Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Wednesday, July 29, 2009

“ชวน”เมินออกทีวี100ช่องจี้“แม้ว”พูดความจริง

Daily News Online > “ชวน”เมินออกทีวี100ช่องจี้“แม้ว”พูดความจริง
เย้ยไม่กลับไทยเพราะกลัวคดี โวปชป.ยังไม่กลัวส.ส.โดนสอยเรื่องหุ้นสัมปทานไม่หวั่นกระทบเสถียรภาพรบ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ก.ค.)ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมออกทีวี 100 ช่อง เพื่อทำเรียลรี้แก้จน ขายสินค้าโอท็อป และเป็นติวเตอร์ว่า ไม่ทราบรายละเอียด ถ้าหากพ.ต.ท.ทักษิณ ให้ข้อมูลที่เป็นจริงโดยไม่เบี่ยงเบนบิดเบือน ตนคิดว่าจะทำอย่างไรก็ได้ไม่มีปัญหาอะไร รวมถึงการเรียกร้องกลับประเทศ ก็ไม่มีใครห้าม เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ศาลยังไม่ตัดสินคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ตนก็พูดเองว่าพ.ต.ท.ทักษิณ สามารถกลับประเทศได้ เพราะเป็นคนไทยย่อมมีสิทธิ์กลับประเทศ วันนี้เหตุผลก็ไม่เปลี่ยน คือพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นต้องให้ความจริงกับประชาชนว่าการที่พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไม่ใช่เพราะใครไปห้าม แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่กลับเอง จะด้วยกลัวคดีหรืออะไรก็ตาม ดังนั้นจึงต้องมาดูว่าทุกคนมีสิทธิ์เรียกร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งขณะนี้ความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่สองมาตรฐาน คนทำผิดก็ต้องรับผิดตามกฎหมาย

“เหมือนกับที่กกต.วินิจฉัยเรื่องส.ส.ถือหุ้น ผมก็เห็นด้วยว่าถ้าผิดก็ต้องว่าไปตามผิด แม้จะไม่มีเจตนาทุจริต มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดที่บ้านเมืองจะต้องอยู่ในกรอบ ผมยังดีใจว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันยังไม่มีอะไรทำนอกกติกาบ้านเมือง ถ้าเราเคารพกติกาบ้านเมือง อาจจะเจ็บปวดหน่อยสำหรับคนที่โดน ส่วนที่มองว่าอาจจะกระทบกับเสถียรภาพรัฐบาลนั้น เรื่องเสียงมากเสียงน้อยกับกฎหมายถือเป็นคนละเรื่องกัน เราต้องถือหลักเคารพกฎเกณฑ์ก่อน และหากคิดว่าถ้าส.ว.โดนเรื่องถือหุ้นแล้วส.ส.จะไม่โดนนั้น คิดว่ากกต.คงไม่ทำ เพราะกกต.เป็นผู้ใหญ่ต้องยึดหลักความถูกต้อง ไม่เช่นนั้นความเชื่อถือจะเสียไป” นายชวน กล่าว.

อ่าน พท.รับลูกทีวีแม้ว เข็นเป็นนโยบาย


พท.รับลูกทีวีแม้ว เข็นเป็นนโยบาย

Daily News Online > พท.รับลูกทีวีแม้ว เข็นเป็นนโยบาย
“เสื้อแดง” ได้ทีขย่มรัฐบาล นัด 31 ก.ค. แห่กลองยาว 10 ขบวนรอบสนามหลวง ฉลองล่าครบล้านชื่อ ปูดเกมชักชื่อออกภายหลัง “เพื่อไทย”โหนกระแส”ทีวีแม้ว” ยกเป็นนโยบายพรรค ลั่นหากเป็นรัฐบาลดันเป็นวาระแห่งชาติ โวออนแอร์สอนมวยปชป.ทำงาน “เทพเทือก” ย้ำอย่าจี้เส้นเต้นตาม “ทักษิณ” แจงแทนนายกฯไม่ใช่ดีแต่เดินสายพูด แต่ต้องชี้แจงการทำงาน “มาร์ค” เมิน” แม้วเซอร์ไพร้ส์” ทำไก๋ไม่รู้เรื่อง” ลุงจิ้น “เซ็งแซยิด “ทักษิณ” จืด ภท.ดันเรื่องถวายฎีกาเข้าถกในพรรค เตรียมหาคำตอบกล่อมคนอีสาน “หมอท็อป” รับฝีมือทีมงานปชป.โพสต์อวยพรวันเกิดให้ “ทักษิณ” ยันไม่ใช่นายกฯทำ “สดศรี” ขอดีเอสไอส่ง “ประจวบ สังข์ขาว” ให้กกต. สอบเงินบริจาค 258 ล. เข้าปชป. ดีเอสไอปฏิเสธยังไม่ส่งให้ คดีนายกฯฟ้อง “จตุพร” หมิ่น ศาลฯประทับรับฟ้อง นัดคู่ความ 31 ส.ค. ส่วน “เทพเทือก” ชี้แพ้เลือกตั้งนายกฯอบจ.สุราษฎร์ฯไม่กระทบสนามใหญ่

* อย่าตื่นเต้นตามเกม “ทักษิณ”

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจัดงานแซยิดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติ อย่าไปตื่นเต้นมาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯมาตั้ง 6-7 ปี ต้องมีคนรักอยู่บ้างเป็นเรื่องธรรมดา ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรกับผลโพลที่สำรวจพบว่าพ.ต.ท. ทักษิณ ได้รับความนิยมมากกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ กล่าวว่า ผลโพลถือว่าเป็นเรื่องปกติตามแต่ละช่วงเวลา มีขึ้นมีลง

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการที่พ.ต.ท. ทักษิณ ออกมาพูดว่าหากต้องการจะให้เกิดความปรองดอง ก็ควรปรองดองด้วยกันทั้งสองฝ่าย นายสุเทพ กล่าวว่า ตนต้องตรึกตรองให้ดีว่า ความหมายที่แท้จริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณต้องการอะไร เนื่องจากในช่วงเวลา 5-6 เดือนที่ผ่านมา ท่านพูดหลายเรื่อง แต่ถ้าถามว่ารัฐบาลอยากเห็นความปรองดองหรือไม่ ตอบได้ทันทีว่าอยากเห็นที่สุด

* ย้ำชัดนายกฯไม่ใช่ดีแต่พูด

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีเสียงวิจารณ์จากประชาชนว่าไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล รองนายกฯ กล่าวว่า ยอมรับที่ชาวบ้านบ่นเพราะปัญหาแต่ละเรื่องไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเรื่องการเมือง แต่สุดท้ายตนเชื่อว่านายกฯสามารถ แก้ปัญหาได้ ส่วนที่ระบุว่านายกฯ ควรจะลดการเดินสายปาฐกถาแต่ให้ผลักดันการทำงานให้มากขึ้น มองว่าจะเป็นประโยชน์ทำให้ประชาชนได้เข้าใจทิศทางการทำงานของรัฐบาลว่ากำลังทำอะไร และทำเพื่อใคร จึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร

เมื่อถามถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมเปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม 100 ช่อง จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นาย สุเทพ ย้อนถามว่า เขาเปิดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ใครจะทำอะไรไม่สำคัญแต่อย่าทำร้ายประเทศชาติ อย่าทำร้ายประชาชน อย่ามุ่งร้ายต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพรักของเรา

* “มาร์ค”เมิน“แม้วเซอร์ไพร้ส์”

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดเผยบิ๊กเซอร์ ไพร้ส์ของพ.ต.ท.ทักษิณว่า “ตกลงคืออะไรครับ” เมื่อผู้สื่อข่าวระบุไปว่าเป็นการตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ซึ่งจะมีช่องสถานีโทรทัศน์ สำหรับคนไทย 3 ช่อง นายอภิสิทธิ์ กล่าวสั้น ๆ ว่า “อ๋อ...ครับ”

นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า ตนไม่ใช่ตำรวจ และไม่มีหน้าที่ในการจับตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณเคยเป็นนักเรียนทุน เป็น PH.D. (ดอกเตอร์) และเคยเป็นนายกฯ ต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง ดังนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตน แต่ปัญหาอยู่ที่พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อถามว่าการส่งสัญญาณแบบนี้เหมือนเป็นการเยาะเย้ยว่ารัฐบาลไม่สามารถนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับเข้ามาได้ นายกษิต กล่าวว่า อยากจะเยาะเย้ยอะไร ก็เยาะเย้ยไป ตนไม่ได้สะดุ้งสะเทือน อย่างไรก็ตาม ตนขอให้สื่อมวลชนไปถาม พ.ต.ท. ทักษิณว่าได้ทำอะไรที่ดีกับประเทศชาติบ้าง

* “ลุงจิ้น”เซ็งบิ๊กเซอร์ไพร้ส์จืด

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงเรื่องบิ๊กเซอร์ไพร้ส์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในงานวันเกิด เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่มีอะไรเซอร์ไพร้ส์ ส่วนเรื่องมีกระแสข่าวว่าการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อขอถวายฎีกาให้พ.ต.ท.ทักษิณ โดยการใช้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นแกนนำและมีการแจกเงินให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านด้วยนั้น ตนเองไม่ทราบรายละเอียด แต่ เห็นว่าการแจกเงินเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย จึงไม่อยากพูด

นายชวรัตน์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่ มีความกังวลจากหลายฝ่ายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถสร้างพื้นที่ข่าว ทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และเว็บไซต์ จนอาจจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศหรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบ เพราะไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะมีการชุมนุมเพื่อยกระดับขับไล่รัฐบาลอีก ครั้งนั้นก็คงเป็นวิธีการต่อสู้ทางการเมืองเป็น เรื่องธรรมดาและไม่ทราบว่าจะมีการบานปลายหรือไม่

* ภท.ห่วงจัดเบิร์ธเดย์ล้ำเส้น

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่ม เสื้อแดงจัดงานแซยิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ต้องยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยมีวิธีการเดินหน้าทางการเมืองด้วยวิธีการต่าง ๆ แต่ตนขอแสดงความเห็นว่าการจัดงานครั้งนี้ สังคมต้องคิดว่าเกินสมควรหรือเหมาะสมหรือไม่

นายศุภชัย กล่าวว่า ส่วนการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ต้องถามว่ามีจุดประสงค์อะไร ซึ่งในการประชุมพรรคภูมิใจไทยในวันที่ 28 ก.ค. จะนำเรื่องนี้เข้าหารือด้วย เนื่องจากหลายฝ่ายเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ยังมีการเดินหน้าทำกันอยู่ ทั้งที่ตามหลักแล้วเรื่องนี้มีเพียงพ.ต.ท.ทักษิณ และบุตรทั้ง 3 คน ที่จะดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายได้อยู่แล้วโดยไม่ต้องใช้ประชาชนถึงล้านคนมาดำเนินการ

* รับทีมงานปชป.โพสต์อวยพร

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณเตรียมออกทีวี 100 ช่องว่า ถือเป็นการอาศัยช่องว่างในช่วงที่กฎหมายกิจการโทรคมนาคมยังค้างอยู่ที่สภา ดังนั้นหากการออกทีวีโดยไม่มีการปลุกระดมสร้างความแตกแยกก็เป็นเรื่องที่กทช.ต้อง ดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ถ้ามีการยั่วยุให้คนทำผิดกฎหมายหรือพาดพิงสถาบันรัฐบาลก็จะไม่ยอมให้ใครดำเนินการโดยเด็ดขาด และยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ปิดกั้นในทีวีดังกล่าว หากเนื้อหาไม่ยุยงให้ทำผิดกฎหมาย

นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกฯอวยพรพ.ต.ท.ทักษิณผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการกระทำของคณะทำงานของนายกฯที่เป็นลักษณะอาสาสมัครที่ไม่ได้รับเงินเดือน ซึ่งเขามีเจตนาดี และได้นำคำพูด ของนายกฯที่ให้สัมภาษณ์ในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯเข้าไปโพสต์ และได้มีความพยายามประสานงานกับนายกฯแล้วแต่ประสานไม่ทัน ทำให้ข้อความออกไปก่อน

* แนะ“ทักษิณ”เกษียณตัวเอง

นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงการจัดงานวันเกิดครบ 60 ปีที่ผ่านมาว่า คงไม่มีผลอะไร แต่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณคิดให้ดี ท่านเป็นคนเก่งมาก ประสบความสำเร็จทั้งการเป็นนักธุรกิจและความเป็นนักการเมือง แต่คนเราพลาดกันได้ วันนี้อายุครบ 60 ปี ถือว่าเกษียณแล้ว และมีวุฒิภาวะมากที่สุด น่าจะรู้ ดีว่าการโฟนอินจะทำให้สถานการณ์การเมืองในประเทศตกอยู่ในความตึงเครียดต่อไป อายุขนาดนี้น่าจะอยู่อย่างสบาย อยากให้ท่านใช้ชีวิตอย่างสงบ ไม่ผูกใจเจ็บ อาฆาต ต้องละวางทุกอย่าง และต้องฉุกคิดได้ว่าคนรอบข้างต้องการอะไร กันแน่

เมื่อถามถึงบิ๊กเซอร์ไพร้ส์ที่จะเปิดทีวี 100 ช่องไปทั่วโลก ขายสินค้าโอทอป เป็นแค่กลยุทธ์ทางการเมืองหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า คิดว่าเป็นอย่างนั้น คงใช้ช่องทางสื่อ ยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสาร เชื่อว่าทำได้เพราะเคยทำด้านสื่อสารมาก่อนและมีเงิน หากจะทำสถานีโทรทัศน์ 1 ช่อง ต้องใช้เงิน 5 ล้านบาทต่อเดือน ทำ 100 ช่อง ต้องใช้ 500 ล้านบาท ตกปีละ 6,000 ล้านบาท ไม่กระทบกระเป๋าตัวเองอยู่แล้ว แต่การเปิดสถานีหากทำเพื่อประโยชน์บ้านเมืองก็สนับสนุน แต่หากเปิดแล้วมีเนื้อหา กระทบสถาบัน จะถือว่าเป็นภัยความมั่นคง รัฐบาลต้องดำเนินการ

* พท.เข็นทีวีแม้วขึ้นวาระชาติ

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงบิ๊กเซอร์ไพร้ส์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่มีแนวคิดใช้โทรทัศน์ที่ครอบคลุมทั้งโลกโดยจะมี 3 ช่องสำหรับประเทศไทยเพื่อทำในเรื่องของการขายสินค้าโอทอป ทำเรียลิตี้ เพื่อคนจนและเรื่องการศึกษาว่า เป็นการนำเทค โนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้อย่าง น่าสนใจ เชื่อว่าเรื่องนี้ทำได้ง่ายมากเพราะองค์ความรู้หลักสูตรเรามีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องโอทอป การกระจายสินค้าจากภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภายในประเทศออกสู่ตลาดโลกนั้น นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ถ้าทำได้จะเป็นการขายตรงไม่ต้องเสียเวลาโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปยังตลาดต่างประเทศ ช่วยเหลือภาคธุรกิจได้มากแน่นอน

นายปานปรีย์ กล่าวอีกว่า จากแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นได้แค่การศึกษาทางเลือก หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะง่ายมากต่อการสร้างกลไกตอบสนองเพราะใช้งบประมาณไม่มาก โดยกำหนดหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งขึ้นมาเป็นตัวกลางเชื่อมต่อในเรื่องของการศึกษา โดยทำเป็นวาระแห่งชาติได้เลย ประสานงานระหว่างรัฐบาล กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร มหาวิทยาลัย องค์กรเอ็นจีโอ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเราจะทำเรื่องนี้ไว้ในนโยบายพรรค และถ้าเราได้เป็นรัฐบาลก็จะทำให้เป็นวาระแห่งชาติ

* โวออนแอร์สอนมวยรัฐบาล

นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี พ.ต.ท. ทักษิณ ประกาศตั้งโทรทัศน์ที่ครอบคลุมทั้งโลกโดยจะทำช่องเพื่อประเทศไทยในเรื่องของการขายสินค้าโอทอป เรียลิตี้เพื่อคนจน และเรื่องการศึกษา ว่า ทราบมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้เตรียมพร้อมในการจัดตั้งโทรทัศน์ดังกล่าวมานานกว่า 3 เดือนแล้ว คาดว่าใช้งบประมาณกว่า 1 พันล้านบาท ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางไปทั่วโลก เพื่อหาตลาดให้กับสินค้าโอทอป ของไทยและพัฒนาการศึกษาของเยาวชนไทย คาดว่าจะสามารถเปิดออนแอร์เป็นทางการได้ในต้นเดือน ส.ค.นี้

นายประชา กล่าวอีกว่า เบื้องต้นไม่ขอเปิดเผยว่าใช้สัญญาณดาวเทียมดวงไหน ส่วนชื่อของสถานีและรายการยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา อาจใช้ชื่อ Voice TV พร้อมสามารถติดตามในอินเทอร์เน็ตได้ที่ www.voicetv.co.th และจะมีรายการของ “แผ่นดินสยามเพื่อไทย” ซึ่งจะเชื่อมสัญญาณกับดีสเตชั่น เป็นไปได้ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ จะจัดรายการด้วยตัวเอง ทั้งนี้ พ.ต.ท. ทักษิณได้บอกกับ ส.ส.ที่เดินทางไปพบปะหลายคนว่าบิ๊กเซอร์ไพร้ส์ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นแนวทางที่จะทำให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าแนวทางที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ควรทำอย่างไรที่ประชาชนจะได้รับ ประโยชน์อย่างแท้จริง

* กกต.แจงเอาผิดโฟนอินยาก

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ให้สัมภาษณ์ว่า คงไม่สามารถเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณจากการโฟนอินมาในช่วงการจัดงานวันเกิดว่าเข้าข่ายหาเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าได้เพราะในเรื่องดังกล่าว กกต. ได้วินิจฉัยและมีบรรทัดฐานไปแล้วว่าในเรื่องการโฟนอินไม่สามารถเอาผิดได้ และยังไม่มีหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า พ.ต.ท. ทักษิณเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพราะตามข้อเท็จจริงที่พรรคเพื่อไทยได้แจ้งมายังนายทะเบียนพรรคการเมืองนั้นคือนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ

ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามทำให้เข้าใจว่าเป็นหัวหน้าพรรคนั้น นางสดศรี ระบุว่า ก็ไม่ใช่มีเพียง พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยเท่านั้นแต่ยังมีหลายพรรคที่ได้แสดงบทบาทในลักษณะดังกล่าว การแสดงตัวเป็นนอมินีกฎหมายก็ไม่ได้เขียนห้ามไว้ ดังนั้นกรณีดังกล่าวหากจะเอาผิดฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องดูกฎหมายให้ชัดเจน กกต.จะได้ไม่ต้องมาตีความว่าใครจะมาแสดงตัวว่าเป็นหัวหน้าพรรคแทนคนอื่นไม่ได้

* 40ส.ว.เตือนอย่าเหลิงแก้รธน.

ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว. สรรหา ในฐานะสมาชิกกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวเรียกร้องต่อนายอภิสิทธิ์ ในการที่จะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ฟังเสียงของประชาชนว่า กรณีดังกล่าวจะฟังเสียงของนักการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ อีกทั้งนักการเมืองควรเคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่แก้ไขกฎหมายให้เป็นประโยชน์กับพวกตน ในลักษณะ “ชงเองกินเอง” โดยไม่เคารพกฎหมายเดิมที่กำหนดไว้ ซึ่งหากมีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญตามความต้องการของนักการเมืองเพียงฝ่ายเดียวแล้ว นายกฯจะเรียกร้องให้ประชาชนเคารพกฎหมายได้อย่างไร

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ควรมีการรับฟังความเห็นของประชาชนใน 2 ประเด็น คือ 1.การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นประโยชน์เฉพาะนักการเมืองกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเป็น ประโยชน์แก่ประชาชนโดยตรง ว่าจะเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบไหน 2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น ตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะสามารถทำให้กลุ่มมวลชนที่มีความขัดแย้งกัน จะสามารถยุติความเคลื่อนไหวและสร้างความสมานฉันท์ในสังคมได้หรือไม่

* เข็นขึ้นภาษีน้ำมันยกสอง

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงภายหลังการประชุมว่า วิปรัฐบาลได้หารือเพื่อจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมายที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในช่วงเปิดประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติวันที่ 1 ส.ค.นี้ ซึ่ง วิปรัฐบาลมีมติให้ส่งร่าง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติไม่อนุมัติไปเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้ ครม.ยืนยันตามมาตรา 184 วงเล็บ 5 ก่อนที่จะส่งเข้าสู่ที่ประชุมสภาเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป

นายชินวรณ์ กล่าวว่า คาดว่าจะนำเข้าครม.ได้ในวันอังคารหน้า จากนั้นก็นำเข้าที่ประชุมสภาเป็นวาระเร่งด่วน โดยจะต้องเห็นชอบด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ 239 เสียง เพราะปัจจุบันเสียงในสภาทั้งหมดมี 475 คน

* กกต.ขอตัวต้นเรื่องเงิน258ล.

นางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเงินบริจาค 258 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ผ่านบริษัท แมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด และการใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ผิดวัตถุประสงค์ว่า ตนได้ทราบข่าวจากทางสื่อฯ ว่าดีเอสไอ ได้ตัวนายประจวบ สังข์ขาว อดีตผู้บริหาร บริษัท “แมซ ไซอะฯ มาแล้ว ซึ่งอยากให้ทางดีเอสไอส่งตัวมาให้ กกต. เนื่องจากนายประจวบเป็นต้นเรื่องที่ กกต. ต้องการจะสอบถามเรื่องบริษัท แมซไซอะฯ ซึ่งจะเป็นจุดสำคัญของเส้นทางการเงินว่าไปถึงตรงไหนขั้นตอนไหน อย่างไร

นางสดศรี กล่าวอีกว่า กกต.อยากให้นายประจวบ สังข์ขาว มายืนยันด้วยตัวเองกับ กกต. เพื่อที่จะได้รับรองสำนวนคำให้การ ที่เคยให้การกับดีเอสไอไว้ ว่าคำให้การนั้นถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกต้องก็จะสามารถนำไปเป็นหลักฐาน ในการดำเนินการ ซึ่งหากนายประจวบมาให้การ กับกกต. คงจะมีการถ่ายวิดีโอเทปไว้เป็นหลักฐานด้วย หากนายประจวบยังมีชีวิตอยู่ก็ควรจะมาให้การกับ กกต. อย่างไรก็ตาม ตนจะให้เจ้าหน้าที่ประสานขอวิดีโอคำให้การของนายประจวบจากดีเอสไอ

* ดีเอสไอยังไม่ส่งตัวให้กกต.

พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอยืนยันว่ายังไม่ได้ส่งตัวนายประจวบ สังขาว อดีตผู้บริหารแมซไซอะฯให้ กกต. และ ดีเอสไอจะไม่เป็นผู้เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลของคดีนี้ แต่จะให้เป็นหน้าที่ของกกต. ในการให้รายละเอียดความคืบหน้า ก่อนหน้านี้ กกต. เคยส่งหนังสือมาแล้วในเดือน มิ.ย. แต่เพิ่งมาถึงดีเอสไอในเดือน ก.ค. ทั้งนี้ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้นายประจวบเคยเข้าให้ข้อมูลต่อดีเอสไอแต่นานมาแล้ว และยังไม่มีการสอบปากคำเพิ่มเติมอีก

พ.ต.อ.สุชาติ ยังกล่าวว่า กระแสข่าวที่ออกมามีความคลาดเคลื่อน โดยเฉพาะที่ระบุว่าดีเอสไอส่งสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติม พร้อม ตัวนายประจวบให้กกต. ความจริงแล้วดีเอสไอเพียงแค่ส่งหนังสือแจ้งให้กกต.ทราบว่าหนังสือที่กกต. ส่งให้ดีเอสไอติดตามตัวนายประจวบเข้าให้ข้อมูลมีการระบุเดือนผิดพลาด ส่วนการเปิดเผยคำให้การของนายประจวบตามที่เป็นข่าว อาจจะเป็นคำให้การเก่าที่เคยให้การต่อดีเอสไอไปก่อนหน้านี้

* รับฟ้อง“จตุพร”หมิ่นนายกฯ

ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เวลา 09.30 น. วันเดียวกัน ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์คดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่น โดยการโฆษณา กรณีเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2552 นายจตุพรแถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย ทำนองว่า นายอภิสิทธิ์ กระทำการมิบังควรตีตนเสมอพระเจ้าแผ่นดิน โดยนั่งเก้าอี้เทียบเสมอพระเจ้าแผ่นดินในการถวายรายงานข้อราชการ

โดยนายอภิสิทธิ์ ขึ้นเบิกความเอง โดยชี้ว่าจำเลยไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือ ติชมโดยสุจริต แต่มีเจตนาใส่ร้ายให้ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้นายกฯยังตอบคำถามค้าน จากทนายจำเลย และพยานเบิกความรวมเวลา 45 นาที ต่อมาศาลได้อ่านคำสั่งโดยพิเคราะห์ คำเบิกความของโจทก์แล้วเห็นว่า คดีมีมูลจึงให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา และนัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายในวันที่ 31 ส.ค. นี้ เวลา 09.00 น.

* เสื้อแดงนัดแห่ล้านรายชื่อ

นายจตุพร กล่าวภายหลังศาลอาญามีคำสั่งประทับรับฟ้องกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ว่ากันไปตามกระบวนการ โดยตนจะเตรียมต่อสู้คดีต่อไป อย่างไรก็ตามในขณะนี้ตนจะขอให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯเป็นพยานในคดีนี้ในฐานะที่เคยเป็นนายกฯ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงรูปแบบการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 31 ก.ค.ที่สนามหลวง เพื่อทำพิธีรับมอบรายชื่อ ประชาชนที่ร่วมถวายฎีกาว่า ได้เตรียมขบวนกลองยาว 10 ขบวนตั้งจุดโดยรอบสนามหลวง ทำหน้าที่แห่รายชื่อไปมอบให้กับแกนนำบนเวทีตลอดทั้งวัน ไปจนถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 31 ก.ค. จากนั้นจะประกาศจำนวนอย่างไม่เป็นทางการก่อนนำไปตรวจสอบความถูกต้องเพื่อ ดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามทางเราทราบดีว่ามีเกมล้มฎีกา เป็นต้นว่าถ้าถึงวันถวายฎีกาแล้วอาจมีคนกลุ่มหนึ่งออกมาประกาศขอถอนรายชื่อ ก็เป็นวิชาหนึ่งของเกม

* แพ้เลือกนายกฯอบจ.ไม่กระทบ

ผู้สื่อข่าวจ.สุราษฎร์ธานี รายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานี คนใหม่แทนนายธานี เทือกสุบรรณ น้องชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ปรากฏว่า นายมนตรี เพชรขุ้ม อดีตส.ส.ร. ผู้สมัครหมายเลข 3 จากกลุ่มสุราษฎร์ร่มเย็น ได้คะแนนอันดับ 1 จำนวน 113,340 คะแนน ขณะที่ นายดำรงค์ เทือกสุบรรณ ผู้สมัครหมายเลข 1 ซึ่งเป็นญาติผู้น้องของนายสุเทพและนายธานี และยังเป็นอดีตประธานสภา อบจ.สุราษฎร์ธานี ได้ 111,776 คะแนน ตามมาเป็นอันดับที่ 2 สำหรับผู้มี สิทธิเลือกตั้งมีจำนวน 675,850 คน มาใช้สิทธิ 322,768 คน คิดเป็นร้อยละ 47.68, และมีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนถึงจำนวน 19,583 คน คิดเป็นร้อยละ 6.07

ส่วนนายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ถึงการ เลือกตั้งซ่อมนายกอบจ.สุราษฎร์ธานี ที่มีการมองกันว่านามสกุลเทือกสุบรรณไม่สามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้ จะกระทบการเลือกตั้งใหญ่ว่า การเลือกตั้งไม่ใช่เรื่องของตระกูลเป็นเรื่องของ ผู้สมัครและพี่น้องประชาชนและเรื่องนี้ตนเชื่อ ว่าไม่น่าจะมีผลต่อการเลือกตั้งซ่อมตำแหน่ง ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 จ.สุราษฎร์ธานีที่ว่าง ฉะนั้นผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไรก็ไม่ได้มีผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป.


Tuesday, July 28, 2009

แดงโห่ไล่'มาร์ค'ที่พัทยา ตร.สกัดอยู่หมัด

Daily News Online > แดงโห่ไล่'มาร์ค'ที่พัทยา ตร.สกัดอยู่หมัด
วันนี้(28 ก.ค.) ที่โรงแรมดุสิต รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. เดินทางมา สภ.เมืองพัทยา เพื่อฟังบรรยายการสรุปการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาร่วมรับประทานค่ำกับนักธุรกิจจีน ซึ่งบก.ตร. ภ.ชลบุรี ได้เตรียมแผนการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีอย่างเข้มงวด โดยได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 600 นาย สารวัตรทหารจากมทบ.14 ชลบุรี อีก 150 นาย

ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่ลานประชาธิปไตย ซอยเพ็ชรตระกูล ย่านพัทยาเหนือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นางชุลีพร สินธุไพร ประธานชมรมคนรักประชาธิปไตยเมืองพัทยา ได้นำมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 500 คน เดินขบวนไปยื่นหนังสือให้กับตัวแทนนักธุรกิจชาวจีน ณ บริเวณวงเวียนปลาโลมา หน้าโรงแรมดุสิต รีสอร์ท พัทยา โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า ชมรมคนรักประชาธิปไตยเมืองพัทยา (คนเสื้อแดง) ยังคงให้การสนับสนุนการร่วมประชุมสัมมนาและเจรจาจับคู่ทางธุรกิจระหว่างนักธุรกิจไทยและนักธุรกิจจีน ที่ออกมาแสดงเจตจำนงให้ทุกฝ่ายรับทราบว่าคนเสื้อแดงว่า ไม่ได้กีดกั้นการเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจชาวจีน หรือชาวต่างชาติอื่นแต่อย่างใด แต่ขอเรียนให้ทราบว่า รัฐบาลที่ท่านร่วมลงทุนด้วยนี้ เป็นรัฐบาลที่มาโดยไม่ชอบธรรมตามแนวทางการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงได้รวมตัวเรียกร้องขอความเป็นธรรมกลับคืนมา

ภายหลังนายหวัง ชิง เคอ เลขานุการสมาคมนักธุรกิจชาวจีน พร้อมล่ามชาวจีน ได้เดินออกมาจากโรงแรมดุสิตธานี พัทยา เพื่อมารับหนังสือจากแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลุ่มคนเสื้อแดงได้ยื่นหนังสือต่อตัวแทนสมาคมนักธุรกิจชาวจีนแล้วต่างพากันพอใจ และกำลังจะยกขบวนกลับ แต่ระหว่างนั้นมีขบวนรถของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่โรงแรมซึ่งเป็นสถานที่ประชุมพอดี ทางกลุ่มเสื้อแดงจึงได้ใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวโจมตีและตะโกนขับไล่ ก่อนที่จะพากันแยกย้ายเดินทางกลับ โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงตามที่หลายฝ่ายคาดแต่อย่างใด.
อ่าน Post Today รายงาน คนเสื้อแดงจำนวน 200 คน

ภาพ | เดลินิวส์

เสื้อแดงประท้วงนายกฯเข้าพัทยา

โพสต์ ทูเดย์ - เสื้อแดงประท้วงนายกฯเข้าพัทยา
เสื้อแดงพัทยายันไม่รุนแรงนายกฯร่วมงานเลี้ยงนักธุรกิจจีนที่พัทยา

ที่พัทยา กลุ่มคนเสื้อแดง ประมาณ 200คน พร้อมรถจักรยานยนต์ จำนวน 50คัน รถกระบะ และเก๋ง รวมตัวกันที่หลังห้างบิ๊กซี พร้อมติดเครื่องขยายเสียงโจมตีการทำงานของรัฐบาล และพยายามจะเคลื่อนกำลังคนไปโรงแรมดุสิต รีสอร์ท พัทยา ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมรับประทานอาหารกับนักธุรกิจจีนในการประชุมสัมมนา และเจรจาจับคู่ทางธุรกิจไทย-จีน โดยตำรวจจำนวนหลายร้อยนายพยายามปิดกั้นถนนไม่ให้มีการเคลื่อนไหว

นายชาญยุทธ เฮงตระกูล อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย จ.ชลบุรี แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า ได้มีตัวแทนของกลุ่มคนเสื้อแดงทำหนังสือขอบคุณที่นักธุรกิจจีนมาลงทุนที่พัทยากว่า 1.4 แสนล้านบาท ไม่ได้มีการป่วนแต่อย่างใด ขณะนี้ต้องยอมรับเศรษฐกิจโลกทรุด ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาดอีกโดยมีนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยาเหลือไม่ถึง 10% นักธุรกิจบางคนลงทุนเป็นหมื่นล้าน ดอกเบี้ยเดือนละหลายร้อยล้านกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก
กลุ่มคนเสื้อแดงจะปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวใหม่ โดยจะมีวินัย มีระเบียบในการเคลื่อนไหว และถือป้ายร้องเรียนเท่านั้น จะไม่ใช้ความรุนแรง

ก่อนหน้่านี้ ห้องประชุมตึกรักษ์วินัย สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.นายสุนทร รัตนวราหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายมงคล ธรรมกิตติคุณ นายอำเภอบางละมุง ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร กรณีนายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางมาพัทยา ทั้งนี้ ตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมตำรวจภูธรจัหวัดชลบุรี ได้ระดมพลจำนวน 600 นาย และกำลังทหารจาก มทบ.14 อีกจำนวน 150 นาย รถดับเพลิง และอุปกรณ์ต่างๆ ในการป้องกันเหตุ โดยมีการตั้งจุดตรวจสกัดกนัเป็นระยะ และมีการแบ่งการรักษาความปลอดภัยโดยกระจายกำลังเจ้าหน้าที่ตามจุดต่างๆ


“มาร์ค” ยิ้มรับ “พัชรวาท” ไม่พูดกระแสข่าวปลด!

Crime - Manager Online
“พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” รอซุ่มดักพบ “นายกรัฐมนตรี” ท่ามกลางข่าวร้อน ใกล้วินาทีปลดพ้น ผบ.ตร.ขณะที่ “ธานี” เข้าบ้านพิษณุโลก พบ “นิพนธ์ พร้อมพันธุ์” หลัง ป.ป.ช.ชี้มูล “พัชรวาท” ผิดวินัยร้ายแรง

วันนี้ (28 ก.ค.) ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จังหวัดชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางเป็นประธานกล่าวต้อนรับในงานเลี้ยงอาหารค่ำ (Welcome Dinner) คณะนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื้อสายจีนโลก ท่ามกลางกระแสข่าวปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่า ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 200 คน เดินทางมาชุมนุมที่บริเวณหน้าโรงแรมดุสิตธานี โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบ ประมาณ 3,000 นาย ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ผู้สื่อข่าวรอดักสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับกระแสข่าวปลด พล.ต.อ.พัชรวาท ผู้สื่อข่าวได้เห็น พล.ต.อ.พัชรวาท เดินทางมาที่โรงแรมดุสิตธานี แต่เมื่อผู้สื่อข่าวจะไปสัมภาษณ์ พล.ต.อ.พัชรวาท ได้รีบเข้าไปในห้องรับรอง และไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าไป โดยมีรายงานว่า พล.ต.อ.พัชรวาท มารอพบ นายกรัฐมนตรี ก่อนที่นายกฯจะเดินทางกลับ

ต่อมาเวลา 20.40 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ปรากฏตัวมารอส่งนายกรัฐมนตรี เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสัมภาษณ์ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ไม่อยากให้สัมภาษณ์ ส่วนข่าวเรื่องปลด ก็เป็นเพียงกระแสข่าว ไม่ได้เป็นข้อเท็จจริง และตนก็ไม่ได้หวั่นไหวอะไร โดยตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ก็มีข่าวถูกปลดหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นความจริง ต่อข้อถามที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีสลายการชุมนุม 7 ตุลาคม 2551 พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ตนทราบแล้ว ส่วนในวันที่ 3 ส.ค.นี้ จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่ ยังไม่ทราบ เพราะติดภารกิจ อย่างไรก็ตาม ต่อข้อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะอยู่จนถึงเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.นี้ ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนไม่ได้ทำอะไรผิด ส่วนข่าวปลดก็เป็นเพียงข่าว ต่อข้อถามว่า ที่มาพบนายกรัฐมนตรี เพื่อดับกระแสข่าวปลดหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ที่เดินทางมาเนื่องจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้โทร.สอบถามว่า สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง จึงได้เดินทางมาดูสถานการณ์ด้วยตนเอง

จากนั้นเวลา 21.05 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกมาจากห้อง และเมื่อพบกับ พล.ต.อ.พัชรวาท นายกรัฐมนตรี สอบถามว่า มาด้วยหรือ สถานการณ์ใต้เป็นอย่างไรบ้าง ดีไหม และไม่ยอมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว พร้อมโบกมือว่า ไม่ให้สัมภาษณ์นะ ก่อนจะขึ้นรถเดินทางกลับ

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่สัมภาษณ์ พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นที่น่าสังเกตว่า นายตำรวจติดตาม พยายามกันสื่อไม่ให้ถาม โดยพูดอยุ่ตลอดเวลาว่า พอได้แล้ว พอได้แล้ว

สำหรับความเคลื่อนไหวเกี่ยวกัยกระแสข่าวปลด พล.ต.อ.พัชรวาท ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.เปิดเผยว่า ระหว่างที่การประชุมคณะรัฐมนตรี มีการประชุม ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 12.30 น.ปรากฏว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงได้ออกจากห้องประชุมไปช่วงหนึ่ง โดยได้ให้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมแทน จนกระทั่งในเวลา 13.00 น.ทั้ง นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ ได้เดินทางเข้าประชุม ครม.อีกครั้งด้วยหน้าตาแจ่มใส เป็นช่วงเดียวที่มีข่าวว่า ป.ป.ช.จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 อีก 2 คน โดยหนึ่งในนั้นมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.รวมอยู่ด้วย

ทั้งนี้ ในเวลาใกล้เคียงกัน ที่บ้านพิษณุโลก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าคณะทำงานสอบสวนคดี นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เข้าพบ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ ได้มีกระแสข่าวสะพัด นายกฯ และ นายสุเทพ ได้เดินทางไปสมทบที่บ้านพิษณุโลก แต่ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดนายกฯ ปฏิเสธว่า นายกฯ และ นายสุเทพ ไม่ได้เดินทางไปยังบ้านพิษณุโลกตามที่มีกระแสข่าว แต่เป็นหมายส่วนตัว

ขณะที่ในเวลา 16.50 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่ออวยพรวันคล้ายวันเกิดครบ 71 ปี ย่าง 72 ปี ของ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค พร้อมมอบกระเช้าดอกไม้ โดยนายกฯอวยพรให้นายชวน มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง เป็นกำลังหลักทำงานให้ประเทศ ช่วยประเทศชาติ และประชาธิปัตย์เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมต่อไป

ด้าน นายชวน กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจนายกฯในการปฏิบัติหน้าที่ ขอให้ประสบความสำเร็จ รู้ดีว่าเหนื่อยยากและจะเหนื่อยมากยิ่งขึ้น ขอให้สุขภาพแข็งแรงมีกำลังใจในการทำงาน ขณะที่ นายสุเทพ อยู่ที่พรรคด้วย แต่ไม่ได้ร่วมการอวยพรพร้อมกับนายกฯ

ต่อมาเวลา 17.50 น.หลังจากการอวยพร นายชวน แล้ว นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วย นายสุเทพ ได้เดินลงมาจากห้องทำงานที่พรรคประชาธิปัตย์พร้อมกัน ด้วยสีหน้าชื่นมื่น โดย นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า “ผมต้องจับมือโชว์ให้เห็นไหม” ซึ่งทำให้ นายสุเทพ หัวเราะ

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกับนายสุเทพ ถึงความคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล และตอนนี้ต้องรีบเดินทางไปพัทยา ขณะที่ นายสุเทพ กล่าวว่า เดี๋ยวจะไปคุยกับนายกฯในรถประจำตำแหน่งของนายกฯระหว่างทางไปพัทยา

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่าจะได้คำตอบหรือไม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ ก็ขึ้นรถประจำตำแหน่งของนายกฯเพื่อเดินทางไปพัทยาด้วยกัน


กองทัพปลด!! "จ่าปัญญา" เรียบร้อย พร้อมร่วมมือ ตร.ตามตัวดำเนินคดี

Manager Online
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาที่เป็นทหาร ในคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพิ่มเติมว่า เท่าที่ตรวจสอบขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการทำหนังสือขอตัวทหารคนใดเพิ่มเติม เพราะปกติการจะทำหนังสือขอตัวกำลังพลจากกองทัพ ต้องมีการออกหมายจับก่อน ซึ่งขณะนี้มีเพียงการขอตัว จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา นายทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษคนเดียวเท่านั้น

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กรณีของ จ.ส.อ.ปัญญา ที่ยังคงหลบหนีการจับกุมของตำรวจ กองทัพพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำตัว จ.ส.อ.ปัญญา มาดำเนินคดี และให้ความร่วมมือ หากตำรวจจะไปตรวจค้นในหน่วยทหารใด ทั้งนี้ กองทัพบกไม่ได้ให้สถานที่พักพิงหรือช่วยเหลือ จ.ส.อ.ปัญญา แต่อย่างใด รวมทั้ง ยังมีการสั่งการว่า หากกำลังพลคนใดพบเห็น จ.ส.อ.ปัญญา พักพิงอยู่ที่ใด ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาทันที และหากใครให้สถานที่พักพิง จ.ส.อ.ปัญญา ถือว่ามีความผิด อย่างไรก็ตาม กองทัพคงไม่ถึงกับนำกำลังพลลงไปช่วยตำรวจในการตรวจค้นหาตัว จ.ส.อ.ปัญญา เพราะหน้าที่ดังกล่าวเป็นหน้าที่ของตำรวจ
โฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 ที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ จ.ส.อ.ปัญญา ได้เซ็นคำสั่งปลด จ.ส.อ.ปัญญา เรียบร้อยแล้ว เพราะ จ.ส.อ.ปัญญา เป็นนายทหารชั้นประทวน จึงไม่ต้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้เซ็นปลด ซึ่งสาเหตุที่มีคำสั่งปลด จ.ส.อ.ปัญญา เนื่องจากเข้าข่ายผิดกฎหมายทหาร 2 ข้อ คือ 1. จ.ส.อ.ปัญญา ถูกส่งไปช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ซึ่งตามกฎหมายทหารห้ามไม่ให้กำลังพลที่ปฏิบัติราชการในพื้นที่ที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ลาราชการเกิน 3 วัน และ 2.กำลังพลที่หนีหมายจับ สามารถสั่งปลดได้ ซึ่งถือว่า จ.ส.อ.ปัญญา เข้าข่ายทั้ง 2 กรณี

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากกรณีที่มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีลอบยิงนายสนธินั้น กองทัพบกขอให้ประชาชนมั่นใจว่าทหารส่วนใหญ่มีหน้าที่ปฏิบัติภารกิจหลัก คือ การสนองตอบและช่วยเหลือประชาชน ซึ่งที่ผ่านมากองทัพแสดงให้สังคมเกิดความมั่นใจว่ากองทัพจะไม่ปกป้องนายทหารนอกแถวเป็นอันขาด


Wednesday, July 22, 2009

ป๋าห่วงเสื้อแดงงัดแผนตากสิน2 ป่วน

โพสต์ ทูเดย์ - การเมือง - ป๋าห่วงเสื้อแดงงัดแผนตากสิน2ป่วน
โพสต์ทูเดย์ — “ป๋าเปรม” ห่วงเสื้อแดงชุมนุมใหญ่ 27 มิ.ย. ที่ท้องสนามหลวง

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดเผยว่า ได้รับทราบถึงแผนตากสิน 2 ที่กลุ่มเสื้อแดงจะใช้ในการชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 27 มิ.ย. จากหนังสือพิมพ์ และในฐานะคนไทยรู้สึกห่วงประเทศชาติเหมือนกัน แต่การดูแลเป็นหน้าที่ของรัฐบาล

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ สส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงปฏิเสธว่าไม่มีจริงทั้งแผนตากสิน 1 และ 2 เป็นเรื่องของคนจิตทรามที่กุข่าวขึ้นมา โดยเอาบุคคลที่มีชื่อในส่วนต่างๆ มาเขียนเป็นนิยาย และหากมีอะไรเกิดขึ้นในวันที่ 27 มิ.ย. จะปรับแผนการชุมนุม อาจจะยืดเยื้อหรือไม่ยืดเยื้อก็ได้ แต่ก็ไม่รับรองว่าจะเกิดอะไรขึ้น

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มนปช. กล่าวว่า หลังจากมีข่าวแผนตากสิน 2 ออกมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โทรศัพท์มาหาเพื่อขอความเป็นธรรม โดยข่าวนี้เผยแพร่ทางสำนักข่าวผู้จัดการ จึงไม่มีความน่าเชื่อถือ และรัฐบาลนำเรื่องนี้มากลบเกลื่อนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ และการจุดประเด็นก่อนการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มนปช. 2-3 วัน อาจมีความคิดที่จะเตรียมสร้างสถานการณ์เพื่อใช้กำลังจัดการกับคนเสื้อแดงด้วยหรือไม่

“ผมเป็นคนไม่ชอบสาบาน แต่ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพันว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และขอร้องนายสุเทพ (เทือกสุบรรณ) ให้ผมเข้าไปดูแผนตากสิน 2 นี้เป็นบุญตา และอยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่รายงานมาว่าอย่างไร” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เป็นการสร้างข่าวเท็จ และทีมกฎหมายได้หารือกันแล้วว่าจะดำเนินการฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญาผู้ที่ออกมากล่าวหาให้ถึงที่สุด

วันเดียวกัน นายสุเทพได้เข้าร่วมประชุมกับผู้นำเหล่าทัพที่กระทรวงกลาโหม เพื่อร่วมหารือถึงแผนการรักษาความปลอดภัยในช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนว่าด้วยความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย- แปซิฟิก (เออาร์เอฟ) และประเทศคู่เจรจา ในวันที่ 16-23 ก.ค.นี้

นายสุเทพ กล่าวหลังการหารือว่า จะบอกว่าเป็นการพูดคุยเพื่อรับมือการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงก็ได้ เพราะส่วนใหญ่ได้พูดคุยถึงเรื่องการประชุมเออาร์เอฟในเดือนก.ค. ทั้งนี้จะมีการใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยจะนำเข้าที่ประชุมครม. ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ โดยจะประกาศใช้เฉพาะ จ.ภูเก็ต

สำหรับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 27 มิ.ย. ได้ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้สั่งการและให้นโยบายว่า ต้องให้ข้าราชการ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เข้าไปทำงานในทำเนียบรัฐบาลได้ตามปกติ ซึ่งการชุมนุมต้องไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย และให้ดำเนินการตามมาตรฐานสากล ไม่มีหย่อน

“จะรักษาทำเนียบได้หรือไม่ ต้องถามเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ แต่เขาบอกผมว่าเขารักษาได้” นายสุเทพ กล่าว

พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบัน บช.น.พบว่าแกนนำกลุ่มนปช. ที่ขึ้นเวทีปราศรัยท้องสนามหลวง คืนวันที่ 23-24 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีคำพูดปราศรัยเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน ซึ่งอยู่ระหว่างขออนุมัติศาลออกหมายจับ

พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. กล่าวว่า มาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุม ตำรวจนครบาลเตรียมใช้แผน “กรกฎ 48” ระดมกำลังตำรวจปราบจลาจล ในสังกัดบช.น. บช.ตชด. บช.ก. ภ.1 2 และ 7 รวมทั้งหมด 16 กองร้อย (2,400 นาย) โดยวางกำลังตำรวจ 600 นาย ดูแลพื้นที่รอบท้องสนามหลวง


Friday, July 17, 2009

“ธานี” เปิดใจเหตุคดียิง “สนธิ” อืด-จวก ตร.ไร้จิตวิญญาณทำตัวเป็นไส้ศึก

Crime - Manager Online

"ธานี" เปิดใจเหตุคดีลอบสังหาร “สนธิ” ล่าช้า ระบุตำรวจบางนายขาดจิตวิญญาณการเป็นตำรวจ บางคนทำตัวเป็นไส้ศึก ปล่อยความลับรั่วไหล ขณะบางนายถูกข่มขู่ จนคนทำงานเหลือน้อย ระบุตนเองไม่ได้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน มีหน้าที่แค่กำกับดูแล แต่เมื่อคดีไม่คืบหน้าจึงต้องลงมาดูแลเอง ยันส่วนตัวไม่มีใครมาข่มขู่ เพราะอยู่ที่ตัวเองว่าทำให้ข่มขู่ได้หรือไม่
วันที่ 15 ก.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งล่าสุดมีการออกหมายจับผู้ต้องหา 2 คนแล้ว โดยในช่วงหนึ่ง พล.ต.อ.ธานีได้เปิดใจถึงปัญหาสำคัญซึ่งทำให้การทำคดีเกิดความล่าช้า

จนถึงขณะนี้ พนักงานสอบสวนยังถูกข่มขู่อยู่หรือเปล่า
“มันทำงานมีปัญหาตลอด ยังเสียดายว่า ถ้าคนทำงานเนี่ย บางคนนะ มีจิตวิญญาณของการเป็นตำรวจ มันจะทำงานได้เร็วกว่านี้อีกเยอะ จะได้เร็วกว่านี้อีกเยอะ”

หลายๆ คนที่จะออกหมายจับเพิ่ม ระหว่างการรวบรวมหลักฐานนี่เป็นบุคคลในเครื่องแบบ หรือว่าเป็นพลเรือน
“ทางการสืบสวนงานนี้ พ.ต.ท.(พลเรือน-ตำรวจ-ทหาร)”

ช่วงนี้มี อะไรที่มากดดันท่านหรือเปล่า
“กดดันไม่มีหรอก มันเพียงแต่ว่าคนที่จะทำงานมันเหลือน้อย คนจะทำงานมันเหลือน้อย”

เหลือเวลาอีกไม่นานท่านก็จะพ้นจากตำแหน่ง ท่านจะสาวไปถึงระดับไหน
“อ้าว ครั้งแรกคุณถามผมไม่ใช่เหรอว่าจะต้องออกหมายจับก่อนเกษียณ ใช่ไหม ต้องได้ตัวก่อนเกษียณใช่ไหม นี่ยังมีเวลาตั้ง 2 เดือนกว่าจะเกษียณน่ะ ได้ก่อนแล้วอ่ะ”

เมื่อวานท่านได้เข้าพบนายกฯ ได้กำชับหรือว่า ท่านได้รายงานถึงข้อติดขัดอะไรหรือเปล่า
“ไม่อ่ะ ท่านก็สั่งการตามหน้าที่ว่าให้ทำงานต่อไป”

ได้รายงานท่าน ผบ.ตร.หรือยัง
ยัง มีคนอื่นเขาไปรายงานแล้ว ผมไม่ต้องรายงานหล่ะ มีคนอื่นคอยรายงานตลอดอยู่แล้ว มีตลอดอยู่แล้วไง เสียดายว่างานนี้ถ้าคนทำงานมีจิตใจเป็นตำรวจ รู้จักหน้าที่ของตัวเอง มันจะได้ผลเร็วกว่านี้

ก่อนท่านเกษียณจะได้ตัวคนบงการไหม
“ก็ตอนก่อน 4 เดือน คุณก็ถามว่าจะรู้ตัวได้ตัวก่อนผมเกษียณไหม แล้วนี่มีเวลาอีก 2 เดือนกว่าก็ออกหมายจับได้แล้ว ช่วงเวลาต่อไปก็สืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมคนร้ายกันต่อไป”

ออกหมายจับแล้ว มั่นใจไหม หรือว่าจะแค่ออกหมายจับคาไว้เฉยๆ
“มันจะคาไว้ได้ยังไงหมาย ผมบอกแล้วไง ออกหมายจับเป็นเศษกระดาษแล้วไม่มีทางจะได้ตัวคนร้ายแล้วจะออกไว้ทำไม”

ท่านบอกว่าถ้าคนทำงานมีจิตวิญญาณมากกว่านี้ หมายถึงว่าคนทำงานเขาเตะถ่วงกันเองหรือเปล่า
“มันบางทีก็อย่างที่บอกไง บางคนก็ถูกข่มขู่บ้าง ไอ้บางคนก็ทำตัวเหมือนกับเป็นไส้ศึกบ้าง ความลับอะไรต่างๆ บางทีมันก็รั่วไหลไป ถ้าคนมันมีจิตวิญญาณของความเป็นตำรวจมันต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง ต้องรู้หน้าที่การเป็นตำรวจ”

หมายถึงเมื่อวานที่มีข่าวหมายจับรั่วออกมาหรือเปล่า
“ไม่รู้ ตั้งแต่ทำงานน่ะ คือเดี๋ยวนี้ตัวรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเนี่ย ความจริงผมไม่ได้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนนะ ผมไม่ใช่นะ สำนวนนี้เป็นสำนวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจนครบาลแต่งตั้งรองผู้บัญชาการเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ผมเนี่ยมีหน้าที่ควบคุมกำกับดูแล แต่เห็นว่างานมันไม่เดิน มันมีภาระ มีปัญหามาก ก็เลยต้องรับมาดำเนินการเอง

เรื่องหมายจับเพิ่มจะใช้เวลาอีกนานไหม
“บอกไม่ได้ มันแล้วแต่พยานหลักฐาน”

หลักฐานสำคัญมันมีอาวุธปืนที่ใช้ยิงหลายกระบอก ตอนนี้ตามมาได้หรือยัง
“ยังไม่ได้สักกระบอก กำลังหาอยู่”

ถ้าเกิดอาวุธปืนที่ใช้ยังหาไม่ได้จะมีปัญหากับกระบวนการสอบสวน หรือกับพยานหลักฐานไหม
“มันก็เป็นส่วนเดียว อย่างอื่นก็มีตั้งเยอะ พยาน”

จำเป็นต้องเอา 2 คนนั้นมาสอบขยายผลต่อไหม
“รอได้ตัวก่อนสิ”

มีการประสานต้นสังกัดของทหารไหม
“ยังเลย เอาว่าตอนนี้ก็เร่งทำ ไอ้โน่นเร่ง ไอ้นี่ เรื่องพยานหลักฐานอะไรต่างๆ นานาก็ทำกันจ้าละหวั่นอยู่แล้ว คุณไปสังเกตสำนักงานผม กลายเป็นห้องปฏิบัติการไปแล้ว”

“ชัดเจนไหม ผมไม่ใช่หัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนนะ ผมมีหน้าที่กำกับดูแลคดี เพียงแต่คดีมันมีคืบหน้าไม่ก้าวหน้า ผมก็เลยต้องลงมาทำหน้าที่ ต้องลงมาทำหน้าที่เพราะต้องกำกับดูแล”

แล้วในส่วนตัวท่านเองเคยถูกข่มขู่ไหม
“ใครจะมาข่มขู่ผมล่ะ เขาไม่เรียกผมหรอก ไม่มีใครเขามาเรียกผมหรอก ไม่มีใครเขามาข่มขู่ผมหรอก ไม่มี เราต้องทำตัวเองน่ะ เราต้องดูตัวเราเองว่า ทำให้เขาข่มขู่ได้ไหม ตัวของตัวเองน่ะ มันมีส่วนสำคัญ เราเป็นตำรวจจริงๆ เนี่ย โดยถ่องแท้เนี่ย ได้ยินไหมอย่างเงี้ย”


3 โหรดัง ประสานเสียง 'ตะวันดับ 22 ก.ค.'

Daily News Online > หน้าการเมือง > สกู๊ปหน้า 1 > 3โหรดังประสานเสียง 'ตะวันดับ 22 ก.ค.'
จับตา 'อย่าประมาท'

เปิดศักราชใหม่ ปี พ.ศ. 2552 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.แล้ว ที่ทาง “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ได้เริ่มนำเสนอว่าในปีนี้จะเกิดปรากฏการณ์ “จันทร์ดับ-ตะวันดับ” ที่เรียกรวม ๆ ว่า “อุปราคา” บ่อยครั้งเป็นพิเศษ เริ่มตั้งแต่ “สุริยุปราคา” หรือ “สุริยคราส” แบบวงแหวน วันที่ 26 ม.ค., “จันทรุปราคา” หรือ “จันทรคราส” แบบเงามัว วันที่ 9 ก.พ., จันทรุปราคาแบบเงามัว วันที่ 7 ก.ค., สุริยุปราคาแบบเต็มดวง (ในไทยเห็นไม่เต็มดวง) วันที่ 22 ก.ค., จันทรุปราคาแบบเงามัว วันที่ 6 ส.ค. และจันทรุปราคาแบบบางส่วน คืนรอยต่อ 31 ธ.ค. 2552-1 ม.ค. 2553 และที่ผ่านมาในช่วงก่อนเกิดปรากฏการณ์แต่ละครั้งก็มีการนำเสนอข้อมูล ทั้งด้านดาราศาสตร์-โหราศาสตร์




แต่ที่เคยนำเสนอไปแล้วเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา และจะนำเสนออีกครั้งในวันนี้ คือ “สุริยคราส-สุริยุปราคา” ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ “22 ก.ค. 2552” ที่กระแสเล่าลือดูจะแรงไม่ตก ?!?

ทั้งนี้ กับ “สุริยุปราคาเต็มดวง” หรือที่ทางโหราศาสตร์เรียก “สุริยคราส สรรพคราส” ซึ่งกำลังจะเกิดในวันที่ 22 ก.ค.นี้นั้น เมื่อเดือนที่แล้วลือกันแรงเหลือเกินว่า “จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ จนเกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่มหลายประเทศในเอเชียที่ติดทะเล ??” ซึ่งกับเรื่องนี้ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ก็ได้นำเสนอในมุมของ “วิทยาศาสตร์” ไปแล้วว่า... การเกิดแผ่นดินไหวนั้นไม่สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าด้วยวิทยาศาสตร์ได้ แม้แต่ระบบพยากรณ์ของอเมริกาที่ดีเยี่ยม-ทันสมัยมากก็ไม่สามารถพยากรณ์ได้ คนไทยจึง “ไม่ควรตื่นตกใจกับข่าวลือ !!”

อย่างไรก็ตาม ในมุมของ “โหราศาสตร์” ที่มีมาแต่โบราณ สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน กับเรื่องการเกิดสุริยคราสนั้น ก็มีจุดน่าสังเกต และ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ก็มีคำพยากรณ์ของ 3 หมอดูชื่อดังมาให้ลองพิจารณากัน...

อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ บอกว่า... สุริยุปราคาที่จะเกิดขึ้นในวันพุธที่ 22 ก.ค. ซึ่งประเทศไทยเห็นเป็นบางส่วนได้ทุกภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคเหนือของประเทศนั้น “สุริยุปราคาจะเกี่ยวโยงกับบุคคลสำคัญ นายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาล การบริหารราชการแผ่นดิน”

“ทางโหราศาสตร์ได้คำนวณผลที่จะเกิดจากสุริยุปราคาครั้งนี้พบว่า จะเกิดเหตุสำคัญหลายอย่าง โดยเฉพาะผลกระทบด้านการเมือง การปกครอง ที่เกิดอย่างรวดเร็ว และผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน”

ด้านการต่างประเทศจะนำความยุ่งยากสู่รัฐบาล เรื่องผลผลิตการเกษตรจะทำให้เกิดการผันแปรที่สำคัญทางการเมือง การค้าจะได้รับผลกระทบ จะเกิดอุทกภัย อุบัติเหตุเกี่ยวกับน้ำ ทำให้มีคนตายมาก มีความยุ่งยากด้านน่านน้ำอาณาเขต อาชีพเกี่ยวกับน้ำ การประมง จะมีปัญหาโรคภัยไข้เจ็บที่มากับน้ำจะ ระบาดหนัก

เมื่อเกิดสุริยุปราคาแล้วจะทำให้เกิดความยุ่งยากกับผู้ปกครองหรือรัฐบาล สวัสดิภาพประชาชนจะได้รับผลกระทบไปด้วย มีความขัดแย้งทางด้านความคิดเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ที่สำคัญดวงเมืองมีดาวจันทร์อยู่ในราศีกรกฎดวงเดิม อาจทำให้สูญเสียบุคคลสำคัญระดับสูงหรือสตรีผู้สูงศักดิ์ นอกจากนี้การเกิดสุริยุปราคาครั้งนี้อยู่ในราชาฤกษ์ ให้ ระวังผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเจ็บป่วยหรือเกิดปัญหาอุปสรรค อีกทั้งเกิดในปฐมตรียางค์ที่ 2 ทำให้สภาพดินฟ้าอากาศปรวนแปร ซึ่งหลังจากเกิดสุริยุปราคาแล้วอุบัติภัยที่เกิดจากน้ำมักจะตามมา รวมทั้งแผ่นดินไหว

“อยากเตือนรัฐบาลว่า ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ค. ถึงต้นเดือน ต.ค. หรือวันที่ดาวอังคารเข้าราศีกรกฎในวันที่ 2-3-4 ต.ค. จะเกิดอุบัติภัยครั้งใหญ่ ให้เตรียมรับมือ และอาจเกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญที่ประชาชนนับถือ รวมถึงนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเกิดในราศีกรกฎ ต้องสนใจสุขภาพและความปลอดภัย และเชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลภายในเดือน ต.ค. นี้ ด้วย” ...อ.ภิญโญระบุ พร้อมทั้งบอกด้วยว่า... ตามหลักโหราศาสตร์และการรวบรวมสถิติ การเกิดสุริยุปราคามักจะให้โทษมากกว่าให้คุณ และให้ผลรุนแรงกว่าจันทรุปราคา โดยเฉพาะสุริยุปราคาในวันที่ 22 ก.ค.นี้ที่ภาคเหนือจะเห็นมากที่สุด ก็ต้องระวังมากกว่าภูมิภาคอื่น ๆ

ด้าน บุญเลิศ ไพรินทร์ อดีต ส.ว. เจ้าของฉายา โหร ส.ว. ก็บอกผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... การเกิดปรากฏการณ์สุริยคราสเต็มดวง จะเกี่ยวกับการสูญเสียผู้นำ-ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และเกิดภัยธรรมชาติใหญ่ อาทิ น้ำท่วม แผ่นดินไหว แต่สำหรับประเทศไทยการที่จะเห็นสุริยคราสบางส่วน ไม่ เต็มดวง ผลความรุนแรงหรืออิทธิพลที่จะได้รับก็จะลดลงไม่เท่ากับพื้นที่ที่เห็นเต็มดวง ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบไม่รุนแรงมาก

“แต่ความเด่นชัดคือในทางการเมือง รัฐบาลต้องระวังตัว ไม่ก่อศัตรู ไม่ขัดแย้งกันเองในพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งไม่เอาความดีเข้าตัวเอาความชั่วให้คนอื่น เพราะจะทำให้เกิดปัญหาบานปลาย” ...โหร ส.ว.ระบุ และยังชี้ด้วยว่า... เรื่องภัยธรรมชาติ ไทยจะสามารถแก้ไขได้ แต่ด้านเศรษฐกิจยังไม่ดี เพราะดาวพฤหัสที่เดินวิปริตถอยหลัง อย่างไรก็ตาม หลังจากวันที่ 22 ต.ค. 2552 ไปแล้ว การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม จะเริ่มดีขึ้น

อ.เก่งกาจ จงใจพระ หมอดูชื่อดังอีกคน ก็ระบุผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... สุริยคราส 22 ก.ค.นี้ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ราหู โคจรอยู่ในระนาบเดียวกัน จะเกิดเรื่องร้ายต่อคนที่มีชื่อเสียงและบุคคลสำคัญของประเทศ รวมทั้งประชาชนจะประสบภัยพิบัติทางน้ำ อาจมีตายหมู่ ส่วนการเมืองจะไม่รุนแรง สามารถผ่านพ้นไปได้

“สุริยคราสในเมืองไทยไม่เต็มดวง การเมืองไทยจะมีปัญหาไม่รุนแรงนัก รัฐบาลสามารถแก้ไขได้ แต่จะส่งผลโดยตรงกับด้านเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ รัฐบาลควรระมัดระวังเรื่องการเงินให้ดี เพราะอาจไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ และให้ระวังเรื่องภัยพิบัติ-ภัยธรรมชาติ รวมถึงโรคที่จะมากับฝนและน้ำ เช่น ไข้หวัด โรคทางเดินอาหาร อหิวาตกโรค เป็นต้น” ...อ.เก่งกาจทายทัก “สุริยคราส” ที่กำลังจะเกิดอีก

และเหล่านี้ก็เป็นประเด็นที่น่าจับตา...ช่วง “ตะวันดับ”

ใครเชื่อ-ไม่เชื่อก็คงสุดแท้...แต่ “ไม่ประมาท” ก็ดี !!!.


Thursday, July 16, 2009

คนภูเก็ตโวย รปภ.อาเซียน รถติดทั้งเกาะ

โพสต์ ทูเดย์ - คนภูเก็ตโวย รปภ.อาเซียน รถติดทั้งเกาะ
คนภูเก็ตโวยทหารตั้งด่านตรวจพื้นที่ประชุมอาเซียน ถี่ยิบทำรถติด 2 ชั่วโมง

ประชาชนในพื้นที่ 6 ตำบล ของ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงแรมเชอราตัน แกรนด์ ลากูน่า สถานที่จัดการประชุมรมว.ต่างประเทศอาเซียน ไม่พอใจการตั้ง จุดตรวจรถที่ผ่านเข้ามาในพื้นที่ที่ ต.เชิงทะเล ที่มีการตั้งด่านตรวจหลายแห่ง และตรวจรถทุกคันอย่างละเอียด ทำให้รถติดนานกว่า 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ไม่พอใจที่การแจกสติกเกอร์ติดรถเพื่อผ่านเข้าออกพื้นที่ ต.เชิงทะเล เป็นไปอย่างล่าช้า

นายวิชัย ไพรสงบ ผวจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานอย่างเข้มงวด เพราะเกรงว่าจะบกพร่องและเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น ซึ่งการตั้งด่านนั้นน่าที่จะเข้มช่วงทางเข้าลากูน่าและช่วงรัฐมนตรีผ่านเข้าเท่านั้น ไม่น่าที่จะตรวจเข้มทั้งหมดในรัศมี 5 กิโลเมตร รอบสถานที่จัดประชุม

พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ ในฐานะหัวหน้าชุดประสานงานกองทัพบก กล่าวว่า เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อย ที่สุด จะพิจารณายุบรวมด่านตรวจในบางจุด หรือหาจุดที่ตั้งซึ่งมีทาง เบี่ยงเพื่อการเรียกตรวจรถต้องสงสัย จะได้ไม่กระทบกับรถคันอื่นๆ

“ขอให้พร้อมรับและมีความอดทนกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นบ้างในระบบรักษาความปลอดภัยที่จำเป็นจะต้องมี โดยเฉพาะด้านการจราจรและการขอสติกเกอร์ติดรถ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 6 ตำบล ที่มีการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ส่วนประชาชนในพื้นที่อื่นๆ หาก ไม่มีเหตุจำเป็นก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงในการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว” พล.ท.ดาว์พงษ์ กล่าว


ฟัน 13 สส.ปชป.ถือหุ้นต้องห้าม

โพสต์ ทูเดย์ - ฟัน 13 สส.ปชป.ถือหุ้นต้องห้าม
มติกกต.ฟัน13สส.ปชป.ถือหุ้นกิจการต้องห้ามสุเทพ-ไตรรงค์-จุติติดโผ/ยกคำร้องเมียกษิต

คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ถือครองหุ้นในบริษัทที่มีลักษณะต้องห้าม ซึ่งมีผลให้ต้องพ้นจากสมาชิกภาพ โดยจะส่งผลการตัดสินให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้เสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยชี้ขาดในขั้นตอนสุดท้าย

พร้อมกันนั้น กกต.ยกคำร้องกรณีให้สอบสมาชิกภาพของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เนื่องจากภรรยาถือครองหุ้นกู้บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ เพราะเห็นว่าหุ้นกู้ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงกิจการของบริษัท


เฉลิมยัน ครม.ไม่ได้สั่งสลายพธม.

โพสต์ ทูเดย์ - เฉลิมยัน ครม.ไม่ได้สั่งสลายพธม.
เฉลิม แจง ปปช. ยัน มติคณะรัฐมนตรี 6 ตุลาคม 2551 ไม่ได้สั่งการให้สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังเข้าให้ปากคำกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เกี่ยวกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในคืนวันที่ 6 ตุลาคม 2551 ไม่ได้มีมติให้สลายการชุมนุม หรือให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือหน่วยงานใดสลายการชุมชุม ส่วนกรณีที่มอบหมายให้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นติดตามดูแลการชุมนุมเนื่องจาก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น จะต้องดูแลในเรื่องของการแถลงนโยบาย นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมว่า เนื่องจากการดูแลฝูงชนมีความตึงเครียด และเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าการใช้แก๊สน้ำตาเป็นการควบคุมการชุมนุม

ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงสถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่า ควรใช้ความระมัดระวังป้องกันรักษามากกว่าการประชาสัมพันธ์ เพราะจะทำให้ประชาชนเกิดความตระหนก พร้อมเห็นด้วยที่จะมีการแถลงสถานการณ์รวมถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อสัปดาห์ละ 1 ครั้ง อย่างไรก็ตามไม่ขอวิจารณ์การทำงานของ นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะเชื่อว่ามีความตั้งใจในการทำงาน แต่วิธีการดำเนินงานค่อนข้างไม่มีประสิทธิภาพ

ทักษิณกลับคำ ขอลงเล่นการเมือง

โพสต์ ทูเดย์ - ทักษิณกลับคำขอลงเล่นการเมือง
สุรพงษ์ เผย บินพบทักษิณ ที่ดูไบ นายใหญ่ ประกาศ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง พร้อมลงสมัคร สส.เชียงใหม่

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้เดินทางไปยังเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อเยี่ยมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ สบายดีและมีความสุขมาก อย่างไรก็ตามอดีตนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการกลับมาเมืองไทย ว่าหากมีโอกาสได้กลับมาจะมาลงสมัครส.ส.เชียงใหม่ ซึ่งตนก็พร้อมที่จะลาออกเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณลงสมัครแทน และพ.ต.ท.ทักษิณก็ยืนยันว่าจะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง ส่วนจะมาเป็นนายกฯอีกหรือไม่นั้น อยู่ที่ประชาชนต้องการหรือไม่ อดีตนายกรัฐมนตรีอาจกลับมาเป็นส.ส.ธรรมดาก็ได้ แต่เป็นหัวหน้าพรรคแน่นอน

เมื่อถามว่าที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณย้ำมาตลอดว่าจะวางมือทางการเมือง ซึ่งการพูดเช่นนี้จะเป็นการกลับคำพูดหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่ใช่การกลับคำพูด แต่เมื่อประชาชนต้องการ พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องลงสมัคร แต่พ.ต.ท.ทักษิณคงยังไม่กลับมาช่วงนี้

Monday, July 13, 2009

กษิตเจอห้องเย็น มาร์คฉุนนัดคุยเรื่องปาก บิ๊กทหารฮึ่ม!เรียงหน้าโต้

กษิตเจอห้องเย็น มาร์คฉุนนัดคุยเรื่องปาก บิ๊กทหารฮึ่ม!เรียงหน้าโต้ | ไทยโพสต์
นายกฯ ตบปาก "กษิต" หลังอ้างขนคนมาเป็นแสนหนุนหลังให้อยู่ต่อได้ ชี้พูดอะไรต้องระวัง แต่ยังอุ้มจนถึงที่สุด เผยกลับจากนิวซีแลนด์ต้องเรียกมาคุยยาว บิ๊กทหารฮึ่ม! อนุพงษ์-แม่ทัพภาคที่ 1 สวน รมว.บัวแก้ว-อัดสื่อยันไม่มีเอี่ยวปลดพ้นเก้าอี้ สภาสูงชี้คนในรัฐบาลวางแผนล่อกันเอง รัฐศาสตร์จุฬาฯ ฟันธงจากอาการฟิวส์ขาด ไม่รอดแน่หลังอาเซียนซัมมิต

หลังจากนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ออกมาทิ้งบอมบ์ข้ามประเทศจากนิวซีแลนด์ แสดงความไม่พอใจที่มีการรายงานข่าวว่า มีนายทหารในกองทัพต้องการให้นายกรัฐมนตรีปรับเขาออกจากตำแหน่ง หลังจากถูกตำรวจออกหมายเรียกในคดีบุกสนามบินสุวรรณภูมิ โดยพูดเป็นนัยทางการเมืองว่ากำลังถูกรุมกินโต๊ะจากหลายฝ่าย และให้สัมภาษณ์หลายประเด็นที่พาดพิงไปถึงกองทัพ อาทิ "ทหารเหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์ผมได้ ผมรับฟัง แต่ถามทีว่าใครปองร้ายนายกรัฐมนตรี และนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งนายสุเทพ (เทือกสุบรรณ) คงต้องตอบ" และย้ำว่า "ที่บอกว่ากระแสกดดันให้ลาออก ผมเอาออกมาเป็นแสน ถ้าจะเรียกร้องให้คนออกมาสนับสนุนก็ทำได้"

เรื่องนี้ทำให้หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นทันที โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่นายกษิตออกมาระบุว่า มีกลุ่มนายทหารออกมาเสนอให้นายกรัฐมนตรีปลดเขาออกจากตำแหน่ง ภายหลังถูกตำรวจออกหมายเรียกในคดีร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ โดย ผบ.ทบ.กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "เรื่องนี้อย่ามาถามผม ผมไม่มีความเห็น"

เมื่อถามว่า จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกองทัพ ในแง่ที่ว่าทหารเข้าไปยุ่งกับการเมืองหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า "ขอให้ฟังให้ชัดๆ ผมไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง พวกหนังสือพิมพ์เป็นคนเขียนก็ให้ไปถามกันเองก็แล้วกัน ผมไม่เกี่ยว"

พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ทหารไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินกระแสข่าวที่เกิดขึ้น และคนในกองทัพเองก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งที่ผ่านมา ผบ.ทบ.ก็ไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวเช่นกันว่า ไม่รู้ว่าที่ท่านกษิตพูดนั้นหมายถึงใคร เพราะเราก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ การจะพูดหรือวิจารณ์อะไรนั้นอาจจะไม่เหมาะสม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ถึงกรณีนายกษิตถูกตำรวจออกหมายเรียกว่า จริงๆ จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต้องขอบคุณทุกคน ที่เห็นความสำคัญในการให้รัฐมนตรีได้ปฏิบัติภารกิจในส่วนของอาเซียน ขอบอกว่ารัฐมนตรีก็ปฏิบัติหน้าที่และประสานงานกับอาเซียนได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด แล้วจะต้องทำงานนี้อย่างต่อเนื่องไป ในช่วงของการประชุมสำคัญระหว่างที่เราเป็นประธานอาเซียน และอยากบอกว่ามีประเด็นที่ตั้งคำถามมาว่า ที่เคยพูดถึงกฎเหล็กมาตรฐานทางการเมือง ขอยืนยันว่ายังรักษามาตรฐานนั้นไว้ทุกประการ

"มาตรฐานที่ว่านั้นคือ ผมจะไม่ต้องรอให้เรื่องของคดีความต่างๆ ไปถึงที่สุด แล้วก็เป็นประเด็นในทางกฎหมายที่บอกว่าบุคคลในรัฐบาลต้องพ้นจากตำแหน่งไป แต่กรณีของ รมว.การต่างประเทศ ต้องรอจนศาลพิพากษาถึงจะมีผลทางกฎหมาย ผมบอกว่าผมจะไม่รอถึงมาตรฐานตรงนั้น แต่ว่ามาตรฐานที่บอกว่าถ้าเป็นกรณีที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา ตำรวจออกหมายเรียกแล้วแปลว่าไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ ผมคิดว่าก็ดูจะเกินเลยมาตรฐานที่มีการปฏิบัติโดยทั่วไป ผมจึงอยากจะเรียนว่า ในชั้นนี้ท่านรัฐมนตรีได้แสดงความพร้อมในการที่จะไปต่อสู้คดี และผมยืนยันครับว่าท่านไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ ความจริงท่านได้ไปรายงานตัว เพราะว่าในวันที่นัดหมายซึ่งเป็นวันหลังจากนี้ ท่านก็มีภารกิจที่ต้องปฏิบัติ" นายกฯ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าในทุกคดี รัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองจะไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม สิ่งเดียวที่เราจะทำก็คือการเร่งรัด และการดูแลว่าถ้าหากว่ามีการร้องเรียนเรื่องความไม่ธรรมในขั้นตอนใดๆ อย่างเช่นในหลายคดี รวมทั้งคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวน เพราะเกรงเรื่องความไม่เป็นกลาง อย่างนี้รัฐบาลดำเนินการได้ แต่ว่าถ้าจะให้ไปบอกว่าคดีนี้คนนี้ต้องผิด คนนี้ไม่ให้ผิด อันนั้นจะเป็นการทำร้ายและทำลายทั้งกระบวนการยุติธรรม ระบบการเมืองและประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ทำ ดังนั้นไม่ว่าฝ่ายใดที่คิดว่ารัฐบาลกำลังจะช่วย เพราะว่ามีคนของรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือมีคนคิดไปถึงขั้นว่ามีการกลั่นแกล้ง เพราะมีความขัดแย้งภายใน ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น และขอยืนยันว่าบุคคลทุกคนจะต้องได้รับความเป็นธรรม ถ้าหากว่ามีเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างไรก็สามารถใช้สิทธิ์ตามกฎหมายได้

"การพิจารณาสถานะของ รมว.ต่างประเทศ ยืนยันว่าในชั้นการถูกออกหมายเรียกไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องปรับท่านออกจากตำแหน่ง ท่านควรจะได้ทำหน้าที่ในการทำงานในด้านของอาเซียนและในด้านอื่นๆ ในฐานะ รมว.ต่างประเทศต่อไป ผมได้ตรวจสอบในเบื้องต้นก็ไม่เห็นมีปัญหาความน่าเชื่อถือใดๆ ทั้งสิ้นในการทำงานของท่าน อยากจะให้ความมั่นใจ ยืนยันในส่วนนี้" นายกรัฐมนตรีกล่าว

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีกลุ่มทหารกดดันให้นายกษิตลาออกว่า เข้าใจว่ามันมีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ ที่มีการพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนายกษิต คงไม่มีอะไรมากกว่านั้น รอนายกษิตกลับมาก็คุยด้วย

ส่วนที่นายกษิตบอกว่า มีคนเพียงไม่กี่คนที่อยากให้ออกจากตำแหน่ง แต่มีคนเป็นแสนอยากให้อยู่ในตำแหน่งนั้น นายกฯ กล่าวว่า "อยากให้ระมัดระวัง คิดว่าจริงๆ แล้วได้อธิบายการตัดสินใจไปแล้ว ดังนั้น นายกษิตเองก็น่าจะสามารถอธิบายการตัดสินใจของตัวเองได้เช่นกัน ไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล อย่าลืมว่าวันนี้มีงานสำคัญรออยู่ก็ให้นายกษิตเร่งทำไป"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทหารบีบให้นายกษิตลาออกหรือไม่ นายกฯ ปฏิเสธว่าไม่มี ตรงนี้ตำรวจต้องทำการชี้แจง ถ้ามีใครแทรกแซงคงไม่ได้ และถ้าใครมีหลักฐานก็มาบอกได้ จะได้แก้ไขให้มันถูกต้อง ทหารให้ความร่วมมือปฏิบัติตามนโยบายรัฐเป็นอย่างดี เมื่อถามต่อไปว่า ภาพที่ออกมาดูเหมือนรัฐบาลยังถูกครอบงำโดยทหารอยู่ นายกฯ ย้อนถามว่าเรื่องไหนล่ะ ที่อ่านดูเร็วๆ นี้เห็นท่านถูกสอบถามเรื่องรายงานข่าวว่าทหารแสดงความคิดเห็น ท่านก็ถามว่าเป็นใคร ก็เท่านั้นเองไม่กังวล ไว้รอนายกษิตกลับจากต่างประเทศคงพูดกันยาว

น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.ในฐานะผู้ที่เคยถูกตั้งข้อหาก่อการกบฏภายในราชอาณาจักร เนื่องจากเข้าร่วมปราศรัยกับแกนนำพันธมิตรฯ ขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ข้อหาก่อการร้ายที่ตำรวจเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ ถือเป็นข้อหาที่แรงเกินไป เป็นข้อหาที่ฝ่ายการเมืองต้องการเล่นเกมทางการเมือง เพื่อหวังสกัดกั้นและบีบให้ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีมากกว่า

"ดิฉันเคยโดนข้อหานี้ในช่วงที่กำลังจะได้รับตำแหน่ง ส.ว. ซึ่งก็เหมือนกับกรณีของคุณกษิต ที่โดนขัดขาตอนเป็นใหญ่เป็นโตเช่นกัน การขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เพียงครั้งเดียวไม่น่าจะโดนข้อหาเช่นนี้ อย่างไรก็ตามอยากแนะนำให้ รมว.ต่างประเทศต่อสู้ต่อไป โดยการยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อขอความเป็นธรรม นอกจากนี้เชื่อว่า หากนายกษิตดำรงตำแหน่งนี้ต่อไปจะไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และไม่ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ในการประชุมผู้นำอาเซียน" น.ส.รสนากล่าว

นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา บอกเช่นกันว่า นายกษิตแค่เป็นผู้ต้องหาเท่านั้น ยังไม่ชัดเจนว่าผิด ต้องรอให้อัยการมีคำส่งฟ้องก่อนจึงจะถือว่าให้หยุดปฏิบัติหน้าที่และลาออกได้

นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวถึงกระแสข่าวกองทัพบีบนายกษิตว่า นายกษิตเป็นอดีตข้าราชการหัวแถวที่ออกมาท้าทายระบอบทักษิณ เพราะทนไม่ไหวที่เห็นความไม่ชอบธรรมสมัยเป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลทักษิณ นายกษิตเป็นเหยื่อทางการเมืองแน่นอน ดังนั้นจึงอยากให้นายกษิตออกมาเพื่อพิทักษ์ความชอบธรรมให้กับตัวเอง

นางสิริพันธ์ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกระแสข่าวทหารขอให้นายกรัฐมนตรีปรับนายกษิตออกว่า หากเป็นจริงจะชี้ให้เห็นว่าทหารยังคงยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอยู่ตลอดเวลา แต่ต้องดูว่าเป็นทหารกลุ่มไหน เพราะทหารเองก็มีหลายกลุ่ม ไม่เป็นเอกภาพ ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับนักการเมืองในสังคมไทยมีมายาวนานและซับซ้อน แม้จะมีกระแสเรียกร้องให้นายกษิตลาออก แต่ในส่วนของทหารเห็นว่าไม่ควรแทรกแซงการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ทหารไม่ใช่ประชาชน แต่ทหารเป็นหน่วยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงในสังคม

"หากมีการบีบให้นายกษิตลาออกจริง ก็สงสัยว่าเขาใช้ความชอบธรรมใดเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจของนายกฯ จะมาอ้างว่าเพื่อลดกระแสกดดันรัฐบาล หรือหวังดีต่อประเทศชาติก็เป็นเรื่องไม่เหมาะสมทั้งสิ้น"

นางสิริพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายกษิตระบุว่า มีคนจำนวนเรือนแสนหนุนให้อยู่ ว่าเป็นวิธีเดียวกับที่พันธมิตรฯ เคยเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ลาออกจากตำแหน่ง แต่ทั้งสองคนก็อ้างมวลชนของตนเองมาขู่ เนื่องจากอำนาจในการวัดความผิดถูกของสังคมแทบจะไม่มี

"สองวันมานี้จะเห็นนายกษิตออกมาตอบโต้ด้วยท่าทีและคำพูดที่เผ็ดร้อน ทั้งที่บทบาทของ รมว.ต่างประเทศไม่ควรเป็นแบบนี้ เป็นนิสัยส่วนตัว คือปากไว แต่ก็เป็นบทเรียนว่า คำพูดเมื่อพูดออกไปแล้วจะเป็นนาย ซึ่งได้ปรากฎชัดแล้ว เชื่อว่านายกษิตจะไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง ยกเว้นจะถูกผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้มีอำนาจในบ้านเมืองขอร้อง เชื่อว่าตำแหน่งนี้จะถูกเปลี่ยนก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และหลัง กกต.ลงมติเรื่อง ส.ส.ถือหุ้นสัมปทานรัฐ" นักวิชาการผู้นี้ระบุ.


Sunday, July 12, 2009

ข้อเสนอต่อรัฐบาลกรณีการแก้ปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009 - จาตุรนต์ ฉายแสง

ข้อเสนอต่อรัฐบาลกรณีการแก้ปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009 | ประชาไท
สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009
จาตุรนต์ ฉายแสง

สถานการณ์ปัจจุบันโรคนี้ได้ระบาดอย่างรวดเร็ว มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็ว มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มการแพร่ระบาดจะรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และสร้างความเสียหายให้แก่คนทั่วโลกได้อีกมาก

ในประเทศไทยโรคนี้ได้แพร่ระบาดเร็วมาก มีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 คน มียอดผู้ป่วยด้วยโรคนี้เป็นอันดับ 9 ของโลก มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับ 6 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ในเอเชีย (ยอดผู้ป่วย และเสียชีวิต จาก WHO - ThaiDMZ)

นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าในขณะนี้มีผู้ป่วยด้วยโรคนี้มากกว่าตัวเลขที่เป็นทางการอีกมาก ถ้าการแพร่ระบาดยังเป็นไปในลักษณะนี้ หมายความว่าจะเพิ่มอัตราเร่งสูงขึ้นเรื่อยๆ อาจจะทำให้เราพบกับสภาพที่มีผู้ปวยด้วยโรคนี้จำนวนเป็นแสนๆคนในอนาคตอันใกล้

ในอเมริกา หน่วยงานสาธารณสุขออกแถลงอย่างเป็นทางการไปแล้วว่า ในประเทศสหรัฐฯประเทศเดียว คาดว่าจะมีผู้ติดหวัด 90 ล้านคน และเสียชีวิตมากถึง 2 ล้านคน

(LATimes: ตัวเลขจากการสร้างโมเดลทางคณิตศาสตร์ ระบุยอดจริงผู้ติดเชื้อ H1N1 ในอเมริกา  อาจจะทะลุยอด 1 ล้านคน  (25 มิ.ย. 2009) - ThaiDMZ)
(gmanews: สาธารณสุขฟิลิปปินส์ ระบุ คนฟิลิปปินส์มีโอกาสติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 H1N1 ได้ถึง 25% ของประชากร 90 ล้านคน หรือราว 22.5 ล้านคน)


จึงเป็นที่วิตกกันว่า โรคนี้จะระบาดมากขึ้น สร้างความเสียหายอย่างมาก โดยที่คนจำนวนมากไม่ค่อยเชื่อถือตัวเลขจากทางการ ไม่เชื่อมั่นในมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหานี้ รวมทั้งไม่เชื่อในข้อมูลข่าวสารที่ทางราชการได้เผยแพร่หรือชี้แจง ซึ่งมีเหตุผลที่ทำให้คนจำนวนมากรู้สึกอย่างนั้น

ขาดยุทธศาสตร์ แผนงาน มาตรการ


ความจริงประเทศไทยมีพื้นฐานที่ดีหลายอย่างในการที่จะรับมือกับโรคนี้ คือเรามีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญ ในเรื่องที่เกี่ยวกับโรคระบาดอยู่พอสมควร เราได้ผ่านประสบการณ์กับการที่ต้องเผชิญกับโรคซาส์และปัญหาไข้หวัดนกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เรามีประสบการณ์ทำงาน ในการวางแผน ในการจัดการ รวมทั้งยังได้มีแผนรับมือกับภาวะโรคระบาดที่ได้มีการวางแผนไว้แล้วอย่างต่อเนื่องถึง 2 แผน

แผนแรกได้ทำโดยคณะกรรมการติดตามแก้ปัญหาไข้หวัดนก และต่อมามีการพัฒนาแผนขึ้นอีกเป็นแผนงานขั้นที่ 2 ที่ต่อเนื่องโดยสำนักงานสภาพัฒน์ฯ นอกจากนั้นเรายังมีเครือข่ายความร่วมมือที่ดีกับองค์กรต่างประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้ง WHO ที่ได้เคยให้เราเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคนี้ ในการป้องกันแก้ปัญหาไข้หวัดนก

เรายังได้เคยมีการศึกษา ค้นคว้า เพื่อจะสร้างหรือผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทำให้เรามีความรู้ ความเชี่ยวชาญอยู่พอสมควร ในการที่จะสร้าง ผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคนี้

มีคำถามว่า ทำไมเราจึงมาอยู่ในจุดที่ผู้คนขาดความเชื่อถือ และดูเหมือนการแก้ปัญหาไม่มีประสิทธิภาพ ไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าไว้วางใจ จนกระทั่งทำให้เกิดการคาดการณ์ในทางหวั่นวิตกว่า ปัญหาจะหนักหน่วงรุนแรงมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

สาเหตุสำคัญ คือ เราขาดยุทธศาสตร์ในการรทำงาน ขาดนโยบาย การวางแผน การวางมาตรการที่ดี ขาดการปรึกษาหารือกับผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบอย่างเป็นระบบ และไม่มีการตัดสินใจที่ดี รวมทั้งไม่มีการวางยุทธศาสตร์ วางแผนในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ให้เจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนได้เข้าใจข้อเท็จจริง รวมทั้งสร้างความเข้าใจว่าเรากำลังจะรับมือกับปัญหานี้อย่างไร ผู้คนทั้งหลายจะรับมือกับปัญหานี้อย่างไร

ปัดฝุ่นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ เชื่อมโยงต่างประเทศ

หากจะให้เสนอแนะความคิดเห็น ผมคิดว่าควรจะมีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้น เพื่อดูแลปัญหานี้ แต่จากการติดตามข่าวสารทราบว่า มีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ระดับรัฐบาลเพื่อดูแลปัญหานี้แล้ว แต่ว่าคณะกรรมการคณะนี้ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ไม่ค่อยได้ประชุมปรึกษาหารือกัน จึงไม่เห็นว่าคณะกรรมการชุดนี้ได้ทำงานอะไร ทำหน้าที่อย่างไร

ข้อเสนอประการแรกคือ ให้คณะกรรมการฯที่ตั้งไว้นี้ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการชุดนี้ให้ทันสมัยมากขึ้น ให้มีผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ จากกระทรวงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรจะเชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและจากต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศ ให้เข้าร่วมเป็นกรรมการหรือเป็นที่ปรึกษา แล้วให้คณะกรรมการนี้ทำงานอย่างจริงจัง มีการประชุมสม่ำเสมออย่างน้อยทุกสัปดาห์ เพื่อที่จะกำหนดยุทธศาสตร์ แผนงาน มาตรการ และเพื่อที่จะบัญชาการ สั่งการ ให้เกิดการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย

รวมทั้งควรจะมีการนำเอาแผนฉุกเฉินที่จะรับมือกับการเกิดโรคระบาด ที่มีการทำไว้แล้วนั้นมาพิจารณาเพื่อนำส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นประโยชน์มาใช้โดยเร็ว รวมทั้งควรจะมีการชี้แจงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชาชน

- ได้เข้าใจข้อเท็จจริง
- เข้าใจลักษณะความรุนแรงของโรค
- วิธีการในการป้องกันรักษา
- วิธีปฏิบัติตน
- แนวปฏิบัติขององค์กรหน่วยงาน สถานที่ต่างๆ
- รวมไปถึงบุคคลแต่ละคนว่าควรปฏิบัติในการป้องกันรักษาโรคนี้อย่างไร

ควรจะมีรายละเอียดตั้งแต่ในภาวะปกติที่ยังไม่ปรากฎ ไปจนถึงสงสัยว่า

- เริ่มมีอาการอย่างไร
- จะทำอย่างไร
- ควรจะไปพบแพทย์ และควรจะไปโรงพยาบาลใดบ้าง หรือทั่วไป
- หรือว่าเมื่อใดควรจะหยุดเรียน เมื่อใดโรงเรียนควรจะปิด
- จากนี้ไปผู้ที่รับผิดชอบสถานที่ ระบบขนส่ง อาคารตึกรามต่างๆจะต้องมีมาตรการอย่างไร

ชี้แจงประสัมพันธ์ทั้งระบบ จัดทำแผนฉุกเฉิน ผลิตวัคซีน

ควรจะมีคำแนะนำที่ชัดเจน ควรจะมีการมาสรุปผลการศึกษาการวิเคราะบทเรียนจากการป้องกันรักษาโรคนี้ ทั้งในประเทศไทยและจากต่างประเทศ เพื่อให้คนเข้าใจพฤติกรรมเข้าใจการพัฒนาการคลี่คลายของเรื่องนี้ว่า คนมักจะติดโรคนี้จากอะไร ติดมาในโอกาสไหนมาจากใครอย่างไร ที่หายๆได้อย่างไรแต่ละคนจะได้วางตัวถูก

ประการที่สอง คือ นอกจากชี้แจงสิ่งที่เป็นปัจจุบันแล้ว ต้องแสดงภาพให้เห็นว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะต้องเผชิญกับสภาพอย่างไร แล้วเราจะรับมือกับมันอย่างไร ในอนาคตคนจะเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธรณะอย่างไร คนจะใช้บริการต่างๆ ไปดูหนัง อยู่ในร้านอาหาร ไปซื้อข้าวซื้อของตามศูนย์การค้าและอื่นๆจะทำอย่างไร

โดยเฉพาะเมื่อมีการระบาดของโรคนี้อย่างกว้างขวางมากๆ แล้วคนแต่ละคนจะทำกันอย่างไร ให้นำเอาแผนฉุกเฉินแผนที่มีไว้สำหรับการรับมือกับโรคระบาดอย่างร้ายแรงมาพิจารณาดูว่าควรจะต้องเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาโรคอย่างไรและก็ต้องเร่งทำอย่างจริงจัง ต้องทุ่มเทงบประมาณหาบุคลากรมาเสริมอีกมาก รวมทั้งต้องร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศก็ต้องรีบดำเนินการ หมายถึงว่าต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือเตรียมยาสำหรับรักษาเตรียมผลิตวัคซีน เตรียมเครื่องไม้เครื่องมือ อย่างเช่นห้องทดลอง เครื่องมือในการตรวจพิสูจน์ว่าเขาเป็นอะไรกันแน่เป็นโรคนี้หรือไม่ ห้องรักษาคนไข้แบบปิดที่ไม่แผ่เชื้อต่อๆไป รวมทั้งก็จะต้องเร่งผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคนี้

(VOA: WHO มีแผนจะสามารถผลิตวัคซีนป้องกัน H1N1 ได้ในกลางเดือนตุลาคม 2009 อีก 3 เดือนข้างหน้า - ThaiDMZ)

ประการสำคัญ ต้องจัดระบบการชี้แจงประชาสัมพันธ์เสียใหม่ คือเมื่อมีการพิจารณาอย่างเป็นระบบแล้ว นำเรื่องสำคัญๆมาชี้แจงแก่ประชาชนทราบให้เข้าใจสถานะของปัญหาความร้ายแรงของปัญหาในขอบเขตทั่วโลก และทั่วประเทศ รวมทั้งความรุนแรงที่จะเกิดต่อคนแต่ละคน วิธีการป้องกันวิธีการรักษาที่ดีควรเป็นอย่างไร ในการชี้แจงควรจะชี้แจงอย่างจริงจังเป็นระบบด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เช่นต้องขอความร่วมมือให้มีการใช้ทีวีพูล มีการใช้วิทยุรวมการเฉพาะกิจ ขอความร่วมมือจากสถานีวิทยุต่างๆให้มีความร่วมมือในการที่เผยแผ่ข้อมูลข่าวสารอย่างจริงจังทั้งระบบ

กระทำอย่างต่อเนื่องอย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง เพื่อให้คนในสังคมรู้ว่าจะรับมือกับปัญหานี้อย่างไร ผมคิดว่าหากได้มีการพยายามทางยุทธศาสตร์วางแผนอย่างเป็นระบบ มีการบัญชาการสั่งการอย่างจริงจัง รวมทั้งชี้แจ้งข้อมูลอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาให้ประชาชนเข้าใจข้อเท็จจริง รวมทั้งข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ทั้งหลายอย่างเพียงพอ ประชาชนก็จะลดความวิตกกังวลลดความเครียดลงไป ก็คงจะไม่ได้ตำหนิอะไรรัฐบาลมากมายอย่างที่เป็นอยู่ เพราะว่าประชาชนย่อมจะรู้อยู่ว่าปัญหานี้เป็นเรื่องที่หลายหลายส่วนก็เป็นเรื่องสุดวิสัยที่ใครจะทำอะไรได้

ถ้าแต่หากว่ายังปล่อยให้อยู่ในสภาพที่ไม่มีการบริหารจัดการที่ดีไม่มีการบัญชาการสั่งการที่ดี ไม่มีการประชาสัมพันธ์ที่ดี มีสภาพอย่างที่เป็นอยู่ คนก็จะรู้สึกตำหนิรัฐบาลมากยิ่งขึ้นๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเท่ากับว่า จะทำอย่างไร จะช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว และที่จะเกิดขึ้นจากโรคนี้ในวันข้างหน้า

สิ่งสำคัญคือว่า จะทำอย่างไรที่จะช่วยกันป้องกันลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นและที่จะเกิดขึ้นจากโรคนี้

ประเด็นสุดท้าย ทั้งหมดนี้จะเริ่มที่ไหน ผมคิดว่าก็ต้องเริ่มที่นายกรัฐมนตรี


อ่าน Update สถานการณ์ ไข้หวัดใหญ่ 2009 และ จำนวนผู้ป่วย (6 กค 2552)


กษิตแฉสื่อนอก มีคนเสี้ยม ให้พ้นตำแหน่ง

ไทยรัฐออนไลน์ - กษิตแฉสื่อนอก มีคนเสี้ยม ให้พ้นตำแหน่ง
กษิตเดือด!! แฉสื่อนอกคนมีสีเสี้ยมนายกฯให้พ้นตำแหน่งบัวแก้ว จี้เผยตัวถ้าเป็นลูกผู้ชาย เพราะตนไม่มีอำนาจไปกลั่นแกล้ง หรือโยกย้าย ถึงเวลาที่ต้องลุกขึ้นสู้ อย่ามารุมกินโต๊ะคนเดียว ...

(11ก.ค.) โอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างประเทศถึงกรณีข่าวระบุว่าคนมีสีแสดงความเห็นว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีควรให้ รมว.ต่างประเทศ ลาออกจากตำแหน่งว่า ตนไม่รู้ว่าคนมีสีเหล่านั้นเป็นใคร หนังสือพิมพ์ไปเอามาจากไหน ตนไม่มีอำนาจไปกลั่นแกล้ง หรือโยกย้าย ดังนั้นไม่ต้องกลัวการเปิดเผยตัว

"ถ้ากล้าพูดแล้วก็ต้องกล้าแสดงตัวด้วยเป็นลูกผู้ชายก็ต้องออกมาแสดงตัว จะกลัวอะไร และบอกด้วยว่าเนื้อหาแท้ๆ มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับตัวผม ทำไมมาเก่งกับผม เพราะผมไม่มีอำนาจเงินใช่ไหม ถ้าจะเปิดศึกรบก็ต้องรบกันรอบด้าน และต้องถามด้วยว่าตอนที่ทักษิณ ปู้ยี่ปู้ยำบ้านเมือง คนพวกนี้หายไปไหน ทำไมไม่ออกมาป้องกันประเทศชาติและสถาบัน ตอนที่บ้านเมืองคับขัน พวกนี้หายไปไหนหรือว่าเกรงกลัวพวกรุ่น10ถ้าหากผมเป็นรมว. กลาโหม ก็วิพากษ์วิจารณ์ผมได้ ผมรับฟัง เพราะผมไม่ใช้อำนาจเถื่อน ถ้ารักชาติก็ต้องรักตลอดเวลา และช่วยถามทีว่าใครปองร้ายนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ใครปองร้ายนายกฯ ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง คงต้องตอบ" รมว.ต่างประเทศกล่าว

นายกษิต กล่าวต่อว่า "ผมก็อยากจะรู้ว่ากลุ่มไหน มาขึ้นเวทีออกโทรทัศน์ด้วยกันไหม แล้วบอกว่ากระแสกดดันให้ลาออกนี่ กระแสทั้งหมดมีกี่ร้อยคนกัน ผมเอาออกมาเป็นแสนนะ ถ้าผมจะเรียกร้องให้คนออกมาสนับสนุนผม ผมก็ทำได้" เมื่อถามว่า รัฐบาลขณะนี้แสดงท่าทีให้ออกจากตำแหน่งหรือไม่ นายกษิตตอบว่า ไม่มี ใครอยากผลักดันก็ผลักดันมา แต่ต้องมีเนื้อหาข้อเท็จจริง ไม่ใช่พูดลอยๆ ทำไมไม่ตั้งคำถามว่าการตั้งข้อหาก่อการร้ายกับตนได้อย่างไร ตอนนี้เหมือนเอาหลายๆเรื่องมารวมกันเหมารุมกินโต๊ะ แล้วทำไมนักการเมืองเลวๆ เยอะแยะเดินลอยหน้าลอยตาอยู่ในและนอกสภา ทำไมไม่ออกไปวิพากษ์วิจารณ์และขับไล่คนพวกนั้น หนังสือพิมพ์บางท่านที่ด่าตนอยู่ ทำไมไม่ไปขุดคุ้ยความเลวระยำของคนอื่นที่มีอำนาจ กลัวเขาหรือรับเงินเขา และที่สำคัญต้องถามว่ารัฐบาลนี้ทำอะไรผิด นายอภิสิทธิ์และตนทำอะไรผิด

"ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจใครอีกแล้ว ผมสงบเสงี่ยมมานานเพราะว่าเห็นอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในรัฐบาล ผมไม่อยากจะไปพูดอะไรให้เกินหน้าเกินตา แต่ถ้าจะรุมกินโต๊ะผมคนเดียวผมก็จำเป็นต้องลุกขึ้นสู้ ผมไม่ต้องเกรงใจใครอีกแล้ว" นายกษิต กล่าว

เมื่อถามถึงผลโพลที่ระบุให้รมว.ต่างประเทศลาออก นายกษิต กล่าวว่า มันอยู่ที่ว่าการทำโพลตั้งคำถามว่าอะไร เช่นที่เอแบคโพลไปถามว่าควรลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ มันง่าย ทำไมไม่ถามเสียก่อนว่าตั้งข้อหากับตนนั้นถูกต้องหรือไม่ และคนรู้ตื้นลึกหนาบางหรือไม่ ทำไมตนจึงถูกตั้งข้อหาคนเดียว การไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เป็นบาปหรือ คนเลวๆ ตั้งเยอะอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ ทำไมไม่ออกมาประณาม ปล่อยให้คนเลวอยู่ในสังคมเป็นข่าวอยู่ทุกวัน พูดโกหกพกลมทุกวัน เรื่องโกหกก็มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ บิดเบือนข้อเท็จจริงบ่อนทำลายรัฐบาล

"คนที่โจมตีผมแล้วบอกว่าพูดเรื่องหลักการ ทำไมยังบินไปกราบไปไหว้คุณทักษิณ ซึ่งทำผิด ทำไมไม่พิจารณาตัวเอง ทำไมมี 2 มาตรฐานไปกราบไปไหว้ทำตัวเป็นทาสคนที่ผิดอย่าง คุณทักษิณ ทีกับผมกลับพยายามจะมาเล่นงานในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด" นายกษิต กล่าว

อย่างไรก็ดี รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตนไม่แคร์แรงกดดันที่มาผสมโรง แต่คนที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ควรจะพูดอะไรในสิ่งที่ถูกต้อง ทำไมไม่ออกมา ก็มีมาบ้างที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตั้งข้อหาได้อย่างไร ตนไม่ทราบตื้นลึกหนาบางภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือใครสั่งตนไม่ทราบ

"ทำไมสังคมไทย ไม่ไปประณามพวกนั้น กลับมาคอยถามผมว่าจะออกหรือไม่ออก ต้องถามว่าคนที่มาให้ผมออกอยู่ในคนประเภทใดของสังคม บัวในระดับน้ำขั้นไหน หรือต่ำกว่าน้ำยังอยู่ในโคลนในดิน โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำสิครับ ผมอยู่บนน้ำตลอด แล้วอย่ามาเก่งตอนนี้เรื่องปราสาทพระวิหาร ที่จะตกอยู่ในความเลวร้ายของตัวเองในอดีต แล้วทำไมมารุมสะกรัมผม มีใครเป็นลูกผู้ชายบ้าง มีใครมีใจเป็นนักเลงบ้างไม่มี" นายกษิต กล่าว

นายกษิต กล่าวถึงตรรกะที่บอกว่าเสื้อแดงจะก่อความวุ่นวาย จึงต้องมาหาเหตุให้ตั้งคดีกับคนเสื้อเหลืองว่า ตนไม่เห็นด้วยกับตรรกะแบบนี้ เพราะพฤติกรรมและเป้าหมายดำเนินการทางการเมืองมันต่างกัน วิธีการก็ต่างกัน และการประท้วงของเสื้อแดง ก็ไม่ควรเป็นเหตุให้ตนต้องลาออก เพราะไม่ได้ไปเผาเมืองไม่ได้ไปขัดขวางการประชุมระดับโลก ไม่ได้ไปข่มขู่ทำร้ายนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาดไทย ส่วนข่าวที่บอกว่ามีกลุ่มทหารไม่ชอบผมนั้น ช่วยบอกด้วยว่านายทหารนั้นเป็นใคร ผมจะไปจับเข่าคุยด้วย

เมื่อถามว่า กรณีที่นายสุเทพ เดินทางไปกัมพูชา เป็นการก้าวก่ายงานของกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า การดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตมีหลายประเภท เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างตัวบุคคล วัฒนธรรม การแพทย์ การให้ความร่วมมือช่วยเหลือ การทูตด้านความมั่นคง และเรื่องทั่วๆ ไป ส่วนการที่นายสุเทพเดินทางไปกัมพูชานั้น เป็นเรื่องเหมาะสม เพราะนายสุเทพ มีความสนิทชิดเชื้อกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก่อนที่เราจะมาเป็นรัฐบาล และเราก็สามารถที่จะรักษาความสนิทชิดเชื้อเอาไว้ได้ เมื่อมีอะไรบางสิ่งบางอย่างไม่สามารถพูดกันในห้องประชุมอย่างเป็นทางการได้ นายกรัฐมนตรีจึงคิดว่านายสุเทพ เหมาะสม และนายสุเทพ ยังเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชานั้น ก็มีส่วนความมั่นคงเป็นสำคัญ ต้องเสริมกับสิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศเจรจาทางการเมืองเรื่องการปักปัน เขตแดน ช่วยกันทำคนละไม้คนละมือ ตนไม่ได้เห็นรู้สึกอะไร ก็มีความยินดี

นายกษิต กล่าวอีกว่า ส่วน พล.อ. ประวิตร วงศ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูแลเรื่องความมั่นคง แต่ละคนก็ทำงาน เพราะเรื่องกัมพูชาก็เกินกำลังของผม เรื่องการสู้รบ การวางกองกำลังเป็นเรื่องของทหารไม่ใช่เรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ แต่การป้องกัน และระงับการสู้รบเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ ดังนั้นคนที่ไม่เข้าใจก็คิดว่าผมต้องทำทุกอย่างผมก็ไม่ใช่เพื่อนสนิทกับสม เด็จฮุนเซน และผมก็มิบังอาจ จะทำตัวเป็นเพื่อนกับสมเด็จฮุนเซน เมื่อถามว่ารองนายกฯฝ่ายความมั่นคงสนิทกับสมเด็จฮุนเซน ด้วยเรื่องอะไร นายกษิต กล่าวว่า ไม่ทราบว่าสนิทเรื่องอะไร เพราะรู้เพียงว่าสนิทส่วนตัวก็คือสนิทส่วนตัว ส่วนจะสนิทมากน้อยแค่ไหนนั้น ตนไม่ทราบและทำไมตนต้องไปรู้ว่าเขาสนิทอะไรกันยังไง

เมื่อถามถึงกรณีการถือหุ้น ของภรรยารัฐมนตรีต่างประเทศ นายกษิต กล่าวว่า ภรรยาตนไม่ได้ถือหุ้นและไม่ได้ซื้อ ซึ่งได้ตอบข้อถามของ ป.ป.ช.ไปแล้ว เป็นเพียงหุ้นกู้คือไปซื้ออะไรที่ธนาคารแล้วก็ได้ดอกเบี้ยตอบแทน และผู้ที่กล่าวหาตนก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ทำไมต้องบิดเบือนข้อมูล


Wednesday, July 8, 2009

เสื้อแดงเชียงใหม่ป่วนการ์ดเสียชีวิตกะทันหัน-คาดติด “หวัดใหญ่ 2009”

Manager Online
เชียงใหม่ – การ์ดเสื้อแดงเชียงใหม่เสียชีวิตกะทันหันรายแรกของจังหวัด คาดติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 เตรียมส่งเสมหะพิสูจน์ทราบผลพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) กลุ่มคนเสื้อแดงวิตกหวั่นติดเชื้อด้วยหลังเข้าร่วมขับไล่ รมว.ด้วยกัน กว่า 200 คน

นพ.วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาได้รับรายงานว่า มีผู้ป่วยชายอายุ 26 ปี มีอาการปอดบวมเสียชีวิตกะทันหัน ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ หลังเข้ารับการรักษาไม่ถึง 2 ชั่วโมง

โดยเบื้องต้นได้สันนิษฐานว่า อาจจะเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่เพื่อความแน่ใจได้ส่งเสหะของผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจหาเชื้อแล้ว ซึ่งคาดว่า จะทราบผลในวันพรุ่งนี้ และหากเสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็จะเป็นรายแรกของจังหวัดเชียงใหม่ด้วย

นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดจังหวัดเชียงใหม่ พบผู้ป่วยติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 100 กว่าราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดูแลอย่างใกล้ชิด และออกหน่วยเคลื่อนที่แจกจ่ายหน้ากากและให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 อย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้เสียชีวิตดังกล่าวมีอาชีพเป็นพ่อค้าขายเสื้อผ้า ในตลาดกลางเมืองเชียงใหม่ และยังเป็นการ์ดของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ด้วยทำให้กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กว่า 200 คนวิตกว่าจะติดเชื้อด้วย หากพบว่าผู้เสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จริง เนื่องจากผู้เสียชีวิต ได้เข้าร่วมขับไล่ นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่เดินทางมาปฏิบัติภารกิจ ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมาด้วย




รัฐกลืนน้ำลายเปิดรับจำนำข้าว

Daily News Online > หน้าเศรษฐกิจ > รัฐกลืนน้ำลายเปิดรับจำนำข้าว
พิลึกกำหนดราคาต่ำกว่าตลาดกลัวเจ๊งพ่อค้าอัดยับฉุดถอยหลังพังทั้งระบบ

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในเร็ว ๆ นี้ เพื่อพิจารณานโยบายการแทรกแซงราคาข้าวนาปี ประจำปีการผลิต 52/53 โดยนายกฯ ได้ตัดสินใจที่จะให้มีการรับจำนำข้าวนาปีเช่นเดิม แต่การรับจำนำครั้งนี้จะแตกต่างจากที่ผ่านมา โดยเฉพาะราคารับจำนำที่จะกำหนดไว้ต่ำกว่าราคาตลาด เพราะไม่ต้องการแบกรับภาระงบประมาณเหมือนในอดีต ขณะเดียวกันการรับจำนำไม่ได้ทำให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวได้รับประโยชน์ อย่างทั่วถึง

นอกจากนี้นายกฯ ยังต้องการให้มีการแทรกแซงราคาด้วยระบบการรับประกัน เช่นเดียวกับที่ดำเนินการในสินค้ามันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งภายในกลางเดือน ก.ค. นี้ โดยนายกฯได้ชี้แจงให้ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ได้รับทราบแล้วว่าผลของการรับจำนำสินค้าเกษตรโดยใช้เงินกว่า 1.26 แสนล้านบาท ไม่ได้มีผลทั้งด้านปริมาณและราคาที่ทำให้การส่งออกสินค้าเกษตรดีขึ้น ดังนั้นรัฐบาลต้องปรับเปลี่ยนการดูแลสินค้าเกษตรใหม่โดยใช้ระบบประกันสินค้าเกษตรเข้ามาแทน

ส่วนปัญหาเรื่องสัญญาขายข้าวของผู้ส่งออกทั้ง 17 สัญญา นายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันชัดเจนแล้วว่าต้องเป็นไปตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 6 และ 13 พ.ค. 52 เท่านั้น โดยทั้งหมดเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ในฐานะผู้ปฏิบัติต้องไปดำเนินการให้เป็นไปตามมติ ครม.

ก่อนหน้านี้นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ในฐานะคู่สัญญาซื้อขายข้าวกับเอกชน 17 ราย ที่ชนะการประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลจำนวน 1.9 ล้านตัน ให้คืนเงินวางค้ำประกัน 5% ของมูลค่าข้าวที่แต่ละรายวางเงินค้ำประกันไว้ทั้งหมด รวมถึงเงินค่าข้าวที่เอกชนได้ชำระบางส่วนจำนวน 9.6 หมื่นตันด้วย ส่วนข้าวที่เอกชนมีการขนย้ายออกจากโกดังไปแล้ว ให้ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชน ไม่ต้องนำมาคืน เพราะมีการชำระเงินอย่างถูกต้อง

สำหรับการระบายสต๊อกข้าวรัฐบาลที่เหลือ จะต้องรอหลักเกณฑ์จากกรมการค้าต่างประเทศ จัดทำแผนยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรก่อนว่า มีความเห็นอย่างไร และต้องผ่านความเห็น ชอบจาก กขช.ที่คาดว่าจะพิจารณาในเร็ว ๆ นี้

สำหรับการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ได้มีการเซ็นอนุมัติขายข้าวเมื่อวันที่ 12 พ.ค. โดย อคส.ได้เรียกผู้ชนะประมูลเข้ามาทำสัญญาระหว่างวันที่ 13-22 พ.ค. มีจำนวน 14 ราย รวมปริมาณข้าว 1.94 ล้านตัน มีการวางเงินค้ำประกัน 5% ของมูลค่าสินค้า (แบงก์การันตี) วงเงิน 2.76 หมื่นล้านบาท และได้มีการชำระเงินค่าข้าวแล้วบางส่วน 6 ราย รวมเป็นปริมาณ 9.65 หมื่นตัน มูลค่า 1,223 ล้านบาท

รายงานข่าวจากวงการค้าข้าวแจ้งว่า รัฐบาลควรใช้วิธีเปิดรับจำนำสินค้าในเกษตรฤดูกาลปี 52 ไปก่อน แม้นายอภิสิทธิ์ ต้องการยกเครื่องระบบแทรกแซงราคาสินค้าใหม่ก็ตาม เพราะมองว่าขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีความพร้อมด้านบุคลากร หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบในการประกันราคา ขณะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ยังไม่มีความชำนาญด้านนี้โดยตรง ดังนั้นหากรัฐบาลรีบร้อนใช้วิธีประกันราคาทันที อาจทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าการรับจำนำ เพราะมีจุดอ่อนทั้งวิธีการจัดเก็บข้อมูล รวมถึงการตรวจสอบราคาซื้อขายที่แท้จริงระหว่างเกษตรกร กับพ่อค้าที่อาจเกิดการรั่วไหลงบประมาณได้ง่าย นอกจากนี้ตั้งข้อสังเกตว่าหากรัฐตั้งราคารับจำนำข้าวต่ำกว่าตลาดจริง จะเป็นการฉุดราคาตลาดให้ลดลงและเกษตรกรเสียประโยชน์.


ตั้ง'ศุภชัย'นั่งเก้าอี้เลขาฯอังค์ถัดสมัย2

Daily News Online - ตั้ง'ศุภชัย'นั่งเก้าอี้เลขาฯอังค์ถัดสมัย2
(7 ก.ค.) สำนักข่าวเอพีรายงานจากองค์การสหประชาชาติที่นครนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ จากประเทศไทย อดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 ในตำแหน่งเลขาธิการที่ประชุมว่าด้วยการค้าและพัฒนาแห่งสหประชาชาติ(อังค์ถัด) โดยที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติได้รับรองการแต่งตั้งให้ ดร.ศุภชัยดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 4 ปีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่ก็มีประเทศไอวอรี่ โคสต์ เสนอชื่อผู้สมัครลงชิงตำแหน่งด้วย เป็นอดีต รมว.การค้าต่างประเทศชื่อ นายกาย-อแลง เกาซ์ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตของไอวอรี่ โคสต์ ประจำสำนักงานองค์การสหประชาชาติที่นครเจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสำนักงานขององค์ถัดก็ตั้งอยู่ที่นี่ด้วย เนื่องจากไอวอรี่ โคสต์ ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งในอังค์ถัด.


"แม้ว"เย้ยรบ.อย่าเสียเวลาไล่ล่า มั่นใจตามจับไม่ได้ อย่าทำให้ รมว.บัวแก้วเหมือนตัวตลกของนานาชาติ

มติชนออนไลน์
"แม้ว"เย้ยรบ.ไล่ล่าตามจับไม่ได้อย่ามาเสียเวลา ถ้าไม่หยุดจะทำให้เสียหายกับประเทศ ดิสเครดิต รมว.บัวแก้วเหมือนตัวตลกของนานาชาติ "นพดล"แจง"แม้ว"ไม่ได้หนีไปฟิจิแค่พักเครื่องเติมน้ำมันค้างกัวลาลัมเปอร์ 1 คืน ย้ำเดินทางไปไหนมาไหนได้ปกติ มีรถนำขบวนพร้อม

แม้ว"มั่นใจรบ.ไล่ล่าตามจับไม่ได้

นายสุทิน คลังแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กล่าวเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ว่า เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนพร้อมนายนิสิต สินธุไพร อดีตกรรมการบริหารพลังประชาชน และทีมหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สกลนคร และ จ.ศรีสะเกษ ประมาณ 10 คน มีโอกาสได้พบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณมีสุขภาพที่แข็งแรงและยังมีความกระตือรือร้นทางความคิดอยู่เหมือนเดิม โดย พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงความเป็นห่วงวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่คาดว่าภายใน 3-5 เดือนนี้จะเป็นช่วงที่เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจมาก เพราะในขณะนี้รัฐบาลเหมือนทำเพียงการรักษาทางจิตให้กับประชาชน โดยพร่ำบอกแต่ว่าเศรษฐกิจได้ถึงจุดที่ต่ำสุดแล้ว และจากนี้ไปจะดีขึ้น ซึ่งความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะประเทศไทยจะมีปัญหาหนักที่สุด

"พ.ต.ท.ทักษิณยังได้พูดถึงกรณีที่คนเสื้อแดงมีมติถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้ว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนดำเนินการเองโดยท่านไม่ได้คัดค้านหรือให้การสนับสนุน แต่ปล่อยให้ดำเนินการตามกระบวนการที่เคยมีประเพณีปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่เทิดทูนของทุกคน"นายสุทินกล่าว

นายสุทินกล่าวว่า "พ.ต.ท.ทักษิณยังบอกพวกผมว่าเป็นห่วงการที่รัฐบาลไล่ล่าท่าน เพราะจะเป็นการลดเครดิตประเทศไทย ไม่ว่าจะอย่างไร ท่านก็มั่นใจว่าไม่สามารถตามจับกุมท่านได้ ดังนั้นจึงไม่อยากให้รัฐบาลมาเสียเวลาในเรื่องนี้ เพราะหลายประเทศเข้าใจคดีของท่าน ซึ่งถ้ารัฐบาลยังไม่หยุดการกระทำนี้ก็จะทำให้เกิดผลเสียให้กับประเทศได้" นายสุทินกล่าว

อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า ที่ผ่านมานายกษิตพยายามใช้วิธีการออกข่าวการจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อหวังดิสเครดิตตัว พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ตลอดเวลา แต่เรื่องนี้กลับเป็นสิ่งที่ย้อนกลับไปดิสเครดิตนายกษิตเอง ที่เป็นเหมือนตัวตลกในสายตาของนานาชาติ

ทางด้าน นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและอดีตที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ถึงกรณีที่นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยระบุว่ารัฐบาลไทยได้ประสานไปยังทางการมาเลเซียให้จับกุมพ.ต.ท.ทักษิณ แต่พ.ต.ท.ทักษิณได้หลบหนีไปประเทศฟิจิว่า สิ่งที่นายถาวรพูดไม่เป็นความจริง เพราะความจริงแล้วพ.ต.ท.ทักษิณมีกำหนดการจะเดินจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปประเทศฟิจิจะต้องแวะเติมน้ำมันก่อนโดยมีตัวเลือกอยู่ 2 ทางคือ แวะเติมน้ำมันที่กรุงเทพฯ หรือ กัวลาลัมเปอร์ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิน แวะที่กัวลาลัมเปอร์ 1 คืน ก่อนที่จะเดินทางต่อไปที่ประเทศฟิจิ และไม่มีการจับกุมใดๆ

นายนพดลกล่าวว่า เรื่องนี้ผู้ใหญ่ที่มาเลเซียได้ขำกับการให้ข่าวของนายถาวร เพราะประเทศแต่ละประเทศคงไม่มีใครส่งเจ้าหน้าที่อีกประเทศหนึ่งไปจับกุมใครในประเทศนั้นๆได้เนื่องจากต้องมีการออกหมายจับและประสานกับประเทศนั้นๆด้วย

นายนพดล กล่าวว่า หลังจากพ.ต.ท.ทักษิณออกจากเมเลเซียไปประเทศฟิจิแล้วจากนั้นมีกำหนดเดินทางไปอีก 4 ประเทศ แต่ไม่ขอเปิดเผย โดยแต่ละประเทศที่พ.ต.ท.ทักษิณไปเยือนได้นัดรับประทานอาหารกับผู้นำของแต่ละประเทศและบางประเทศเป็นถึงระดับประมุขของรัฐ ซึ่งมีนัยยะอะไรก็ลองคิดดู ทั้งนี้ทุกประเทศให้การต้อนรับดูแลเป็นอย่างดี เพราะเข้าใจสถานการณ์การเมืองของประเทศไทยและคดีของพ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นคดีทางการเมือง นอกจากนี้บางประเทศได้จัดทีมรักษาความปลอดภัยของผู้นำ และรถนำขบวนให้พ.ต.ท.ทักษิณด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ทราบมาก่อนหรือไม่ว่าจะมีการจับกุมที่ประเทศมาเลเซียและจะมีการปรับแผนการรักษาความปลอดภัยหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ไม่ทราบ เหมือนกรณีที่มีรายงานข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกหมายแดง มีชื่อติดในอินเตอร์โพล แต่ถึงวันนี้ก็ไม่มีการจับกุมอะไร และไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยแม้ว่าที่ผ่านมานายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจะตามล่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเชื่อว่าข่าวรวบตัวที่ประเทศมาเลเซียน่าจะเป็นการสร้างข่าวเพื่อกลบเกลื่อนความล้มเหลวของของกระทรวงต่างประเทศและรัฐบาลเอง

เมื่อถามว่าถึงกรณีที่รัฐบาลไทยเตรียมที่จะประสานไปยังทางการฟิจิ ซึ่งเป็นประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ ให้ส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญานั้น นายนพดล กล่าวว่า ก็ไม่มีปัญหาอะไร พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเดินทางไปไหนก็ยังไปได้ตามปกติ

เมื่อถามถึงกรณีที่นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักเปิดเผยว่าพ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยภายในสิ้นปี 2552 นี้ นายนพดล กล่าวว่า เท่าที่คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้คุยถึงกำหนดกลับประเทศไทยแต่ถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะมาแจ้งให้ทราบอีกทีหนึ่ง


Tuesday, July 7, 2009

ป้องกษิตยังไม่ผิดกฏ9ข้อ

โพสต์ ทูเดย์ - ป้องกษิตยังไม่ผิดกฏ9ข้อ
ชวรัตน์-ชาญชัยงดให้ความเห็นกษิตไม่ออกโยนนายกฯชี้ขาด

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน สองแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล งดแสดงความเห็นกรณีนายกษิตร ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถูกออกหมายเรียกในคดีบุกยึดสนามบิน เพราะถือเป็นมารยาททางการเมือง ที่พรรคร่วมจะไม่ก้าวก่ายการทำงานของกันและกัน พร้อมทั้งยกให้เรื่องการตัดสินใจจะปรับหรือไม่ปรับนายกษิตพ้น ครม. ให้ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และแกนนำพรรคภูมิใจไทย เชื่อว่ากรณีนายกษิตยังไม่น่าเข้าข่ายผิดกฎเหล็กด้านจริยธรรม 9 ข้อของนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับกรณีที่ตนเองเคยถูกตั้งข้อกล่าวหาแจกเงินพร้อมนามบัตร ก่อนหน้านี้ เพราะตามกฎหมายนั้น ผู้ที่ถูกกล่าวหาย่อมถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ส่วนกรณีดังกล่าวจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่นั้น นายบุญจงกลาวว่า คงไม่มีผลกระทบอะไร เพราะรัฐบาลยังสามารถทำงานต่อไปได้ตามปกติ

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคขอสนับสนุนการตัดสินใจไม่ลาออกของ นายกษิต ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะคดียังอยู่ในขั้นตอนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหากไม่มีมูลความจริง อัยการอาจจะไม่สั่งฟ้อง ส่วนทางพรรคจะพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่นั้น ต้องรอให้ขั้นตอนการสอบสวนอยู่ในชั้นศาลก่อน และเชื่อว่าการสนับสนุนการตัดสินใจของ นายกษิต ในครั้งนี้ จะไม่มีผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับกฎเหล็กที่วางไว้หากทำความเข้าใจกับประชาชนได้

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาเรียกร้องให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แสดงความรับผิดชอบนั้น อยากให้กลับไปดูว่าทางพรรคเพื่อไทยเคยรับผิดชอบหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาต้องรอให้มีผลทางกฎหมายก่อน ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบ

นายสัก กอแสงเรือง อดีต ส.ว. กล่าวถึงกรณีเจ้าพนักงานออกหมายเรียก นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในคดีบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิว่า ที่ผ่านมาเคยมีการตั้งข้อหาเกินสมควร โดยเมื่อผู้ถูกกล่าวหาไปร้องต่อศาล และศาลได้วินิจฉัยลดข้อกล่าวหาลง ทั้งนี้กรณีของนายกษิตไม่แน่ใจว่าเข้าข่ายเดียวกันหรือไม่ เพราะไม่ทราบรายละเอียดของข้อกล่าวหา แต่ส่วนตัวมองว่า กรณีนี้น่าจะห่างไกลจากการเป็นผู้ก่อการร้าย

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อยู่ที่พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนว่า มีมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ กฎหมายเองก็ไม่มีระบุว่านายกษิตต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ที่ผ่านมามีนายกรัฐมนตรีหลายคนถูกตั้งข้อกล่าวหาก็ไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น เมื่อกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ นายกษิตก็ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

ติดตามข่าว กษิต ภิรมย์ ทั้งหมด

นพดลรับ แม้วโผล่มาเลย์จริงก่อนหนีไปฟิจิ

โพสต์ ทูเดย์ - แม้วโผล่มาเลย์จริงก่อนหนีไปฟิจิ
นพดลรับแม้วค้างมาเลย์1คืนจี้กษิตลาออกหมดความชอบธรรมแล้ว

นายนพดล ปัทมะ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปพักที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียจึงได้มีการประสานเพื่อจับกุมว่า ตนได้รับการยืนยันจาก พ.ต.ท.ทักษิณแล้วว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางไปประเทศมาเลเซียจริง และนอนพักเพียง1คืนเพื่อแวะเติมน้ำมัน แล้วเดินทางออกไปประเทศฟิจิเท่านั้น โดยหลังจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณมีกำหนดการจะเดินทางไปพบปะกับผู้นำและประมุขอีก 4 ประเทศด้วย

นอกจากนี้ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่งภายหลังถูกเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาด้วยว่า ตนคิดว่าไม่สามารถไปถามหาความรับผิดชอบจากนายกษิตได้ เพราะนายกษิตได้ยืนยันไปแล้วว่าจะไม่ลาออก และขณะเดียวกันตนอยากให้นายกษิต พิจารณาว่าตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้นเป็นตำแหน่งสาธารณะ ที่มีไว้ให้สำหรับคนที่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศทั้งนี้ หากนานาประเทศขาดความเชื่อมั่นในตัวรัฐมนตรี อาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียอำนาจในการต่อรองได้.

อ่าน เพื่อนตท.10 โต้ข้อมูลถาวรปัดแม้วเข้ามาเลย์ เผยเสื้อแดงล้มแซยิดสนามหลวง

ติดตามข่าว นพดล ปัทมะ ทั้งหมด

เสื้อแดงไม่สนกทม.เดินหน้าจัดแซยิดแม้ว

เสื้อแดงไม่สนกทม.เดินหน้าจัดแซยิดแม้ว | ISNHOTNEWS.COM Multimedia
(7 ก.ค.) นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำ นปช.ภาคประชาชน ในฐานะประธานกลุ่มวิทยุชุมชุนคนแท็กซี่ 92.75 และ 107.5 กล่าวยืนยันจะเดินหน้าจัดงานแซยิดฉลองวันคล้ายวันเกิด 60 ปี ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 26 ก.ค. อย่างแน่นอน แม้. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะประกาศว่า ไม่สามารถอนุญาตให้กลุ่มคนเสื้อแดงใช้พื้นที่ จัดงานก็ตาม โดยระบุว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย เพราะที่ผ่านมา กทม.ภายใต้การบริหารงานของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ไม่เคยอนุญาตให้คนเสื้อแดงใช้สนามหลวงในการชุมนุมสักครั้ง แต่คนเสื้อแดงก็แสดงการอารยะขัดขืนมาโดยตลอด รวมทั้งการจัดงานแซยิดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในครั้งนี้ด้วย ที่แปลกใจก็คือ ตนยังไม่ได้ไปยื่นหนังสือขอใช้พื้นที่เลย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ออกมาปฏิเสธไม่ให้พื้นที่แล้ว โดยอ้างระเบียบระบุไว้ชัดเจนว่า สถานที่ดังกล่าวใช้ประกอบพระราชพิธี หรือเพื่อองค์กรกลุ่มคน แต่ไม่ใช่เพื่องานส่วนบุคคลทันที ทั้งที่ กทม.ก็เคยไม่ดูแลรักษาสนามหลวง ให้เป็นสถานที่สำคัญสำหรับใช้ในการประกอบพระราชพิธีเลยสักครั้ง ปล่อยให้มีคนเข้าไปมั่วสุม สำส่อนขายบริการ ขายของจนกลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรม แต่จะมาห้ามพวกตนซึ่งเป็นคนเสื้อแดง ไม่ให้จัดเวทีปราศรัยพูดจารำลึกถึงผลงานที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำประโยชน์ไว้ให้คนรากหญ้าอย่างมากมาย


เพื่อนตท.10 โต้ข้อมูลถาวรปัดแม้วเข้ามาเลย์เผยเสื้อแดงล้มแซยิดสนามหลวง

โพสต์ ทูเดย์ - เสื้อแดงล้มแซยิดสนามหลวง
เพื่อนตท.10โต้ข้อมูลถาวรปัดแม้วเข้ามาเลย์เผยเสื้อแดงล้มแซยิดสนามหลวง

พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อนสนิทเตรียมทหารรุ่น 10 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอบโต้นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ออกมาเปิดเผยว่าเกือบจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณได้ขณะเดินทางเข้ายังประเทศมาเลเซียว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เป็นเพียงความพยายามที่จะดิสเครดิต ของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยพยายามเชื่อมโยงกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพราะจะเป็นไปได้อย่างไรที่ คนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ หากเดินทางไปประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีชาวไทยจำนวนมากอาศัยอยู่แล้วจะไม่มีผู้ใดพบเห็น นอกจากนี้ ที่ผ่านมาตั้งแต่เดินทางออกไปนอกประเทศพ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่เคยเดินทางไปยัง ประเทศมาเลเซีย แม้แต่เพียงครั้งเดียว ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะอยู่ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ส่วนการที่กลุ่มม็อบเสื้อแดงจะจัดงานแซยิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 26 ก.ค. พล.อ.อ.สุเมธ ระบุว่า เท่าที่ตนเองได้รับทราบจากผู้เกี่ยวข้องคาดว่าคงจะไม่มีการจัดงานดังกล่าวแล้ว


อ่าน นพดลรับ แม้วโผล่มาเลย์จริงก่อนหนีไปฟิจิ

ยึดสนามหลวงจัดแซยิดแม้ว 'กรรมชี้เจตนา'

Daily News Online > ยึดสนามหลวงจัดแซยิดแม้ว 'กรรมชี้เจตนา'
จะว่าไปแล้วทั้งกลุ่ม “นปช.ภาค ประชาชน” ที่นำทีมโดย นายชินวัฒน์ หาบุญพาด และ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย กับกลุ่ม "ความจริงวันนี้” ที่นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ ที่แม้จะเคลื่อนไหวไม่เหมือนกันแต่ก็มีท่วงทำนองที่สอดคล้องกัน

ทางหนึ่งเดินล่าชื่อ “ถวายฎีกา” ขณะที่อีกทางก็จัดงาน “แซยิด” ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 26 ก.ค. ซึ่งเป็น วันคล้ายวันเกิด 60 ปี

ถือเป็นเครือเดียวกัน คือ อยู่ในเครือพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นคนละ “หวี” คือ เป็น “แดงฎีกา” กับ “แดงแซยิด”

ถ้าสังเกตจะพบว่า ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ก้าวก่าย “กิจกรรม” ที่กลุ่มตัวเองเป็นตัวตั้ง ตัวตี แต่ก็มีระยะห่างทำนองไม่เห็นด้วย แต่ไม่ขัดแย้ง”

แต่ที่ทั้ง 2 กิจกรรมของคนเสื้อแดงเหมือนกันคือ ทำเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ และถูกวิจารณ์ตั้งข้อสังเกตในเรื่อง “ความเหมาะสม” โดยเฉพาะการใช้พื้นที่ “สนามหลวง” จัดกิจกรรมอย่างงานวันคล้ายวันเกิดให้กับ “บุคคลทั่วไป”

ถ้าเป็น “คนไทย” จะเข้าใจตรงกันว่า สนามหลวงนั้นเป็นสถานที่ประกอบรัฐพิธี จริงอยู่แม้ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ทางการเมือง พื้นที่ “สนามหลวง” มักถูกใช้เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่แปลกหากจะเป็นการแสดงออกตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยที่เหมาะสม

แต่การแสดงออกหลาย ๆ เรื่องดูเหมือนจะยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความไม่เหมาะสมและสร้างความไม่สบายใจให้กับสังคมไทยส่วนใหญ่อย่างต่อเนื่อง

นอกจากที่ “สนามหลวง” ยังจะมีการ จัดกิจกรรม “แซยิด” อีกในหลายจังหวัด มันก็น่าคิดว่าทำเกินคนปกติธรรมดาไปหรือเปล่า

รูป “กิจกรรมในวัดพระแก้ว” รูปถ่ายเต็มยศขนาดใหญ่ที่เคยอยู่ตามศาลกลางจังหวัดทั่วประเทศ รูป “ธงชาติไทย” ที่มีการนำไปเขียนชื่อ หรือพิธีการที่เคยทำกันภาคเหนือในลักษณะว่าเป็น “เจ้ามูลเมือง” กลับชาติมาเกิด เหล่านี้เป็นแค่ “ส่วนหนึ่ง” ที่ตอกย้ำให้คนส่วนใหญ่ไม่สบายใจ

ยังไม่นับคำพูดในหลายวาระ หลายโอกาส ที่คนส่วนใหญ่ฟังแล้วก็ไม่สบายใจอีกเช่นกัน

ที่สำคัญ เวที “คนเสื้อแดง” แห่งนี้มีตั้งหลายคนที่ถูกตั้งข้อหา“หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”

เรื่องพรรค์อย่างนี้ ถ้าเป็นคนปกติธรรมได้เห็น ได้ยิน ก็มีสิทธิคิด มีสิทธิไม่สบายใจ

อย่าลืมว่า กรรมมันเป็นเครื่องชี้เจตนา.


คุณชายย้ำกทม.ห้ามใช้สนามหลวงจัดแซยิดแม้ว

โพสต์ ทูเดย์ - คุณชายย้ำกทม.ห้ามจัดแซยิดแม้ว
ผู้ว่าฯกทม.ย้ำห้ามเสื้อแดงใช้สนามหลวงจัดแซยิดแม้วไม่ใช่ที่ส่วนบุคคล

ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงยืนยัน ไม่อนุญาตให้กลุ่ม นปช.ใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงจัดงานครบรอบ 60 ปีให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า พื้นที่ท้องสนามหลวงไม่ใช่พื้นที่ของบุคคลทั่วไปแต่เป็นพื้นที่เฉพาะสำหรับจัดงานรัชพิธี ราชพิธี ประเพณีสำคัญต่างๆ งานของรัฐบาล และงานของกรุงเทพมหานคร ตามที่กำหนดไว้ในระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการใช้ท้องสนามหลวงพ.ศ.2543 แก้ไ6 เพิ่มเติมพ.ศ.2550

ทั้งนี้ การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ โซนเอไม่เคยอนุญาต และถือเป็นการใช้พื้นที่โดยพลการซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว ทั้งนี้ยืนยันทำตามหน้าที่ไม่ใช่เพราะขัดแย้งกับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่มองว่า ไม่ใช่เรื่องสมควรที่จะนำพื้นที่ท้องสนามหลวงมาใช้ในงานส่วนตัว โดยทุกอย่างพิจารณาในมาตรฐานเดียวกันไม่มี 2 มาตรฐานแต่อย่างใด หากอนุญาตให้ใช้พื้นที่ในครั้งนี้จะสร้างมาตรฐานที่ 2 ขึ้นมา ในการขอใช้สถานที่ต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ระหว่างการแถลงข่าว ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังพูดติดตลกด้วยว่า ตนเองไม่สนับสนุนความขัดแย้ง และไม่เคยเลือกสี เพราะยังเลือกสีแดงมาใช้กับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย


คลิป เงาหน้าไมเคิล แจ็คสัน โผล่ออก CNN หลังเสียชีวิต Michael Jackson's Ghost Haunts CNN


จริง หรือ หลอก???

Label Cloud