี้ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นรัฐบาลต่อไป
 
พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดการปราศรัยผ่านวีดีโอลิงค์ ด้วยการร้องเพลง"เล่าสู่กันฟัง"ของธงชัย แมคอินไตย์ โดยมีท่าทีผ่อนคลายเมื่อเทียบกับเมื่อคืนวานนี้(8เม.ย.)

จากนั้นเริ่มปราศรัยปลุกใจผู้มาร่วมชุมนุมว่าจะเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ พร้อมขอเรียกร้องให้คนกรุงเทพมหานครออกมาร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง เพราะขณะนี้ประชาชนอึดอัดมาก และคนต่างจังหวัดไปไกลมากแล้ว
         
"วันนี้ได้รับแจ้งว่าพี่น้องแท็กซี่ไปปิดการจราจรที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยไม่มีใครสั่ง (แต่มีแกนนำ คือ เหวง และ จักรภพ นำไป - edit)ผมต้องขออภัยผู้ใช้รถใช้ถนนในกทม.ที่ต้องไม่สะดวก แต่เป็นความไม่สะดวกเพื่ออนาคตลูกหลาน ทนอีกไม่กี่วัน เพื่ออนาคตที่ยาวนานของเรา เราทนสุกดิบกับประชาธิปไตยมานานหลายสิบปี ทำไมจะทนกับความไม่สบายแค่ไม่กี่วันไม่ได้ ขณะนี้ประชาชนไปไกลกว่าเราเยอะ

"ผมได้รับโทรศัพท์จากพี่น้องอุดรธานี หนองคาย อุบลราชธานี เชียงใหม่ ลำพูน และพี่น้องต่างจังหวัดในกทม. ต่างคนต่างบอกทำไมช้า วันนี้พี่น้องแท็กซี่ยอมทำผิดกฎหมายจราจร เพราะอยากบอกพี่น้องกทม.ว่า ให้มาร่วมกันนำประชาธิปไตยเพื่อประชาชนให้เกิดขึ้นจริง การต่อสู้ครั้งนี้ขอให้พี่น้องที่ไม่ได้มาร่วมเข้าใจว่า เป็นการต่อสู้ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ เป็นการสู้เพื่อถอนรากโคนการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 เพื่อให้เป็นการปฏิวัติครั้งสุดท้ายของประเทศไทย เพื่อให้รัฐธรรมนูญ 2540 เป็นฉบับสุดท้ายที่ถูกฉีกโดยทหาร และเป็นการถอนรากถอนโคนอำมาตย์ผู้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ"พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
 
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า อำนาจประชาชนเป็นอำนาจสูงสุด ต้องไม่มีอำนาจอื่นใดมาเหนืออำนาจประชาชนส่วนใหญ่ เราจึงแพ้ไม่ได้ ถ้าเราแพ้ ประเทศไทยแพ้ ประชาชนแพ้ อนาคตประเทศไทยและลูกหลานไม่มีความแน่นอน เราต้องต่อสู้ให้ชนะโดยสันติ ไม่บุกรุกสถานที่ราชการ กีดขวางได้ แต่ไม่บุกรุก เพราะเราไม่มีเส้น ตอนตนเองเป็นนายกฯ สีเหลืองบุกยึดทำเนียบตอนกลางคืน แต่ตนเองทำอะไรไม่ได้ เพราะม็อบมีเส้น (ทักษินเป็นนายกนอมินี - พันธมิตรยึดทำเนียบขณะที่ สมัคร สุนทรเวชดำรงตำแหน่งนายก - edit) มีอำมาตย์และพรรคประชาธิปัตย์หนุนหลัง แต่เราต้องการต่อสู้แบบสันติ เพื่อจะบอกชาวโลกว่ารัฐบาลนี้ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นรัฐบาลต่อไป เราจะบอกประชาชนว่าบางท่านมีภารกิจ มาร่วมไม่ได้ เราเข้าใจ แต่ขอให้ท่านเสียสละความไม่สะดวกสบายให้เราบ้าง แล้วในที่สุดเมื่อประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเพื่อประชาชน ท่านเป็นคนไทยคนหนึ่ง จะได้ประโยชน์แน่นอน ลูกหลานอีกกี่ชั่วคนก็จะได้ประโยชน์จากความมั่งคั่งของประเทศในอนาคต
 
"ประชาชนยังมีความทรงจำช่วงไทยรักไทยเป็นรัฐบาลได้หรือไม่ ตอนนั้นอำมาตย์ยังครอบงำ แต่รัฐธรรมนูญ 2540 และพี่น้องให้คะแนนตนเองมามากมาย ทำให้สามารถทำงานให้พี่น้องได้เต็มที่ แต่ถ้าเราจะได้รัฐธรรมนูญใหม่ที่อำมาตย์ไม่ครอบงำ พี่น้องคิดดูจะมีคามสุขมากกว่าช่วงไทยรักไทยเป็นรัฐบาลแค่ไหน อดทนอีกไม่กี่วัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปรียบเสมือนว่าเป็นผลไม้ของต้นไม้พิษ คุณใช้กระบวนการทุกอย่างโค่นอำนาจประชาชน ฝืนเจตนารมณ์ประชาชน แต่อภิสิทธิ์อายุยังน้อย ถ้ามีสปิริตประชาธิปไตย ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ถ้าประชาชนเลือกเข้ามาแล้วหล่อกว่าเยอะ แต่ถ้าวันนี้ดื้ออย่างนี้ ก็เสียดายอนาคต"พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว           
 
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันนี้เราจะสู้กันแบบสันติ แม้จะขัดขวางหลายอย่าง แต่เราไม่ทำลายทรัพย์สิน ไม่บุกรุกสถานที่ราชการ ถ้าจะผิดก็ผิดกฎหมายจราจร เรื่องเล็ก แต่ทหารตำรวจอย่าใช้แก็สน้ำตาและอาวุธกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถึงแม้วันนี้เราไม่มีเส้น แต่เรากำลังนำไปสู่ระบบความยุติธรรมที่แท้จริง ฉะนั้นเราต้องอดทน สู้ต่อไป อย่ายอมแพ้


กทม.วิกฤตจราจรอัมพาต!

posttoday: จราจรอัมพาตแท็กซี่เสื้อแดงปิดถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยขู่ปิดสายหลักทั่วกรุง

บรรยากาศ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 12.30 น.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ในนามวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ ประมาณ 100 คนปิดล้อมถนนทุกสายที่จะมุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เบื้องต้นได้ปิดถนนบริเวณฝั่งราชวิถีขาเข้า อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว หน้าบริเวณเซ็นเตอร์วัน เพื่อกดดันให้รัฐบาลลาออก

ทั้ง นี้ หากไม่ได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจก่อนเวลาประมาณ 16.00 น. จะมีการปิดถนนยืดเยื้อต่อไปอีก 3 วัน อย่างไรก็ตามได้มีแผนว่าจะนำรถแท็กซี่อีกประมาณ 20,000 คัน กระจายปิดถนนทั่วกรุงเทพมหานคร

จากการเดินขบวนดาวกระจายของกลุ่มคนเสื้อแดงไปยัง บริเวณศาลรัฐธรรมนูญ และที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ล่าสุด ผู้สื่อข่าวทำการสอบถามข้อมูลไปยัง วิทยุข่าวสารการจราจร (จส.100) ซึ่งรายงานว่า สถานการณ์การจราจรล่าสุด มีการปิดถนนเพิ่มเติม คือ บริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เนื่องจากมีรถแท็กซี่ของกลุ่มผู้ชุมนุมจอดกีดขวางเส้นทางการจราจรไว้โดยรอบ ทำให้รถโดยสารไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปิดเส้นทางเดินรถโดยรอบอนุเสาวรีย์ชัย สมรภูมิแล้ว

ด้านศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินขบวนไปปิดล้อมโดยรอบ ส่งผลให้สภาพการจราจรติดขัด ตั้งแต่บริเวณสะพานพระปกเกล้าจนถึงแยกพาหุรัด และมีการคาดการณ์ว่า อาจต้องมีการปิดเส้นทางการเดินรถดังกล่าว ทั้งนี้หากผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางผ่านบริเวณที่มีปัญหาการจราจร สามารถทำการสอบถามข้อมูลการจราจร รวมถึงแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายได้ทาง ศูนย์รายงานสถานการณ์การชุมนุมและข่าวสารด้านจราจร 1197.


แกนนำ"เสื้อแดง"ประกาศยกระดับการต่อสู้เข้มข้นขึ้น ลั่น"ปล้นโจรก็ต้องปล้น" ขู่ล้มประชุมอาเซียน+3 +6

มติชน: "เสื้อแดง"โหมกำลังยกระดับ ปรับขีดความเข้มข้น หลังรบ.-3องคมนตรีเมินข้อเรียกร้อง "ณัฐวุฒิ"บอก"ปล้นโจรก็ต้องปล้น" ปัดเพิ่มความรุนแรง กร้าวล้มประชุมอาเซียน+3 +6 ฝากบอกประเทศสมาชิกขออภัย

เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.(9 เม.ย.) แกนนำเสื้อแดง ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนพ.เหวง โตจิราการ ร่วมแถลงข่าว โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราจะเพิ่มขีดระดับความเข้มข้นในการต่อสู้มากขึ้นเพื้อล้มระบอบขุนนาง เพราะหลังจากที่ประเมินท่าทีรัฐบาล และท่าทีขององคมนตรีทั้ง 3 คน ก็คือว่ารัฐบาลปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อเสนอที่ได้ยื่นไว้เมื่อวานนี้ (7 เมษายน) เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มระดับความรุนแรงของการต่อสู้ ถ้าจะต้อง ถ้าจะต้องปล้นโจรก็ต้องปล้นกัน แต่ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่ ช่วงเวลาไหนนั้นขอให้ติดตามกันเพราะเดี๋ยวจะไม่ตื่นเต้น คืออาจจะเริ่มจากต่างจังหวัดไปกทม. หรือเริ่มจากกทม.ไปต่างจังหวัดก็ได้ แต่ยืนยันว่าเป็นการเพิ่มระดับความเข้มข้นในการต่อสู้ไม่ใช่เพิ่มความรุนแรง ในการกดดันรัฐบาล และองคมนตรีทั้ง 3 คน


"ฝากบอกไปยังมิตรประเทศอาเซียน และประเทศอื่นๆ ที่จะมาร่วมในอาเซียน +3,+6 ล่วงหน้าว่า ต้องขออภัยด้วยการประชุมครั้งนี้อาจจะไม่เกิดขึ้น เพราะไม่ควรเกิดขึ้น โดยเฉพาะการที่มีนายกษิต (ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ) เป็นตัวแทนประเทศ เพราะเราเสื้อแดงไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลไม่รักษาหน้าตาของประเทศ เราเสื้อแดงจึงจำเป็นที่จะต้องเป็นผู้รักษาแทน ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่จะต้องปิดเมืองกัน มิตรประเทศอาจไม่ได้ประชุม" นายจตุพร กล่าว

เสื้อแดงป่วนนักข่าวช่อง9อ้างเหตุนำเสนอข่าวบิดเบือน

คมชัดลึก :ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.45 น.วันที่ 8 เม.ย. การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่กำลังชุมนุมกันอยู่ที่บริเวณบ้านสี่เสาฯ ซึ่งเป็นบ้านพักของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษอยู่นั้น ความดุเดือดเริ่มขึ้นเป็นลำดับ

โดยหลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้แสดงความไม่พอใจการในการเสนอข่าวยอดผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่ ไม่ตรงกับความเป็นจริงของทีมข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และล่าสุดก็ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมได้คุกคามสื่อขึ้นมาอีกครั้ง ที่บริเวณแยกสี่เสาเทเวศร์    โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้ใช้ตีนตบพร้อมกับลุกฮือไล่ผู้สื่อข่าวช่อง 9 ออกจากพื้นที่ โดยระบุว่า รายงานข่าวไม่เป็นกลาง ทำให้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงมาเชิญผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ออกจากพื้นที่การชุมนุมด้านวัดเทวราชกุญชร


ตั้งรับเพราะขาดนักรบ

คมชัดลึก :หลังจาก "แกนนำกลุ่มเสื้อแดง" เปลี่ยนข้อเรียกร้องใหม่ให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและ 2 องคมนตรี คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รวมทั้งให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากตำแหน่งรวมทั้งให้ปฏิรูปการเมือง

ซึ่งต่างจากข้อเรียกร้องของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เสนอให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550, ยุบสภาเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ใหม่ โดยให้องค์กรอิสระปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวก่อนลาออกหลังเลือกตั้งใหม่ และให้นิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน

จากข้อเสนอทั้งหมดของกลุ่มเสื้อแดง ถือเป็นข้อเรียกร้องที่ "เบาลง"

มีการมองกันว่าการตัดข้อเรียกร้องอื่น เพื่อไม่ให้ผู้ร่วมชุมนุมสับสน และแกนนำต้องการปิดเกมเร็วขึ้น จึงต้องยื่นข้อเรียกร้องที่มีโอากาสเป็นไปได้มากที่สุด

โดยการให้ "นายกฯ" ลาออกเป็นการเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่ และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.มากที่สุดในบรรดาพรรคการเมืองทั้งหมด

ส่วนที่ให้ "ประธานองคมนตรีและองคมนตรี" ลาออก เพราะเชื่อว่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ "ผู้นำทางการเมือง" น่าจะมีการเจรจากันในวันที่ 9 เมษายน หลังจากทั้ง 2 ฝ่ายประเมินกำลังตัวเอง โดยรัฐบาลต้องดูว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ ขณะที่แกนนำคนเสื้อแดงก็ต้องประเมินว่าคนที่มาร่วมชุมนุมนั้นมีมากขึ้นหรือ ลดลง

เพราะตั้งแต่ช่วงเช้าของการเคลื่อนผู้ชุมนุมตามจังหวัดต่างๆ ที่ทยอยเข้ามาในกรุงเทพฯ มีความคึกคัก "แกนนำคนเสื้อแดง" ประกาศบนเวทีว่ามีผู้มาชุมนุมถึง 3-4 แสนคน

แต่ปรากฏว่าตั้งแต่ช่วงเวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ผู้คนที่มาจากต่างจังหวัดเริ่มทยอมเดินทางกลับ เพราะถือว่ามาตามพันธสัญญาที่ทำร่วมกัน


ดังนั้นถือว่าวันแรกของการชุมนุมแกนนำเร่งม็อบไม่ขึ้น เพราะเลยช่วงเวลาของการแตกหัก ที่น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงการเคลื่อนขบวนไปบ้าน "สี่เสาเทเวศร์" ตั้งแต่ช่วงเช้า

นอกจากนี้ "แกนนำ" ถูกมองว่ามีสัญญากับ "นายใหญ่"  รับบำเหน็จเป็นก้อนจะกลับคงไม่ได้จะแยกย้ายก็ต่อเมื่องานเสร็จตามสัญญา โดยมีการตั้งเวที 3 จุด คือ เวทีทำเนียบรัฐบาล เวทีลานพระบรมรูปทรงม้า และเวทีหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เพื่อแสดงการทำงานที่สำเร็จระดับหนึ่ง

ดังนั้นถ้าการชุมนุมครั้งนี้ไม่เกิดเหตุจลาจลก็ถือเป็นการมาชุมนุมเพียงแค่ต้องการ "ดิสเครดิต" พล.อ.เปรม และรัฐบาล เท่านั้น

เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุรุนแรง แต่อาจจะมีแกนนำบางคนต้องการปิดเกมเร็ว อาจเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่น เกิดการจลาจล ทำลายสถานที่ราชการที่สำคัญ ทำให้ผู้มาร่วมชุมนุมรู้สึกว่าถูกรังแก และแกนนำจะปลุกระดมให้ลุกขึ้นสู้ เรียกว่าสภาวะการเป็นไปโดยธรรมชาติมองว่าถูกผู้มีอำนาจทำร้าย

ขณะที่การรับมือของรัฐบาลภายใต้การนำของ "พรรคประชาธิปัตย์" ถูกมองว่าบริหารโดยยึดข้อกฎหมายเป็นหลักทำให้มองว่าเป็นฝ่าย "ตั้งรับ" มากกว่าเป็น "นักรบ"

จึงดูเหมือนว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังรอสถานการณ์มือที่สาม ที่คาดว่าอาจจะมีการก่อเหตุในคืนวันที่ 8 หรือ 9 เมษายนนี้ ซึ่งรัฐบาลจจะใช้เหตุนี้เปิดเกมรุก เข้าสลายหรือควบคุมการชุมนุมทั้งหมด โดยรัฐบาลน่าจะประเมินว่าหากเกิดเหตุจลาจลในพื้นที่ต่างๆ กลุ่มผู้ชุมนุมจะทยอยกันกลับบ้านเนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย

แต่สำหรับแกนนำคนเสื้อแดงน่าจะมีแผนยกระดับการชุมนุม และหวังให้มีคนมากขึ้นอาจจะทำให้เกิดการชะงักงันในกรุงเทพฯ

อย่างไรก็ตาม ลักษณะการเมืองไทยนั้นคาดหวังว่าจะมีอำนาจพิเศษเข้ามาสลายความขัดแย้ง หรือกองทัพมาบอกกับรัฐบาลว่าให้ยุบสภาเหมือนรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์

แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับ "นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ" ว่าจะคิดอย่างไร จะบริหารประเทศต่อไปได้หรือไม่ เพราะหากพรรคประชาธิปัตย์ยังต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุมจากปัญหาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

ในภาวะที่ "พรรคประชาธิปัตย์" ขาดคนทำงานด้าน "มวลชน" หรือ "นักรบ" การทำงานเน้นตั้งรับอย่างเดียวรับรองว่า "รัฐบาลอภิสิทธิ์" เหนื่อย!


รายงาน-กับดัก "ใยแมงมุม" ...สยบแผนป่วนเมือง

Demonstrations and riots, Paris, France (place...Image via Wikipedia

คมชัดลึก :สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ กำลังเดินเข้าสู่จุดล่อแหลมเป็นอย่างยิ่ง

กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ภายใต้แรงขับเคลื่อนจากพรรคเพื่อไทย ได้ระดมชาวบ้านนับหมื่นคนเข้าเมืองหลวง

เป้าหมายเพื่อเผด็จศึก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมทั้งกดดันให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลาออกหรือยุบสภา

เกมนี้จึงมีเดิมพันสูงยิ่งระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับประมุขแห่งบ้านสี่เสาเทเวศร์

ฝ่ายใดพลาดพลั้ง นั่นย่อมถึงความพ่ายแพ้

ศึกหนนี้จึงเชื่อกันว่า จะเล่นกันทั้งบนดินและใต้ดิน ในที่ลับและที่โล่งแจ้ง ร่วมถึงมือที่สอง มือที่สาม ที่อาจเข้ามาก่อเหตุจุดชนวน "สงครามกลางเมือง"

แม้ที่ผ่านมาเกมในสภาจะตกเป็นรอง แต่หลายฝ่ายยังเชื่อว่ายุทธศาสตร์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วางไว้อาจมี "แผนแตกหัก" ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย หากมวลชนคนเสื้อแดงไม่อาจทนกดดันอยู่ได้เกิน 3 วัน จนทำให้แผนการ รวมถึงเงินที่ทุ่มลงไปสูญเปล่า

มีเหตุการณ์ที่ต้องถือว่าเกี่ยวเนื่องกับการเมือง จากความพยายามลอบสังหาร นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม พ.ต.เทียนชัย เมืองจันทึก หรืออ๊อด อายุ 45 ปี พร้อมพวกทั้งหมดให้การรับสารภาพ และยังมีแผนวางเพลิงธนาคารอีก 10 แห่ง เพื่อสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง แต่แผนทั้งหมดเกิดรั่วจากทีมสังหารเสียก่อน

ยังจับสัญญาณอันตรายบางอย่างจากครอบครัว "ชินวัตร" ซึ่งส่อเค้าว่า "ศึกล้มองคมนตรี" คราวนี้จะถึงจุดแตกหัก โดยเฉพาะการเดินทางออกจากประเทศไทยเป็นการด่วนของ คุณหญิงพจมาน พร้อมครอบครัว รวมทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เมื่อคืนวันที่ 7 เมษายน ก่อนการชุมนุมใหญ่เพียงไม่กี่ชั่วโมง

สัญญาณต่างๆ เหล่านี้ดูเหมือนรัฐบาลเองก็กังวลและมองเกมนี้ออกเช่นกัน

การประเมินสถานการณ์จากฝ่ายความมั่นคงของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ โดยมีทหาร ตำรวจ สภาความมั่นคง วิเคราะห์ตรงกันว่า หากสถานการณ์ไปถึงจุดนั้นจริง ต้องสกัดตัวจุดชนวนให้ได้ ทั้งมือที่หนึ่ง มือที่สอง มือที่สาม ที่ว่ากันว่าจะมีทั้งการใช้ระเบิด ลุกลามถึงขั้นเผาสถานที่ราชการเลยทีเดียว

พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ต้องออกคำสั่งเน้นย้ำนายตำรวจดูแลเรื่องความมั่นคงเป็นพิเศษ โดยให้ผู้บังคับหน่วยกองร้อยควบคุมฝูงชน ควบคุมการปฏิบัติของกำลังพลให้เป็นไปตามแผน "กรกฎ 48" อย่างเคร่งครัด

"ในพื้นที่โดยรอบการชุมนุม ให้ตั้งด่านตรวจเป็นเครือข่ายใยแมงมุม เน้นการตรวจอาวุธสงคราม บุคคลต้องสงสัย รถยนต์และรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถกระบะ รถตู้ ที่มีการขนคนจำนวนมาก พร้อมตั้งจุดสกัดตรวจค้นอาวุธผู้ชุมนุมอย่างละเอียด ห้ามพกพาอาวุธใดๆ เข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเด็ดขาด โดยให้ตั้งแผงเหล็กกั้นพื้นที่ให้ผู้ชุมนุมอยู่ในพื้นที่จำกัด และห้ามตำรวจใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม" ผบช.น.ระบุ

"แผนโครงข่ายใยแมงมุม" ถูกนำมาใช้เพื่อรองรับการก่อเหตุร้าย เป็นเหมือนการดักจับแมลงทีละชั้น หรือกรองสิ่งที่เล็ดลอดผ่านจากด่านแรก ด้วยการตั้งด่านสกัดตั้งแต่เขตรอบนอกจนถึงพื้นที่สีแดง

โดยใช้กำลังตำรวจจาก 88 สน. ตั้งจุดตรวจ สน.ละ 2 ด่าน รวมทั้งสิ้น 176 จุด เคลื่อนย้ายสลับไปตามถนนสายหลักต่างๆ ในเขตพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ พล.ต.ต.วีระพัฒน์ ตันศรีสกุล ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.) ได้สั่งให้ตั้งด่านจราจรอีก 97 จุด เชื่อมโยงกับโครงข่ายใยแมงมุมของโรงพัก โดย บก.จร.เน้นตั้งจุดตรวจพื้นที่ชั้นใน โดยเฉพาะถนนสายหลักรอบทำเนียบรัฐบาล เช่น ถนนศรีอยุธยา ราชดำเนินนอก และพิษณุโลก เพื่อสกัดรถต้องสงสัยที่จะเข้ามาพื้นที่ชุมนุมตลอด 24 ชั่วโมง จนกว่าการชุมนุมจะยุติ

และหากกลุ่มผู้ไม่หวังดีสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้จะเจอกับด่านสุดท้าย ที่มีฝ่ายสืบสวนทั้งตำรวจหญิงและชาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ ซึ่งเข้าไปแทรกซึมปะปนอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมคอยหาข่าวเป็นเส้นใยสายสุดท้าย คอยดักจับ

ถ้ารวมกับกำแพงตำรวจควบคุมฝูงชนอีก 23 กองร้อย ทหารอีกนับพันที่อยู่รายรอบม็อบเสื้อแดงแล้วล่ะก็ มดสักตัวก็ยากจะเดินเข้าไปจุดชนวนเหตุได้

อย่างไรก็ตาม "แผนโครงข่ายใยแมงมุม" จะยุติเหตุนองเลือดได้หรือไม่ ต้องติดตามอย่ากะพริบตา



Reblog this post [with Zemanta]

มาร์ควอนปชช.อย่าเป็นเหยื่อคนหนีคดี

Abhisit VejjajivaImage by central_vietnam via Flickr

คมชัดลึก :"อภิสิทธิ์" ระบุ ไม่ใช้ความรุนแรงปราบม็อบเสื้อแดง วอนอย่าตกเป็นเหยื่อคนหนีคดีข้ามประเทศ

(9เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการจมูกมด ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ว่า ข้อเรียกร้องของกลุ่มเสื้อแดงที่ มาตั้งเป็นเงื่อนไขนั้นไม่เกี่ยวข้องกับระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการชุมนุมเห็นว่าอยู่ในกรอบของกฎหมายสามารถกระทำได้ในวิถีของกฎหมาย แต่ถ้ามีการกระทำผิดก็ไม่ถือว่าไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย สำหรับการวีดีโอลิงท์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้นเป็นการปลุกระดมมากขึ้น เพราะถือว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ตัวเองไม่ได้อยู่ในประเทศ และครอบครัวก็ไปต่างประเทศหมดแล้ว

ขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินการแจ้งไปยังประเทศต่างๆว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ศาลมีคำพิพากษามีความผิดทางอาญา ไม่ใช่ความผิดทางการเมือง จึงต้องนำตัวมาลงโทษทางกฎหมาย เมื่อเป็นคนไทยกระทำผิดกฎหมายก็ต้องมารับโทษ จะมาเรียกร้องให้มีข้อยกเว้นไม่ได้ เพราะในแนวทางประชาธิปไตยทำผิดกฎหมายแล้วก็ต้องมารับโทษ

"บุคคลที่มาชุมนุมวันนี้ประสงค์ได้ประชาธิปไตยจริงๆหรือไม่ใช่เป็นฉาก หน้าตกเป็นเครื่องมือเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง หากต้องการประชาธิปไตยจริงก็เข้ามาสู่ระบบปฏิรูปด้วยกัน อย่างหวังเพื่อใช้ความรุนแรงเพื่อเป็นเงื่อนไขให้ตัวเองกลับมาลบล้างความผิด ไม่เป็นประโยชน์อะไรกับบ้านเมือง ประชาชนอย่าตกเป็นเครื่องมือ ตกเป็นเหยื่อคนบางคนที่เคยเป็นเผด็จการมาแล้ว รัฐบาลมีแนวคิดเดิมคือไม่ใช้ความรุนแรง ความรุนแรงจะไม่เริ่มจากรัฐบาลแน่นอน แต่ผู้ชุมนุมต้องอยู่ภายใต้กฎหมายอย่าทำอะไรรุนแรง"นายอภิสิทธิ์ กล่าว


Reblog this post [with Zemanta]

Label Cloud