Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Saturday, April 18, 2009

เปลว สีเงิน - พรก.ฉุกเฉินทำลายเศรษฐกิจจริงหรือ?

เปลว สีเงิน ไทยโพสต์: 17-04-2009

ถึงตอนนี้ก็ต้องชมว่ายุทธศาสตร์-ยุทธวิธีที่เรียกว่าแผนการที่  "กองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะกิจ (กอฉ.)"  กำหนดขึ้นเพื่อใช้คลี่คลายเหตุการณ์  "จลาจลเผาบ้าน-เผาเมือง"  ที่ทักษิณปลุกปั่น-ยุยงคนเสื้อแดงก่อการกบฏแผ่นดินขึ้น  เมื่อ  ๘-๑๔  เม.ย.นั้น  เป็นแผนที่แสดงถึงความลุ่มลึก  ไม่ทำเพียงหวังผลเฉพาะหน้า  แต่วางแผนครอบคลุมถึงผลต่อเนื่องที่จะเกิดตามมาด้วย  ดังนั้น  เราจะเห็นว่า  การสลายม็อบจากเช้าถึงเที่ยงวันที่  ๑๔  เม.ย.นั้น  กอฉ.ใช้สมองทำงานมากกว่าใช้กำลัง  เป็นการปราบกบฏที่โอ่อ่า-เปิดเผย  โดยยอมให้ประชาชน  และสื่อมวลชนร่วมไปกับทหารที่ปฏิบัติการสลายม็อบ  โดยไม่ใช้อาวุธ  ไม่ใช้กำลังและ  "ไม่ใช้ความรุนแรง"  ทุกรูปแบบ
     ด้วยการประเมินสถานการณ์ข้างหน้าไม่ผิดพลาดเช่นนี้แหละ  รัฐบาล  โดย  กอฉ.จึงมีพยานเต็มไปหมด  ทั้งชาวบ้าน  ทั้งสื่อไทยและสื่อเทศต่างยืนยันได้ว่า  ที่พรรคเพื่อไทยก็ดี  คนเสื้อแดงทักษิณก็ดี  ออกมาให้ข่าวขณะนี้ว่า  รัฐบาลใช้ความรุนแรงบ้าง  ว่าทหารฆ่าประชาชนแล้วเอาศพแอบไปเผาบ้าง  นั้น
     ไม่เป็นความจริง  เป็นการบิดเบือน  สร้างข่าวใส่ร้าย-ป้ายสีรัฐบาล  และทหารอย่างหน้าด้านที่สุด!
     ลำพังสื่อวิทยุ   โทรทัศน์  หนังสือพิมพ์ภาษาไทย  คนไทยด้วยกันเองอ่านแล้ว-ฟังแล้วมัน "ด้านใจ"  แต่พอสื่อฝรั่งทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ตอกย้ำความจริงลงไปอีกทีว่า  ทักษิณเป็นจอมปั้นความเท็จลวงโลก  ชมนายกฯ  อภิสิทธิ์  "เคลียร์ชัด-สะอาด-บริสุทธิ์"  ประณามม็อบทักษิณก่อความรุนแรงที่ยอมรับไม่ได้  และยกย่องว่าทหารปฏิบัติการสลายม็อบแดงได้เยี่ยม  เพราะไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ  เลย
     ไม่มีคนเสื้อแดงเจ็บ-ตายจากการสลายม็อบของทหาร
     มีแต่ชาวบ้าน  และทหาร  ทั้งเจ็บ-ทั้งตาย  ด้วยน้ำมือฝ่ายเผาบ้าน-เผาเมืองของพวกแดงทักษิณ!
     สื่อนอกยันเท่านี้  เป็นใบการันตีความบริสุทธิ์โปร่งใสของรัฐบาล-ทหาร  กอฉ.ตลอดไปทันที  การพูดจาโฆษณาชวนเชื่อใดๆ  จากฝ่ายทักษิณต่อจากนี้  ไม่มีใครเชื่อวาจาโจรอีกแล้ว
     ฉะนั้น  ตอนนี้  ไม่ว่าทักษิณจะซื้อพื้นที่สื่อจากต่างประเทศ  พูดจาตลบตะแลงอะไรเข้ามาในเมืองไทย  หรือสมุนแดงในเมืองไทย  รวมทั้งคนในพรรคเพื่อไทย  จะสาดสี-ป้ายโคลนใส่รัฐบาล  ใส่ทหารกองกำลัง  กอฉ.อย่างใด  ก็คล้ายเสียงหมาหอบแดดเยี่ยวรดสังกะสี  ไม่มีราคาเลย!
     แต่ปฏิบัติการ  "กบฏแผ่นดิน"  ของทักษิณยังไม่จบ  เพียงแต่สะดุด-หยุดชะงักไปชั่วคราวเท่านั้น  เหมือนเชื้อโรคแหละครับ  ตราบใดที่ร่างกายยังแข็งแรง  มันก็สงบรอจังหวะ  ถ้าร่างกายอ่อนแอวันไหน  มันก็พร้อมจะออกมาโจมตีใหม่วันนั้น
     นั่นคือ  รัฐบาล  โดยนายกฯ  อภิสิทธิ์  ถ้าหย่อนในมาตรการ  ทหาร-ตำรวจ  ไม่ร่วมมืออย่างจริงใจเมื่อไหร่  และศักยภาพในการบริหารของท่านอ่อนแอวันไหน  ก็เมื่อนั้นแหละ
     กองกำลังกบฏแผ่นดินของทักษิณจะโผล่ขึ้นมา  "ผนึกไส้ศึก"  ยึดบ้าน-ยึดเมืองอีกทันที!
     ในความเห็นผม  อย่างเร็วที่สุด-สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์  จะถือว่าบ้านเมืองเข้าสู่สถานการณ์ปกติยังไม่ได้  ยังจำเป็นต้องใช้มาตรการจาก  พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่  จนกว่าสัปดาห์หน้า  คือวันที่  ๒๐  เม.ย.ไปแล้วนั่นแหละ  ค่อยนำข้อมูลทั้งลับ-ทั้งแจ้งมาชั่งน้ำหนักสุดท้ายดูอีกทีก่อนตัดสินใจ
     คือจะเลิก  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  หรือจะคงไว้อีกระยะ  หลังวันจันทร์จึงค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สายหรอก!
     เรื่อง  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  มองดูแล้วก็แปลก  เหมือนกรณีโรงไฟฟ้า  ถ้าวันไหนไฟตก  ไฟดับ  ไฟไม่พอ  ไฟติดๆ  ดับๆ  ชาวบ้านจะด่าแม่  กฟผ.เช็ดเลย  หาว่าไม่บริหาร-จัดการตระเตรียมพลังงานรองรับการเติบโตของประเทศชาติ  ครั้น  กฟผ.ตระเตรียมพลังงานรองรับการเติบโต  เพื่อให้มีไฟใช้กันไม่ติดๆ  ดับๆ  โดยสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหินบ้าง  พลังงานนิวเคลียร์บ้าง
     ชาวบ้านต่อต้าน-คัดค้านหัวชนฝา!
     สรุปก็คือ  ไฟจะเอา  และเอาในราคาถูก  แต่ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน  โรงไฟฟ้านิวเคลียร์!
     ก็เหมือนที่พ่อค้า  นักธุรกิจเขาคร่ำครวญเช้า-เย็นอยู่ตอนนี้  ให้ยกเลิก  พ.ร.ก.ฉุกเฉินในทันที  เพราะทำให้คนไม่มาลงทุน  ไม่มาเที่ยว  ต้นทุนธุรกิจสูง  ค้าขายไม่ได้
     แต่ตอนมีม็อบแดงยึดบ้าน-ป่วนเมือง  ถึงขั้นก่อการกบฏหวังยึดแผ่นดินเพื่อสถาปนาทักษิณเป็นใหญ่  พวกพ่อค้า-นักธุรกิจ  ก็ตีอกชกตัว  ก่นด่ารัฐบาลว่า  นายกฯ  ไม่แข็ง  ไม่เห็นทำอะไร  ปล่อยให้กบฏบ้าน-กบฏเมืองก่อการจนเศรษฐกิจพังแล้ว-พังอีก
     พอรัฐบาลทำอะไร  และยังไม่ทันไร  ออกมาแหกปากร้องอีกแล้ว  ให้เลิก  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน!
     จะเอาแต่ใจ-เอาแต่ได้ฝ่ายเดียวกันไปถึงไหน  ไม่มีใครต้องการให้บ้านเมืองประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรอก  แต่เพื่อความคล่องตัวในมาตรการที่ทันต่อสถานการณ์ไม่ปกติ  มันก็จำเป็นต้องใช้  ก็เห็นอยู่ว่าเป็นการใช้แบบไม่ใช้ด้วยซ้ำ  ในเมื่อสถานการณ์ยังไม่สะเด็ดน้ำดี  ก็เผื่อเหลือ-เผื่อขาดเอาไว้  ปุบปับจะได้ทันการณ์
     ขืนรีบยกเลิกไป  ถ้ามีอะไรขึ้นมาก็ด่ารัฐบาล  ด่าทหารอีกหละว่าปราบม็อบไม่ได้..ไม่มีน้ำยา!
     ก็จะให้เขาปราบแบบมีน้ำยารวดเร็ว-ทันใจได้อย่างไร  เพราะกฎหมายในภาวะปกติทุกวันนี้  "ประชาธิปไตยจ๋า"  ขนาดเตะหมากลางถนน  เผลอๆ  จะเจอข้อหา  "เหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นสุนัข"  เอาด้วยซ้ำ  แล้วนี่การควบคุมฝูงชนผู้บ้าคลั่ง  และตั้งธงมาเผาบ้าน-เอาเมืองโดยตรง  ใจคอจะไม่ให้เขาใช้กฎหมายพิเศษชั่วคราวบ้างหรือ?
     พ่อค้าก็มีต้นทุน  ชาวบ้านก็มีต้นทุน  ประเทศชาติก็มีต้นทุน  ทุกคน-ทุกฝ่ายล้วนมีต้นทุนต้องบริหารด้วยกันทั้งนั้น  ฉะนั้น  ถึงคราวจำเป็นก็ต้องชั่งใจ
     จะเอาแต่ตัวเองค้าขายได้ชั่วครั้ง-ชั่วครู่  แต่บ้านเมืองภินท์พังยาวนาน  หรือว่า  จะเอาให้บ้านเมืองสงบร่มเย็นยาวนาน  โดยยอมเสียหายด้านการค้าการขายชั่วคราว  คิดให้มันยาวๆ  หน่อย?
     ตอนได้-ค้าขายรวย  ไม่เห็นเอามาแบ่งให้สังคมเลย  เงียบกริบ  แต่ตอนเสีย-สารพัดบ่น  สารพัดเคลมกับสังคม  พ่อค้าในหอการค้า  หรือในสภาอุตสาหกรรม  ไม่เคยตายจากโจรกบฏเมือง  ซ้ำตอนดีๆ  สวมเสื้อนอก  ดื่มไวน์กับไอ้พวกกบฏเมืองหน้าระรื่น  แต่ชาวบ้านสิ  เป็นฝ่ายเผชิญหน้า  ถูกเผา  ถูกฆ่า  ถูกคุกคามสารพัด  ไม่เคยต่อว่าซักคำ  แถมยังต้องซื้อข้าว-ซื้อน้ำเลี้ยงตำรวจ-ทหารเป็นการแบ่งปันน้ำใจ
     ฉะนั้น  อย่าสร้างเงื่อนไขอ้าง  "ส่งออก-ส่งเข้า"  ไปผูกไว้กับ  พ.ร.ก.ฉุกเฉินมากนัก  ชาวบ้านเขาจะหมั่นไส้  ถ้ามี  พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วไม่มีใครมาค้าขายด้วย  ประเทศชาติจะเจ๊ง....
     แล้วทำไมจึงแย่งกันไปค้าขายกับจีน  กับเวียดนาม  กับพม่า  กับประชาธิปไตยปลอมๆ  อย่างในกัมพูชา  ในสิงคโปร์ล่ะ  ประเทศเหล่านั้น  ระบบปกครองบ้านเมืองเขาไม่ยิ่งกว่ามี  พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกหรือ?
     ให้โอกาส  ให้เวลากับรัฐบาล  และเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารเขาได้ทำงานต่อเนื่องอย่างสบายใจบ้างเถอะ  อย่าให้เขาต้องเผชิญศึกหลายด้าน  ลำพังกวาดล้าง-แก้เกมพวกกบฏแดงที่กระจายไปทั่วประเทศก็ยุ่งยาก-ลำบากพออยู่ แล้ว  แล้วนี่...พวกผู้ดีเสื้อนอกยังจะมาหลับหู-หลับตาแง้วๆ  เอาแต่ได้  เอะอะก็จะให้เลิก..เลิก
     ลืมตาดูโลก  โดยเฉพาะตลาดใหญ่ที่สหรัฐอเมริกาซะบ้าง  จะได้รู้คิดปรับทิศทางธุรกิจประเทศตัวเอง  นี่ยังจะหวังส่งออกลมๆ  แล้งๆ  อยู่อีก  ตลาดผู้บริโภคใหญ่ในสหรัฐ  เดี๋ยวนี้ชาวอเมริกันหันไป  "ปลูกผัก-ทำสวนครัว"  หน้าบ้านใคร-หน้าบ้านมัน  ที่รกร้างว่างเปล่ามีตรงไหน  ก็ไปจับจองทำแปลงผักกันตรงนั้น  กำลังเป็นแฟชั่นฮิตมาก
     เรียกว่า  ปรับวิถี  ปรับทัศนคติ  การอยู่-การกิน-การดำรงชีวิต  เพื่อรับสภาพเศรษฐกิจที่ตายซากยาวนานของสหรัฐ  อันทุกคนลงความเห็นตรงกันว่าจากยุคโลกาภิวัตน์  มันมาถึงยุคโลกาวิบัติแน่แล้ว!
     แล้วไทยเราซึ่ง  ๖๐-๗๐%  มีรายได้มาจากการส่งออก  และการท่องเที่ยว  ยังจะหลับหู-หลับตา  งมโข่งอยู่กับการเป่าตูดกระตุ้นการลงทุนเพื่อการส่งออกอยู่อีก  ผลิตสินค้าแล้วไม่รู้จะส่งไปขายใคร  ง่ายๆ  อย่างนี้  แล้วจะยังจะตะบี้ตะบันการค้า-การลงทุน-การส่งออก  ชนิดไม่ดูเหนือ-ดูใต้  มันก็น่าสมควรปล่อยให้เจ๊งอยู่หรอก?
     ที่ผ่านมา  จีดีพี-มันคือตัวสะท้อนความสุขจากการค้าขายกำไรของพ่อค้า-กลุ่มทุน  เราทุ่มทั้งประเทศเพื่อเลี้ยงตัวเลขของสังคมกลุ่มนี้  แล้วเคลมว่าเป็นตัวเลขความเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวม
     ต่อจากนี้  จีดีพีของประเทศไทย  มันควรต้องเป็นตัวสะท้อน  "ความสุขมวลรวมในการดำรงชีวิตของประชาชนในชาติ"
     สุขนั้นมาจากไหน  สุขนั้นจะมาจาก  "เศรษฐกิจพอเพียง"  เพื่อรอการต่อยอดในอนาคต  ไม่ควรจะเป็นจีดีพีสะท้อนสุขของพ่อค้า-กลุ่มทุนส่งออกประเภท  "ใครใหญ่-กูไปซบตีน"  แล้วพอมีอะไร  เอาทุกข์มายัดใส่บ่าชาวบ้าน  แต่ยามสุข...เสพกันเงียบอยู่พวกเดียว!
     ให้ประเทศมันรอดซะก่อน  แล้วการค้า-การส่งออกมันก็รอด  ไม่ต้องห่วงหรอก  พวกคุณได้รวยกันแน่  ปลายปีนี้  รอฟังข่าวดี  ประเทศไทยอาจมี  "บ่อน้ำมันใหญ่"  ให้ได้เฮกันทั้งชาติ
     แต่ถ้าประเทศไม่รอด   ต่อให้เศรษฐกิจโลกดีขนาดไหน  พวกคุณจะไปค้าขายได้อย่างไร  และอีกอย่าง  ผมก็ไม่แน่ใจว่าพวกคุณจะอยู่  "ร่วมทุกข์"  กันครบหน้ากับชาวประชาในประเทศหรือไม่?
     อย่าพูดกันเรื่องนี้ดีกว่า  เดี๋ยวจะเหม็นหน้ากันไปเปล่าๆ  ระวังเสาร์-อาทิตย์  "ส่งท้ายสัปดาห์"  อาฟเตอร์ช็อกอาจเกิดขึ้นได้  การบีบวงล้อมทั้งตัวทักษิณ  และบริวารแดงจากฝ่ายรัฐบาล  อาจจะมีปฏิบัติการตอบโต้-ต่อต้านให้เห็น  นายกฯ  อภิสิทธิ์ยังไม่พ้นวิบาก  ยิ่งทีมการเมืองร่วมรัฐบาลทำตัวเหมือน  "ธุระไม่ใช่"  ซ้ำภายในประชาธิปัตย์สะบัดร้อน-สะบัดหนาว  ก็ต้องขอบอกว่านายกฯ  อภิสิทธิ์ยังไม่มีสิทธิ์นอนชนิด  "หัวติดหมอน"  ได้หรอกครับ.

Label Cloud