Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Saturday, April 18, 2009

เปลว สีเงิน - ลับแลอำนาจ"ฆ่าสนธิ"ปั่นเหลือง-แดงฆ่ากัน

เปลว สีเงิน ไทยโพสต์: 18-04-2009

เลือดสดฉาดฉานแดงสาดโชกเสื้อเชิ้ตสีขาวของ  "สนธิ  ลิ้มทองกุล"  จากห่ากระสุนสงคราม  ทั้งเอ็ม  ๑๖  เอ็ม  ๗๙  ที่กราดใส่เมื่อเช้ามืดวานนี้  (๑๗  เม.ย.๕๒)  ที่หน้าวัดเอี่ยมวรนุช  ย่านบางขุนพรหม  นั่น....เลือดสื่อ-หนังสือพิมพ์  ครับ  คุณสนธิเจ็บครั้งนี้  จะมีใครเจ็บด้วยหรือไม่ผมไม่ทราบ  แต่ผม-ในฐานะสื่อ-หนังสือพิมพ์ด้วยกัน  บอกได้คำเดียวว่า  "เจ็บ"  แต่เจ็บนี้ไม่ตายหรอกเพื่อนเอ๋ย  ฉะนั้น  ในหัวเลี้ยว-หัวต่อที่บ้านเมืองกำลังเดินสู่  "เส้นทางเปลี่ยน"  เลือดที่แดงฉาดฉาน  นั่นคือสิ่งที่ฟ้า-ดินส่งสัญญาณเตือนผ่านคุณสนธิถึง  สื่อ-หนังสือพิมพ์ทั้งหลายให้  "ใช้เลือด"  แทนหมึก  ผนึกหน้าที่  "ผลิตข่าวสารคุณธรรม"  นำทางสังคมชาติกันเถิด

     ทุกคนเห็นสภาพรถที่พรุนแหลกทั้งคันจากหัวยันท้าย  ต่างลงความเห็นตรงกันว่า  "ไม่รอด"  แต่คุณสนธิก็รอด  แถมเดิมยิ้มร่าออกมาจากซากรถ  ทั้งที่ร่างอาบเลือด  และกระสุนเจาะกะโหลกเข้าไปฝังในอยู่ในเนื้อสมอง

     ไม่จำเป็นต้องบอกว่าปาฏิหาริย์  หรือเป็นมนุษย์  ๑  ใน  ๑,๐๐๐,๐๐๐  ที่รอดได้ในสภาพเช่นนี้  และผมก็ไม่คิดแม้กระทั่งจะแอบคิดว่านั่นมาจาก  "ปาฏิหาริย์"  ที่ไร้คำอธิบาย  ในขณะที่เพื่อนนักข่าวบนกอง  บก.และใครๆ  ก็ออกปากกันอย่างนั้น  บางคนถึงขนาดสรุปลงไปด้วยความมั่นใจว่า

     "แบบนี้  คุณสนธิต้องมีพระดีแน่ๆ"!

     จะปาฏิหาริย์  หรือพระดี  ก็ช่างเถอะ  แต่ที่แน่ๆ  ในความเป็นมนุษย์คนหนึ่งอันมีทั้ง  ชั่ว-ดี-ถี่-ห่าง  เป็นส่วนผสมอยู่ในร่าง  ผมยอมรับว่าการทำหน้าที่สื่อของคุณสนธิในรอบ  ๔-๕  ปีนี้  ทำด้วยจิตวิญญาณอุทิศ  พร้อมสละทุกสิ่ง-ทุกอย่าง  ด้วยหวังอย่างเดียวให้อยู่รอด

     คือ  สถาบันพระมหากษัตริย์  สถาบันชาติบ้านเมือง!

     คนภักดีชาติ-ซื่อสัตย์สถาบัน  จะตายได้อย่างไร  ผีบ้าน-ผีเมืองไม่ยอมปล่อยให้หลีกไปสบายคนเดียวอยู่นอกภพ-นอกชาติในชั่วโมง นี้-ยามนี้หรอก

     คุณสนธินั้น  ล้านรัก-หมื่นชัง  เมื่อชั่งน้ำหนักแห่งเนื้อ-น้ำแล้ว  สังคมชาติบ้านเมืองต้องมีคนอย่างนี้  ผมยังคิดอยู่ในใจเสมอว่า  ในความสุขสบายของพี่น้องร่วมชาติบ้านเมืองอันจะมีในอนาคตข้างหน้ายาวนาน นั้น  เมื่อถึงวันตรุษ-สารทจะต้องมีคนรู้คุณออกมาเซ่นไหว้  เอ่ยนามคารวะนรชน  "สนธิ  ลิ้มทองกุล"

     คนหนังสือพิมพ์  "พลี"  เพื่อพิทักษ์ชาติ!

     หลักฐานทุกอย่าง  เห็นกันอยู่  แล้วต้องโวยวาย  พูดจาให้บรรดา  "อสัตย์แผ่นดิน"  ผู้ยิ่งยศมันแอบยิ้มหัวทำไม  "เป็นฝีมือพวกไหน"  บอกได้ชัดตามคติโบราณที่ว่า  "ร้อยปากว่า  ไม่เท่าหนึ่งหลักฐานที่ทิ้งไว้"

     บ้านเมืองอยู่ในภาวะฉุกเฉิน  ทหารควบคุม-ตรวจตรา  แต่ปรากฏว่ามีกลุ่มคนขน  "อาวุธสงคราม"  ชนิดร้ายแรง  กราดยิงหวังฆ่าคนกลางเมืองหลวง  แถมกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามจุดต่างๆ  บริเวณนั้นมีอันขัดข้อง-ใช้ไม่ได้ในเวลาเดียวกันทั้งหมด

     แถม  "พลเอกอนุพงษ์  เผ่าจินดา"  ผบ.ทบ.เอ่ยวาจาให้ชาวบ้านได้ยินเสียงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่  ๘  เมษายน  ๒๕๕๒  ที่ทัพแดงทักษิณบุกยึดกรุงแล้วเผาบ้าน-เผาเมืองว่า  "เรื่องเอาอาวุธสงครามมาถล่มหวังฆ่าสนธิเป็นคดีอาชญากรรมธรรมดา  ย่อมเกิดได้ไม่ว่าจะเป็นภาวะฉุกเฉิน  หรือไม่ฉุกเฉิน"

     ผมอยากจะบอกกับคุณสนธิ  มิตรสหาย  และพันธมิตรฯ  ทั้งหลายว่า  สิ่งที่จำเป็นต้องใช้มากที่สุดในเวลานี้  "สติตรองก่อนพูด-ก่อนทำ"  ทุกอย่าง  อย่าวู่วาม  อย่าใจร้อน  อย่าใช้อารมณ์ตอบสนองสิ่งที่เกิดแบบฉับพลันผลันผลุน  นอกจากไม่เกิดประโยชน์แล้ว  ยังจะเสียการ  เสียประโยชน์  และเหตุที่เกิดวานนี้

     อย่าโทษใครเปะปะไปเด็ดขาด  สิ่งที่รู้อยู่กับใจ  อย่าเอามาใช้เป็นคำพูด!

     พี่น้องเสื้อแดงนั้น  ต่อให้โกรธ-เกลียดเข้ากระดูกดำกันขนาดไหน  พี่น้องไทยใต้ฝ่าพระบาท   "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"  พระองค์เดียวกัน  ผมเชื่อสนิทใจ  โกรธกันขนาดไหน  ก็ไม่ถึงขั้นต้องลากอาวุธสงครามมาไล่ฆ่ากันอย่างนี้แน่นอน

     ถ้าอย่างนั้นแล้วใครล่ะที่ทำ?

     ก็ใครล่ะที่จะได้ประโยชน์จากการสร้างสถานการณ์ปั่นหัว  "เสื้อเหลือง-เสื้อแดง"  ให้โกรธกันถึงขั้นอยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้  แล้วทำสงคราม  "ประชาชน-ประชาชน"  ฆ่ากัน  แล้วมันจะสอดกลางหยิบชิ้นปลามัน  ในเมื่อทั้งเหลือง-ทั้งแดง  "ตายหมด"  หรือไม่ก็อ่อนล้า-ราบคาบ

     แล้วใครล่ะ  อยู่ในฐานะ  "ซ้าย-ขวา"  กินเรียบ!?

     คนเอ่ยสัตย์ปฏิญาณว่าภักดี-มีเยอะ   แต่กับเงิน  และอำนาจที่จัดสรรลงตัวในวันข้างหน้า  คนยุคนี้-สมัยนี้-เวลานี้  จะให้น้ำหนักในการภักดีกับอะไรมากกว่า

     "หน้ากาก"  มันค่อยๆ  เผยอให้เห็นสีหน้าและแววตากันแล้วมิใช่หรือ?

     ผมเข้าใจ-ด้วยเป็นห่วงสุดขีด  คือบ้านเมืองขณะนี้  ด้วย  "ความนิ่ง"  ของบางอำนาจทางการบริหาร  เป็นตัวช่วยเร่ง  ด้วยหลอกให้พี่น้องประชาชนร่วมชาติสวมกระบังตา  แดงกับเหลือง  ดาหน้าเข้าเข่นฆ่าประหัต-ประหารกัน  ซึ่งในข้อเท็จจริง  ระดับพี่น้องประชาชนด้วยกัน  ไม่มีอะไรต้องแบ่งแยก-เกลียดชังกันถึงขั้นนั้น

     แต่นี่..เมื่อสร้างความรู้สึกให้เกิดว่า  "แดงพ่าย"  เป็นแค้นที่แดงต้องชำระขึ้นแล้ว.......

     ในขณะที่แดงแค้นอาฆาต  "มือที่มองเห็น"  ก็กราดยิงหมายสังหารคุณสนธิ  เพื่อปั่นสีเหลืองให้แค้นอาฆาตสีแดงด้วยเข้าใจว่า  อาก้า-เอ็ม  ๑๖  เอ็ม  ๗๙  ที่กราดยิงนั้น  มันพวกสีแดง!

     ฉะนั้น  ตรงนี้  ผมอยากให้พ่อ-แม่พี่น้องในความเป็นประชาชนด้วยกัน  ทั้งสีเหลือง  และสีแดงใจเย็นๆ  มีสติกันให้มากเข้าไว้  และค่อยๆ  ลำดับความก็จะเข้าใจว่า  เราทั้งหลายเวลานี้   กำลังมี  "มือที่มองเห็น"  มอมหน้า-ปั่นหัวหวังให้ฆ่ากัน  เพื่อพวกมันจะได้ฉกฉวยเป็น "ตาอยู่"  อ้างกู้สถานการณ์-ปกบ้าน  ป้องเมือง

     แล้วสถาปนาอำนาจ  "ผูกขาด"  ในชาติบ้านเมืองเสียเอง!?

     ทักษิณไม่เกี่ยวในงานหมายสังหารสนธิ  แต่เกมบ้าน-เกมเมืองของทักษิณครั้งนี้  เหมือนการเล่นเผ  มวลชนเสื้อเป็นแค่ไพ่ที่หงายลอยหน้า  ๔  ใบ  แต่  "ไต๋"  ใบสำคัญที่คว่ำไว้  ก่อนหน้านี้เพียงเห็นหลังไวๆ  ยังปักใจชัดไม่ได้ว่ามันใครกันแน่

     แต่ดูลีลาเรียกไพ่  และการใส่เงินของทักษิณจาก  ๘-๑๔  เม.ย.  ไต๋ทักษิณคือตัวอะไร  ถึงมั่นใจใส่เงินไม่ยั้งอย่างนั้น  ระดับขั้นหมื่นล้านด้วยซ้ำ  ท่านทั้งหลายดูโทรทัศน์รายการ  "รวมการเฉพาะกิจ"  ที่นายกฯ  อภิสิทธิ์ออกมาพูดจากับประชาชนแต่ละครั้ง  "จิตวิญญูชน"  ย่อมบอกกับ  "จิตใต้สำนึก"  ของแต่ละท่านที่รักชาติ-บ้านเมืองได้มิใช่หรือ

     "แววตาคือต่างหน้าต่างใจ"  ครั้นมองสำรวจไป  ก็คล้ายมีหนามปักคา?

     พี่น้องร่วมชาติทุกคนไม่วิกฤติ  แต่บ้านเมืองขณะนี้วิกฤติ  และวิกฤตินี้จะคลี่คลายได้  โดยพี่น้องเสื้อเหลือง-เสื้อแดง  ต้องเข้าใจว่าพวกเราทั้ง  ๒  ฝ่าย  กำลังตกเป็นเครื่องมือของคนบางคนจ้องฉกฉวยโอกาสหลอกล่อให้  "เหลือง-แดง"  ฆ่ากันตายไปทั้งสองฝ่าย  ผมเห็นท้ายสงกรานต์  พี่น้องออกมาเล่นสาดน้ำกันสนุกสนาน  ไม่มีเหลือง  ไม่มีแดง  มีแต่รักสมัครสมานสามัคคีดีต่อกัน  ก็อยากให้วันอย่างนี้มีกับพี่น้องไทยเหมือนเดิม

     ขณะนี้  สีเหลืองก็เหมือนพ่าย  เพราะคุณสนธิ  "เกือบตาย"  และฝ่ายแดงก็เหมือนพ่าย  ชาวบ้านอย่างเราไม่ได้อะไร  ต้องกระจัดกระจายกลับบ้านใคร-บ้านมัน

     ก็ด้วยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน  พวกเรา-ในระดับพี่น้องประชาชนด้วยกัน  ทำอย่างไรจะให้ทั้งสองสี-สองฝ่ายหันมาพูดจาทำความเข้าใจกัน  สมัครสมานให้บรรยากาศเล่นสาดน้ำสงกรานต์กลับคืนมา  "โชกสุขสนุกสนาน"  โดยไม่มีสี!?

     จากที่คุณสนธิเจ็บถึงตายได้ครั้งนี้  โดยพื้นฐานใจพี่น้องพันธมิตรฯ  ย่อมเดือดกว่าน้ำร้อนบนเตาไฟ  แต่การเอาไฟไปดับไฟ  หรือเอาน้ำร้อนไปเติมน้ำร้อน  ไฟก็ไม่ดับ  น้ำก็ไม่เย็น  ด้วยวุฒิภาวะแห่งเจตนาเพื่อบ้านเมือง  หาทางลอกสีเหลือง-สีแดง  แล้วนำความเป็นพี่น้องไทยเนื้อแท้ไปต่อสาย-ต่อขั้ว  รวมเป็นกอไผ่-ไทยด้วยกันจะดีไหม

     ที่ผมพูดเช่นนี้  เพราะจากที่สดับตรับฟังมาหลายๆ  ด้าน  ถ้าไม่หาทางให้ทุกคนมีสติยับยั้งชั่งใจ  วันนี้-พรุ่งนี้  อาจมีสถานการณ์อุบาทว์เมืองเกิดขึ้นได้  เพราะใจแยกฝ่าย-แยกแค้น!?

     นายกฯ  อภิสิทธิ์ก็เช่นกัน  ณ  วันนี้  ตัวท่าน-อำนาจท่าน  ผมสังเกตว่าเหมือนท่านนั่งอยู่บนกองหนาม  รอบข้างท่าน  ๑๐  คน  ๑๐๐  คน  มีถึง  ๒  ถึง  ๑๐  คนไหมที่ท่านมั่นใจว่าเนื้อแท้ในใจจะไม่เป็นบรูตุส?

     ข้าวเหนียวหน้าเนื้อน่ะ  กินอร่อย  แต่คนหน้าเนื้อ  ต้องระวัง...เพราะมันใจเสือจะกินท่าน  เหตุที่เกิดกับคุณสนธิ  ไม่มีอะไรรับประกันว่ามันจะเกิดกับท่าน  ครอบครัวท่านไม่ได้  ที่พัทยา   ที่มหาดไทยนั่นคือตัวอย่างสอนใจ  อย่าลืมว่าอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศอยู่ที่ท่าน  ผมเชื่อแล้วว่าท่านใจแข็ง-ใจถึง  แต่ท่านอย่าตายใจกับใครง่ายๆ

     ด้วยอำนาจของท่านอันมีผลต่อสถานการณ์บ้านเมือง  ต้องฆ่ามันก่อนที่มันจะรวมหัวฆ่าท่าน!

     ไม่ต้องดูอื่นไกล  นำเหตุการณ์ที่เกิดในกระทรวงมหาดไทยมาทบทวน-ไล่เรียงดู  เรื่องราวเป็นยังไงทำให้ต้องไปแถลงข่าวที่มหาดไทย  มีใครไปบ้าง  การไปมีใครรู้บ้าง  ตอนเกิดเหตุมีใครถูกเสื้อแดงทุบ  มีใครไม่ถูกทุบ  และหน่วยรักษาความปลอดภัยเป็นหน่วยไหน  ใครจัดมาให้ท่าน  ต่างๆ  นานามันเป็นปริศนาที่ต้องหาคำตอบทั้งนั้นว่า

     เรื่องบัดสี-หยาบช้านี้เกิดขึ้นกับ  "ผู้นำประเทศ"  ได้อย่างไร?


     ทั้งที่มหาดไทยกับที่พัทยา  ไล่เรียงดูก็ได้ว่า  มันมาจาก  "คนหน้าเดิม"  ใช่หรือไม่?

     ผมบอกได้ว่า  เวลานี้มีคนต้องการฆ่าสนธิ  พอๆ  กับมีคนใช้แผนแยบยลเพื่อแซะก้นท่านให้พ้นเก้าอี้  "นิพนธ์  พร้อมพันธ์"  นั้น  นับว่าเป็น  ๑  ใน  ๑๐๐  ที่ท่านไว้ใจได้ในยามนี้  ท่านใช้วิสัยทัศน์และความเก่งบนความเป็น  "เด็กนอก"  เพื่อการบริหารงานเถอะ  แต่การบริหารอำนาจนั้น  ต้องใช้วิสัยทัศน์และบรรจุแผ่นดิสก์สมองโปรแกรมไทยลงไป  ไม่อย่างนั้นจาก  ๒๐  เม.ย.ถึงกลางมิถุนายนเป็นอย่างช้า  ท่านจะ  "พลาดท่า-เสียทาง".

เปลว สีเงิน - พรก.ฉุกเฉินทำลายเศรษฐกิจจริงหรือ?

เปลว สีเงิน ไทยโพสต์: 17-04-2009

ถึงตอนนี้ก็ต้องชมว่ายุทธศาสตร์-ยุทธวิธีที่เรียกว่าแผนการที่  "กองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะกิจ (กอฉ.)"  กำหนดขึ้นเพื่อใช้คลี่คลายเหตุการณ์  "จลาจลเผาบ้าน-เผาเมือง"  ที่ทักษิณปลุกปั่น-ยุยงคนเสื้อแดงก่อการกบฏแผ่นดินขึ้น  เมื่อ  ๘-๑๔  เม.ย.นั้น  เป็นแผนที่แสดงถึงความลุ่มลึก  ไม่ทำเพียงหวังผลเฉพาะหน้า  แต่วางแผนครอบคลุมถึงผลต่อเนื่องที่จะเกิดตามมาด้วย  ดังนั้น  เราจะเห็นว่า  การสลายม็อบจากเช้าถึงเที่ยงวันที่  ๑๔  เม.ย.นั้น  กอฉ.ใช้สมองทำงานมากกว่าใช้กำลัง  เป็นการปราบกบฏที่โอ่อ่า-เปิดเผย  โดยยอมให้ประชาชน  และสื่อมวลชนร่วมไปกับทหารที่ปฏิบัติการสลายม็อบ  โดยไม่ใช้อาวุธ  ไม่ใช้กำลังและ  "ไม่ใช้ความรุนแรง"  ทุกรูปแบบ
     ด้วยการประเมินสถานการณ์ข้างหน้าไม่ผิดพลาดเช่นนี้แหละ  รัฐบาล  โดย  กอฉ.จึงมีพยานเต็มไปหมด  ทั้งชาวบ้าน  ทั้งสื่อไทยและสื่อเทศต่างยืนยันได้ว่า  ที่พรรคเพื่อไทยก็ดี  คนเสื้อแดงทักษิณก็ดี  ออกมาให้ข่าวขณะนี้ว่า  รัฐบาลใช้ความรุนแรงบ้าง  ว่าทหารฆ่าประชาชนแล้วเอาศพแอบไปเผาบ้าง  นั้น
     ไม่เป็นความจริง  เป็นการบิดเบือน  สร้างข่าวใส่ร้าย-ป้ายสีรัฐบาล  และทหารอย่างหน้าด้านที่สุด!
     ลำพังสื่อวิทยุ   โทรทัศน์  หนังสือพิมพ์ภาษาไทย  คนไทยด้วยกันเองอ่านแล้ว-ฟังแล้วมัน "ด้านใจ"  แต่พอสื่อฝรั่งทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ตอกย้ำความจริงลงไปอีกทีว่า  ทักษิณเป็นจอมปั้นความเท็จลวงโลก  ชมนายกฯ  อภิสิทธิ์  "เคลียร์ชัด-สะอาด-บริสุทธิ์"  ประณามม็อบทักษิณก่อความรุนแรงที่ยอมรับไม่ได้  และยกย่องว่าทหารปฏิบัติการสลายม็อบแดงได้เยี่ยม  เพราะไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ  เลย
     ไม่มีคนเสื้อแดงเจ็บ-ตายจากการสลายม็อบของทหาร
     มีแต่ชาวบ้าน  และทหาร  ทั้งเจ็บ-ทั้งตาย  ด้วยน้ำมือฝ่ายเผาบ้าน-เผาเมืองของพวกแดงทักษิณ!
     สื่อนอกยันเท่านี้  เป็นใบการันตีความบริสุทธิ์โปร่งใสของรัฐบาล-ทหาร  กอฉ.ตลอดไปทันที  การพูดจาโฆษณาชวนเชื่อใดๆ  จากฝ่ายทักษิณต่อจากนี้  ไม่มีใครเชื่อวาจาโจรอีกแล้ว
     ฉะนั้น  ตอนนี้  ไม่ว่าทักษิณจะซื้อพื้นที่สื่อจากต่างประเทศ  พูดจาตลบตะแลงอะไรเข้ามาในเมืองไทย  หรือสมุนแดงในเมืองไทย  รวมทั้งคนในพรรคเพื่อไทย  จะสาดสี-ป้ายโคลนใส่รัฐบาล  ใส่ทหารกองกำลัง  กอฉ.อย่างใด  ก็คล้ายเสียงหมาหอบแดดเยี่ยวรดสังกะสี  ไม่มีราคาเลย!
     แต่ปฏิบัติการ  "กบฏแผ่นดิน"  ของทักษิณยังไม่จบ  เพียงแต่สะดุด-หยุดชะงักไปชั่วคราวเท่านั้น  เหมือนเชื้อโรคแหละครับ  ตราบใดที่ร่างกายยังแข็งแรง  มันก็สงบรอจังหวะ  ถ้าร่างกายอ่อนแอวันไหน  มันก็พร้อมจะออกมาโจมตีใหม่วันนั้น
     นั่นคือ  รัฐบาล  โดยนายกฯ  อภิสิทธิ์  ถ้าหย่อนในมาตรการ  ทหาร-ตำรวจ  ไม่ร่วมมืออย่างจริงใจเมื่อไหร่  และศักยภาพในการบริหารของท่านอ่อนแอวันไหน  ก็เมื่อนั้นแหละ
     กองกำลังกบฏแผ่นดินของทักษิณจะโผล่ขึ้นมา  "ผนึกไส้ศึก"  ยึดบ้าน-ยึดเมืองอีกทันที!
     ในความเห็นผม  อย่างเร็วที่สุด-สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์  จะถือว่าบ้านเมืองเข้าสู่สถานการณ์ปกติยังไม่ได้  ยังจำเป็นต้องใช้มาตรการจาก  พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่  จนกว่าสัปดาห์หน้า  คือวันที่  ๒๐  เม.ย.ไปแล้วนั่นแหละ  ค่อยนำข้อมูลทั้งลับ-ทั้งแจ้งมาชั่งน้ำหนักสุดท้ายดูอีกทีก่อนตัดสินใจ
     คือจะเลิก  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  หรือจะคงไว้อีกระยะ  หลังวันจันทร์จึงค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สายหรอก!
     เรื่อง  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  มองดูแล้วก็แปลก  เหมือนกรณีโรงไฟฟ้า  ถ้าวันไหนไฟตก  ไฟดับ  ไฟไม่พอ  ไฟติดๆ  ดับๆ  ชาวบ้านจะด่าแม่  กฟผ.เช็ดเลย  หาว่าไม่บริหาร-จัดการตระเตรียมพลังงานรองรับการเติบโตของประเทศชาติ  ครั้น  กฟผ.ตระเตรียมพลังงานรองรับการเติบโต  เพื่อให้มีไฟใช้กันไม่ติดๆ  ดับๆ  โดยสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหินบ้าง  พลังงานนิวเคลียร์บ้าง
     ชาวบ้านต่อต้าน-คัดค้านหัวชนฝา!
     สรุปก็คือ  ไฟจะเอา  และเอาในราคาถูก  แต่ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน  โรงไฟฟ้านิวเคลียร์!
     ก็เหมือนที่พ่อค้า  นักธุรกิจเขาคร่ำครวญเช้า-เย็นอยู่ตอนนี้  ให้ยกเลิก  พ.ร.ก.ฉุกเฉินในทันที  เพราะทำให้คนไม่มาลงทุน  ไม่มาเที่ยว  ต้นทุนธุรกิจสูง  ค้าขายไม่ได้
     แต่ตอนมีม็อบแดงยึดบ้าน-ป่วนเมือง  ถึงขั้นก่อการกบฏหวังยึดแผ่นดินเพื่อสถาปนาทักษิณเป็นใหญ่  พวกพ่อค้า-นักธุรกิจ  ก็ตีอกชกตัว  ก่นด่ารัฐบาลว่า  นายกฯ  ไม่แข็ง  ไม่เห็นทำอะไร  ปล่อยให้กบฏบ้าน-กบฏเมืองก่อการจนเศรษฐกิจพังแล้ว-พังอีก
     พอรัฐบาลทำอะไร  และยังไม่ทันไร  ออกมาแหกปากร้องอีกแล้ว  ให้เลิก  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน!
     จะเอาแต่ใจ-เอาแต่ได้ฝ่ายเดียวกันไปถึงไหน  ไม่มีใครต้องการให้บ้านเมืองประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรอก  แต่เพื่อความคล่องตัวในมาตรการที่ทันต่อสถานการณ์ไม่ปกติ  มันก็จำเป็นต้องใช้  ก็เห็นอยู่ว่าเป็นการใช้แบบไม่ใช้ด้วยซ้ำ  ในเมื่อสถานการณ์ยังไม่สะเด็ดน้ำดี  ก็เผื่อเหลือ-เผื่อขาดเอาไว้  ปุบปับจะได้ทันการณ์
     ขืนรีบยกเลิกไป  ถ้ามีอะไรขึ้นมาก็ด่ารัฐบาล  ด่าทหารอีกหละว่าปราบม็อบไม่ได้..ไม่มีน้ำยา!
     ก็จะให้เขาปราบแบบมีน้ำยารวดเร็ว-ทันใจได้อย่างไร  เพราะกฎหมายในภาวะปกติทุกวันนี้  "ประชาธิปไตยจ๋า"  ขนาดเตะหมากลางถนน  เผลอๆ  จะเจอข้อหา  "เหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นสุนัข"  เอาด้วยซ้ำ  แล้วนี่การควบคุมฝูงชนผู้บ้าคลั่ง  และตั้งธงมาเผาบ้าน-เอาเมืองโดยตรง  ใจคอจะไม่ให้เขาใช้กฎหมายพิเศษชั่วคราวบ้างหรือ?
     พ่อค้าก็มีต้นทุน  ชาวบ้านก็มีต้นทุน  ประเทศชาติก็มีต้นทุน  ทุกคน-ทุกฝ่ายล้วนมีต้นทุนต้องบริหารด้วยกันทั้งนั้น  ฉะนั้น  ถึงคราวจำเป็นก็ต้องชั่งใจ
     จะเอาแต่ตัวเองค้าขายได้ชั่วครั้ง-ชั่วครู่  แต่บ้านเมืองภินท์พังยาวนาน  หรือว่า  จะเอาให้บ้านเมืองสงบร่มเย็นยาวนาน  โดยยอมเสียหายด้านการค้าการขายชั่วคราว  คิดให้มันยาวๆ  หน่อย?
     ตอนได้-ค้าขายรวย  ไม่เห็นเอามาแบ่งให้สังคมเลย  เงียบกริบ  แต่ตอนเสีย-สารพัดบ่น  สารพัดเคลมกับสังคม  พ่อค้าในหอการค้า  หรือในสภาอุตสาหกรรม  ไม่เคยตายจากโจรกบฏเมือง  ซ้ำตอนดีๆ  สวมเสื้อนอก  ดื่มไวน์กับไอ้พวกกบฏเมืองหน้าระรื่น  แต่ชาวบ้านสิ  เป็นฝ่ายเผชิญหน้า  ถูกเผา  ถูกฆ่า  ถูกคุกคามสารพัด  ไม่เคยต่อว่าซักคำ  แถมยังต้องซื้อข้าว-ซื้อน้ำเลี้ยงตำรวจ-ทหารเป็นการแบ่งปันน้ำใจ
     ฉะนั้น  อย่าสร้างเงื่อนไขอ้าง  "ส่งออก-ส่งเข้า"  ไปผูกไว้กับ  พ.ร.ก.ฉุกเฉินมากนัก  ชาวบ้านเขาจะหมั่นไส้  ถ้ามี  พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วไม่มีใครมาค้าขายด้วย  ประเทศชาติจะเจ๊ง....
     แล้วทำไมจึงแย่งกันไปค้าขายกับจีน  กับเวียดนาม  กับพม่า  กับประชาธิปไตยปลอมๆ  อย่างในกัมพูชา  ในสิงคโปร์ล่ะ  ประเทศเหล่านั้น  ระบบปกครองบ้านเมืองเขาไม่ยิ่งกว่ามี  พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกหรือ?
     ให้โอกาส  ให้เวลากับรัฐบาล  และเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารเขาได้ทำงานต่อเนื่องอย่างสบายใจบ้างเถอะ  อย่าให้เขาต้องเผชิญศึกหลายด้าน  ลำพังกวาดล้าง-แก้เกมพวกกบฏแดงที่กระจายไปทั่วประเทศก็ยุ่งยาก-ลำบากพออยู่ แล้ว  แล้วนี่...พวกผู้ดีเสื้อนอกยังจะมาหลับหู-หลับตาแง้วๆ  เอาแต่ได้  เอะอะก็จะให้เลิก..เลิก
     ลืมตาดูโลก  โดยเฉพาะตลาดใหญ่ที่สหรัฐอเมริกาซะบ้าง  จะได้รู้คิดปรับทิศทางธุรกิจประเทศตัวเอง  นี่ยังจะหวังส่งออกลมๆ  แล้งๆ  อยู่อีก  ตลาดผู้บริโภคใหญ่ในสหรัฐ  เดี๋ยวนี้ชาวอเมริกันหันไป  "ปลูกผัก-ทำสวนครัว"  หน้าบ้านใคร-หน้าบ้านมัน  ที่รกร้างว่างเปล่ามีตรงไหน  ก็ไปจับจองทำแปลงผักกันตรงนั้น  กำลังเป็นแฟชั่นฮิตมาก
     เรียกว่า  ปรับวิถี  ปรับทัศนคติ  การอยู่-การกิน-การดำรงชีวิต  เพื่อรับสภาพเศรษฐกิจที่ตายซากยาวนานของสหรัฐ  อันทุกคนลงความเห็นตรงกันว่าจากยุคโลกาภิวัตน์  มันมาถึงยุคโลกาวิบัติแน่แล้ว!
     แล้วไทยเราซึ่ง  ๖๐-๗๐%  มีรายได้มาจากการส่งออก  และการท่องเที่ยว  ยังจะหลับหู-หลับตา  งมโข่งอยู่กับการเป่าตูดกระตุ้นการลงทุนเพื่อการส่งออกอยู่อีก  ผลิตสินค้าแล้วไม่รู้จะส่งไปขายใคร  ง่ายๆ  อย่างนี้  แล้วจะยังจะตะบี้ตะบันการค้า-การลงทุน-การส่งออก  ชนิดไม่ดูเหนือ-ดูใต้  มันก็น่าสมควรปล่อยให้เจ๊งอยู่หรอก?
     ที่ผ่านมา  จีดีพี-มันคือตัวสะท้อนความสุขจากการค้าขายกำไรของพ่อค้า-กลุ่มทุน  เราทุ่มทั้งประเทศเพื่อเลี้ยงตัวเลขของสังคมกลุ่มนี้  แล้วเคลมว่าเป็นตัวเลขความเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวม
     ต่อจากนี้  จีดีพีของประเทศไทย  มันควรต้องเป็นตัวสะท้อน  "ความสุขมวลรวมในการดำรงชีวิตของประชาชนในชาติ"
     สุขนั้นมาจากไหน  สุขนั้นจะมาจาก  "เศรษฐกิจพอเพียง"  เพื่อรอการต่อยอดในอนาคต  ไม่ควรจะเป็นจีดีพีสะท้อนสุขของพ่อค้า-กลุ่มทุนส่งออกประเภท  "ใครใหญ่-กูไปซบตีน"  แล้วพอมีอะไร  เอาทุกข์มายัดใส่บ่าชาวบ้าน  แต่ยามสุข...เสพกันเงียบอยู่พวกเดียว!
     ให้ประเทศมันรอดซะก่อน  แล้วการค้า-การส่งออกมันก็รอด  ไม่ต้องห่วงหรอก  พวกคุณได้รวยกันแน่  ปลายปีนี้  รอฟังข่าวดี  ประเทศไทยอาจมี  "บ่อน้ำมันใหญ่"  ให้ได้เฮกันทั้งชาติ
     แต่ถ้าประเทศไม่รอด   ต่อให้เศรษฐกิจโลกดีขนาดไหน  พวกคุณจะไปค้าขายได้อย่างไร  และอีกอย่าง  ผมก็ไม่แน่ใจว่าพวกคุณจะอยู่  "ร่วมทุกข์"  กันครบหน้ากับชาวประชาในประเทศหรือไม่?
     อย่าพูดกันเรื่องนี้ดีกว่า  เดี๋ยวจะเหม็นหน้ากันไปเปล่าๆ  ระวังเสาร์-อาทิตย์  "ส่งท้ายสัปดาห์"  อาฟเตอร์ช็อกอาจเกิดขึ้นได้  การบีบวงล้อมทั้งตัวทักษิณ  และบริวารแดงจากฝ่ายรัฐบาล  อาจจะมีปฏิบัติการตอบโต้-ต่อต้านให้เห็น  นายกฯ  อภิสิทธิ์ยังไม่พ้นวิบาก  ยิ่งทีมการเมืองร่วมรัฐบาลทำตัวเหมือน  "ธุระไม่ใช่"  ซ้ำภายในประชาธิปัตย์สะบัดร้อน-สะบัดหนาว  ก็ต้องขอบอกว่านายกฯ  อภิสิทธิ์ยังไม่มีสิทธิ์นอนชนิด  "หัวติดหมอน"  ได้หรอกครับ.

ที่มาที่ไป สนธิ ลิ้มถูกลอบยิง อภิสิทธิ์ ประกาศภาวะฉุกเฉิน - โปรดใช้วิจารณญาน

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้ความเห็นผ่านรายการ “คนในข่าว” คืนวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ต่อการจัดการกับม็อบเสื้อแดงของรัฐบาลว่า ว่า เราต้องไล่มาตั้งแต่ต้นเลยว่า การตั้งรัฐบาลชุดนี้เป็นการประนีประนอมกับกลุ่มหลายๆ กลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือที่เห็นชัดเจน คือกลุ่มของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่ง 3 คนนี้มีความผูกพันกันอย่างแน่นหนา พล.อ.ประวิตร ก็ห่วงน้องชาย (พล.ต.อ.พัชรวาท) ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ ก็ต้องการให้ตัวเองอยู่ในสภาพนี้ต่อไปโดยไม่มีการกระทบกระเทือน โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นตัวเชื่อม

“นายเนวินก่อนที่จะมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ก็อยู่ระหว่างกำลังหาที่พึ่งพิงใหม่ และเห็นว่าไม่มีอะไรดีไปกว่า มาพึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ต้องการใช้นายเนวินในทางการเมือง เหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า”

นายสนธิกล่าวต่อว่า การตั้งรัฐบาลนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ยอมให้นายเนวิน และ พล.อ.อนุพงษ์ มากเกินไป จะเห็นว่า สิ่งแรกที่เขาควรจะเปลี่ยน คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้ที่ตำรวจไม่ทำงาน พล.ต.อ.พัชรวาทมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดขึ้นเกินกว่า 50% นอกจากนี้นายตำรวจที่ควรจะย้ายก็ไม่ย้าย เช่น พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. ที่ถูกกล่าวหามีส่วนฆ่าประชาชน แทนที่จะถูกย้ายเข้าประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับได้ไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ตามคำขอร้องของนายเวนิน ขณะที่ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ก็ยังอยู่ที่เดิม ให้มาเล่นงานพันธมิตรฯ เหมือนเดิมตามคำขอร้องของนายเนวิน เพราะฉะนั้นจึงถือว่านายสุเทพสอบตกเรื่องนี้อย่างมาก

นายสนธิกล่าวอีกว่า จากที่เฝ้าดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด เราต้องยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าเหตุการณ์ที่พัทยานั้นไม่ใช่แค่ตำรวจใส่ เกียร์ว่าง ทหารก็ใส่เกียร์ว่างด้วย ทั้งทหารตำรวจทุกคนรวมกันเบ็ดเสร็จแล้วมี 1 หมื่นกว่าคน แต่ตนเห็นคนเสื้อแดงเดินผ่าน ด้านซ้ายตำรวจตั้งแถว ด้านขวาทหารตั้งแถว แล้วคนเสื้อแดงเดินตรงกลาง แต่ก็ยืนดูอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เสื้อแดงเดินขึ้นไปหน้าตาเฉย

“ผมคิดว่ามีการวางยากันที่พัทยา เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของคุณอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ถ้าผมจะฟันธงไปเลยก็คือว่า จริงๆ แล้ว ถ้าเสื้อเหลืองออกไปวันนั้นมีปฏิวัติเกิดขึ้นแล้ว และคนที่จะปฏิวัติวันนั้นจะเป็นคุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา เผอิญผมไม่ได้ตกหลุมพรางอันนั้น และแกนนำพันธมิตรฯ ก็ไม่ได้ตกหลุมพรางด้วย มันก็เลยเกิดกระบวนการเสื้อน้ำเงินตีเสื้อแดง แต่ถ้าเราพิจารณาให้ชัด จะเห็นว่าเขาตีกันประเดี๋ยวเดียว พอขึ้นไปข้างบนแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็จับมือกัน ให้สังเกตดูดีๆ ไม่ได้ตีกันจริง นี่คือกระบวนการสร้างสาถนการณ์เพื่อต้อนนายอภิสิทธิ์ให้จนมุม”

นายสนธิกล่าวต่อว่า หลังจากนั้น เชื่อว่านายอภิสิทธิ์คงจะได้ยาดี อาจได้ปรึกษาหารือกับผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองบางคน จึงตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังจากนั้นอำนาจการสั่งการ โยกย้ายข้าราชการก็มาอยู่ในมือนายกฯ ทันที ตนเข้าใจว่า ถ้ายังไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน พวกที่พัทยาก็ยังสร้างเรื่องอยู่ พวกที่กรุงเทพฯ ก็เริ่มอาละวาด เราจะได้เห็นรถถังออกมาทันที เผอิญการแก้เกมทำได้ทันควัน

“สังเกตว่าในการแถลงข่าวของนายกฯ นั้นทหารบางคนหน้าตาดูไม่ดีเลย อย่าลืมว่าหน้าตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แสดงว่า มันพลาดไปแค่ดีดนิ้วเท่านั้นเอง ฉะนั้นวันนี้เราจึงยังต้องให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ อย่างเต็มที่ ถ้านายอภิสิทธิ์มีความกล้าหาญจริง อย่างที่พันธมิตรฯ เคยพูดไว้แล้วว่า จะต้องเปลี่ยนนายสุเทพซะ”

นายสนธิกล่าวต่อว่า ไม่ทราบว่านายสุเทพโง่ หรือแกล้งโง่ หรือว่าแอบให้ความร่วมมือกับเขา (คนเสื้อแดง) แต่ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะว่าตำรวจให้ความร่วมมือ(กับคนเสื้อแดง)หมด ทุกอย่าง ในเมื่อนายสุเทพคุมตำรวจแต่ไม่สามารถสั่งตำรวจได้ นายสุเทพต้องละอายใจตัวเอง นายสุเทพเป็นตัวการทำให้ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ (เลขาธิการนายกฯ – พี่ภรรยา) ต้องเจ็บตัว นายสุเทพต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ

นอกจากนี้ พล.ต.อ.พัชรวาทต้องไปทันที พล.อ.อนุพงษ์ ก็ต้องไป ผู้บัญชาการทหารเรือก็ต้องไป เพราะว่าเขตขลบุรีเป็นเขตทหารเรือ กองบัญชาการหนาวิกโยธินก็อยู่ที่นั่น แต่ไม่ทำอะไร แค่มายืนดันไปดันมา ข้อสุดท้าย พล.อ.ประวิตร ก็ควรจะไปเช่นกัน

ถ้าเปลี่ยน 4 คนนี้ได้ ก็จะสงบทันที ผมไม่เชื่อว่า พล.อนุพงษ์จะกล้าหาญทำอะไร เพราะไม่กล้ามาแต่ต้นแล้ว ถ้าคุณอภิสิทธิ์จะกล้าทำอะไร ผมเชื่อว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะสงบ ตำรวจก็จะเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ถ้าตำรวจเปลี่ยนปั๊บ ทหารอยู่ในแถว ไม่แอบไปจับมือกับนักการเมืองบางคน ผมเชื่อว่าเราจะเห็นการเมืองดีขึ้น” นายสนธิ กล่าว

ู^
^

เน้นย้ำอีกประเด็นหนึ่งที่ทักษิน ออกมาพูดตอนหนึ่งว่า รุนแรงขนาดนี้แล้ว ทำไมทหารไม่ออกมาปฏิวัติสักที

Label Cloud