Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Tuesday, November 24, 2009

“สมัคร สุนทรเวช” ถึงแก่อนิจกรรม

Manager Online
ปิดฉากชีวิตลงแล้ว นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีบทบาทสร้างสีสันให้แก่วงการเมืองไทยมาตลอด โดยถึงแก่อนิจกรรมที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

วันนี้ (24 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ถึงแก่อนิจกรรมแล้วที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยมีรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายสมัครเดินทางกลับจากการรักษาที่ต่างประเทศ และพักฟื้นอยู่ที่บ้าน โดยก่อนจะถึงแก่อนิจกรรมได้เข้าพักรักษาตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กระทั่งถึงแก่อนิจกรรมในที่สุด

นายสมัคร สุนทรเวช เป็นบุตรของ เสวกเอกพระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช) กับ คุณหญิงบำรุงราชบริพาร (อำพัน จิตรกร) เป็นหลานลุงของมหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) นายแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นหลานตาของมหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) จิตรกรประจำสำนัก

นายสมัครเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ดังนี้
พ.อ.(พิเศษ) พ.ญ.มยุรี พลางกูร - อดีตรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
นางเยาวมาลย์ ราชวังเมือง - ประกอบธุรกิจส่วนตัว
พล.อ.อ.สมมต สุนทรเวช - อดีตที่ปรึกษา ทอ. (ถึงแก่กรรมแล้ว)
นายสมัคร สุนทรเวช
นายมโนมัย สุนทรเวช - พนักงานรัฐวิสาหกิจ
นายสุมิตร สุนทรเวช - นักการเมือง หัวหน้าพรรคประชากรไทย
นายสมัคร สมรสกับ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ที่ปรึกษาด้านการเงินของบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีบุตรสาวฝาแฝด คือ กานดาภา และกาญจนากร ปัจจุบันสมรสแล้วทั้งคู่ จากการที่ภรรยาทำงานอยู่กับบริษัทเอกชนมาตั้งแต่ พ.ศ.2505 สถานะการเงินของภรรยาจึงมั่นคงพอที่จะดูแลครอบครัวได้ นายสมัครเลยมิได้ทำงานประจำให้กับหน่วยงานใด และได้ทำงานด้านการเมืองเพียงอย่างเดียว มาตั้งแต่ พ.ศ.2516

ประวัติการศึกษา
ก่อนประถมศึกษา : โรงเรียนสตรีบางขุนพรหม
ระดับประถมศึกษา : โรงเรียนเทเวศร์ศึกษา
ระดับมัธยมศึกษา : โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
ระดับอาชีวศึกษา : โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์
ระดับอุดมศึกษา : นิติศาสตรบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ประวัติทางการเมือง
นายสมัครเริ่มต้นชีวิตการเมืองโดยสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ พ.ศ.2511 เริ่มลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลกรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ.2514 และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ใน พ.ศ.2518 ในชีวิตการเมืองเคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งตลอดเวลาที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัครได้รับการแต่งตั้งในคณะรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง ได้แก่

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช 2 (15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 - 13 มีนาคม พ.ศ. 2518)
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช 3 (20 เมษายน พ.ศ. 2519 - 23 กันยายน พ.ศ. 2519)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล นายธานินทร์ กรัยวิเชียร (8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 - 19 ตุลาคม พ.ศ. 2520)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 2 (30 เมษายน พ.ศ. 2526 - 5 สิงหาคม พ.ศ. 2529)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ (9 ธันวาคม พ.ศ. 2533 - 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534)
รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร (7 เมษายน พ.ศ. 2535 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535)
รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล นายบรรหาร ศิลปอาชา (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 - 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539)
รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ (25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 - 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540)
นายกรัฐมนตรี (29 มกราคม - 9 กันยายน พ.ศ. 2551)

สรุปประวัติทางการเมืองได้ดังนี้
พ.ศ. 2511 : เข้าเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2511 - 2519)
พ.ศ. 2514 : สมาชิกสภาเทศบาลนครกรุงเทพมหานคร (ได้รับเลือกตั้ง เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2514)
พ.ศ. 2516 : สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 10 ธ.ค.16) และ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 23 ธ.ค.16)
พ.ศ. 2518 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ม.ค. 2518)
พ.ศ. 2518 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พ.ศ. 2519 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2519)
พ.ศ. 2519 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
พ.ศ. 2519 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2519 - 2520)
พ.ศ. 2522 : ก่อตั้งพรรคประชากรไทย และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2522)
ประธานคณะกรรมาธิการการคลัง และสถาบันการเงิน (พ.ศ. 2523 - 2526)
พ.ศ. 2526 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2526)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (พ.ศ. 2526 - 2529)
พ.ศ. 2529 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2529)
ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง (พ.ศ. 2529 - 2531)
พ.ศ. 2531 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2531)
ประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ (พ.ศ. 2531 - 2533)
พ.ศ. 2533 : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (พ.ศ. 2533 - 2534)
พ.ศ. 2535 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (มี.ค. 2535) (ก.ย. 2535)
ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม (พ.ศ. 2535 - 2538)
พ.ศ. 2538 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2538)
พ.ศ. 2539 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (พ.ย. 2539)
พ.ศ. 2543 : ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พ.ศ. 2543 - 2547)
พ.ศ. 2550 : รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2550 - 30 ก.ย. 2551)
พ.ศ. 2551 : นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย (29 ม.ค.2551 - 9 ก.ย.2551)


Thursday, November 19, 2009

[YT] Cambodia's new oil wealth - 06 Aug 07 | AlJazeera



AlJazeera เรียกเขมรว่า "One of the world most corrupted country"
การให้สัมปทานขุดเจาะน้ำมันของฮุนเซ็น และกัมพูชา กับ 13 บริษัทน้ำมันต่างประเทศ ไม่เคยต้องผ่านสภา หรือให้ประชาชนกัมพูชารับรู้เลย
ปริมาณน้ำมันที่พบในกัมพูชา สามารถขุดเจาะขึ้นมาใช้ได้นานถึง 20 ปี
รัฐบาลกัมพูชาจะมีรายได้จากน้ำมัน 3-4 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
รายได้จากน้ำมันจะคิดเป็น 50% ของ GDP ของกัมพูชา

Wednesday, November 18, 2009

[YT] Run for your Life - Cambodia

http://www.youtube.com/watch?v=TlmF6TDrDGQ

บันทึกประวัติศาสตร์จาก ABC Australia ในเดือนกรกฎาคม 1997 12 ปีที่แล้ว ในวันที่ฮุนเซ็นเข้ายึดอำนาจในเขมร

Below texts were quoted from YouTube page of this video
July 1997
A historic report filmed during CPP party leader Hun Sen's takeover of Cambodia.

Our camera follows officials of Prince Ranariddh's Funcinpec party as they are secretly smuggled out of the country. After a dash to the airport by car, Funcinpec Head of Security Hong Dar waits nervously as his false papers are checked by airport officials. Like many others denied assistance by foreign embassies in Cambodia's latest crisis, this is his only way out, convinced he'll be tortured and assassinated if he stays. Another fleeing Funcinpec official, his face disguised, tells how Hun Sen's soldiers came to his house and shot his wife. He too is smuggled out the same way. Surrounded by security guards, Hun Sen states he has "no regrets" in using force to oust rival Prince Ranariddh. Press reporters asking unpalatable questions are quickly shoved out of the crowd. Senior Funcinpec member Ung Huot admits Hun Sen approved his appointment as new First Premier. He promises free elections despite suspicions he's merely a puppet of the CPP. Can Kim lost two children when a shell hit her home. Her youngest child, still wounded, strokes her mother's face as she weeps. Human Rights Lawyer Brad Adams says Funcinpec fears are well founded.



Cambodia's 'unfair' election - 26 Jul 08 | AlJazeera



2:30 10 ปีก่อนพระในเขมรถูกทำร้าย และถูกยิงในการประท้วงการทุจริตการเลือกตั้ง



ทักษิณพ้นเขมร 14 พ.ย. 2009


4.45 วินาทีทักษิณพ้นเขมร

Tuesday, November 17, 2009

มาดูเสื้อแดงในเขมร



[YT] ฮุนเซน พูดใส่อารมณ์ ถึงอภิสิทธิ์ with eng sub








[YT] Cambodia refuses to extradite Thailand's Thaksin



อีกหนึ่งสาเหตุความไม่ลงรอยกัน ระหว่างอภิสิทธิ์ และฮุนเซ็น
ปี 1998 อภิสิทธิ์ และ ปชป ไม่สนับสนุนให้กัมพูชาเข้าเป็นสมาชิก ASEAN อ้างเหตุกัมพูชาไม่เป็นประชาธิปไตยพอ

ตำรวจปัดหนีแถวอ่าง เมินม็อบพธม.

โพสต์ ทูเดย์ - Breaking News - ตำรวจปัดหนีแถวอ่างเมินม็อบพธม.
ตำรวจเตรียมเชิญเสธแดงให้ข้อมูลกรณีระเบิดพธม.ชุมนุมสนามหลวง

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยกรณีพล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความปลอดภัยการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สนามหลวง กระทั่งเกิดเหตุระเบิดว่า เรื่องดังกล่าว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกล่าวเปรียบเปรยการทำงาน ซึ่งไม่ใช่การที่ตำรวจไม่ดูแล หรือหนีไปเที่ยวอาบอบนวด เพราะทุกครั้งที่มีการชุมนุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะมีการประชุมประเมินสถานการณ์ทั้งและหลังการชุมนุม

ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า หลังเกิดเหตุผู้กำกับสถานีตำรวจมาช้ากว่าผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.วิชัย กล่าวยืนยันว่า วันเกิดเหตุนั้นผู้กำกับการ สน.ชนะสงคราม ป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาล มีเพียงรองผู้กำกับการรักษาราชการแทน และก็อยู่ในพื้นที่เช่นกัน แต่ยอมรับว่าการทำงานครั้งนี้มีบางจุดไม่ได้ดำเนินการตามแผนบ้าง แต่ก็ไม่ได้หละหลวม และพร้อมน้อมรับคำตำหนิเพื่อนำไปปรับปรุง

ส่วนความคืบหน้าการติดตามจับกุมมือยิงระเบิด พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า จะเชิญพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง มาให้ปากคำ หลังจากที่ออกมาระบุว่า จะเกิดระเบิดขึ้นหากมีการชุมนุม ส่วนการใช้ระเบิดต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือชำนาญการใช้งานนั้น เห็นว่า ปัจจุบันการหาซื้อและการใช้อาวุธดังกล่าวก็หาง่าย ประชาชนธรรมดาก็ใช้ได้เช่นกัน ขณะที่จุดต้องสงสัยยิงระเบิดมาจากกระทรวงมหาดไทยนั้นก็ไม่มีนัยอะไรแอบแฝง แต่จุดดังกล่าวเป็นจุดอับ และมีช่องทางหลบหนีหลายเส้นทาง และจากการตรวจวิถีกระสุนก็มาจากจุดดังกล่าว ซึ่งทุกขั้นตอนในคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามหลักฐาน เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว.


Saturday, November 14, 2009

สุเทพ เทือกสุบรรณ - หาเรื่องจับคนไทยยัดข้อหา'วิศวกร'

หาเรื่องจับคนไทยยัดข้อหา'วิศวกร'ล้วงตับลับสุดยอด'ตารางบินทักษิณ' | ไทยโพสต์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

ที่ทราบข้อมูลขณะนี้อยู่ระกว่างการดำเนินคดีของประเทศกัมพูชา ซึ่งโดนข้อกล่าวหากระทำการจารกรรมข้อมูล โดยบริษัทดังกล่าวเหมือนบริษัทวิทยุการบินของประเทศไทย ที่ทำการตรวจสอบเอกสารและเส้นทางการบิน โดยปรากฏว่าพนักงานคนดังกล่าวเข้าไปตรวจสอบและถ่ายเอกสารตารางการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับรัฐบาลไทย เพราะเท่าที่ตรวจสอบข้อมูลของวิทยุการบินไม่ได้เป็นข้อมูลความลับที่ต้องปกปิด ถือเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องทราบอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ ต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชา
"ตารางการบินไม่ถือว่าเป็นความลับ เพราะในระหว่างที่คุณทักษิณเดินทางไปประเทศกัมพูชาก็ได้บินผ่านน่าฟ้าประเทศอินเดีย ไทย และไปลงที่กัมพูชา ซึ่งในระหว่างการบินไม่ได้มีการแจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่บนเครื่องลำดังกล่าว ซึ่งผมได้ทราบภายหลัง และหลังจากนี้จะไม่อนุญาตให้เครื่องบินของคุณทักษิณบินผ่านน่านฟ้าของประเทศไทย"

ถามว่าทางการกัมพูชายืนยันว่าการกระทำของวิศวกรถือเป็นสายลับของประเทศไทย รองนายกฯ ตอบว่า

รัฐบาลไม่มีความจำเป็นต้องใช้คนไทยที่ไปทำงานในประเทศกัมพูชา เพราะข้อมูลการบินหรือแผนการบินไม่ถือเป็นความลับ ส่วนการช่วยเหลือเป็นหน้าที่ของกรรมการบริษัทที่เป็นคนไทยในบริษัทจะต้องดำเนินการ แต่รัฐบาลจะรอดูกระบวนการยุติธรรมในการพิจารณาของกัมพูชา โดยจะไม่เข้าไปก้าวก่าย


พล.ต.ท.ซก พัล รองผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชา - หาเรื่องจับคนไทยยัดข้อหา'วิศวกร'

หาเรื่องจับคนไทยยัดข้อหา'วิศวกร'ล้วงตับลับสุดยอด'ตารางบินทักษิณ' | ไทยโพสต์
"นายศิวรักษ์ได้ขโมยข้อมูลหมายกำหนดเที่ยวบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ และส่งให้แก่อัครราชทูตที่หนึ่งของไทยประจำกรุงพนมเปญ ซึ่งขณะนั้นได้ถูกทางการกัมพูชาสั่งให้ออกจากประเทศฐานปฏิบัติภารกิจขัดต่อหน้าที่ทูต และได้นำตัวเจ้าหน้าที่ไทยผู้นี้ขึ้นศาลแขวงในกรุงพนมเปญเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน ด้วยข้อหาขโมยข้อมูลที่อาจกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งหากผิดจริงจะต้องถูกลงโทษจำคุกเป็นเวลา 15 ปี"
พล.ต.ท.ซก พัล รองผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชา กล่าว



จตุพร พรหมพันธุ์ - หาเรื่องจับคนไทยยัดข้อหา'วิศวกร'

หาเรื่องจับคนไทยยัดข้อหา'วิศวกร'ล้วงตับลับสุดยอด'ตารางบินทักษิณ' | ไทยโพสต์
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า

ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในประเทศกัมพูชา คือทางการไทย โดยสถานทูตไทยในกัมพูชา เข้าใจว่าน่าจะได้รับคำสั่งจากกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำเนินการแทรกแซงกิจการภายในของกัมพูชา เนื่องจากกิจการทางการบินของกัมพูชา ซึ่งถือว่าเป็นความลับ ความมั่นคง และทางรัฐบาลกัมพูชาได้ให้สัมปทานกับบริษัทเอกชน ที่มีเจ้าของเป็นคนไทย มีการแทรกแซงโดยรัฐบาลไทยด้วยการดึงข้อมูล เพื่อรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับเที่ยวบินที่จะไปลงที่กัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งทางกัมพูชาเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความลับทางราชการ ไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้

"วันนี้ทางการไทยได้ล้วงความลับกิจการภายในของกัมพูชา ผิดมารยาททางการทูตอย่างร้ายแรง หากกัมพูชานำหลักฐานดังกล่าวมาแสดง ประเทศไทยก็ผิดกฎหมาย ซึ่งการที่รัฐบาลพยายามทำให้มองว่าเกิดจากกรณีอื่น แต่ความจริงไม่ใช่ โดยไปนำข้อมูลการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือใครก็ตามในกัมพูชา ที่เป็นข้อมูลลับเกี่ยวกับสายการบินในกัมพูชา จะเข้าข่ายการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศกัมพูชา ซึ่งสถานทูตไทยเสียมารยาทอย่างร้ายแรง และไม่สมควรกระทำ ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม หากมาทำในลักษณะดังกล่าวก็จะถูกตอบโต้เช่นเดียวกัน"


แกนนำคนเสื้อแดงผู้นี้กล่าว



นพดล ปัทมะ - หาเรื่องจับคนไทยยัดข้อหา'วิศวกร'

หาเรื่องจับคนไทยยัดข้อหา'วิศวกร'ล้วงตับลับสุดยอด'ตารางบินทักษิณ' | ไทยโพสต์
ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า

เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นมามันก็น่าคิด คนคนนั้นก็เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาล ก็มีความเคลือบแคลงกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ เพราะจะเอาข้อมูลการบินที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ตัวเองทำอะไร มีวัตถุประสงค์อะไร มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเสื้อเหลืองหรือไม่



สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล - หาเรื่องจับคนไทยยัดข้อหา'วิศวกร'

หาเรื่องจับคนไทยยัดข้อหา'วิศวกร'ล้วงตับลับสุดยอด'ตารางบินทักษิณ' | ไทยโพสต์
ขณะที่คนไทยซึ่งสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมองเรื่องนี้ไปอีกทาง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า

สมควรโดนแล้ว เพราะหากไปทำเครื่องบินตกจะทำอย่างไร รัฐบาลไทยเองต้องเคารพกฎหมายประเทศอื่นด้วย ไม่ควรละเมิด แต่เรื่องนี้เราก็จะหารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยได้หรือไม่ เพราะต้องว่าตามหลักกฎหมาย



Wednesday, November 11, 2009

ตำรวจเร่งทำคดีแม้วหมิ่นสถาบัน

โพสต์ ทูเดย์ - Breaking News - ตำรวจเร่งทำคดีแม้วหมิ่นสถาบัน
ตำรวจเร่งรวบรวมหลักฐานทักษิณหมิ่นเบื้องสูงก่อนเสนอสตช.ชี้ขาด

พ.ต.ท.ทินกร สมวันดี รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สน.ดุสิต เปิดเผยกรณีที่ ตัวแทนกลุ่ม 40 ส.ว. เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ให้ดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นเบื้องสูงกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากกรณีให้สัมภาษณ์ ไทม์ส ออนไลน์ ในลักษณะหมิ่นเบื้องสูง เมื่อวานนี้ โดยกล่าวว่า ขั้นตอนการดำเนินการในคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ก่อนส่งสำนวนคดีให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณา จากนั้นจะส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษดูแล เนื่องจากเป็นคดีระหว่างประเทศ


ตั้งอานันท์ ปธ.แก้มาบตาพุด

โพสต์ ทูเดย์ - Breaking News - ตั้งอานันท์ปธ.แก้มาบตาพุด
มติครม.เศรษฐกิจ ตั้ง"อานันท์"ประธาน แก้มาบตาพุด-กรรมการ 4ฝ่ายๆละ4คนกรอบเวลา30วัน

นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสหกรรม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)เห็นชอบให้แต่งตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ 4 ฝ่าย เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด

ส่วนตัวแทนจากภาครัฐ 4 คน ประกอบด้วย นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี, ตัวแทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ตัวแทนกระทรวงอุตสาหกรรม และตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข โดยให้ดำเนินการคัดเลือกตัวแทนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

นอกจากนี้มีรายงานว่า ตัวแทนภาคเอกชน ได้แก่ นายสุวิทย์ ชื่นปิยะวาจา ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง และนายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR) ส่วนตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ นายไพโรจน์ พลเพ็ชร ด้านกฎหมาย, นางสมฤดี นิโครวัฒนยิ่งยง ด้านสิ่งแวดล้อม และนายเดชรัตน์ สุขกำเนิด ด้านสุขภาพ


เสื้อแดงเริ่มปฎิบัติป่วน

โพสต์ ทูเดย์ - Breaking News - เสื้อแดงเริ่มปฎิบัติป่วน
เสื้อแดงป่วน!ไล่นายกฯอภิสิทธิ์ระหว่างเดินทางไปบรรยายที่วปอ.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังหอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.) เมื่อเวลา 08.30 น.เพื่อเป็นประธานเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 52 (วปอ.52) และหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นที่ 22 (ปรอ.22) มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และพล.อ.ทรงกิตติ จักรกาบาตร์ ผบ.กองทัพไทย รอต้อนรับ โดยก่อนบรรยายพิเศษหัวข้อ"บทบาทของรัฐบาลในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ"

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์มีสีหน้าเคร่งเครียด ระหว่างการคุยกับพล.อ.ประวิตรในห้องรับรองประมาณ 10 นาที ทั้งนี้ ระหว่างการบรรยายไม่ได้มีการอนุญาตให้สื่อมวลชน และช่างภาพเข้าสังเกตการณ์ทำข่าวแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามระหว่างนายอภิสิทธิ์บรรยายมีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 40 คนพากันมาตะโกนขับไล่นายกฯ ที่ริมถนนวิภาวดีรังสิตซอย 2 ทางเข้ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และอีกกลุ่มดักรออยู่ทางเข้า-ออก วปอ.ด้านหน้าริมถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า

ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการบรรยาย นายอภิสิทธิ์รีบเดินทางออกจากวปอ.เพื่อจะไปเป็นประธานประชุมครม.เศรษฐกิจที่รัฐสภา ทันที โดยรถถูกแยกออกเป็น2ขบวณ ซึ่งรถของนายอภิสิทธิ์ได้ใช้เพียงรถมอเตอร์ไซด์นำของสารวัตรทหารบก(สห.ทบ.) และรถเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกฯ ประกบตามแค่ 2 คัน ส่วนอีกขบวนเป็นรถขบวนเปล่า เมื่อไปถึงชั้นลอยอาคารรัฐสภานายอภิสิทธิ์ ได้ปฏิเสธให้สัมภาษณ์กล่าวเพียงว่า "ขอเข้าประชุมครม.เศรษฐกิจก่อนเอาไว้สัมภาษณ์ช่วงบ่าย"


Monday, November 9, 2009

"ฮุนเซน"ห้าวไม่เลิกเตรียมเชิญ"แม้ว" เข้าเขมร ประชุมช่วยศก.12พ.ย.

Matichon Online: หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ : หนังสือพิมพ์คุณภาพ เพื่อคุณภาพของประเทศ
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนว่า ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวระหว่างแถลงข่าวที่สนามบินนานาชาติในกรุงพนมเปญว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางไปถึงกัมพูชาในสัปดาห์นี้เพื่อปฎิบัติภารกิจเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา "ทักษิณจะเดินทางถึงกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังในวันที่ 12 พฤศจิกายนและจะมีการสรุปด้านเศรษฐกิจให้ฟังผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของกระทรวงราว 300 คนรับฟัง" ฮุน เซน กล่าว

ไม่กลัวคำขู่ท้าไทยปิดชายแดน

สำหรับเรื่องที่รัฐมนตรีไทยขู่ว่าจะปิดชายแดนนั้น ฮุน เซน กล่าวว่า "หากไทยต้องการปิดก็ปิดไปเลย ผลเสียจะเกิดขึ้นกับทั้ง 2 ฝ่าย หากไทยจะปิดชายแดน เราก็จะสั่งปิดเช่นกัน ซึ่งหากมีการสั่งปิดจริง การค้าระหว่างกัมพูชาและไทยก็จะปิดตัวลง กรุณาปล่อยให้ทักษิณ มาแบ่งเบาภาระในการเพิ่มพูนเศรษฐกิจของกัมพูชา" ฮุน เซน กล่าว

นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนขณะนี้สงบลง จึงได้สั่งการให้ทหารพลร่ม 911 ถอนออกจากพื้นที่เขาพระวิหาร ภายหลังส่งเข้าประจำการเมื่อปีที่ผ่านมา และการถอนทหารจะเสร็จสิ้นลงภายในสัปดาห์นี้ แต่ไม่มีการเปิดเผยถึงจำนวนทหารที่จะถอนตัวครั้งนี้

เอเอฟพีระบุว่า ก่อนหน้านี้ ไทยได้เรียกทูตกัมพูชากลับประเทศ เพื่อแสดงการประท้วงตอบโต้ ต่อกรณีผู้นำกัมพูชาได้แต่งตั้งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ผู้นำกัมพูชายังประกาศว่า เขาจะถอนหน่วยทหารรบพิเศษออกจากพื้นที่ขัดแย้งเขาพระวิหาร ซึ่งมีทหารไทยและกัมพูชา ตรึงพื้นที่ นับตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเกิดเหตุการณ์ปะทะนองเลือดระหว่างทั้งสองฝ่าย


นายกฯปลุกคนไทย ป้องศักดิ์ศรี

โพสต์ ทูเดย์ - Breaking News - นายกฯปลุกคนไทย ป้องศักดิ์ศรี
นายกฯย้ำปมขัดแย้งเขมรเกิดหลังจิ๋วพบฮุนเซนตั้งแม้วที่ปรึกษาและวิจารณ์ศาลไทย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ในขณะนี้ว่า ปัญหาเกิดขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน โดยอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยท่านหนึ่งเดินทางไปพบ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา และการแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน และที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมีการพาดพิงวิพากษ์วิจารณ์การเืมืองไทย และกระบวนการยุติธรรมของไทย เป็นสิ่งที่คนไทยถือว่า เรื่องนี้ยอมรับไม่ได้ เราต้องยืนยันศักดิ์ศรีของสถาบันยุติธรรม ของประเทศ

อย่างไรก็ตาม เห็นว่า กัมพูชาอาจได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เพราะจะเห็นว่าที่ผ่านมา การตัดสินของศาลในหลายกรณีได้ลงโทษไปตามกฏหมาย และข้อเท็จจริง แม้แต่อดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ใช้กระบวนการยุติธรรมของศาลไทย ในการฟ้องร้องกับผู้ที่พาดพิงให้ตนได้รับความเสียหาย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯ เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของกัมพูชา ย่อมมีผลกระทบโดยตรงในการเจรจา เพราะในบางข้อตกลง มีผลประโยชน์ต่อเนื่องกันมา ตั้งแต่ในสมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ แต่วันดีคืนดีกลับไปเป็นที่ปรึกษาของอีกฝ่าย ดังนั้น เราจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางการทูต ลดระดับความสัมพันธ์ การเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศซึ่งเป็นหลักปฎิบัติกันมาเป็นเรื่องปกติธรรมดา เป็นการรักษาศักดิ์ศรีของคนไทย ซึ่งต้องเป็นไปด้วยความสุขุม รอบคอบ ระมัดระวัง ดังนี้

ข้อแรก ต้องการไม่เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนด้วยกันตามแนวชายแดน ต้องแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ไม่มีเหตุผลใดให้เกิดความรุนแรง การค้าขายต้องยังเป็นไปตามปกติ

ข้อสอง ต้องดูแลคนไทยในประเทศกัมพูชา โดยก่อนที่เอกอัครราชทูตจะเดินทางกลับ ได้พบปะกับคนไทยและนักธุรกิจไทยในกัมพูชา เพื่อให้คำแนะนำเราต้องดูแลผลประโยชน์ ไม่ให้มีอะไรที่ไปกระทบกระเทือน คนไทยที่เดินทางไปเล่นการพนันก็ต้องให้หยุดจนกว่าความสัมพันธ์จะเป็นปกติ

และประการสุดท้าย ต้องไม่กระทบกรอบการเจรจา และความร่วมมือกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ เรามีหน้าที่ทำให้กรอบความร่วมมือเดินหน้าต่อไป เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ความจริงใจ และความเคารพ ซึ่งกัน และกัน ซึ่งมีเขียนลงไปในปฎิญญาการประชุมกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงที่ประเทศญี่ปุ่น และในสัปดาห์มีการประชุมระหว่างอาเซียนกับสหรัฐจะต้องไม่มีปัญหาอันเกิดจากข้อขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา

ตอนท้ายของรายการในช่วงแรก นายกฯยังชวนคนไทยร่วมกันแสดงจุดยืน เพื่อแสดงให้เห็นว่าไืทยต้องการเป็น เพื่อนบ้านที่ดี ร่วมกันแสดงออกถึงความจริงใจ แต่ก็ไม่ต้องการให้ไทยเสียเปรียบ หรือถูกลดความน่าเชื่อถือ และร่วมกันรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย

"ปัญหาใดๆ ก็ตามไม่ควรหยินบยกขึ้นมาบดบังภาพรวมของความสัมพันธ์ ท่านนายกฯฮุนเซน พูดมาตลอดว่าควรมองไปในอนาคต และในการพูดคุยส่วนใหญ่ท่านจะหยิบเรื่องทักษิณมาคุยก่อนว่า จะไม่ให้ความเป็นเพื่อนอยู่เหนือความสัมพันธ์ที่ดีของสองประเทศ ทุกอย่างกลับเข้าสู่การเจรจา การดำเเนินนโยบายต่างประเทศ ต้องจริงใจ เคารพซึ่งกัน และกัน" นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งในการจัดรายการวันนี้


เตชชี้ ไทยทำถูกโต้เขมร

โพสต์ ทูเดย์ - Breaking News - เตชชี้ไทยทำถูกโต้เขมร
เตชชี้ ไทยเรียกทูตกลับทำถูกต้องแล้ว ชี้ไทยเลิกMOUเขมรกระทบไม่มาก

นายเตช บุนนาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว่า กรณีรัฐบาลไทยเรียกเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ กลับ หลังเกิดข้อขัดแย้งกับกัมพูชาว่า ถือว่าทำถูกต้องแล้ว ส่วนมาตรการยกเลิก MOU พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารหน้า (10พ.ย.) ส่วนตัวมองว่า หากยกเลิกจริงก็จะได้รับผลกระทบทั้ง 2 ฝ่าย แต่คงจะไม่มากเพราะทรัพยากรก็ยังคงอยู่ที่เดิมไม่สูญหายไปไหน เพียงแต่ไม่ได้นำออกมาใช้เท่านั้น

พร้อมกันนี้ ยังได้เสนอทางออกในการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นด้วยว่ารัฐบาลควรหารือให้เกิดความเอกภาพก่อนที่จะไปหารือกับกัมพูชา เพราะขณะนี้ตนมองว่าสถานการณ์การเมืองของไทยก็ยังไม่เป็นเอกภาพจะไปแก้ปัญหาระดับชาติได้อย่างไร ส่วนกรณีที่เลขาธิการอาเซียนออกมาเรียกร้องให้ รมต.ต่างประเทศ ในกลุ่มประเทศอาเซียน ออกมาช่วยเหลือในเรื่องนี้นั้นตนไม่ทราบว่าจะสามารถช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่

บริเวณสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เหตุการณ์ยังคงปกติ ไม่มีความวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น การจราจรบริเวณถนนประชาอุทิศ หน้าสถานทูตกัมพูชา ยังสามารถเคลื่อนตัวได้ดีได้จัดตำรวจรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบๆ สถานทูตกัมพูชาจำนวน 150 นาย และเตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 และตำรวจสันติบาล พร้อมในที่ตั้ง ขณะเดียวกันได้เตรียมเจ้าหน้าที่อีก 150 นาย พร้อมสนับสนุน กรณีมีมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ ขณะนี้ภายในสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย มีเพียงแม่บ้านเหลืออยู่เท่านั้น

"เตช"ชี้ปัญหาชายแดนแก้ยากขึ้น หลังไทยตอบโต้กัมพูชาตั้ง"ทักษิณ"









Reblog this post [with Zemanta]

กษิตยกเลิกMOUพื้นที่ทับซ้อน-ชงครม.10พย.

INN online
"กษิต ภิรมย์" แถลงยกเลิกบันทึกความเข้าใจ ไทย-กัมพูชา เรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โฟนอิน แถลงยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทับซ้อน บริเวณอ่าวไทย ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2544 ที่กระทำขึ้นในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเห็นว่า การที่รัฐบาลกัมพูชาตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเจรจา เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการผลักดันเรื่องดังกล่าว และรับรู้ท่าทีในการเจรจาของฝ่ายไทย ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่อาจเจรจากับฝ่ายกัมพูชาบนพื้นฐานของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ ขณะที่การเจรจาภายใต้กรอบดังกล่าว ในช่วงระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาไม่มีผลความคืบหน้าเป็นรูปธรรมตามวัตถุประสงค์ กระทรวงการต่างประเทศ จึงเห็นควรให้ใช้แนวทางการเจรจาอื่นตามหลักของกฎหมายระหว่างประเทศแทน

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังระบุด้วยว่า จะเสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีในวันที่ 10 พฤศจิกายน เพื่อพิจารณายกเลิก และแจ้งให้ทางการกัมพูชาทราบต่อไป


Saturday, November 7, 2009

"เตช"ชี้ปัญหาชายแดนแก้ยากขึ้น หลังไทยตอบโต้กัมพูชาตั้ง"ทักษิณ"

"เตช"ชี้ปัญหาชายแดนแก้ยากขึ้น หลังไทยตอบโต้กัมพูชาตั้ง"ทักษิณ" - Suthichaiyoon.com
"เตช"ชี้เรียกตัวทูตไทยกลับ กระทบสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ส่งผลปัญหาชายแดนแก้ยากขึ้น หลังไทยตอบโต้กัมพูชาตั้ง"ทักษิณ"-ทบทวนสัมพันธ์ ด้าน"ทักษิณ" ประกาศขอไปรับใช้กัมพูชาก่อน เย้ยนายกฯ "เด็กโอเวอร์รีแอค"

นายเตช บุนนาค อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับวันนี้ ว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงการลดระดับความสัมพันธ์ และแสดงให้เห็นถึงว่าประเทศไทยไม่พอใจกรณีสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งยอมรับว่าส่งผลให้บรรยากาศสองประเทศตรึงเครียดแน่นอน รวมถึงการแก้ปัญหาเขตแดนก็ยากขึ้นไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมประเทศลุ่มน้ำโขง ในวันที่ 6 พ.ย.ที่ญี่ปุ่น ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทย และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะมีโอกาสได้พูดคุยทำความเข้าใจกัน ซึ่งเชื่อว่าอาจส่งผลให้ภาพรวม และความสัมพันธ์ 2 ประเทศดีขึ้น ไม่เสียหายไปเพราะคนๆ เดียว

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า เอกอัครราชทูตไทย ประจำ กรุงพนมเปญจะเดินทางมาถึงเวลา 15.00 น.ในวันนี้

นายสมศักดิ์ สุริยวงศ์ อธิบดีกรมพิธีการฑูต กล่าวว่า สำหรับกำหนดการหารือทวิภาคีของผู้นำไทย-กัมพูชานั้น ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนด ส่วนการประชุมเอเปค ที่สิงคโปร์วันที่ 15 พ.ย.นี้ ก็ยังไม่มีกำหนดเช่นกัน

สั่งทูตกลับประเทศ-ทบทวนสัมพันธ์

นายกรัฐมนตรีไทยสั่งตอบโต้ทางการกัมพูชาทันที หลังจากอีกฝ่ายมีแถลงการณ์ แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และยืนยันที่จะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้แก่ไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนหากได้รับการร้องขอ

เมื่อเวลา 15.30 น. วานนี้ (5 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า การแถลงของรัฐบาลประเทศกัมพูชา มีส่วนพาดพิงมาสู่กระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งตนเชื่อว่ากระทบต่อความรู้สึกของประชาชนพอสมควร ดังนั้นกระทรวงการต่างประเทศก็จะดำเนินการตามมาตรการ เพื่อให้กัมพูชาได้รับรู้ถึงความรู้สึกของประชาชนไทย และการพาดพิงกระบวนการภายในของเราอย่างนี้ ก็จะต้องดำเนินการตอบโต้ตามขั้นตอนทางการทูต ซึ่งตนจะสั่งการให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เป็นคนชี้แจงในรายละเอียดว่าการดำเนินการแต่ละขั้นตอนเป็นอย่างไร

นายกฯ กล่าวอีกว่า มาตรการทั้งหมดที่เราจะทำโดยไม่ให้กระเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนต่อประชาชน เพราะตนเชื่อว่าประชาชนไทยและประชาชนกัมพูชา ต้องการที่จะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน แต่เมื่อรัฐบาลทำในสิ่งที่เป็นปัญหาก็จะเป็นการตอบโต้ในส่วนที่เป็นรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสื่อมลงด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนจะพยายามดูให้ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ในแง่ของความร่วมมือที่รัฐบาลกัมพูชาเคยร้องขอมาก็คงต้องมาพิจารณา และให้กัมพูชารับทราบ

เมื่อถามต่อว่า จะถึงขั้นปิดชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องการค้าขายชายแดนเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชน แต่ที่ตนได้หารือกับนายกษิต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคิดว่าเราจะมาตรการที่เหมาะสมในการดำเนินการ ที่สำคัญประชาชนคนไทยต้องไม่เดือดร้อน

ต่อข้อถามว่าเบื้องต้นจะเรียกทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย มาตำหนิหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศจะชี้แจงในรายละเอียด พร้อมทั้งได้กล่าวต่อไปว่า ส่วนการช่วยเหลือในกรอบของภาพรวมต่อประชาชนกัมพูชานั้น รัฐบาลไทยไม่มีปัญหา ส่วนการช่วยเหลือระหว่างรัฐต่อรัฐ กระทรวงการต่างประเทศจะค่อยๆ ดำเนินการไป แต่ในเบื้องต้นต้องให้เขารับทราบถึงท่าทีของเราอย่างเป็นทางการก่อน

เรียกถกนายทหารระดับสูงบ้านพิษณุโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น.นายกฯ ได้เดินทางไปยังบ้านพิษณุโลก และเรียกหน่วยงานด้านความมั่นคง รวมทั้งนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายนายเข้าพบ โดยคาดว่าน่าจะเป็นการหารือเรื่องปัญหาชายเเดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งปัญหาในจังหวัดชายเเดนภาคใต้ด้วย จากนั้นนายกฯ ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลในเวลา 08.00 น.

บัวแก้วออกแถลงการณ์ตอบโต้

ต่อมากระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 5 พ.ย.ผ่านสื่อออนไลน์ พร้อมกันนี้นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ และโฆษกฝ่ายการเมืองกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า การแถลงข่าวในวันนี้สืบเนื่องมาจาก กัมพูชาได้ออกแถลงการณ์แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา นอกจากนั้นก็ยืนยันที่จะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณให้ไทยตามสนธิสัญญาหากว่ามีการไปพำนักในประเทศ

....[อ่านต่อ]


Friday, November 6, 2009

เปลว สีเงิน | มนุษย์ผู้โง่ ๔ ประการ และโทษสถานเดียว

มนุษย์ผู้โง่ ๔ ประการ และโทษสถานเดียว | ไทยโพสต์
นอกจากหน่อไม้ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่คนอายุมากอย่าไปกินหน่อไม้มาก เพราะจะทำให้ปวดข้อ-ปวดกระดูก เมื่อวานนี้ (๕ พ.ย.๕๒) เห็นตื่นเต้นกันแต่เช้าด้วยเรื่องฮุน เซน ตั้งให้ทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว และเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา พอตกบ่าย นายกฯ อภิสิทธิ์ก็พิทักษ์ศักดิ์ศรีประเทศด้วยมาตรการขั้นต้น "เรียกทูตไทยในกัมพูชากลับ" ก่อนบินไปประชุมที่ญี่ปุ่น ซึ่งจะได้เจอหน้าเจอตาฮุน เซน และร่วมโต๊ะกันด้วยที่นั่น

ไม่ต้องไปตื่นเต้น-ทุกข์ร้อนอะไรกันไปหรอกครับ เป็นเหตุการณ์กระจอกที่ผู้นำเถื่อน-ถ่อยประเทศหนึ่งกวนโอ๊ย กวนมากๆ เข้าก็เบิ๊ดกะโหลกเป็นการสั่งสอนมันไปซะที สำคัญพวกเราคนไทยด้วยกัน รวมถึงนักการเมือง ต้องแยกแยะ และจัดเส้นแบ่งให้ถูก

ระหว่าง "ประเทศชาติของเรา" กับคนที่มา "หยามลบหลู่" ประเทศชาติของเรา!

และต้องเข้าใจกรณีนี้ให้ตรง ไทยเราไม่ได้มีปัญหา หรือโกรธแค้นกับประชาชนชาวกัมพูชา หากแต่ "สมเด็จฮุน เซน" ผู้นำรัฐบาลของเขา "สร้างปัญหา" ด้วยไร้มรรยาท-ขาดวุฒิภาวะแบบจงใจกับไทยเราเอง...[อ่านต่อ]


ชวน ตอกฮุนเซน ตอบแทนทักษิณ

โพสต์ ทูเดย์ - Breaking News - ชวนตอกฮุนเซนตอบแทนทักษิณ
ชวน ตอกฮุนเซน ช่วยทักษิณ เพื่อตอบแทนบุญคุณ ช่วยชนะเลือกตั้ง
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นกรณีรัฐบาลกัมพูชาประกาศตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวสมเด็จฮุน เซน และที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา รวมทั้งยืนยันจะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ไทย หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไปพำนักในกัมพูชา ว่า การตอบโต้กรณีดังกล่าว ถือว่ารัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้ว โดยเฉพาะการเรียกเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ กลับประเทศไทย

“รัฐบาลได้ดำเนินการตอบโต้ไปแล้ว แต่ผมอยากตั้งข้อสังเกตว่า กรณีเป็นการตอบแทนบุญคุณพรรคเพื่อไทย และพรรคไทยรักไทย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ของสมเด็จฮุน เซน ที่กลุ่มรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งกัมพูชา บุญคุณตรงนี้ คงทำให้สมเด็นฮุน เซน นึกถึง และเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น” นายชวน กล่าว


แก้รัฐธรรมนูญ ได้อะไร?


Tuesday, October 13, 2009

'กอร์ปศักดิ์'โพสต์ลงบล็อก ต้องอยู่อย่างเข้มแข็ง

Daily News Online > 'กอร์ปศักดิ์'โพสต์ลงบล็อกต้องอยู่อย่างเข้มแข็ง
ระบุเป็นคนแรกที่ถูกลดตำแหน่ง ยันไม่เกี่ยง แบบบไหนก็รับได้ทั้งนั้น หรือที่เรียกว่า 'อยู่อย่างเข้มแข็ง'

วันนี้(13 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ได้เขียนลงบล็อกตนเอง ในเว็บไซต์ โอ.เค.เนชั่น ในหัวข้อ 'อยู่อย่างเข้มแข็ง' เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า เป็นคนแรกที่ถูกโยกตำแหน่งจากรองนายกฯ ไปเป็นเลขาธิการนายกฯ และถือว่าเป็นการลดตำแหน่ง พูดยากว่าเป็นการทำงานไม่เข้าตากรรมการหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่ากรรมการคือใคร แต่ขอตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า เป็นที่ถูกใจ เนื่องจากที่ผ่านมา รัฐบาลได้กำหนดนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นด้วยการจัดทำงบประมาณกลางปีเพิ่มเติมกว่า 1 แสนล้านบาทเพื่อชะลอปัญหาเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น และระยะที่ 2 ด้วยการจัดทำโครงการไทยเข้มแข็ง ในช่วง 6 เดือนแรกและระยะที่ 2

อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปงานนโยบายที่ต้องดำเนินการคือการปรับปรุงภาษีทั้งระบบแม้จะพูดกันมาหลายรัฐบาลแต่ทำไม่ค่อยสำเร็จ การกำหนดยุทธศาสตร์ทางออกที่รัฐบาลต้องเริ่มคิด โดยต้องเป็นนโยบายเพื่อสามารถจัดงบสมดุลได้โดยเร็วรวมถึงนโยบายด้านพลังงานเพื่อใช้พลังงานสะอาด พลังงานทดแทน และการปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมของประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ แม้ว่ารัฐบาลชุดนี้อาจไม่อยู่นานพอ แต่ก็ต้องวางรากฐานไว้สำหรับรัฐบาลหน้า

นายกอร์ปศักดิ์ ยังระบุอีกว่า นโยบายเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติวางไว้หมดแล้ว จากนี้ไปเป็นเรื่องของการแปรนโยบายให้เกิดขึ้นจริงตามเป้าที่เรียกว่าเอ็กซ์คลูชั่น โดยเครื่องมือของรัฐบาลที่สำคัญคือ ข้าราชการที่เป็นผู้ปฎิบัติ ถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้นโยบายเกิดขึ้นจริงตามเป้าหมาย และคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีจะนอนไม่หลับตรงที่ทำให้นโยบายเป็นจริง แต่ถ้านายกฯ มีรัฐมนตรีในทีมงานที่เก่ง ติดตามงานของกระทรวงได้อย่างดีเยี่ยม เชื่อว่าการทำให้เกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายใดก็ไม่มีปัญหา ซึ่งจะทำให้นายกฯที่โชคดีท่านนั้นได้นอนหลับสบายแน่นอน

“ในโลกแห่งความเป็นจริง คนเป็นนายกฯมักจะหลับไม่เต็มตื่น ท้ายที่สุดก็ต้องมีหน่วยงานของตนเองโดยเฉพาะเพื่อใช้ติดตามงาน ตรงนี้แหล่ะคือบทบาทของสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และถ้านายกฯใช้งานสำนักงานเลขาฯเต็มรูปแบบ คนเป็นเลขาธิการฯจะรับผิดชอบงานค่อนข้างมาก ถ้าจะเปรียบเทียบกับตำแหน่ง Chief of staff ของทำเนียบขาว ก็คงไม่ผิดไปนัก และถ้านายกฯ มีรัฐมนตรีเก่งๆ งานส่วนนี้จะเบา เพราะนายกฯไม่ต้องติดตามงานที่ทำให้เกิดขึ้นได้จริง สำหรับผมเองไม่เกี่ยงแบบไหนรับได้ทั้งนั้นหรือเรียกว่าอยู่อย่างเข้มแข็งนั่นเอง” นายกอร์ปศักดิ์ ระบุ.



Thursday, October 8, 2009

ส.ว.แนะทีโอทีเปิดประมูลคลื่น3จีอย่างเสรี-พิรุธตีเช็ค1500ล้าน

ส.ว.แนะทีโอทีเปิดประมูลคลื่น3จีอย่างเสรี-พิรุธตีเช็ค1500ล้าน - กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์
"ไพบูลย์"แนะ"ทีโอที"เปิดประมูลเสรีคลื่น3จีมูลค่า2.6หมื่นล้าน พบข้อมูลเซ็นเช็คให้บริษัทการตลาดในเครือ 1,500ล้านอย่างเร่งรัด หวั่นต่างชาติฮุบ

ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและพนักงานบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ขอให้ตรวจสอบโครงการจัดซื้ออุปกรณ์เพื่อดำเนินโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จี มูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาทของบริษัททีโอที ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ โดยจะมีการใช้วงเงินกู้จากโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งมีความไม่ชอบมาพากล

โดยเรื่องนี้มีต่อเนื่องมาตั้งแต่ทีโอทีดำเนินโครงการในนามบริษัท เอซีทีโมบายล์ ซึ่งในขณะนั้นมีปัญหาการจัดซื้ออุปกรณ์มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท และบริษัท ไทยโมบายล์ ก็มีปัญหาการตลาดจนขาดทุนย่อยยับ ล่าสุด ระบุว่ามีการลงนามในเช็คจ่ายให้บริษัทที่รับจ้างบริหารด้านการตลาดใบเดียวเป็นเงิน 1,500 ล้านบาทอย่างเร่งรัดผิดปกติ ทั้งที่บริษัทนี้มีแต่จะทำให้ทีโอทีขาดทุนมากมาย

"พอเห็นข้อมูลก็รู้สึกคล้ายๆ กับเรื่องรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ที่มีการจัดซื้อจัดจ้างมหาศาลและอาจมีการได้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคา ซึ่งเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ 3 จี ของทีโอที ไม่ควรจะใช้เงินกู้ไปซื้อมาดำเนินการตลาดเอง เพราะจะมีแต่ขาดทุน แต่ควรเอาสิทธิในคลื่น 3 จีจำนวน 30 เมกกะไบต์ มาแบ่งเป็น 3 สัญญา แล้วเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลคลื่นเพื่อไปดำเนินการ เพราะจะทำให้ทีโอที มีรายได้ทันทีเป็นหมื่นๆ ล้านบาท ซึ่งกลุ่ม 40 ส.ว. จะตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไปในวันที่ 8 ตุลาคม" นายไพบูลย์ กล่าว

ด้านนายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน เสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภควุฒิสภา กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯกำลังศึกษาเรื่องที่ กสท.จะทำการเปิดประมูลระบบ 3 จี ในเร็วๆนี้ ซึ่งกมธ.เกรงว่าจะเกิดผลกระทบต่อประเทศไทยในหลายมิติ เช่นด้านความมั่นคงของชาติ และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิบริษัท ทศท.คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) ซึ่งจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ เกรงว่าการเปิดประมูลครั้งนี้จะทำให้บริษัทเครือข่ายสื่อสารยักษ์ใหญ่ของต่างชาติ จะได้รับสัมปทานไปทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ตัดโอกาสธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมของไทย รวมทั้งจะทำให้ กสท.และทศท.ถูกแย่งชิงทรัพยากรนี้ไปด้วย ฝากถึงรัฐบาลต้องคำนึงถึงการสร้างรายได้จากการประมูลครั้งนี้ด้วย เข้าใจว่าการประมูลครั้งนี้ก็เป็นการหารายได้เข้าประเทศก็จริง แต่ต้องคำนึงถึงความมั่นคงของชาติเป็นหลัก และคิดถึงโอกาสภาคเอกชนไทยด้วย



Tuesday, October 6, 2009

“สนธิ” นั่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ คะแนนเสียงท่วมท้น

Politics - Manager Online
สมาชิกพรรคการเมืองใหม่เลือก “สนธิ” นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค ขณะที่ “สมศักดิ์” นั่งรองหน.- “สุริยะใส” รั้งเลขาธิการพรรค "ประทีป"-ประพันธ์" -"ศรัญยู" นั่งกรรมการบริหารพรรค ด้านบรรยากาศเลือกตั้งเป็นไปอย่างชื่นมื่น
....
       1.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข เป็นรองหัวหน้าพรรค
       2.นายสุริยะใส กตะศิลา เป็นเลขาธิการพรรค
       3.พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ เป็นเหรัญญิกพรรค
       4.นายบรรจง นะแส เป็นกรรมการบริหารพรรค
       5.นายประพันธ์ คูณมี เป็นกรรมการบริหารพรรค
       6.นายสุทธิ อัฌชาศัย เป็นกรรมการบริหารพรรค
       7.นายชาลี ลอยสูง เป็นกรรมการบริหารพรรค
       8.นายชุมพล สังข์ทอง เป็นนายทะเบียนพรรค
       9.นางสาวอาภารัตน์ ชาติชุติกำจร เป็นกรรมการบริหารพรรค
       10.นายสำราญ รอดเพชร เป็นโฆษกพรรค
       11.นายศรัณยู วงศ์กระจ่าง เป็นรองเลขาธิการพรรค
       12.นางกิมอัง พงษ์นารายณ์ เป็นกรรมการบริหารพรรค
...>>


Monday, October 5, 2009

บึ้มสนั่น!! ข้างรั้วเอเอสทีวี ตร.ยังไม่รู้ระเบิดอะไร

Crime - Manager Online
ตำรวจยังไม่รู้วัตถุต้องสงสัยริมรั้วสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีเป็นระเบิดชนิดไหน ต่อวงจรระเบิดไว้พร้อม ระบบยังไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดทำลาย ระเบิดตูมดังสนั่นหวั่นไหว เชื่อคนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์

(5 ต.ค.) เวลา 11.30 น. ร.ต.ท.ชาญชัย จังวัง พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ชนะสงคราม รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยภายในสวนสันติชัยปราการ ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส. พ.ต.ท.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย สวป. ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ. บช.น.

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณขอบปูนสำหรับปลูกต้นไม้อยู่ติดกับรั้วบ้านเจ้าพระยา สถานที่ตั้งสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี เจ้าหน้าที่พบถุงพลาสติกใสภายในมีท่อพีวีซีต่อสายไฟระโยงระยางออกมา โดยมีเทปกาวสีน้ำตาลอ่อนพันไว้ และมีนาฬิกาอยู่ภายในถุงด้วย หลังจากตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ใช้เชือกกั้นบริเวณที่เกิดเหตุโดยรอบเพื่อกันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปใกล้ จากนั้นได้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดน้ำเข้าทำลายวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว จนเกิดเสียงระเบิดตูมขึ้นดังสนั่นหวั่นไหว

หลังสิ้นเสียงระเบิด เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบอีกครั้งพบว่ามีเศษท่อพีวีซีแตกกระจายไปทั่วบริเวณ พร้อมตะปูเข็ม เศษแบตเตอรี่ ชิ้นส่วนสายไป และพลาสติก รวมทั้งชิ้นส่วนนาฬิกา กระจายอยู่ทั่วบริเวณ จึงเก็บรวบรวมเป็นหลักฐานก่อนส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจพิสูจน์ต่อไป ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าวัตถุดังกล่าวเป็นระเบิดชนิดไหน ได้แต่ระบุว่าระเบิดได้ถูกต่อวงจรไว้สมบูรณ์และพร้อมทำงาน แต่เมื่อใช้ปืนแรงดันสูงยิงทำลาย ปรากฏว่าเกิดระเบิดขึ้นบางส่วน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าระเบิดประกดอบไว้ไม่สมบูรณ์ ต้องส่งพิสูจน์อีกครั้ง

ด้าน พ.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า จากการสอบสวนพนักงานทำความสะอาดของเขตพระนคร ที่รับผิดชอบดูแลความสะอาดภายในสวนสันติชัยปราการให้การว่า พบเห็นถุงใบดังกล่าวซุกซ่อนในพุ่มไม้มาประมาณ 2-3 วันแล้ว แต่ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งวันนี้มีม็อบเอ็นจีโอมาตั้งแถว และเมื่อม็อบกลับไปจึงเข้าไปทำความสะอาด และได้ดึงถุงพลาสติกออกมาก็พบท่อพีวีซี และสายไฟโผล่ออกมา จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ รปภ.ของสวนสันติชัยปราการ ให้รับแจ้งตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

“ในเบื้องต้นทราบว่าบริเวณดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีอยู่ ซึ่งเราจะประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าวมาตรวจสอบ ส่วนสาเหตุเบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์” พ.ต.ท.สมยศ กล่าว


เสียใจ | คอลัมน์ ปิดไม่ลับ มติชนรายวัน (เสียงบ่นจากสมัคร)

หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน

เสียใจ

คอลัมน์ ปิดไม่ลับ
ชะตากรรมของ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดอาญากรณีสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ถือเป็นเคราะห์กรรมที่มาจากการกระทำของตนเองในช่วงดำรงตำแหน่งบริหารสูงสุด ที่ต้องไปต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม

แต่สำหรับอดีตผู้นำอีกคนหนึ่งที่ละวางจากการเมือง เก็บตัวเงียบไม่ออกสังคม แต่คนในวงการเมืองไม่เคยลืมคือ "สมัคร สุนทรเวช" อดีตนายกฯอีกคนหนึ่ง ที่ประสบชะตากรรมหลุดจากตำแหน่งเพราะการกระทำของคนกันเองที่อยู่ต่างแดน จากคนที่สนิทคุ้นเคยที่ก่อนหน้านั้นโทรศัพท์หาเช้าสายบ่ายเย็น ปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด ซึ่ง "ป๋าหมัก" ก็รับใช้จนหัวชนฝา

เมื่อหมดความสำคัญก็เข้าตำรา "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" และการหักหลังทางการเมืองหนนั้นทำให้ "สมัคร" รู้สึกเจ็บปวดที่สุดในชีวิตครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ทำใจเพราะอาการเจ็บป่วยทางกาย จึงต้องละจากการเมืองโดยเด็ดขาด

ทุกวันนี้เจ้าตัวอยู่บ้าน มีเฉพาะบรรดามิตรสหายที่รู้ใจพากันไปเยี่ยมเยียนถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ พูดคุยเรื่องการเมืองบ้างในบางโอกาส แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจถือเป็นสาระสำคัญ

แต่สิ่งหนึ่งที่คนสนิทที่เข้าไปเยี่ยมเยียนเปรยให้หลายๆ คนฟังว่า "สมัคร"เคยพูดให้ฟังว่า "ทุกวันนี้ยังมีสิ่งที่เสียใจมากที่สุดอีกอย่างหนึ่ง"

คือตั้งแต่หลุดออกจากเก้าอี้นายกฯและมีโรคภัยเข้ารุมเร้าเป็นข่าวใหญ่โตมานานกว่า 1 ปี "สมัคร" ยังไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากคนที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเลยสักครั้งเดียว


เพราะอย่างน้อยก็น่าจะโทร.เข้ามาทักทายถามไถ่ให้กำลังใจในฐานะคนที่รู้จักและทำงานร่วมกันมา แต่ไม่เคยสักครั้งเดียวที่จะได้เสียงกริ๊งจากแดนไกล

จึงพากันสงสัยว่า ทำไม "ทักษิณ" ที่สามารถโฟนอินคุยกับใครๆ โฟนอินคุยกับคนเสื้อแดง โฟนอินคุยกับแท็กซี่

แต่ทำไมแค่น้ำใจ "โฟนอิน" หาคนชื่อ "สมัคร สุนทรเวช" คนที่อยู่แดนไกลอย่าง "ทักษิณ" จึงทำไม่ได้...


ปุจฉา-วิสัสชนา รัฐธรรมนูญปี-40 และ 50 comment จาก Matichon.co.th

คุณ : กำนันก้ว comment 19-20 Matichon.co.th

ปุจฉา
**สส.ขายตัวหรือย้ายพรรคหลังการเลือกตั้งได้หรือไม่


**รัฐธรรมนูญปี-40 สามารถขาย สส. ยกเข่งรวมได้โดยขายทั้งพรรคมีกี่คนก็ขายหมด มีตัวอย่างให้เห็นคือพรรคความหวังใหม่-บิ๊กจิ๋วเป็นหัวหน้า พรรคชาติพัฒนา-คุณสุวัฒน์เป็นหัวหน้า-ขายยกเข่งให้พรรคไทยรักไทย-ขอถามผู้ ขาย-ผู้ซื้อการทำเช่นนี้เป็นการหลอกลวงประชาชนที่เลือกพวกท่านเข้ามาหรือไม่

**รัฐธรรมนุญปี-50 ห้ามเด็ดขาดไม่ให้ขายเหมายกเข่งหรือขายตัวรายบุคคล ดังนั้น พวกสส.จึงไม่ชอบเรียกร้องให้กลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี-40

**พี่น้องเสื้อเหลือง+เสื้อแดง โปรดตัดสินใจให้ดีอยากให้ สส.เป็นแบบไหน


ปุจฉา-วิสัสชนา
**หัวหน้าพรรคมีหน้าที่ทั้งทางตรงหรือทางอ้อมในการกวดขันไม่ให้เกิดการซื้อเสียงหรือไม่


**รัฐธรรมนูญปี-40 ไม่ต้องดูแลกวดขันขณะเดียวกันก็อาจแอบส่งซิกให้ซื้อเสียง*เพราะไม่มีบท บัญญัติ-ลงโทษห้ามไม่ให้เล่นการเมืองห้า(5)ปี

**รัฐธรรมนุญปี-50 มีบทบัญญัติให้ลงโทษหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารห้ามเล่นการเมืองห้า(5)ปี
ดังนั้นทั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการต้องช่วยกันไม่ให้เงินลูกน้องไปซื้อ เสียง ตัวเองก็ต้องไม่ซื้อเสียงและต้องห้ามลูกน้องไม่ให้ไปซื้อเสียงด้วย เขียนไว้ในมาตรา 237 ครับ

**สส.ที่โกงการเลือกตั้งหรือซื้อเสียงเลือกตั้ง เมื่อได้เป็น สส. หรือเป็นรัฐบาลก็ต้องไปถอนทุนคืน โดยการทุจริตทุกอย่างไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม มาตรานี้ สส.ไม่ชอบเป็นที่สุด นายทุนใหญ่ก็ไม่กล้าเสี่ยงลงทุนซื้อเสียงเพราะหากจับได้ลงโทษหนัก

**เสื้อแดง+เสื้อเหลือง หากอยากได้สส.ที่โกงการเลือกตั้งก็ให้กลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี-40


"นพดล"ปัดข่าว"แม้ว"ออกจากดูไบ เตือน"เทพไท"ระวังปาก

Matichon Online
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ระหว่างการตัดสินใจย้ายที่พำนักไปประเทศอื่น เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศของไทย กดดันกงสุลใหญ่ของประเทศไทยประจำประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้ติดตามความเคลื่อนไหวและรายงานมายังไทยตลอดเวลา ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ อาจตัดสินใจย้ายไปพำนักในประเทศที่ไม่มีกงสุลไทย หรือเอกอัครราชทูตไทยประจำอยู่ในประเทศนั้นๆ ว่า ได้ตรวจสอบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่อย่างเป็นปกติที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และยังสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ตามปกติ ไม่มีการกดดันใดๆจากใครทั้งสิ้น

นายนพดล กล่าวถึงกรณีที่นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มีความจงรักภักดีมากกว่าตน ว่า คำพูดดังกล่าวเข้าข่ายหมิ่นประมาท ยืนยันว่าตนมีความจงรักภักดีเท่าเทียมกับคนไทยทุกคน จริงๆ ไม่อยากจะให้ราคาหรือลดตัวไปตอบโต้กับนายเทพไท อยากให้ยุติการพูดแบบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ผูกขาดการรักชาติด้วยปากแต่เพียงผู้เดียว เรื่องที่อ่อนไหว ละเอียดอ่อนแบบนี้ไม่ควรเอามาเป็นประเด็นการเมือง ที่ผ่านมาเคยมีคนถูกศาลตัดสินให้จำคุกมาแล้ว เช่น นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ส่วนตัวไม่อยากฟ้องร้องนายเทพไท เพราะเคยรู้จักกันมาก่อน ก็ขอฝากนายอภิสิทธิ์ให้เตือนโฆษกประจำตัวบ้าง วันนี้กรุงเทพโพลสำรวจผลออกมาว่า นายอภิสิทธิ์สอบตกได้คะแนนแค่ 4 กว่าจากเต็ม 10 คะแนน โดยเฉพาะเรื่องความปรองดอง ดังนั้นอย่าปล่อยให้โฆษกประจำตัวออกมาปล่อยมลพิษรายวัน สร้างความแตกแยกในสังคม


เทพไทถามเฉลิม ยังเป็นคนไทยหรือไม่?

โพสต์ ทูเดย์ - เทพไทเปรียบเหลิมไส้ศึกอยุธยา
เทพไทถามเฉลิมยังเป็นคนไทยหรือไม่? กรณีส่งคลิปกษิตให้ฮุนเซน

(4ตุลาคม) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทย นำคลิปวีดีโอปราศรัยของ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปให้นายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการแสดงท่าทีของนายกษิตก่อนเข้ารับตำแหน่ง แต่การที่ ร.ต.อ.เฉลิม หยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมาเป็นปัญหาความไม่เข้าใจระหว่างประเทศ อยากถาม ร.ต.อ.เฉลิม ว่ากำลังคิดอะไร และทำเพื่ออะไร เพราะกำลังเอาผลประโยชน์ของชาติมาสนองตัณหาทางการเมืองอย่างนั้นใช่หรือไม่ และอยากให้กลับไปดูประวัติของอยุธยาที่แตก เพราะคนไทยเป็นไส้ศึกกันเอง

นายเทพไท กล่าวว่า วันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กำลังทำตัวเหมือนคนไทยคนนั้นใช่หรือไม่ การเอาความในประเทศที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลไปสร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศ ความเสียหายย่อมเกิดขึ้นกับประเทศชาติอย่างแน่นอน

จึงอยากตั้งคำถามดังๆกับร.ต.อ.เฉลิม
ว่ายังรักประเทศไทยอยู่หรือเปล่า คุณคือคนไทยอยู่หรือเปล่า


ถ้ากรณีดังกล่าวนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ถึงขั้นบานปลาย จนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร.



ผลเลือกตั้งนายกฯเล็ก เชียงใหม่

โพสต์ ทูเดย์ - ผลเลือกตั้งนายกฯเล็กเชียงใหม่
ทัศนัยชนะเลือกตั้งนายกเล็กเชียงใหม่ได้24,384คะแนน

(5ตุลาคม) สรุปผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกเทศบาลนครเชียงใหม่อย่างไม่เป็นทางการ

นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ผู้สมัคร หมายเลข 2 ได้คะแนนสูงสุด 24,384คะแนน
นางวิภาวัลย์ วรพุทธิพงษ์ หมายเลข7 ได้13,197คะแนน และ
รอ.เอกหญิงเดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ หมายเลข1ได้ 6,958 คะแนน

ทั้งนี้ การนับคะแนนเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้เสร็จสิ้นลงเมื่อเวลาประมาณ 03.07 น. มีผู้มาใช้สิทธิ์ 64,871 คน คิดเป็น 60.99 % จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 106,366 คน มีบัตรเสีย1,534 บัตร คิดเป็น 2.37% ใบ ผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 4,444บัตร คิดเป็น 6.85%


ปชป.งัดคลิป แฉคนใกล้ชิด"ทักษิณ"

Suvarnabhumi is such a curvy airport...Image by antwerpenR via Flickr
ปชป.งัดคลิปแฉคนใกล้ชิด"ทักษิณ" - Suthichaiyoon.com
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง และในฐานะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับประชาธิปไตยกินได้ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทย ว่า ในการบริหารงานสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาล ที่หลายฝ่ายรู้กันว่ามีกรณีการทุจริตมากมายในสมัยนั้น

นายสาธิต กล่าวว่า โดยข้อมูลดังกล่าวตนได้รับจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่ถูกคนใกล้ชิดรัฐบาลสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ เรียกเก็บเงินจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อแลกกับสัมปทานของสนามบินสุวรรณภูมิในการสร้าง "คาร์พาร์ค" หรือที่จอดรถ แต่เมื่อหลังจากที่จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวไป และเชื่อว่าจะได้รับงาน แต่กับปรากฏว่าไม่ได้รับงานดังกล่าว

และเมื่อเรียกขอรับเงินคืน โดยขณะนี้เรื่องดังกล่าวได้มีการฟ้องร้องต่อศาลเพื่อขอรับเงินคืน และคำว่าประชาธิปไตยกินได้ของร.ต.อ.เฉลิมนั้นหมายความถึงเรื่องดังกล่าวใช่หรือไม่ โดยขณะนี้ตนได้มีคลิปสนทนาที่ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บุคคลที่เรียกเก็บเงินเพื่อแลกกับสัมปทานในการสร้างคาร์พาร์ค เป็นบุคคลใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และสาเหตุที่เชื่อว่าน่าจะได้รับงานดังกล่าว เพราะได้มีการโทรศัพท์ประสานไปยังบุคคลที่มีตำแหน่งทางการเมืองในกระทรวงคมนาคมขณะนั้น จึงเป็นสาเหตุให้บริษัทเอกชนดังกล่าวเชื่อถือ


Reblog this post [with Zemanta]

What's the deal between Thaksin and Chavalit?

Thai Talk | Suthichai Yoon
Thaksin badly needed a "head" at his party. Chavalit was looking for a political role to play. It didn't take them long to come to an agreement that Chavalit would become "chairman" of the party while officially Yongyuth Vichaidit remains the official party leader. Chairman of the Party's Advisory Board is former Army Chief Gen Chetta Thanajaro.

...

During their discussions, Chavalit offered Thaksin to set the stage for reconciliation, having told the ex-premier that the "old way" of  trying to win at all cost wouldn't improve things.On the contrary, the situation will only get worse.

Chavalit was said to have told Thaksin that he would reach out to the military leaders, with whom he still holds close ties, at least at certain level, so that some sort of reconciliation between Thaksin and the army brass could take place.


The possibility of direct patching-up talks between Thaksin and Gen Prem Tinsulanonda, the Privy Council's president, is remote.

...


อ่านต่อ...>>


'เวิน' เยือนเปียงยาง เจรจา 'คิม'

TO: PRESIDENT OF NORTH KOREA:THANK YOU--A NEW ...Image by roberthuffstutter via Flickr
'เวิน'เยือนเปียงยางเจรจา'คิม' | ไทยโพสต์
นายกฯ เวินเจียเป่าของจีน เดินทางถึงกรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือเมื่อวันอาทิตย์ "คิม จองอิล" เดินทางมารับถึงสนามบินด้วยตนเอง คาดน่าจะนำประเด็นนิวเคลียร์ขึ้นโต๊ะเจรจาด้วย ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือพร้อมจะรื้อฟื้นเจรจานิวเคลียร์อีกครั้ง แม้รัฐบาลจีนออกตัวเป็นการเยือนกระชับไมตรีครบ 60 ปีสัมพันธภาพ

ภาพข่าวทางโทรทัศน์เผยให้เห็น คิม จองอิล ผู้นำสูงสุดของเปียงยาง เดินทางมาต้อนรับนายกฯ เวินด้วยตนเอง ถึงที่สนามบินซูนานในกรุงเปียงยาง เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ซึ่งถือว่าเป็นการให้เกียรติด้วยการปรากฏกายแบบไม่ปรากฏบ่อยนัก ในพิธีต้อนรับบุคคลที่ไม่ใช่ผู้นำระดับสูงสุดของประเทศ ทั้งที่มีข่าวว่าเขาล้มป่วยเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ก็ตาม และน่าจะเป็นการส่งสัญญาณถึงความกระตือรือร้นของรัฐบาลเกาหลีเหนือ ที่ต้องการกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจกับเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุดชาตินี้

อ่านต่อ...>>


Reblog this post [with Zemanta]

เปิดใจ อนันต์ อัศวโภคิน เศรษฐกิจไทยฟื้นหรือไม่?

เปิดใจ อนันต์ อัศวโภคิน เศรษฐกิจไทยฟื้นหรือไม่? - กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์

อนันต์ อัศวโภคิน เปิดใจไม่มั่นใจเศรษฐกิจฟื้น วิพากษ์นโยบายรัฐบาลที่ออกมาไม่รู้ไปทิศทางไหน แนะหากใช้อสังหาฯ ดันศก. ต้องใช้ยาแรงกว่านี้
อนันต์ อัศวโภคิน เปิดใจไม่มั่นใจเศรษฐกิจฟื้น วิพากษ์นโยบายรัฐบาลที่ออกมาไม่รู้ไปทิศทางไหน พร้อมแนะหากจะใช้อสังหาฯเป็นหัวหอกในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ออกมาตรการดึงเงินกระเป๋าคนรวยออกสู่ระบบ พร้อมให้ผู้ซื้อบ้านนำเงินดาวน์หักภาษีได้เลยเต็มจำนวน

"ผมไม่รู้ว่าฟื้นหรือไม่ฟื้น แต่ผมรู้แต่ว่า ไม่แย่ไปกว่านี้อีกแล้ว"

อ่านต่อ...>>

รัฐเล็งยืดชำระหนี้กองทุนหมู่บ้าน

A Very Close Family : RURAL THAI VILLAGEImage by madaboutasia via Flickr
โพสต์ ทูเดย์ - รัฐเล็งยืดชำระหนี้กองทุนหมู่บ้าน
(4ตุลาคม) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 13 ต.ค.นี้ ครม.จะพิจารณายืดการชำระคืนหนี้ของกองทุนหมู่บ้านจากเดิม 1 ปี เป็น 2 ปี รวมทั้งจะเพิ่มเงินเข้ากองทุนหมู่บ้าน รวมทั้งหมดคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งขณะนี้พบว่าประชาชนที่กู้ยืมเงินจากองทุนหมู่บ้านไปได้ไปกู้เงินนอกระบบมาคืน จากนั้นก็มากู้ยืมในงวดต่อไป ทำให้ไม่สามารถกระจายไปยังรายใหม่ได้

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การแก้ปัญหากองทุนหมู่บ้านรัฐบาลได้มีแนวทางแก้ไข 3 ประเด็น คือ จะเปิดโอกาสให้กองทุนหมู่บ้านต่างๆพิจารณาในการยืดเงื่อนไขการชำระหนี้ ซึ่งเดิมต้องชำระภายใน 1 ปี ก็สามารถยืดไปเป็น 2 ปีได้ ซึ่งจะช่วยลดการกู้นอกระบบน้อยลง และรัฐบาลจะเพิ่มเงินเข้ากองทุนหมู่บ้าน แต่จะพิจารณากับกองทุนหมู่บ้านทีมีการบริหารจัดการได้ดี มีความพร้อมและจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว จะพิจารณาเพิ่มเงินจากสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งกองทุนใดมีสมาชิกก็จะให้มาก ทั้งนี้จะให้เพิ่ม 2 แสนล้านบาท, 4 แสนบาท และ 6 แสนล้านบาท รวมทั้งจะนำผู้ที่ได้ผ่านการอบรมจากโครงการต้นกล้าอาชีพ ให้ไปสำรวจสภาพกองทุนหมู่บ้านต่างๆ เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการ รวมทั้งดูแลการปล่อยกู้ซึ่งกู้แล้วไปสร้างอาชีพได้อย่างแท้จริง

นอกจากนั้นก็จะมีโครงการประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งจะนำเงินจากโครงการปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมาเป็นจุดเริ่มต้น อย่างไรก็ตามจะมีการปรับแผนในช่วงที่สองของแผนปฏิบัตการไทยเข้มแข็ง เนื่องจากขณะนี้ ภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ก็จะปรับจากโครงการที่พร้อมใช้จ่าย มาเป็นโครงการในเชิงยุทธศาสตร์ สำหรับระยะกลางระยะยาวมากขึ้น ซึ่งจะทำรายละเอียดประมาณ 2-3 เดือน พร้อมย้ำว่าได้ดำเนินโครงการตรวจสอบอย่างโปร่งใส โครงการใดที่ยังมีปัญหาก็ยังไม่สามารถเบิกเงินได้


Reblog this post [with Zemanta]

Saturday, October 3, 2009

เฉลิมลั่นส่งเทปกษิตด่าให้ฮุนเซน

โพสต์ ทูเดย์ - เฉลิมลั่นส่งเทปกษิตด่าให้ฮุนเซน
"เฉลิม" เผยส่งเทปกษิตด่าให้ฮุนเซน

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คิดว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาข้อพิพากเรื่องพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชาได้แน่ แต่ หากพ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแต่โทรศัพท์ไปหาสมเด็จฮุนเซน พูดฮัลโล 3 ครั้งก็เรียบร้อยแล้ว ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแต่โทรศัพท์ไปหาสมเด็จฮุนเซน พูดฮัลโล 3 ครั้งก็เรียบร้อย

ส่วนที่กัมพูชาแสดงปฏิกิริยากับไทยแบบนี้ เป็นเพราะกัมพูชาไม่ชอบนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ที่เคยไปตำหนิสมเด็จฮุนเซ็น ซึ่งเทปนายกษิต กล่าวตำหนิสมเด็จฮุนเซน ตนได้ส่งผ่านลูกสาวของสมเด็จฮุนเซนไปแล้ว
...>>


Thursday, October 1, 2009

“ปุระชัย” เผยสบายใจหมดคดี

Daily News Online > “ปุระชัย” เผยสบายใจหมดคดี
(30 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการรับทราบผลการตัดสินคดีหวยบนดิน บรรดากองเชียร์และคณะผู้ติดตามของแต่ละคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม เช่นเดียวกับบรรดา อดีตรัฐมนตรีและข้าราชการ จำนวน43คน ต่างก็ทยอยเดินลงมาจากศาลฎีกา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แตกต่างจากตอนมาฟังคำพิพากษาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ให้สัมภาษณ์และรีบเดินทางกลับทันที โดยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้แต่ยิ้มและโบกมือทักทายนักข่าวก่อนหนีขึ้นรถกลับทันที เช่นเดียวกับนายเนวิน ชิดชอบ อดีตรมช.เกษตรฯ ก็ปฎิเสธให้สัมภาษณ์โดยยิ้มอย่างเดียว ด้านร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า วันนี้รู้สึกสบายใจ เช่นเดียวกับ นางอุไรวรรณ เทียนทอง อดีต รมว.แรงงานฯก็ยิ้มอย่างมี ความสุข และดีใจคดีสิ้นสุด ทั้งนี้นายเสนาะ เทียนทอง ได้โทรศัพท์เข้ามาแสดงความยินดีด้วย.


Wednesday, September 30, 2009

SCENARIOS: Key terrorism risks to economies in Southeast Asia

SCENARIOS: Key terrorism risks to economies in Southeast Asia | ABS-CBN News Online Beta
SINGAPORE - The killing of Indonesia's most-wanted militant Noordin Mohammad Top has reduced the immediate threat from terrorism in southeast Asia, but analysts say the danger is far from over. A key issue for investors is the extent to which further militant violence could undermine regional markets.

The evidence from decades of militant attacks in southeast Asia and beyond is that aside from short-term selling pressure, the damage tends to be limited. Yet terrorism can have a major impact if it fundamentally alters a country's risk profile.

Following is a round-up of key risk scenarios in which militants could significantly damage regional economies.

* ESCALATION AND INTERNATIONALISATION OF THAI INSURGENCY

In the past 5 years, the long-running Muslim insurgency in Thailand has escalated. Counterterrorism expert David Kilcullen notes that in terms of the casualty toll as a proportion of local population, "the level of violence makes southern Thailand's ethnoreligious insurgency one of the most intense in the world, second only to those in Iraq and Afghanistan."

But because violence has been confined to the south, and militants have shown no inclination to strike economic targets in Bangkok or key tourist areas, the market impact has been minimal.

The risk is that this changes. If southern insurgents widen their conflict, or if al Qaeda-linked militants are able to infiltrate and internationalize the conflict, the impact on the economies of Thailand and its neighbors could be severe.

So far, the prospect of this happening appears remote.

"It is certainly reasonable to speculate that at least some outside Islamist entity has attempted to exploit the ongoing unrest in southern Thailand for its own purposes," said RAND counterterrorism Peter Chalk. "That said, there is (as yet) no concrete evidence to suggest that the region has been transformed into a new beachhead for panregional jihadism."...>>


ป.ป.ช.มีมติเชือด'สมัคร-นพดล' หนุนเขมรขึ้นทะเบียนพระวิหาร

ป.ป.ช.มีมติเชือด'สมัคร-นพดล' หนุนเขมรขึ้นทะเบียนพระวิหาร - กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์

ปปช.สั่งเชือด'สมัคร-นพดล'หนุนเขมรขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร เตรียมส่งอัยการยื่นฟ้องศาลฎีกาฯ ส่วนรมต.รอดหมด เพราะรู้ข้อมูลในวันประชุม
เมื่อเวลา 16.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก และนายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อลงมติชี้มูลความผิดคดีเขาพระวิหาร ว่า จากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2551 มีการประชุม ครม. โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นประธานโดย ครม.ได้มีมติให้ความเห็นชอบในร่างคำแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ในการสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลก ตามที่นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศเสนอ หลังจากนั้นในวันที่ 27 มิ.ย. 2551 ศาลปกครองกลางได้วินิจฉัยโดยมีคำสั่งห้ามมิให้ รมว.การต่างประเทศและครม. ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการอ้างหรือใช้ประโยชน์จากมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2551 เกี่ยวกับแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งต่อมาศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำสั่งยืนตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลาง

นายกล้านรงค์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภา เนื่องจากมีข้อความเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าแม้ในแถลงการณ์ร่วมจะไม่ปรากฏสาระสำคัญอย่างชัดเจนว่าเป็นหนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่อันเป็นอาณาเขตของประเทศไทยก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาข้อความทั้งหมด พบว่ามีความสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบในเรื่องอาณาเขตของประเทศไทย อันเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อน และอาจก่อให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศต่อไปได้ นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังเห็นว่าการที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่เป็นประเด็นโต้เถียงในเรื่องเส้นเขตแดน อีกทั้งเป็นประเด็นที่มีความแตกต่างด้านสังคมและการเมืองมาโดยตลอด การที่นายนพดลได้เจรจากับกัมพูชา ก่อนที่จะลงนามในแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว พึงเล็งเห็นได้ว่าหากลงนามไปแล้วอาจก่อให้เกิดการแตกแยกทางความคิดของคนทั้ง 2 ประเทศ รวมทั้งอาจก่อให้เกิดวิกฤตด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อันมีผลกระทบด้านความมั่นคงทางสังคมอย่างกว้างขวาง

นายกล้านรงค์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติ 6 ต่อ 3 ว่านายนพดลและนายสมัครมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยในส่วนของนายนพดลนั้น มีพยานหลักฐานว่าดำเนินในลักษณะปิดบังอำพรางไม่โปร่งใส อีกทั้งมีหลักฐานแสดงว่านายนพดลมีมูลเหตุจูงใจอย่างอื่นแอบแฝง ซึ่งจากพยานหลักฐานนั้นน่าเชื่อว่านายนพดลรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้สำคัญเกินกว่าที่จะให้ฝ่ายบริหารดำเนินการ โดยปราศจากการตรวจสอบของรัฐสภาและยังรู้ถึงความเสียหายที่เกิดจากสภาวะสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบในเรื่องอาณาเขตของประเทศไทยและผลกระทบทางสังคม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้เจ้าหน้าที่เสนอผลเสียของการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก แต่นายนพดลไม่รับฟังแม้จะมีการวิพากษ์กันอย่างกว้างขวางทั้งจากนักวิชาการ นักการเมืองและสื่อมวลชน แต่นายนพดลกลับตอบโต้อย่างรุนแรง

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า จากพยานหลักฐานในสำนวนเมื่อพิจารณาประกอบกับสถานะทางการเมืองของนายนพดลในฐานะเป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ ซึ่งต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ทั้งสภาวะสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบในเรื่องอาณาเขตและผลกระทบทางสังคม ตลอดจนความเสียหายจากสภาวะและผลกระทบดังกล่าว ดังนั้นจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่านายนพดลกระทำไปโดยรู้ไปอย่างดีในความเสียหายที่จะเกิดขึ้น จึงถือว่าปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศและคนไทยทุกคน นายนพดลจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ส่วนนายสมัครในฐานะหัวหน้ารัฐบาลต้องรู้ดีถึงความอ่อนไหวของประเด็นที่จะทำให้เกิดผลกระทบในเรื่องอาณาเขตและวิกฤตการณ์ทางสังคม อีกทั้งนายสมัครได้เป็นฝ่ายขอให้นายนพดลดำเนินการเพื่อช่วยเหลือสมเด็จฮุนเซน ในการเลือกตั้ง ในวันที่ 27 ก.ค. 2551 ซึ่งการนำผลประโยชน์ของประเทศชาติมาใช้เป็นเครื่องมือหาเสียงของพรรคการเมืองต่างประเทศอย่างนี้ หากมองถึงสถานะทางการเมืองของนายสมัครที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว เห็นได้ว่าเป็นสิ่งเหลือเชื่อที่จะมีนักการเมืองคนใดจะมีความคิดเช่นนี้ นายสมัครจึงมีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับนายนพดล โดย ป.ป.ช. จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป

นายกล้านรงค์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีมติ 6 ต่อ 3 ให้ถอดถอนนายสมัครและนายนพดลออกจากตำแหน่ง ตามความผิดตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ โดยให้ส่งเรื่องให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการต่อไป ส่วนผู้ถูกกล่าวที่เป็นรัฐมนตรีที่เหลือในรัฐบาลนายสมัครอีก 25 คนนั้น ซึ่งได้เข้าร่วมประชุมในการออกแถลงการณ์ร่วมด้วย คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาเหล่านี้ไม่มีเจตนากระทำความผิดร่วมกับนายสมัครและนายนพดล เนื่องจากการดำเนินการของนายนพดลมีลักษณะเป็นงานทางวิชาการและทางเทคนิค การรับรู้ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ เป็นการรับรู้ตามที่นายนพดลและนายสมัครแจ้งในที่ประชุมครม. ในเวลาอันสั้นเท่านั้น ผู้ถูกกล่าวหาเหล่านี้จึงไม่น่าจะรู้ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่จะสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบในเรื่องอาณาเขตและความมั่นคงของประเทศ สำหรับข้าราชการที่ถูกกล่าวหาอีก 5 คนนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าไม่มีเจตนากระทำความผิดร่วมกับนายนพดลและนายสมัคร เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานว่าข้าราชการเหล่านี้ได้ล่วงรู้ถึงมูลเหตุจูงใจทางกาเมืองของนายสมัครและนายนพดล ที่จะช่วยเหลือพรรคการเมืองของกัมพูชา

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยนั้นจากการไต่สวนพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการออกแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว ส่วนนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งไปก่อน

เมื่อถามว่า จะมีการนำสำนวนส่งให้อัยการสูงสุดเมื่อไหร่ นายกล้าณรงค์ กล่าวว่า หลังจากนี้เราจะรับรองมติการประชุม จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำสำนวนให้กรรมการป.ป.ช.ทั้ง 9 คนลงนาม ก่อนที่จะส่งสำนวนทั้งหมดให้กับประธานวุฒิสภาและอัยการสูงสุด จากนั้นอัยการสูงสุดจะพิจารณาและส่งเรื่องต่อให้ศาลฎีกา แผนกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป

เมื่อถามว่า การที่ป.ป.ช.ใช้คำว่า รู้ว่าอาจจะทำให้เสียดินแดน เหตุใดจึงเห็นว่า นายนพดลจงใจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 นายวิชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นคำวิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ตีความคำว่า สนธิสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตให้รวมถึงหนังสือสัญญาที่มีบทต่อการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตด้วย โดยเฉพาะกรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เกิดจากภาวะสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบในเรื่องอาณาเขตของประเทศไทย จึงเป็นหนังสือสัญญาที่มีผลต่ออาญาเขต ฉะนั้นในการวินิจฉัยการกระทำของนายสมัครและนายนพดลมีเจตนาหรือไม่นั้น จะอยู่ที่ว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 รู้ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่เป็นภาวะสุ่มเสี่ยงต่ออาณาเขตของประเทศไทย รวมถึงความผู้กล่าวหาทั้ง 2 รู้ถึงข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่ทำให้ความมั่นคงของประชาชนกระทบอย่างรุนแรงหรือไม่ด้วย ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาอย่างไรก็ต้องถือว่ายุติตามนั้น คณะกรรมการหรือหน่วยงานอื่นจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้

เมื่อถามว่า ดูจากหลักฐานที่ป.ป.ช.พิจารณา ส่วนใหญ่มาจากฝ่ายตรงข้ามนายนพดล นายวิชัย กล่าวว่า ไม่ใช่ เรานำมาทั้งฝ่ายเดียวกันและฝ่ายตรงข้ามนายนพดล โดยเฉพาะหลักฐานจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ อาทิ คำแถลงของนายนพดลและคำกล่าวของนายสมัครกรณีที่ขอให้นายนพดลช่วยเหลือสมเด็จฮุนเซนที่จะมีการเลือกตั้ง

นายกล้าณรงค์ กล่าวว่า เราไม่ได้นำหลักฐานฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามนายนพดลเท่านั้น แต่เราได้นำหลักฐานเป็นเอกสารจากกระทรวงต่างประเทศและการสอบปากคำเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศทั้งหมด รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ก่อนที่จะมาวินิจฉัย

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ส่วนการชี้มูลนายสมัครนั้น เราดูจากพฤติการณ์ที่มีมาตั้งแต่ต้น รวมทั้งข้อความในคำแถลงการณ์ว่าในกรณีดังกล่าวมีขั้นตอนดำเนินการอย่างไร ดังนั้นเอกสารหลักฐานในการชี้มูลของป.ป.ช.มีจำนวนหลายร้อยหน้า ซึ่งรวมทั้งสำเนาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วย และทั้งหมดจะส่งให้อัยการสูงสุดต่อไป เพื่อส่งไปยังประธานวุฒิสภาต่อไปด้วย

เมื่อถามว่า กรณีของนายนพดลได้พิจารณาจากผลของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครองด้วยใช่หรือไม่ นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ไม่ใช่ ศาลปกครองวินิจฉัยอย่างไรก็เป็นเรื่องของศาลปกครอง เพียงแต่ป.ป.ช.ได้นำข้อวินิจฉัยดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วย แต่อย่างไรก็ตามสำหรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต้องยืนยันว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันกับทุกองค์กร

ด้านนายวิชัย กล่าวว่า การพิจารณาความผิดเกี่ยวกับมาตรา 190 ก็ต้องดูว่าเขารู้อยู่แล้ว ถึงพฤติการณ์และข้อเท็จจริงนั้นหรือไม่ เนื่องจากเราจะอ้างว่าไม่รู้ข้อกฎหมายไม่ได้ แต่สำหรับข้อเท็จจริงอ้างว่าไม่รู้นั่นได้ เพราะถ้าอ้างว่า เข้าใจผิดในข้อกฎหมายว่า จะต้องนำเข้าสภาหรือไม่ อย่างนั้นไม่สามารถอ้างได้ และในกรณีนี้สิ่งที่ถูกประทุษร้ายคืออำนาจของรัฐสภาที่จะตรวจสอบการกระทำของฝ่ายบริหาร เพราะแต่เดิมถือว่าการทำสนธิสัญญาเป็นเอกสิทธิ์ของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติจะไปยุ่งด้วยไม่ได้ แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เปลี่ยนหลักการว่า หากเป็นสนธิสัญญาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคมของประเทศแล้ว ฝ่ายรัฐสภาเท่านั้นที่จะให้ความเห็นชอบ แต่ฝ่ายบริหารดำเนินการโดยพลการไม่ได้ หากดำเนินการโดยพลการก็ถือว่าผิด ดังนั้นความสำคัญอยู่ที่ความยิ่งใหญ่ของปัญหา ไม่ได้อยู่ที่ผลลัพธ์ว่าไทยได้เปรียบหรือเสียเปรียบประเทศกัมพูชา

นายวิชัย กล่าวว่า สำหรับเสียงของกรรมการป.ป.ช. 6 ต่อ 3 ที่ชี้มูลในครั้งนี้นั้น เสียงข้างน้อยจะเป็นใครบ้างคงบอกไม่ได้ ซึ่งความเห็นต่างในศาลนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดามาก บางครั้งในศาลเสียง 5 ต่อ 4 ยังเป็นของปกติเลย เมื่อถามว่าจะส่งผลต่อการสู้ดีของนายนพดลหรือไม่ นายวิชัย กล่าวว่า เชื่อว่าคงไม่ส่งผลใดๆ

ด้านนายกล้านรงค์ กล่าวว่า ในแต่ละเสียงที่มีมติซึ่งเสียงข้างน้อยที่เห็นว่าไม่มีมูลให้คำร้องตกไปก็จะต้องอยู่ในสำนวนการไต่สวนด้วย หรือแม้แต่เสียงข้างน้อยหนึ่งเสียงที่เห็นว่าผิดทั้งหมดก็จะอยู่สำนวนการไต่สวนด้วยเช่นกัน ส่วนเสียงข้างมาก 5 เสียงที่เห็นว่ามีความผิดเฉพาะสองคนก็อยู่ในสำนวนการไต่สวน ดังนั้นเป็นเรื่องที่ป.ป.ช. ดำเนินการตามปกติ ถือเป็นวิจารณญาณเฉพาะเรื่อง


Tuesday, September 29, 2009

เลขายูเอ็น รับปัญหาเขาพระวิหารไว้พิจารณา

Preah VihearImage by matluckins via Flickr
เลขายูเอ็นรับปัญหาเขาพระวิหารไว้พิจารณา - กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์

เลขายูเอ็นรับนำปัญหาความขัดแย้งเขาพระวิหารระหว่างไทย-กัมพูชาไปพิจารณา กรณียูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเเจ้งว่า ในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติเเละจี20 ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์มีกำหนดการพบนายบัน คี มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติด้วย

รายงานข่าวกล่าวว่า นายกฯได้หารือกับนายปันเรื่องเขาพระวิหาร เนื่องจากเรื่องนี้สร้างความขัดเเย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกให้กัมพูชา ทั้งๆที่ข้อเท็จจริงพื้นที่รอบปราสาท 4.6ตร.กม.เเละทางขึ้นปราสาทอยู่ในพื้นที่ของไทย เเสดงให้เห็นว่าการขึ้นทะเบียนของยูเนสโกไม่ถูกต้อง ขณะเดียวกันทั้งสองประเทศก็มีคณะกรรมการปักปันเขตเเดนที่ทำงานร่วมกันอยู่

ก่อนหน้านี้ประชาชนสองประเทศรวมทั้งนักท่องเที่ยวก็ขึ้นไปเที่ยวบนปราสาทได้เเต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็ไม่มีใครไปเที่ยวอีกเลย จึงอยากให้องค์การสหประชาชาติในฐานะที่กำกับดูเเลยูเนสโกช่วยรับเรื่องนี้ไปดำเนินการ โดยนายบันได้รับเรื่องนี้ไปพิจารณาเเล้ว


Reblog this post [with Zemanta]

Label Cloud