Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Tuesday, August 18, 2009

“อดีตราชองครักษ์” แจ้งจับ 3 เกลอบังอาจถวายฎีกาช่วย นช.แม้ว

Crime - Manager Online
“อดีตราชองครักษ์” นำประชาชนกว่า 30 คนบุกกองปราบแจ้งจับ 3 เกลอหัวขวดบังอาจถวายฎีกาช่วย นช.แม้ว ขอร้องทักษิณให้กลับมารับโทษและถามหาความจงรักภักดีจาก พล.อ.อนุพงษ์

วันนี้ (15 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ อดีตนายทหารราชองครักษ์เวร พร้อมด้วย พ.ต.ท.พชรเกรียงชัย ศรีหนาท อดีต รอง ผกก.อก.ภ.จ.ตราด และประชาชนกว่า 30 คน เข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล พนักงานสอบสวน กองปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ในข้อหาช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดเพื่อไม่ให้ต้องโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 และความผิดตามมาตรา 198 ข้อหาดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล หลังสามเกลอดำเนินการล่ารายชื่อประชาชนลงนามถวายฎีกาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ต้องหาหนีคดี ทั้งนี้ พล.อ.กิตติศักดิ์ ได้มอบซีดีการปราศรัยของแกนนำเสื้อแดงที่สนามหลวงและราชบุรี จำนวน 2 แผ่น บทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์กรณีดังกล่าว และแบบฟอร์มหนังสือถวายฎีกามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานอีกด้วย

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า ที่มาวันนี้ไม่เกี่ยวกับพันธมิตรฯ เพราะเรามาในนาม ของทหาร ตำรวจและพลเรือน ที่ออกมาปกป้องราชบัลลังก์ เนื่องจากการกระทำของ 3 แกนนำที่ประกาศว่าจะนำรายชื่อประชาชนหลายล้านคนร่วมลงชื่อเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกในคดีที่ดินรัชดาฯ 2 ปี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และประกาศว่าจะนำมวลชนเรือนแสนนำฎีกาไปยื่นต่อราชเลขาธิการ มีหลายฝ่ายเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมายและเป็นการกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นเรื่องมิบังควรอย่างยิ่ง

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งสามรู้อยู่แก่ใจว่าฎีกาดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพราะเนื้อหาที่จัดพิมพ์ขึ้นมีลักษณะเป็นการกล่าวร้ายต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าตัดสินคดีสองมาตรฐาน ถือว่าเข้าข่ายดูหมิ่นศาล และกลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีสิทธิและ ไม่มีอำนาจขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เพราะมาตรา 23 วรรคสองบัญญัติไว้ว่า คดีที่ศาลฎีกาได้พิจารณาหรือมีคำสั่งแล้ว คู่ความไม่มีสิทธิที่จะทูลเกล้าถวายฎีกาคดีนั้นต่อไป และประกอบพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2549 มาตรา 4 บัญญัติว่า ผู้ซึ่งจะได้รับการอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่ หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนด ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับติดต่อกันไปจนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อย หรือลดโทษ หรือนายกฯมีคำสั่งปล่อยหรือลดโทษเว้นแต่ผู้ที่ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า การปลุกระดมให้ประชาชนร่วมลงชื่อทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับโทษเพราะหลบหนีไปก่อนที่ศาลจะอ่านคำพิพากษา อีกทั้งยังหลบหนีหมายจับของศาลในคดีฉ้อราษฎร์บังหลวงซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายคดี นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังมิได้สำนึกในการกระทำความผิดของตัวเอง นับว่าเป็นเรื่องมิบังควรอย่างยิ่ง

“อยากฝากไปยังน้องทักษิณ เพราะเขาเป็นเตรียมทหารรุ่นน้องผม 3 ปี ว่าพระองค์ท่านดูแลพสกนิกรมากว่า 63 ปี แล้ว น้องเพิ่งมาไม่กี่ปีเทียบเคียงพระองค์ท่านไม่ได้หรอก ขอร้องให้หยุดเสียเถอะ หยุดทำความผิดซ้ำซาก อย่าเชื่อคนรอบข้างเพราะพวกนั้นคบกับน้องเพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น พี่อู๊ดขอร้องให้น้องอยู่เฉยๆ จนกว่าบ้านเมืองจะสงบ วันหนึ่งหากน้องสำนึกได้ก็ขอให้น้องกลับมารับโทษ พี่จะไปรับถึงสนามบิน หรือไปรับที่ต่างประเทศก็ได้ จะดูแลความปลอดภัยให้ เมื่อกลับมารับโทษและขอพระราชทานอภัยโทษจากพระองค์ท่าน ไม่มีอะไรสายเกินไปหรอก นอกจากนี้ อยากถามไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. อดีต ผบก.กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือทหารเสือราชินีว่า น้องจำได้ไหมน้องเคยมอบประกาศนียบัตรทหารเสือกิตติมศักดิ์ให้แก่พี่ บัดนี้ความจงรักภักดีของน้องหายไปไหนหมด น้องต้องกลับมาทำหน้าที่รักษาราชบัลลังก์ อย่าพูดเพียงว่าไม่มีความเห็นกรณีคนเสื้อแดงล่ารายชื่อถวายฎีกา น้องพูดได้อย่างไร น้องลองทบทวนดู” อดีต นายทหารราชองครักษ์เวร กล่าว

ด้าน พ.ต.ท.พชร เกรียงชัย กล่าวว่า อยากฝากไปยัง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.นักเรียนนายร้อยอบรมรุ่น 16 รุ่นเดียวกันว่าให้ดำเนินการติดตามจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ น้องเขยมาดำเนินคดีให้ได้ แล้วเพื่อนจะไม่ถูกเขาวิพากษ์วิจารณ์ได้

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ก่อนดำเนินการส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป



“กอร์ปศักดิ์” แจ้นพบ “คุณหญิงจารุวรรณ” ช่วยสอบทุจริตชุมชนพอเพียง

Politics - Manager Online
“กอร์ปศักดิ์” แจ้นพบ “คุณหญิงจารุวรรณ” ช่วยสอบทุจริตชุมชนพอเพียง ยันพร้อมร่วมมือเต็มที่ เดินหน้าตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใส หวังลบข้อครหาสังคมที่มองว่าเป็นโครงการขี้โกง เผย จะนำข้อเสียที่ได้รับ ไปปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้น

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.) ตนจะเดินทางไปพบ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อขอความร่วมมือให้จัดส่งทีมพิเศษเข้ามาตรวจสอบการทำงานของสำนักงานโครงการชุมชนพอเพียง หลังจากที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ส่งหนังสือขอให้ สตง.เข้ามาตรวจสอบการทำงานของ สพช.ว่า ได้ดำเนินการถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากตนเห็นว่า สตง.มีระบบการตรวจสอบที่ดี และสามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียด ทั้งนี้ สพช.จะได้นำข้อมูลที่ได้รับไปปรับปรุงองค์กรต่อไป

นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากมีอะไรที่บกพร่อง หรือเกิดปัญหาจะได้แก้ไขให้ถูกต้อง รวมถึงจะได้ทราบแนวทางในการเดินหน้าโครงการที่ถูกต้องต่อไปด้วย เพราะหากรอให้เข้ามาตรวจสอบตามกระบวนการต้องรอไปอีก 1-2 ปี ดังนั้น ในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีและเหมาะสมที่สุด

“ผมจะไปปรึกษา คุณหญิงจารุวรรณ เพื่อขอให้ส่งทีมพิเศษเข้ามาตรวจสอบโดยเร็ว เพราะหากรอกระบวนการอย่างเป็นทางการ อาจล่าช้าไม่ทันได้ เพราะขณะนี้ โครงการชุมชนพอเพียงกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ดังนั้น การเดินทางขอให้มีการตรวจสอบ จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น” นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว

มติชนเสนอข่าวแย้ง เรื่อง สตง. เข้าตรวจสอบ
นายกฯเผย"กอร์ปศักดิ์"แจงทางออกชุมชนพอเพียงทุกกรณีพรุ่งนี้ ระงับโซลาร์เซลส์แล้ว สตง.ลุยสอบไม่รอเชิญ
(ตัดตอนบางส่วน)
นาย พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายกอร์ปศักดิ์ จะประสานให้ สตง. เข้ามาตรวจสอบโครงการชุมชนพอเพียง ว่า ยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ แต่ไม่ว่าจะมีหนังสือมาหรือไม่ ทาง สตง.ก็เตรียมเข้าไปตรวจสอบอยู่แล้ว ตั้งแต่วิธีการขอ ไปถึงการอนุมัติ สินค้าที่ชุมชนซื้อแพงเกินจริงหรือไม่ พฤติกรรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไร รวมถึงกรณี ส.ก.และ ส.ข.ของพรรค ปชป. เกี่ยวข้องหรือไม่ คาดว่าจะเริ่มเร็วๆ นี้

"ตั้งแต่มีข่าวว่าโครงการนี้ไม่ชอบมาพากล สตง.ก็เตรียมเข้าไปตรวจสอบอยู่แล้ว เลยไม่แน่ใจว่า ทำไมเขาจะต้องออกข่าวว่าจะเชิญเราเข้าไปอีก แต่ไม่ว่าเพราะจะดึง สตง.ไปอ้างหรือเหตุผลอะไรก็ตาม การที่คุณกอร์ปศักดิ์บอกว่าจะเชิญ สตง.เข้าไปตรวจสอบ เท่ากับว่า เขาไฟเขียวเต็มที่ การขอข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ ของ สตง. คงง่ายขึ้น"  นายพิศิษฐ์กล่าว

ส่วนที่นายกอร์ปศักดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารโครงการชุมชนพอเพียง ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งตนเอง เป็นประธานคณะอนุกรรมการด้วยนั้น นายพิศิษฐ์กล่าวว่า ประเด็นนี้ สตง. จะเข้าไปตรวจสอบด้วยเช่นกัน ว่า นายกอร์ปศักดิ์ มีเหตุผลอย่างไร ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะในหลักการแล้ว ไม่ค่อยมีใครทำกันแบบนี้ เรื่องนี้มันอาจมองได้ 2 มุม คือ ตัวประธานมีเจตนาดี ที่จะเข้าไปนั่งเป็นประธานคณะอนุกรรมการ เพื่อกลั่นกรองงานให้รอบคอบมากที่สุด หรืออีกมุมหนึ่งคือ จะทำให้การอนุมัติโครงการใดโครงการหนึ่งง่าย และสะดวกมากขึ้น ไม่มีใครกล้าค้าน
รองโฆษกปชป.ปูดสพช.มี "ไส้ศึก"

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก รองโฆษกพรรค ปชป.(*1)กล่าวว่า นอกจากข้อมูลว่ามีคนใกล้ชิด ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งเป็นถึงประธานคณะกรรมาธิการคนหนึ่งไปแอบอ้างกับชาวบ้านว่า รู้จักนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ร่วมมือกับไส้ศึกบางคนใน สพช. เปลี่ยนโครงการที่ชาวบ้านเสนอขอใช้งบฯชุมชนพอเพียงเพื่อหาประโยชน์ให้กับ พรรคพวกของตัวเองแล้ว ตนยังมีข้อมูลเด็ดที่เตรียมไว้เป็นก๊อกสอง ที่ได้มาจากสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องเกี่ยวกับบริษัทแห่งหนึ่งที่หากินจากโครงการซื้อปุ๋ยอินทรีย์กับ ชาวบ้าน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในตอนนี้ จะเก็บไว้เตรียมอภิปรายสู้กับพรรค พท.ในสภาผู้แทนราษฎรทันทีที่ฝ่ายค้านหยิบเรื่องชุมชนพอเพียงขึ้นมาพูด หลังจากนี้พรรคจะเตรียมทีมไว้ชี้แจงเรื่องนี้ในสภา
"ก่อนหน้านี้ โครงการชุมชนพอเพียงเหมือนคนไข้ที่กำลังจะถูกเข็นเข้าห้องไอซียู แต่หลังจากเราเจอหลักฐานที่พรรคเพื่อไทยได้จากไส้ศึกแล้วนำมาอ้างในการแถลง ข่าว แต่กลับอ้างไม่หมดเพราะไปเกี่ยวข้องกับพวกเขาเอง ถือว่าเราเริ่มตั้งหลักได้แล้ว คล้ายกับพอฉีดยาให้ผู้ป่วยแล้วอาการดีขึ้น สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้ คิดว่าให้ยาอีกไม่กี่วัน ก็น่าจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้" นพ.วรงค์กล่าว
พท.พบ พอเพียง อีสานส่อทุจริต

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) และคณะกรรมการติดตามการใช้งบประมาณโครงการชุมชนพอเพียง พรรค พท. กล่าวว่า ที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษก ปชป. (*2)ระบุว่ามีข้อมูลเอกสารที่พบว่ามีคนใกล้ชิดส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.อำนาจเจริญ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต โดยแอบอ้างว่ารู้จักกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯนั้น ข้อเท็จจริงคือ พรรค พท.ไม่มีส.ส.อำนาจเจริญ มีแต่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น แต่พรรคก็ไม่ขัดข้องที่จะให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และถ้ามีเอกสารหลักฐานก็ควรจะแสดงให้ชัดเจนเพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ภาคอีสานตอนบนพบความผิดปกติในโครงการชุมชนพอเพียงในทุก จังหวัด โดยการทุจริตมีหลายลักษณะ บางพื้นที่มีลักษณะเช่นเดียวกับกรุงเทพฯ ที่ซื้อสินค้าราคาแพง อาทิ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย พบว่ามี 35 ชุมชนที่สินค้าประเภทเดียวกัน พรรคจะรวมรวมหลักฐานทั้งหมดก่อนแถลงข่าวอีกครั้งในสัปดาห์นี้

ThaiDMZ: *1 และ *2 เสนอข่าวไม่สอดคล้องกัน

ยกฟ้อง! “สนธิ” ศาลชี้ ปลอมลายเซ็น “แม้ว” ฟ้องแทน

Crime - Manager Online
ศาลจังหวัดปทุมธานี ยกฟ้อง “สนธิ” กับพวก หมิ่น “ทักษิณ” ประณามแก้ไขรัฐธรรมนูญ ศาลชี้ ผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจดำเนินคดีฟ้องแทน เหตุหลักฐานลายมือชื่อมอบอำนาจน่าสงสัย อีกทั้งผู้ฟ้องไม่มีพยานเบิกความยืนยัน พิพากษาให้ยกฟ้อง

วันนี้ (18 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวานที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดปทุมธานี ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1234/2551 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ นายพิชา ป้อมค่าย เป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล จำเลยที่ 1 นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำเลยที่ 3 นายพิภพ ธงไชย จำเลยที่ 3 นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จำเลยที่ พลตรีจำลอง ศรีเมือง จำเลยที่ 5 นายสุริยะใส กตะศิลา จำเลยที่ 6 บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด จำเลยที่ 7 บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด จำเลยที่ 8 ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

คำฟ้องระบุเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2551 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 8 ได้ร่วมกันโฆษณาด้วยเอกสารและคำแถลงเรื่องการคัดค้านและประณามการแก้ไข้รัฐธรรรมนูญเพื่อลบล้างความผิดของตนเองและพวกพ้อง ผ่านการถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชังจากประชาชนทั่วไป

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประเด็นแรก โจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้ นายพิชา ป้อมค่าย เป็นผู้ดำเนินคดีแทนจริงหรือไม่ ปัญหานี้โจทก์ไม่ได้มาเบิกความเป็นทนาย เพื่อยืนยันว่าโจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้ นายพิชา ป้อมค่าย ดำเนินคดีแทน โจทก์คงมี นายพิชา ป้อมค่าย ผู้รับมอบอำนาจ เป็นพยานปากเดียว เบิกความว่า พยานเป็นผู้รับมอบอำนาจของโจทก์ตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจ เอกสารหมาย จ.1 แต่นายพิชา ป้อมค่าย เบิกความตอบทนายจำเลยทั้งแปดว่าเอกสารหมาย จ.1 ทำในและลงลายมือชื่อที่อาคารชินวัตร ถนนวิภาวดีรังสิต แต่ที่จะทำที่บริษัทอะไร ชั้นอะไร จำไม่ได้ ทำให้น่าสงสัยว่าโจทก์ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจริงหรือไม่ นอกจากนี้ โจทก์ไม่มีบุคคลที่รู้เห็นการลงลายมือชื่อของโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจมาเป็นพยานเบิกความสนับสนุน ประกอบกับเอกสารหมาย จ.1 เป็นสำเนาไม่ใช่ต้นฉบับ ทั้งนี้ นายพิชา ป้อมค่าย ตอบค้านว่า หนังสือมอบอำนาจทำต้นฉบับไว้ 2 ฉบับ มีข้อความตรงกับกับเอกสารหมาย จ.1 ต้นฉบับอีกฉบับหนึ่งนั้นพยานเป็นผู้เก็บไว้ไม่ได้ส่งเป็นพยานต่อศาล จึงยิ่งเป็นพยานหลักฐานสนับสนุนให้น่าสงสัยยิ่งขึ้นว่า โจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจในเอกสารหมาย จ.1 จริงหรือไม่ พยานหลักฐานของโจทก์ในชั้นนี้จึงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้นายพิชา ป้อมค่าย ดำเนินคดีแทนตามเอกสารหมาย จ.1 นายพิชา ป้อมค่าย จึงไม่มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ ส่วนประเด็นเรื่องคดีโจทก์มีมูลหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป พิพากษายกฟ้อง


Label Cloud