Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Tuesday, April 28, 2009

Thaksin says he loves Thailand but ....




download video file

"ทักษิณ"ปัดหนุนเสื้อแดงแรง! Thaksin backs peaceful protest

BANGKOK, THAILAND - NOVEMBER 30:  A pro-govern...Image by Getty Images via Daylife

โพสต์ ทูเดย์ - "ทักษิณ"ปัดหนุนเสื้อแดงแรง!
แม้วแถลงการณ์ โวยรัฐโยนผิดบาปยันยึดสันติปัดหนุนม็อบเสื้อแดงใช้ความรุนแรง

แถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี


“การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยสันติวิธี”


ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและกลไกของรัฐบาล ได้พยายามที่จะโยนความผิดให้ผมสำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในระหว่างการประท้วงในทางการเมืองในประเทศไทยเมื่อเร็วๆนี้ ยิ่งกว่านั้น ผมถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมว่าเป็นผู้สนับสนุนและเห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง


ก่อนอื่น ผมขอปฎิเสธข้อกล่าวหาข้างต้นอย่างสิ้นเชิง ตลอดชีวิตของผม ผมเคารพในสันติวิธี เสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ผมทำในสิ่งที่ผมพูด แม้ว่าผมได้ให้กำลังใจกระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้เรียกร้องให้พี่น้องประชาชนชาวไทยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยผ่านทางวิดีโอและทางโทรศัพท์ ผมได้ย้ำตลอดมาว่า การรเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ต้องป็นไปด้วยสันติและกระบวนการต่อสู้ของประชาชนจะไม่ใช้ความรุนแรง พี่น้องประชาชนนับหมื่นนับแสนได้ตอบสนองข้อเรียกร้องและได้พากันชุมนุมประท้วงอย่างสงบและสันติเป็นเวลาหลายสัปดาห์เพื่อเรียกร้องให้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมาสู่ประเทศไทย


ผมขอเรียนย้ำต่อพี่น้องชาวไทยว่าการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของเราจะต้องไม่ใช้วิถีของความรุนแรง ผมไม่สามารถสนับสนุนการใช้ความรุนแรง ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า เราจะไม่ใช้อาวุธในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย เราต้องสร้างอนาคตของพวกเราผ่านความเข้มแข็งทางความคิดและหลักการอันถูกต้องของพวกเรา และพวกเราต้องอดทนและวางเฉยต่อการยั่วยุต่างๆจากทางภาครัฐ


ผมขอเรียกร้องให้คนไทยที่รักสันติทุกคนให้ผนึกกำลังเพื่อบรรลุถึงความปรองดองของคนในชาติและประชาธิปไตยที่แท้จริง ตามที่ผมเคยพูดไว้เราได้ถอยหลังจากการเผชิญหน้าไปหนึ่งก้าว และเราจะไม่ยอมยุติการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยของไทย แม้เราถูกหยุดยั้งโดยภาครัฐงานของพวกเราก็จะไม่หยุด เพราะเราเชื่อมั่นว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้นคือการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และในท้ายที่สุดนี้ ผมมีความมั่นใจว่าพลังของพี่น้องประชาชนจะต้องชนะและมีชัยด้วยแนวทางสันติ

ทักษิณ ชินวัตร
28 เมษายน 2552



Bangkok Post: Thaksin backs peaceful protest

Outlawed former prime minister Thaksin Shinawatra has denied ever supporting the use of violence by his followers in the United Front for Democracy against Dictatorship (UDD) to achieve his political resurrection.

He said in a statement issued on Tuesday he would continue using peaceful means to bring ''true democracy'' to the country.

Thaksin said the Thai government was trying to blame him for the riots during the anti-government protest by his supporters in mid-April.

The self-exiled politician said he was unfairly accused of supporting violence to achieve his political objectives.

In the statement, Thaksin denied all charges made by the government and said he had, throughout his life, respected peaceful means, freedom and equality.

Thaksin said he had given his support to Thai people through phone- and video-link speeches in the past several weeks, and that he had repeatedly told them that they must not resort to violence.

Thaksin reiterated to his supporters that they must not use weapons to fight for democracy, but should build the future with strong beliefs and a righteous principles.

He urged them to be tolerant and pay no attention to the government's ''provocative measures''.

He also asked all peace-loving Thais to work together to bring about reconciliation and democracy in the country.

Thaksin said his supporters would not stop the fight for democracy, and expressed confidence that they would emerge victorious through peaceful means.

Earlier, fugitive UDD core member Jakrapob Penkair said the red-shirts will use new tactics to topple the Democrat-led coalition government and they may include violence using weapons, .

Mr Jakrapob, who went into hiding to evade an arrest warrant for inciting unrest in mid-April, made the threat in a telephone interview from an undisclosed location to a foreign news agency.

The red-clad group wanted a fresh general election so a democratically elected government could be put in place, he said. They would use violent methods if necessary to achieve this.

Reblog this post [with Zemanta]

เสื้อแดงประกาศชุมนุมใหญ่สัปดาห์หน้า

โพสต์ ทูเดย์ - เสื้อแดงประกาศชุมนุมใหญ่สัปดาห์หน้า
แกนนำนปช.เผยเตรียมจัดชุมนุมใหญ่ภายในสัปดาห์หน้า ยืนยันไม่เป็นการชุมนุมยืดเยื้อ

นายวีระ มุกสิกพงษ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ร่วมแถลงยืนยันว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงภายในสัปดาห์หน้า

นายวีระ กล่าวว่า ขบวนการของคนเสื้อแดงยังไม่สามารถยุติได้ โดยคาดว่าการชุมนุมจะสามารถมีขึ้นได้ภายในสัปดาห์หน้าแต่จะไม่เป็นการชุมนุมแบบยืดเยื้อซึ่งรูปแบบของการชุมนุมจะเป็นการบอกทิศทางในการเคลื่อนไหวพร้อมกับสรุปสถานการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด

ทั้งนี้คิดว่าการชุมนุมจะไม่เป็นการกระทำที่ขัดกับเงื่อนไขในการให้ประกันตัวของศาลเพราะจะไม่มีการยุยง ปลุกปั่น แต่จะเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 นอกจากนี้ได้รับการประสานมาจากผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่นแล้วโดยตอนนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อขออนุญาตในการเปิดสถานีอีกครั้งซึ่งคาดว่าจะออกอากาศได้เร็วๆนี้

“สำหรับเหตุการณ์ที่ผ่านมามีความเห็นว่าเป็นช่วงที่มีความวิกฤติ จึงเห็นควรให้มีการตั้งคณะกรรมการขำระข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะการสลายการชุมนุมว่าไม่ได้เป็นไปตามหลักสากล จะมาใช้คำว่าจลาจลกับคนเสื้อแดงมันก็ดูไม่เป็นธรรม ดังนั้นต้องมีการตั้งคณะกรรมการอิสระที่ประกอบไปด้วยบุคคลที่มีความเป็นกลางขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเหมือนเหตุการณ์พฤษภามิฬในปี 2535 เช่นเดียวกับการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม7ต.ค.2551 ที่ตรวจสอบบุคคลระดับนายกรัฐมนตรีลงม เพื่อไม่ให้มีลักษณะเป็น 2 มาตรฐาน” นายวีระ กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า คณะกรรมการอิสระที่ตั้งขึ้นมาต้องไม่มีมีตัวแทนจาก ส.ส. ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ส.ว. และคนเสื้อแดงเข้าไปเป็นกรรมการ แต่ควรนำคนที่มีความเป็นกลางจริงๆ เข้าไปดำเนินการ ทั้งนี้เราไม่เคยหากินกับคนตายเพียงแต่ต้องการแสวงหาความยุติธรรมให้เท่านั้น และขอตั้งข้อสังเกตว่าในงานศพผู้เสียชีวิตที่นางเลิ้งมีแต่พวงหรีดของพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น

“พรรคเพื่อไทยไม่ควรเข้าไปร่วมแก้รัฐธรรมนูญกับรัฐบาล ส่วนที่มีความพยายามยั่วยุว่าจะให้นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นประธานในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ถ้าหากพรรคเพื่อไทยคิดได้เท่านี้ก็ควรกลับไปเป็นควาย เราอย่าไปตื่นเต้นกับการแก้รัฐธรรมนูญตามเกมของพรรคประชาธิปัตย์เพราะวันนี้ประชาธิปัตย์กลัวการถูกยุบมากที่สุด การเป็นนักการเมืองไม่ควรมีพฤติการณ์เหมือนหมาคาบเนื้อบนสะพานเห็นเงาเนื้อในน้ำชิ้นใหญ่กว่าก็ปล่อยชิ้นเนื้อที่คาบออกไป พรรคเพื่อไทยถ้าเอาเฉพาะเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเป็นการฝันลมๆแล้งๆ หากละเลยในการแสวงหาข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ปราบปรามประชาชน พรรคจะมีปัญหากับตนแน่นอน หวังว่าที่ประชุมของพรรคน่าจะมีการทบทวนเรื่องนี้” นายจุตพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งหนังสือมายังนายชัย ชิดชอบประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอตัวไปดำเนินคดีตามหมายจับของศาลระหว่างสมัยประชุมสภานั้น จะขอให้สภาดำเนินการส่งตัวตนไปดำเนินคดีได้เลย และจะมอบตัวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลแน่นอน และพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลอย่าหน้าด้านยกมือให้เพื่อคุ้มครองตน เพราะส่วนตัวไม่สามารถทำงานร่วมกับฆาตกรที่ฆ่าประชาชนได้

ทั้งนี้ นายจตุพร ได้ปฎิเสธถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาจจะร้องขอให้นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชชยชัย อดีต รมช. คมนาคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยมาเป็นแกนนำนปช.รุ่นต่อไป


เผย10ปมเสื้อแดงสู้ จับตาปรับยุทธศาสตร์เหมือนพคท.

หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ - เผย10ปมเสื้อแดงสู้ จับตาปรับยุทธศาสตร์เหมือนพคท.
หน่วยข่าวกรองประเมิน10ประเด็นเสื้อแดงฮือสู้ คาดปรับยุทธศาสตร์ใหม่รุนแรงขึ้น จับตาเปลี่ยนโครงสร้างเคลื่อนไหวตามรอยพรรคคอมมิวนิสต์ หวังสร้างแนวร่วมเพิ่มในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน-นศ.

เมื่อวันที่ 27 เมษายน ศูนย์ปฏิบัติการข่าวกรองแห่งชาติ (ศป.ข.) สำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปการประเมินแนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมือง จากการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง


1.ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงยังน่ากังวล ค่อนข้างแน่ชัดว่าจะมีการเคลื่อนไหวต่อไป และมีความเป็นไปได้ว่าจะเคลื่อนไหวจนถึงขั้นที่อาจจะนำไปสู่การใช้ความรุนแรงได้อีก เนื่องจากกลุ่มเสื้อแดงยังคงมีศักยภาพที่จะเคลื่อนไหวต่อไป และยังคงมีมวลชนที่เข้มแข็ง แม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่บรรลุเป้าหมายในการล้มรัฐบาลก็ตาม กลุ่มเสื้อแดงยังมีขีดความสามารถที่จะฟื้นฟูการเคลื่อนไหว และมีวิธีดำเนินการหลายหนทาง โดยเฉพาะการโหมทำสงครามข่าวสาร เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อโจมตีรัฐบาลและกองทัพอย่างต่อเนื่อง ทั้งในสื่อมวลชนในและต่างประเทศ รวมทั้งอินเตอร์เน็ต ควบคู่ไปกับการปลุกระดมมวลชน การจัดชุมนุมย่อยในพื้นที่กรุงเทพฯและภูมิภาค ตลอดจนการเคลื่อนไหวผ่านทางเครือข่ายแกนนำ ส.ส. หัวคะแนน ในการลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูและขยายแนวร่วมมวลชนในระดับต่างๆ เพื่อพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งต่อๆ ไป


2.ศักยภาพและขีดความสามารถของกลุ่มเสื้อแดง ภายหลังการยุติการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มเสื้อแดงได้รับความสูญเสียบางส่วน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สูญเสียความเชื่อถือทั้งในและต่างประเทศไปมากและมีคดีเพิ่ม และถูกกดดันในด้านพื้นที่ที่จะอยู่อาศัยและเสรีภาพในการเดินทาง รวมทั้งสูญเสียทางการเงินและโอกาสหารายได้


ส่วนระดับนำที่เป็นมันสมองใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มเสื้อแดง โดยเฉพาะกลุ่มคนเดือนตุลาฯซึ่งมีอยู่หลายคน ไม่ได้รับความกระทบกระเทือนใดๆ และน่าจะเป็นกลุ่มที่ยังคงปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ต่อไปแต่อาจถูกจำกัดความเคลื่อนไหว ทำให้คนที่ออกมาดำเนินการต่อเป็นแกนนำระดับรองๆ ขณะที่นายจักรภพ เพ็ญแข น่าจะดำเนินการเคลื่อนไหวในทางลับใต้ดินต่อไป ซึ่งจะมีความสามารถในการชี้นำยุยงผ่านทางสื่อที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการปิดสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น วิทยุชุมชน เว็บไซต์ที่ยุยงให้ใช้ความรุนแรง เป็นมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ส่วนมวลชนรากหญ้าทั้งในเมืองและในชนบท โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสาน น่าจะยังมีความเข้มแข็งและมีจำนวนมาก


3.ในระยะเวลา 1-2 เดือนจากนี้ไปกลุ่มเสื้อแดงอาจจะปรับยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเฉพาะการสรุปบทเรียนการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาเพื่อนำไปวางแผนอุดช่องว่าง และแสวงหาช่องทางที่จะสามารถชิงเป็นฝ่ายรุกในการสร้างประเด็นใหม่ๆ สร้างเงื่อนไขกดดันรัฐบาล ทั้งบนดินและใต้ดินต่อไปจนกว่าบรรลุเป้าหมาย


4.โครงสร้างการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม ระดับแกนนำยังคงเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนั้นคือ นายจักรภพ และคนเดือนตุลาฯที่เคยเข้าร่วมงานกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ส่วนระดับปฏิบัติมีหลายระดับ หลังจากที่มีการออกหมายจับ ทำให้แกนนำระดับรองมาทดแทน เช่น นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายขวัญชัย ไพรพนา ร่วมทั้งแกนนำระดับภูมิภาคและมีเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมีกลุ่มนักรบไซเบอร์ดำเนินการโฆษณาชวนเชื่อ เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จปลุกปั่นยุยง


5.กลุ่มที่น่าให้ความสำคัญมากที่สุดคือฐานมวลชนของกลุ่มเสื้อแดง ที่ถูกแสวงประโยชน์ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง


6.แนวคิดของกลุ่มเสื้อแดง มีข้อสังเกตถึงการเน้นชี้นำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างอำมาตย์กับประชาชน ที่เป็นการต่อสู้ระหว่างชนชั้นอย่างชัดเจน


7.การชี้นำทางความคิด มีอิทธิพลสูงต่ออารมณ์ความรู้สึกของมวลชนเสื้อแดงโดยเฉพาะรากหญ้าที่นิยม พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้น่าจะยังให้การสนับสนุนและพร้อมเคลื่อนการชุมนุมเมื่อมีการนัดหมาย หากรัฐบาลไม่สามารถสถาปนาความไม่สงบเรียบร้อยได้อย่างแท้จริง และการปรับปรุงภาวะเศรษฐกิจไม่ได้ผล ซึ่งรูปแบบการขยายจำนวนมวลชนจะคล้ายกับพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีต โดยใช้เครือข่ายชนบท ร่วมกับการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ตลอดจนนักการเมืองและผู้นำท้องถิ่น ผ่านการโฆษณาชวนเชื่อ การใช้วิธีจรยุทธ์ในเมือง การชุมนุมประท้วง ร่วมกับการดำเนินงานในรัฐสภา


8.เครื่องมือที่สำคัญที่กลุ่มเสื้อแดงจะใช้ในการปลุกระดมประชาชนในต่างจังหวัด ประกอบกับการใช้สื่อทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ และระบบอินเตอร์เน็ต ส่วนการใช้อาวุธมีความเป็นไปได้เนื่องจากมีข้อมูลข่าวสารบ้างแล้ว แต่ยังต้องตรวจสอบความถูกต้องอยู่ ทั้งนี้น่าจะถึงขั้นตั้งกองกำลังติดอาวุธอย่างที่ พคท.เคยทำมาในอดีต


9.มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะพยายามสร้างแนวร่วมเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ใช้แรงงานและนักศึกษา เพื่อขยายมวลชนให้ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทางด้านเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง เกษตรกรที่ผลผลิตเสียหายหรือราคาตกต่ำ รวมทั้งราษฎรที่ขัดแย้งกับโครงการต่างๆ ของรัฐ


10.ด้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปัจจุบันยังสามารถรักษามวลชนได้อย่างเหนียวแน่น เหตุการณ์ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำคนสำคัญ กลุ่มพันธมิตร ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรงในทันที แต่มีการแสดงท่าทีพร้อมจะเคลื่อนไหว รวมถึงการเคลื่อนไหวคัดค้านการดำเนินงานของรัฐบาล ที่ขัดกับจุดยืนของพันธมิตรโดยเฉพาะการนิรโทษกรรมนักการเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ


ฝ่ายค้านนิคารากัวจี้รบ.แจงกรณีทักษิณ

Daniel Ortega, president of Nicaragua.Daniel Ortega Image via Wikipedia

คมชัดลึก : ฝ่ายค้านนิคารากัวจี้รบ.แจงกรณีทักษิณ

รัฐบาลนิคารากัวยังนิ่งเฉยกรณี "ทักษิณ" ระบุประธานาธิบดีไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว ขณะที่ฝ่ายค้านจี้รัฐบาลแจงข้อเท็จจริงมีผลประโยชน์อะไร
(21เม.ย.) รัฐบาลของประธานาธิบดีแดเนียล ออร์เตก้า ที่สื่อสารกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเว็บไซท์ข่าวในอินเตอร์เน็ตอย่างน้อย 4 แห่ง ยังคงนิ่งเฉยต่อประเด็นใหม่ที่จุดชนวนความขัดแย้งระหว่างไทยกับนิคารากัว และกรณีที่มีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหลบหนีคดีจากประเทศไทย ไปโผล่ที่กรุงมานากัว เมืองหลวงของนิคารากัว หลังเดินทางออกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพราะได้หนังสือเดินทางทางการทูตที่นิคารากัวออกให้

เจ้าหน้าที่ของกองตรวจคนเข้าเมือง ในสังกัดกระทรวงต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่สนามบินนานาชาติ ซานดิโน่ เปิดเผยว่า ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าประเทศ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามที่สื่อมวลชนไทยรายงานข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ด้านสำนักงานโฆษกของประธานาธิบดีออร์เตก้า ในกรุงมานากัว ได้เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้รับหนังสือเดินทางทางการทูต และมีตำแหน่งเป็นทูตพิเศษเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ การเปิดเผยเรื่องนี้ก่อให้เกิดกระแสวิพากวิจารณ์จากฝ่ายค้าน ที่เตือนว่าจะเป็นการละเมิดกฎหมายอย่างร้ายแรง ที่เอาตำแหน่งสำคัญนี้ไปให้กับต่างชาติ พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลอธิบายให้ชัดเจนว่า ทำแบบนี้แล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์อันใดบ้าง

แม้จะไม่มีการทำข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่รัฐบาลไทยพยายามขอร้องให้ทางการนิคารากัวส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณให้ แต่แม้จะมีการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง " ทูตพิเศษ " แต่รองประธานาธิบดีไฆเม่ โมราเลส คาราโซ่ ที่รับผิดชอบด้านความสัมพันธ์กับนักธุรกิจต่างชาติ กลับกล่าวว่า ไม่รู้จักพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการส่วนตัว และกล่าวด้วยว่า เท่าที่จำได้ ประธานาธิบดีออร์เตก้า ก็ไม่รู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณเช่นกัน คิดว่าอาจจะมีที่ปรึกษาแนะนำให้รู้จัก

รองประธานาธิบดีนิคารากัว กล่าวว่า อาจเป็นที่ปรึกษาคนเดิมของประธานาธิบดีออร์เตก้า ที่แนะนำเรื่องนี้ โดยไม่ได้รู้เรื่องราวที่ลึกซึ้ง เชื่อใจในทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยความสุจริตใจปราศจากเจตนามุ่งร้ายที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า และจะไม่ให้การสนับสนุนกรณีที่มาเป็นตัวแทนของประเทศ ในสภาพที่เผชิญข้อกล่าวหาตั้งมากมายในบ้านของตัวเอง
Reblog this post [with Zemanta]

แม้วเตรียมดึงภูมิธรรม-หมอมิ้งนำเสื้อแดง

คมชัดลึก : แม้วเตรียมดึงภูมิธรรม-หมอมิ้งนำเสื้อแดง

"สุเทพ" รับกังวลเหตุก่อวินาศกรรม-ลอบสังหาร หลังเกิดเหตุยิง "สนธิ" ประสานตำรวจ-ทหาร สนธิกำลังตั้งจุดตรวจ เผยประชุมสุดยอดอาเซียนให้ทหารเข้ามารับผิดชอบรักษาความ ตั้งกก.ปรองดอง-แก้รธน.แทนขีดเส้นภายใน15วันปลอดภัย "ทักษิณ"เตรียมดึง "ภูมิธรรม-จาตุรนต์-หมอมิ้ง"นำเสื้อแดง

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 27 เม.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงนี้ตนไม่ค่อยอยากพูด หรือให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มากนัก เพราะเห็นว่าถ้าพูดอะไรไปแล้ว จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ จึงขอให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ ให้มากขึ้นจะดีกว่า

นายสุเทพ ได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องการรักษาความปลอดภัย ว่า ในเมื่อเรามีบทเรียนกันมาแล้ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พัทยา จ.ชลบุรี ดังนั้นในครั้งนี้จึงจะมีการปรับแผนการรักษาความปลอดภัยกันใหม่ โดยถ้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ตนเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย ตนก็จะขอให้กระทรวงกลาโหมเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดระบบการรักษาความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด

โดยให้กระทรวงกลาโหมใช้ทั้งกำลังทหารจากทุกเหล่า และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำงานแบบสนธิกำลังซึ่งกันและกัน ซึ่งตนคิดว่าถ้ามีการปรับแผนแล้ว จะทำให้ผู้นำของประเทศต่าง ๆ มีความมั่นใจในการเดินทางมาร่วมประชุมดังกล่าวมากขึ้น ที่สำคัญเราจะไม่ยอมให้เหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นซ้ำสองอีกเป็นอันขาด มิเช่นนั้นประเทศไทยจะไม่มีที่ยืนบนเวทีโลก สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลในช่วงนี้ ได้ให้เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและทหาร ร่วมกันปฏิบัติงาน เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย โดยตั้งจุดตรวจเป็นระยะ รวมทั้งมีสายตรวจเคลื่อนที่ร่วมกัน เพราะตนเป็นห่วงในเรื่องการก่อวินาศกรรมและการลอบสังหาร

อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาความปลอดภัยดังกล่าวคงต้องทำต่อไปสักระยะหนึ่งควบคู่ไปกับการประเมินด้านการข่าวไปทุกวัน ๆ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ทำให้ตนรู้สึกเครียดอยู่ไม่น้อย แต่ตนยืนยันได้ว่าไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ของกลุ่มคนเสื้อเหลือง และไม่ใช่ฝีมือของรัฐบาลหรือกองทัพ เพราะการกระทำดังกล่าวจะยิ่งเป็นชนวนก่อให้เกิดความไม่สงบมากขึ้น โดยคดีนี้ตนได้บอกกับตำรวจที่รับผิดชอบคดีว่า งานนี้ตำรวจต้องทำงานหนัก ตามเกมให้ทันและต้องจับให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือสีไหนก็ตาม

ทักษิณเตรียมดึง"ภูมิธรรม-จาตุรนต์-หมอมิ้ง"นำเสื้อแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังจากม็อบเสื้อแดงที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลถูกสลาย คณะทำงานของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ประเมินสถานการณ์ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ต่อสู้ทางการเมืองไป โดยเห็นด้วยที่จะดึง นพ.พรหมมินท์ เลิศสุริย์เดช นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ขึ้นมาเป็นแกนนำขับเคลื่อนมวลชนเสื้อแดง พร้อมกำหนดยุทธศาสตร์และรูปแบบการเคลื่อนไหวใหม่ไปสู้เป้าหมายเปลี่ยนประเทศไทยเป็นการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ส่วนบุคคลเหล่านี้จะตอบรับหรือไม่ จะต้องรอผลการหารือร่วมกันก่อน คาดว่าจะได้ผลสรุปภายในสัปดาห์นี้แน่นอน

“เกรียงกมล”ออกตัวต้องทำเพื่อประชาชน

นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ อดีตที่ปรึกษาส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในสมัยเป็นนายกฯ กล่าวว่า พูดเป็นเล่นไปได้น่า ส่วนตัวเห็นว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองยึดถือผลประโยชน์โดยรวมของสังคมเป็นที่ตั้งเสมอ จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะไปร่วมในการนำการเคลื่อนไหว

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะดึงไปร่วมเป็นแกนนำเคลื่อนไหวเสื้อแดงนั้น ไม่แน่ใจเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แม้เป็นเรื่องจริง แต่การตัดสินใจใดขึ้นอยู่บนพื้นฐานเป็นเรื่องของผลประโยชน์ประชาชนทั้งประเทศ และการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่ดีนั้น ไม่ควรทำอะไรที่ผิดกฎหมาย และการหมิ่นประมาทควรหลีกเลี่ยงด้วยซ้ำไป การชุมนุมแต่ละครั้งควรชุมนุมตามสิทธิรัฐธรรมนูญ ชุมนุมโดยเปิดเผย ไม่ต้องมีอาวุธ หรือหน่วยการ์ดใด จะปล่อยให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไป

แนะ“อดีตประธานศาลฎีกา”เป็นคนกลางสอบสลายม็อบแดง

นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วิป 3 ฝ่ายนัดหารือ เพื่อตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการสลายม็อบเสื้อแดงว่า ขอเสนอให้นายสวัสดิ์ โชติพานิช อดีตประธานศาลฎีกา เข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการฯชุดนี้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นถึงอดีตประธานศาลฎีกา ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ไม่มีใครปฏิเสธในความเป็นกลาง ถ้าในช่วงนั้นท่านรับเป็นประธานคตส.คงไม่ทำให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้

ตั้งกก.ปรองดอง-แก้รธน.แทนขีดเส้นภายใน15วัน

เมื่อเวลา 16.30 น.ได้มีการประชุมวิป 3 ฝ่าย โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เป็นประธานในการประชุม โดยปรากฏว่าในการประชุมครั้งนี้ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชได้เข้าร่วมประชุมด้วย โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 2 ชั่วโมง

ภายหลังการประชุมนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาลแถลงว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาข้อเสนอของวิปทั้ง 3 ฝ่ายที่ให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 2 ชุด แต่เห็นควรให้มีการตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมือง เพื่อความปรองดอง และสมานฉันท์ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากฝ่ายเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ยืนยันในข้อกฎหมายว่า การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญของรัฐสภาดังกล่าว เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 135-137 จึงได้อาศัยอำนาจของประธานรัฐสภาแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแทน ตามข้อบังคับกาประชุมที่ 8 (5) ซึ่งการอาศัยอำนาจของประธานสภาในการตั้งคณะกรรมการเคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงนายมารุต บุนนาค เป็นประธานรัฐสภานายมารุต บุนนาค ก็สามารถที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมาธิการได้ เพื่อที่จะให้มีการตั้งกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ตั้งกรรมการดังกล่าว โดยมีกรอบเวลาดำเนินการ 15 วัน และให้นำเสนอผลการทำงานต่อประธานรัฐสภาต่อไป

นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการดังกล่าวจะประกอบด้วย กรรมการ 40 คน แบ่งเป็นสัดส่วนของส.ส. 23 คน เป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย 9 คน พรรคประชาธิปัตย์ 8 คน พรรคภูมิใจไทย 2 คน พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม พรรคประชาราช พรรคราษฎร พรรคละ 1 คน ส.ว. 7 คน และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 10 คน แบ่งเป็นสัดส่วนของวุฒิสภา 2 คน และส.ส. 8 คน ในจำนวนของส.ส.แบ่งเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ พรรคละ 2 คน ที่เหลือแบ่งตามโควตาของพรรคการเมืองที่เหลือ ซึ่งจะให้แต่ละพรรคได้เสนอชื่อกรรมการต่อประธานรัฐสภาภายในบ่ายวันที่ 28 เม.ย.นี้

ส่วนสาเหตุที่ไม่ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญของรัฐสภาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 - 15 เม.ย.นั้นเนื่องจากขณะนี้รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาตรวจสอบ รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศก็ได้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ไว้ชัดเจนแล้ว และในการประชุมร่วมรัฐสภาก็มีการพูดคุยอย่างชัดเจนเช่นกัน ดังนั้นจึงเห็นว่าหากมีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาอาจไม่นำสู่ข้อยุติที่แท้จริงและจะทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิ์การชดเชยได้ อย่างไรก็ตามหากประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถมาร้องเรียนที่คณะกรรมาธิการของสภา วุฒิสภา รวมถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ และคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้น เพื่อให้ความเป็นธรรมกับประชาชน

นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.สรรหา ในฐานะวิปวุฒิสภา กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการเพียงชุดเดียว โดยจะศึกษาทั้งปัญหาการเมือง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่าจะต้องมีการถอยคนละ 2-3 ก้าว และต้องลดทิฐิมานะ เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ โดยเอาปัญหาของประเทศเป็นตัวตั้ง เพื่อประโยชน์ส่วนรวม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรายชื่อในสัดส่วนของวุฒิสภาประกอบไปด้วยนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิคนที่ 1 นายดิเรก ถึงฝั่ง สว.นนทบุรี พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สว.สรรหา พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ สว.สุราษฏร์ธานี นายวิทยา อินาลา สว.นครพนม นายสุพจน์ โพธิ์ทองคำ สว. สรรหา นายอนุรักษ์ นิยมเวช สว.สรรหา และในส่วนของผู้ทรงคุรวุมิภายในนอกในสัดส่วนของวุฒิสภาเสนอนายสุพจน์ นิติไกรพจน์ อาจารย์คณะนิติ ม.ธรรมศาสตร์ นายมนตรี รูปสุวรรณ ที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา


ตร.ชี้แม้วผิดหมิ่นสถาบัน

โพสต์ ทูเดย์ - ตร.ชี้แม้วผิดหมิ่นสถาบัน
สันติบาลชี้ทักษิณจ้อสื่อนอกเข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามป.อาญามาตรา 112

พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบ และพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการได้พิจารณากรณีการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศที่เกิดขึ้นภายนอกประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้วเห็นว่า มีมูลความผิดเข้าข่ายล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยพิจารณาได้จากพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้สัมภาษณ์หลังวันที่ 12 เม.ย.52 ซึ่งรวบรวมจากเว็บไซต์, ข้อมูลจากสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร และข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลประกอบกัน ส่วนนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชุมเห็นว่ายังไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจน

ทั้งนี้ จะส่งรายงานไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งอาจตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ หรือส่งเรื่องให้กองปราบปรามดำเนินคดีต่อไป แต่การติดตามตัวทั้งสองคนกลับมารับโทษนั้น เป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุด ที่จะดำเนินการประสานขอความร่วมมือในระดับชาติต่อไป


Label Cloud