เปลว สีเงิน ไทยโพสต์: 17-04-2009
ถึงตอนนี้ก็ต้องชมว่ายุทธศาสตร์-ยุทธวิธีที่เรียกว่าแผนการที่ "กองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะกิจ (กอฉ.)" กำหนดขึ้นเพื่อใช้คลี่คลายเหตุการณ์ "จลาจลเผาบ้าน-เผาเมือง" ที่ทักษิณปลุกปั่น-ยุยงคนเสื้อแดงก่อการกบฏแผ่นดินขึ้น เมื่อ ๘-๑๔ เม.ย.นั้น เป็นแผนที่แสดงถึงความลุ่มลึก ไม่ทำเพียงหวังผลเฉพาะหน้า แต่วางแผนครอบคลุมถึงผลต่อเนื่องที่จะเกิดตามมาด้วย ดังนั้น เราจะเห็นว่า การสลายม็อบจากเช้าถึงเที่ยงวันที่ ๑๔ เม.ย.นั้น กอฉ.ใช้สมองทำงานมากกว่าใช้กำลัง เป็นการปราบกบฏที่โอ่อ่า-เปิดเผย โดยยอมให้ประชาชน และสื่อมวลชนร่วมไปกับทหารที่ปฏิบัติการสลายม็อบ โดยไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้กำลังและ "ไม่ใช้ความรุนแรง" ทุกรูปแบบ
ด้วยการประเมินสถานการณ์ข้างหน้าไม่ผิดพลาดเช่นนี้แหละ รัฐบาล โดย กอฉ.จึงมีพยานเต็มไปหมด ทั้งชาวบ้าน ทั้งสื่อไทยและสื่อเทศต่างยืนยันได้ว่า ที่พรรคเพื่อไทยก็ดี คนเสื้อแดงทักษิณก็ดี ออกมาให้ข่าวขณะนี้ว่า รัฐบาลใช้ความรุนแรงบ้าง ว่าทหารฆ่าประชาชนแล้วเอาศพแอบไปเผาบ้าง นั้น
ไม่เป็นความจริง เป็นการบิดเบือน สร้างข่าวใส่ร้าย-ป้ายสีรัฐบาล และทหารอย่างหน้าด้านที่สุด!
ลำพังสื่อวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ภาษาไทย คนไทยด้วยกันเองอ่านแล้ว-ฟังแล้วมัน "ด้านใจ" แต่พอสื่อฝรั่งทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ตอกย้ำความจริงลงไปอีกทีว่า ทักษิณเป็นจอมปั้นความเท็จลวงโลก ชมนายกฯ อภิสิทธิ์ "เคลียร์ชัด-สะอาด-บริสุทธิ์" ประณามม็อบทักษิณก่อความรุนแรงที่ยอมรับไม่ได้ และยกย่องว่าทหารปฏิบัติการสลายม็อบแดงได้เยี่ยม เพราะไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ เลย
ไม่มีคนเสื้อแดงเจ็บ-ตายจากการสลายม็อบของทหาร
มีแต่ชาวบ้าน และทหาร ทั้งเจ็บ-ทั้งตาย ด้วยน้ำมือฝ่ายเผาบ้าน-เผาเมืองของพวกแดงทักษิณ!
สื่อนอกยันเท่านี้ เป็นใบการันตีความบริสุทธิ์โปร่งใสของรัฐบาล-ทหาร กอฉ.ตลอดไปทันที การพูดจาโฆษณาชวนเชื่อใดๆ จากฝ่ายทักษิณต่อจากนี้ ไม่มีใครเชื่อวาจาโจรอีกแล้ว
ฉะนั้น ตอนนี้ ไม่ว่าทักษิณจะซื้อพื้นที่สื่อจากต่างประเทศ พูดจาตลบตะแลงอะไรเข้ามาในเมืองไทย หรือสมุนแดงในเมืองไทย รวมทั้งคนในพรรคเพื่อไทย จะสาดสี-ป้ายโคลนใส่รัฐบาล ใส่ทหารกองกำลัง กอฉ.อย่างใด ก็คล้ายเสียงหมาหอบแดดเยี่ยวรดสังกะสี ไม่มีราคาเลย!
แต่ปฏิบัติการ "กบฏแผ่นดิน" ของทักษิณยังไม่จบ เพียงแต่สะดุด-หยุดชะงักไปชั่วคราวเท่านั้น เหมือนเชื้อโรคแหละครับ ตราบใดที่ร่างกายยังแข็งแรง มันก็สงบรอจังหวะ ถ้าร่างกายอ่อนแอวันไหน มันก็พร้อมจะออกมาโจมตีใหม่วันนั้น
นั่นคือ รัฐบาล โดยนายกฯ อภิสิทธิ์ ถ้าหย่อนในมาตรการ ทหาร-ตำรวจ ไม่ร่วมมืออย่างจริงใจเมื่อไหร่ และศักยภาพในการบริหารของท่านอ่อนแอวันไหน ก็เมื่อนั้นแหละ
กองกำลังกบฏแผ่นดินของทักษิณจะโผล่ขึ้นมา "ผนึกไส้ศึก" ยึดบ้าน-ยึดเมืองอีกทันที!
ในความเห็นผม อย่างเร็วที่สุด-สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์ จะถือว่าบ้านเมืองเข้าสู่สถานการณ์ปกติยังไม่ได้ ยังจำเป็นต้องใช้มาตรการจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ จนกว่าสัปดาห์หน้า คือวันที่ ๒๐ เม.ย.ไปแล้วนั่นแหละ ค่อยนำข้อมูลทั้งลับ-ทั้งแจ้งมาชั่งน้ำหนักสุดท้ายดูอีกทีก่อนตัดสินใจ
คือจะเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือจะคงไว้อีกระยะ หลังวันจันทร์จึงค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สายหรอก!
เรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มองดูแล้วก็แปลก เหมือนกรณีโรงไฟฟ้า ถ้าวันไหนไฟตก ไฟดับ ไฟไม่พอ ไฟติดๆ ดับๆ ชาวบ้านจะด่าแม่ กฟผ.เช็ดเลย หาว่าไม่บริหาร-จัดการตระเตรียมพลังงานรองรับการเติบโตของประเทศชาติ ครั้น กฟผ.ตระเตรียมพลังงานรองรับการเติบโต เพื่อให้มีไฟใช้กันไม่ติดๆ ดับๆ โดยสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหินบ้าง พลังงานนิวเคลียร์บ้าง
ชาวบ้านต่อต้าน-คัดค้านหัวชนฝา!
สรุปก็คือ ไฟจะเอา และเอาในราคาถูก แต่ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์!
ก็เหมือนที่พ่อค้า นักธุรกิจเขาคร่ำครวญเช้า-เย็นอยู่ตอนนี้ ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในทันที เพราะทำให้คนไม่มาลงทุน ไม่มาเที่ยว ต้นทุนธุรกิจสูง ค้าขายไม่ได้
แต่ตอนมีม็อบแดงยึดบ้าน-ป่วนเมือง ถึงขั้นก่อการกบฏหวังยึดแผ่นดินเพื่อสถาปนาทักษิณเป็นใหญ่ พวกพ่อค้า-นักธุรกิจ ก็ตีอกชกตัว ก่นด่ารัฐบาลว่า นายกฯ ไม่แข็ง ไม่เห็นทำอะไร ปล่อยให้กบฏบ้าน-กบฏเมืองก่อการจนเศรษฐกิจพังแล้ว-พังอีก
พอรัฐบาลทำอะไร และยังไม่ทันไร ออกมาแหกปากร้องอีกแล้ว ให้เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน!
จะเอาแต่ใจ-เอาแต่ได้ฝ่ายเดียวกันไปถึงไหน ไม่มีใครต้องการให้บ้านเมืองประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรอก แต่เพื่อความคล่องตัวในมาตรการที่ทันต่อสถานการณ์ไม่ปกติ มันก็จำเป็นต้องใช้ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นการใช้แบบไม่ใช้ด้วยซ้ำ ในเมื่อสถานการณ์ยังไม่สะเด็ดน้ำดี ก็เผื่อเหลือ-เผื่อขาดเอาไว้ ปุบปับจะได้ทันการณ์
ขืนรีบยกเลิกไป ถ้ามีอะไรขึ้นมาก็ด่ารัฐบาล ด่าทหารอีกหละว่าปราบม็อบไม่ได้..ไม่มีน้ำยา!
ก็จะให้เขาปราบแบบมีน้ำยารวดเร็ว-ทันใจได้อย่างไร เพราะกฎหมายในภาวะปกติทุกวันนี้ "ประชาธิปไตยจ๋า" ขนาดเตะหมากลางถนน เผลอๆ จะเจอข้อหา "เหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นสุนัข" เอาด้วยซ้ำ แล้วนี่การควบคุมฝูงชนผู้บ้าคลั่ง และตั้งธงมาเผาบ้าน-เอาเมืองโดยตรง ใจคอจะไม่ให้เขาใช้กฎหมายพิเศษชั่วคราวบ้างหรือ?
พ่อค้าก็มีต้นทุน ชาวบ้านก็มีต้นทุน ประเทศชาติก็มีต้นทุน ทุกคน-ทุกฝ่ายล้วนมีต้นทุนต้องบริหารด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้น ถึงคราวจำเป็นก็ต้องชั่งใจ
จะเอาแต่ตัวเองค้าขายได้ชั่วครั้ง-ชั่วครู่ แต่บ้านเมืองภินท์พังยาวนาน หรือว่า จะเอาให้บ้านเมืองสงบร่มเย็นยาวนาน โดยยอมเสียหายด้านการค้าการขายชั่วคราว คิดให้มันยาวๆ หน่อย?
ตอนได้-ค้าขายรวย ไม่เห็นเอามาแบ่งให้สังคมเลย เงียบกริบ แต่ตอนเสีย-สารพัดบ่น สารพัดเคลมกับสังคม พ่อค้าในหอการค้า หรือในสภาอุตสาหกรรม ไม่เคยตายจากโจรกบฏเมือง ซ้ำตอนดีๆ สวมเสื้อนอก ดื่มไวน์กับไอ้พวกกบฏเมืองหน้าระรื่น แต่ชาวบ้านสิ เป็นฝ่ายเผชิญหน้า ถูกเผา ถูกฆ่า ถูกคุกคามสารพัด ไม่เคยต่อว่าซักคำ แถมยังต้องซื้อข้าว-ซื้อน้ำเลี้ยงตำรวจ-ทหารเป็นการแบ่งปันน้ำใจ
ฉะนั้น อย่าสร้างเงื่อนไขอ้าง "ส่งออก-ส่งเข้า" ไปผูกไว้กับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมากนัก ชาวบ้านเขาจะหมั่นไส้ ถ้ามี พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วไม่มีใครมาค้าขายด้วย ประเทศชาติจะเจ๊ง....
แล้วทำไมจึงแย่งกันไปค้าขายกับจีน กับเวียดนาม กับพม่า กับประชาธิปไตยปลอมๆ อย่างในกัมพูชา ในสิงคโปร์ล่ะ ประเทศเหล่านั้น ระบบปกครองบ้านเมืองเขาไม่ยิ่งกว่ามี พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกหรือ?
ให้โอกาส ให้เวลากับรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารเขาได้ทำงานต่อเนื่องอย่างสบายใจบ้างเถอะ อย่าให้เขาต้องเผชิญศึกหลายด้าน ลำพังกวาดล้าง-แก้เกมพวกกบฏแดงที่กระจายไปทั่วประเทศก็ยุ่งยาก-ลำบากพออยู่ แล้ว แล้วนี่...พวกผู้ดีเสื้อนอกยังจะมาหลับหู-หลับตาแง้วๆ เอาแต่ได้ เอะอะก็จะให้เลิก..เลิก
ลืมตาดูโลก โดยเฉพาะตลาดใหญ่ที่สหรัฐอเมริกาซะบ้าง จะได้รู้คิดปรับทิศทางธุรกิจประเทศตัวเอง นี่ยังจะหวังส่งออกลมๆ แล้งๆ อยู่อีก ตลาดผู้บริโภคใหญ่ในสหรัฐ เดี๋ยวนี้ชาวอเมริกันหันไป "ปลูกผัก-ทำสวนครัว" หน้าบ้านใคร-หน้าบ้านมัน ที่รกร้างว่างเปล่ามีตรงไหน ก็ไปจับจองทำแปลงผักกันตรงนั้น กำลังเป็นแฟชั่นฮิตมาก
เรียกว่า ปรับวิถี ปรับทัศนคติ การอยู่-การกิน-การดำรงชีวิต เพื่อรับสภาพเศรษฐกิจที่ตายซากยาวนานของสหรัฐ อันทุกคนลงความเห็นตรงกันว่าจากยุคโลกาภิวัตน์ มันมาถึงยุคโลกาวิบัติแน่แล้ว!
แล้วไทยเราซึ่ง ๖๐-๗๐% มีรายได้มาจากการส่งออก และการท่องเที่ยว ยังจะหลับหู-หลับตา งมโข่งอยู่กับการเป่าตูดกระตุ้นการลงทุนเพื่อการส่งออกอยู่อีก ผลิตสินค้าแล้วไม่รู้จะส่งไปขายใคร ง่ายๆ อย่างนี้ แล้วจะยังจะตะบี้ตะบันการค้า-การลงทุน-การส่งออก ชนิดไม่ดูเหนือ-ดูใต้ มันก็น่าสมควรปล่อยให้เจ๊งอยู่หรอก?
ที่ผ่านมา จีดีพี-มันคือตัวสะท้อนความสุขจากการค้าขายกำไรของพ่อค้า-กลุ่มทุน เราทุ่มทั้งประเทศเพื่อเลี้ยงตัวเลขของสังคมกลุ่มนี้ แล้วเคลมว่าเป็นตัวเลขความเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวม
ต่อจากนี้ จีดีพีของประเทศไทย มันควรต้องเป็นตัวสะท้อน "ความสุขมวลรวมในการดำรงชีวิตของประชาชนในชาติ"
สุขนั้นมาจากไหน สุขนั้นจะมาจาก "เศรษฐกิจพอเพียง" เพื่อรอการต่อยอดในอนาคต ไม่ควรจะเป็นจีดีพีสะท้อนสุขของพ่อค้า-กลุ่มทุนส่งออกประเภท "ใครใหญ่-กูไปซบตีน" แล้วพอมีอะไร เอาทุกข์มายัดใส่บ่าชาวบ้าน แต่ยามสุข...เสพกันเงียบอยู่พวกเดียว!
ให้ประเทศมันรอดซะก่อน แล้วการค้า-การส่งออกมันก็รอด ไม่ต้องห่วงหรอก พวกคุณได้รวยกันแน่ ปลายปีนี้ รอฟังข่าวดี ประเทศไทยอาจมี "บ่อน้ำมันใหญ่" ให้ได้เฮกันทั้งชาติ
แต่ถ้าประเทศไม่รอด ต่อให้เศรษฐกิจโลกดีขนาดไหน พวกคุณจะไปค้าขายได้อย่างไร และอีกอย่าง ผมก็ไม่แน่ใจว่าพวกคุณจะอยู่ "ร่วมทุกข์" กันครบหน้ากับชาวประชาในประเทศหรือไม่?
อย่าพูดกันเรื่องนี้ดีกว่า เดี๋ยวจะเหม็นหน้ากันไปเปล่าๆ ระวังเสาร์-อาทิตย์ "ส่งท้ายสัปดาห์" อาฟเตอร์ช็อกอาจเกิดขึ้นได้ การบีบวงล้อมทั้งตัวทักษิณ และบริวารแดงจากฝ่ายรัฐบาล อาจจะมีปฏิบัติการตอบโต้-ต่อต้านให้เห็น นายกฯ อภิสิทธิ์ยังไม่พ้นวิบาก ยิ่งทีมการเมืองร่วมรัฐบาลทำตัวเหมือน "ธุระไม่ใช่" ซ้ำภายในประชาธิปัตย์สะบัดร้อน-สะบัดหนาว ก็ต้องขอบอกว่านายกฯ อภิสิทธิ์ยังไม่มีสิทธิ์นอนชนิด "หัวติดหมอน" ได้หรอกครับ.
ถึงตอนนี้ก็ต้องชมว่ายุทธศาสตร์-ยุทธวิธีที่เรียกว่าแผนการที่ "กองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะกิจ (กอฉ.)" กำหนดขึ้นเพื่อใช้คลี่คลายเหตุการณ์ "จลาจลเผาบ้าน-เผาเมือง" ที่ทักษิณปลุกปั่น-ยุยงคนเสื้อแดงก่อการกบฏแผ่นดินขึ้น เมื่อ ๘-๑๔ เม.ย.นั้น เป็นแผนที่แสดงถึงความลุ่มลึก ไม่ทำเพียงหวังผลเฉพาะหน้า แต่วางแผนครอบคลุมถึงผลต่อเนื่องที่จะเกิดตามมาด้วย ดังนั้น เราจะเห็นว่า การสลายม็อบจากเช้าถึงเที่ยงวันที่ ๑๔ เม.ย.นั้น กอฉ.ใช้สมองทำงานมากกว่าใช้กำลัง เป็นการปราบกบฏที่โอ่อ่า-เปิดเผย โดยยอมให้ประชาชน และสื่อมวลชนร่วมไปกับทหารที่ปฏิบัติการสลายม็อบ โดยไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้กำลังและ "ไม่ใช้ความรุนแรง" ทุกรูปแบบ
ด้วยการประเมินสถานการณ์ข้างหน้าไม่ผิดพลาดเช่นนี้แหละ รัฐบาล โดย กอฉ.จึงมีพยานเต็มไปหมด ทั้งชาวบ้าน ทั้งสื่อไทยและสื่อเทศต่างยืนยันได้ว่า ที่พรรคเพื่อไทยก็ดี คนเสื้อแดงทักษิณก็ดี ออกมาให้ข่าวขณะนี้ว่า รัฐบาลใช้ความรุนแรงบ้าง ว่าทหารฆ่าประชาชนแล้วเอาศพแอบไปเผาบ้าง นั้น
ไม่เป็นความจริง เป็นการบิดเบือน สร้างข่าวใส่ร้าย-ป้ายสีรัฐบาล และทหารอย่างหน้าด้านที่สุด!
ลำพังสื่อวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ภาษาไทย คนไทยด้วยกันเองอ่านแล้ว-ฟังแล้วมัน "ด้านใจ" แต่พอสื่อฝรั่งทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ตอกย้ำความจริงลงไปอีกทีว่า ทักษิณเป็นจอมปั้นความเท็จลวงโลก ชมนายกฯ อภิสิทธิ์ "เคลียร์ชัด-สะอาด-บริสุทธิ์" ประณามม็อบทักษิณก่อความรุนแรงที่ยอมรับไม่ได้ และยกย่องว่าทหารปฏิบัติการสลายม็อบแดงได้เยี่ยม เพราะไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ เลย
ไม่มีคนเสื้อแดงเจ็บ-ตายจากการสลายม็อบของทหาร
มีแต่ชาวบ้าน และทหาร ทั้งเจ็บ-ทั้งตาย ด้วยน้ำมือฝ่ายเผาบ้าน-เผาเมืองของพวกแดงทักษิณ!
สื่อนอกยันเท่านี้ เป็นใบการันตีความบริสุทธิ์โปร่งใสของรัฐบาล-ทหาร กอฉ.ตลอดไปทันที การพูดจาโฆษณาชวนเชื่อใดๆ จากฝ่ายทักษิณต่อจากนี้ ไม่มีใครเชื่อวาจาโจรอีกแล้ว
ฉะนั้น ตอนนี้ ไม่ว่าทักษิณจะซื้อพื้นที่สื่อจากต่างประเทศ พูดจาตลบตะแลงอะไรเข้ามาในเมืองไทย หรือสมุนแดงในเมืองไทย รวมทั้งคนในพรรคเพื่อไทย จะสาดสี-ป้ายโคลนใส่รัฐบาล ใส่ทหารกองกำลัง กอฉ.อย่างใด ก็คล้ายเสียงหมาหอบแดดเยี่ยวรดสังกะสี ไม่มีราคาเลย!
แต่ปฏิบัติการ "กบฏแผ่นดิน" ของทักษิณยังไม่จบ เพียงแต่สะดุด-หยุดชะงักไปชั่วคราวเท่านั้น เหมือนเชื้อโรคแหละครับ ตราบใดที่ร่างกายยังแข็งแรง มันก็สงบรอจังหวะ ถ้าร่างกายอ่อนแอวันไหน มันก็พร้อมจะออกมาโจมตีใหม่วันนั้น
นั่นคือ รัฐบาล โดยนายกฯ อภิสิทธิ์ ถ้าหย่อนในมาตรการ ทหาร-ตำรวจ ไม่ร่วมมืออย่างจริงใจเมื่อไหร่ และศักยภาพในการบริหารของท่านอ่อนแอวันไหน ก็เมื่อนั้นแหละ
กองกำลังกบฏแผ่นดินของทักษิณจะโผล่ขึ้นมา "ผนึกไส้ศึก" ยึดบ้าน-ยึดเมืองอีกทันที!
ในความเห็นผม อย่างเร็วที่สุด-สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์ จะถือว่าบ้านเมืองเข้าสู่สถานการณ์ปกติยังไม่ได้ ยังจำเป็นต้องใช้มาตรการจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ จนกว่าสัปดาห์หน้า คือวันที่ ๒๐ เม.ย.ไปแล้วนั่นแหละ ค่อยนำข้อมูลทั้งลับ-ทั้งแจ้งมาชั่งน้ำหนักสุดท้ายดูอีกทีก่อนตัดสินใจ
คือจะเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือจะคงไว้อีกระยะ หลังวันจันทร์จึงค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สายหรอก!
เรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มองดูแล้วก็แปลก เหมือนกรณีโรงไฟฟ้า ถ้าวันไหนไฟตก ไฟดับ ไฟไม่พอ ไฟติดๆ ดับๆ ชาวบ้านจะด่าแม่ กฟผ.เช็ดเลย หาว่าไม่บริหาร-จัดการตระเตรียมพลังงานรองรับการเติบโตของประเทศชาติ ครั้น กฟผ.ตระเตรียมพลังงานรองรับการเติบโต เพื่อให้มีไฟใช้กันไม่ติดๆ ดับๆ โดยสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหินบ้าง พลังงานนิวเคลียร์บ้าง
ชาวบ้านต่อต้าน-คัดค้านหัวชนฝา!
สรุปก็คือ ไฟจะเอา และเอาในราคาถูก แต่ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์!
ก็เหมือนที่พ่อค้า นักธุรกิจเขาคร่ำครวญเช้า-เย็นอยู่ตอนนี้ ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในทันที เพราะทำให้คนไม่มาลงทุน ไม่มาเที่ยว ต้นทุนธุรกิจสูง ค้าขายไม่ได้
แต่ตอนมีม็อบแดงยึดบ้าน-ป่วนเมือง ถึงขั้นก่อการกบฏหวังยึดแผ่นดินเพื่อสถาปนาทักษิณเป็นใหญ่ พวกพ่อค้า-นักธุรกิจ ก็ตีอกชกตัว ก่นด่ารัฐบาลว่า นายกฯ ไม่แข็ง ไม่เห็นทำอะไร ปล่อยให้กบฏบ้าน-กบฏเมืองก่อการจนเศรษฐกิจพังแล้ว-พังอีก
พอรัฐบาลทำอะไร และยังไม่ทันไร ออกมาแหกปากร้องอีกแล้ว ให้เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน!
จะเอาแต่ใจ-เอาแต่ได้ฝ่ายเดียวกันไปถึงไหน ไม่มีใครต้องการให้บ้านเมืองประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรอก แต่เพื่อความคล่องตัวในมาตรการที่ทันต่อสถานการณ์ไม่ปกติ มันก็จำเป็นต้องใช้ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นการใช้แบบไม่ใช้ด้วยซ้ำ ในเมื่อสถานการณ์ยังไม่สะเด็ดน้ำดี ก็เผื่อเหลือ-เผื่อขาดเอาไว้ ปุบปับจะได้ทันการณ์
ขืนรีบยกเลิกไป ถ้ามีอะไรขึ้นมาก็ด่ารัฐบาล ด่าทหารอีกหละว่าปราบม็อบไม่ได้..ไม่มีน้ำยา!
ก็จะให้เขาปราบแบบมีน้ำยารวดเร็ว-ทันใจได้อย่างไร เพราะกฎหมายในภาวะปกติทุกวันนี้ "ประชาธิปไตยจ๋า" ขนาดเตะหมากลางถนน เผลอๆ จะเจอข้อหา "เหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นสุนัข" เอาด้วยซ้ำ แล้วนี่การควบคุมฝูงชนผู้บ้าคลั่ง และตั้งธงมาเผาบ้าน-เอาเมืองโดยตรง ใจคอจะไม่ให้เขาใช้กฎหมายพิเศษชั่วคราวบ้างหรือ?
พ่อค้าก็มีต้นทุน ชาวบ้านก็มีต้นทุน ประเทศชาติก็มีต้นทุน ทุกคน-ทุกฝ่ายล้วนมีต้นทุนต้องบริหารด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้น ถึงคราวจำเป็นก็ต้องชั่งใจ
จะเอาแต่ตัวเองค้าขายได้ชั่วครั้ง-ชั่วครู่ แต่บ้านเมืองภินท์พังยาวนาน หรือว่า จะเอาให้บ้านเมืองสงบร่มเย็นยาวนาน โดยยอมเสียหายด้านการค้าการขายชั่วคราว คิดให้มันยาวๆ หน่อย?
ตอนได้-ค้าขายรวย ไม่เห็นเอามาแบ่งให้สังคมเลย เงียบกริบ แต่ตอนเสีย-สารพัดบ่น สารพัดเคลมกับสังคม พ่อค้าในหอการค้า หรือในสภาอุตสาหกรรม ไม่เคยตายจากโจรกบฏเมือง ซ้ำตอนดีๆ สวมเสื้อนอก ดื่มไวน์กับไอ้พวกกบฏเมืองหน้าระรื่น แต่ชาวบ้านสิ เป็นฝ่ายเผชิญหน้า ถูกเผา ถูกฆ่า ถูกคุกคามสารพัด ไม่เคยต่อว่าซักคำ แถมยังต้องซื้อข้าว-ซื้อน้ำเลี้ยงตำรวจ-ทหารเป็นการแบ่งปันน้ำใจ
ฉะนั้น อย่าสร้างเงื่อนไขอ้าง "ส่งออก-ส่งเข้า" ไปผูกไว้กับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมากนัก ชาวบ้านเขาจะหมั่นไส้ ถ้ามี พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วไม่มีใครมาค้าขายด้วย ประเทศชาติจะเจ๊ง....
แล้วทำไมจึงแย่งกันไปค้าขายกับจีน กับเวียดนาม กับพม่า กับประชาธิปไตยปลอมๆ อย่างในกัมพูชา ในสิงคโปร์ล่ะ ประเทศเหล่านั้น ระบบปกครองบ้านเมืองเขาไม่ยิ่งกว่ามี พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกหรือ?
ให้โอกาส ให้เวลากับรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารเขาได้ทำงานต่อเนื่องอย่างสบายใจบ้างเถอะ อย่าให้เขาต้องเผชิญศึกหลายด้าน ลำพังกวาดล้าง-แก้เกมพวกกบฏแดงที่กระจายไปทั่วประเทศก็ยุ่งยาก-ลำบากพออยู่ แล้ว แล้วนี่...พวกผู้ดีเสื้อนอกยังจะมาหลับหู-หลับตาแง้วๆ เอาแต่ได้ เอะอะก็จะให้เลิก..เลิก
ลืมตาดูโลก โดยเฉพาะตลาดใหญ่ที่สหรัฐอเมริกาซะบ้าง จะได้รู้คิดปรับทิศทางธุรกิจประเทศตัวเอง นี่ยังจะหวังส่งออกลมๆ แล้งๆ อยู่อีก ตลาดผู้บริโภคใหญ่ในสหรัฐ เดี๋ยวนี้ชาวอเมริกันหันไป "ปลูกผัก-ทำสวนครัว" หน้าบ้านใคร-หน้าบ้านมัน ที่รกร้างว่างเปล่ามีตรงไหน ก็ไปจับจองทำแปลงผักกันตรงนั้น กำลังเป็นแฟชั่นฮิตมาก
เรียกว่า ปรับวิถี ปรับทัศนคติ การอยู่-การกิน-การดำรงชีวิต เพื่อรับสภาพเศรษฐกิจที่ตายซากยาวนานของสหรัฐ อันทุกคนลงความเห็นตรงกันว่าจากยุคโลกาภิวัตน์ มันมาถึงยุคโลกาวิบัติแน่แล้ว!
แล้วไทยเราซึ่ง ๖๐-๗๐% มีรายได้มาจากการส่งออก และการท่องเที่ยว ยังจะหลับหู-หลับตา งมโข่งอยู่กับการเป่าตูดกระตุ้นการลงทุนเพื่อการส่งออกอยู่อีก ผลิตสินค้าแล้วไม่รู้จะส่งไปขายใคร ง่ายๆ อย่างนี้ แล้วจะยังจะตะบี้ตะบันการค้า-การลงทุน-การส่งออก ชนิดไม่ดูเหนือ-ดูใต้ มันก็น่าสมควรปล่อยให้เจ๊งอยู่หรอก?
ที่ผ่านมา จีดีพี-มันคือตัวสะท้อนความสุขจากการค้าขายกำไรของพ่อค้า-กลุ่มทุน เราทุ่มทั้งประเทศเพื่อเลี้ยงตัวเลขของสังคมกลุ่มนี้ แล้วเคลมว่าเป็นตัวเลขความเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวม
ต่อจากนี้ จีดีพีของประเทศไทย มันควรต้องเป็นตัวสะท้อน "ความสุขมวลรวมในการดำรงชีวิตของประชาชนในชาติ"
สุขนั้นมาจากไหน สุขนั้นจะมาจาก "เศรษฐกิจพอเพียง" เพื่อรอการต่อยอดในอนาคต ไม่ควรจะเป็นจีดีพีสะท้อนสุขของพ่อค้า-กลุ่มทุนส่งออกประเภท "ใครใหญ่-กูไปซบตีน" แล้วพอมีอะไร เอาทุกข์มายัดใส่บ่าชาวบ้าน แต่ยามสุข...เสพกันเงียบอยู่พวกเดียว!
ให้ประเทศมันรอดซะก่อน แล้วการค้า-การส่งออกมันก็รอด ไม่ต้องห่วงหรอก พวกคุณได้รวยกันแน่ ปลายปีนี้ รอฟังข่าวดี ประเทศไทยอาจมี "บ่อน้ำมันใหญ่" ให้ได้เฮกันทั้งชาติ
แต่ถ้าประเทศไม่รอด ต่อให้เศรษฐกิจโลกดีขนาดไหน พวกคุณจะไปค้าขายได้อย่างไร และอีกอย่าง ผมก็ไม่แน่ใจว่าพวกคุณจะอยู่ "ร่วมทุกข์" กันครบหน้ากับชาวประชาในประเทศหรือไม่?
อย่าพูดกันเรื่องนี้ดีกว่า เดี๋ยวจะเหม็นหน้ากันไปเปล่าๆ ระวังเสาร์-อาทิตย์ "ส่งท้ายสัปดาห์" อาฟเตอร์ช็อกอาจเกิดขึ้นได้ การบีบวงล้อมทั้งตัวทักษิณ และบริวารแดงจากฝ่ายรัฐบาล อาจจะมีปฏิบัติการตอบโต้-ต่อต้านให้เห็น นายกฯ อภิสิทธิ์ยังไม่พ้นวิบาก ยิ่งทีมการเมืองร่วมรัฐบาลทำตัวเหมือน "ธุระไม่ใช่" ซ้ำภายในประชาธิปัตย์สะบัดร้อน-สะบัดหนาว ก็ต้องขอบอกว่านายกฯ อภิสิทธิ์ยังไม่มีสิทธิ์นอนชนิด "หัวติดหมอน" ได้หรอกครับ.