Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Friday, June 5, 2009

ความลับรถเมล์ 4 พันคัน - ลม เปลี่ยนทิศ

[คอลัมน์]ความลับรถเมล์ 4 พันคัน

ไทยรัฐออนไลน์ โดย ลม เปลี่ยนทิศ
28 พฤษภาคม 2552, 05:00 น.

เรียกว่ารู้แกวดี ทันทีที่มี เสียงทักท้วง จาก คณะที่ปรึกษานายก-รัฐมนตรี เรื่องโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน และโครงการขายข้าว ข้าวโพดในราคาขาดทุนย่อยยับ นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก รักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.ก็เหยียบดิสเบรกทันที ไม่ส่งเรื่องเช่ารถเมล์ 4 พันคัน กลับเข้า ครม.ใหม่เมื่อวันอังคาร

ทั้งๆที่ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีคมนาคม แถลงข่าวล่วงหน้าว่าจะเสนอเข้า ครม.อีกครั้ง หลังจากที่ยอมลดดอกเบี้ยให้ 1 เปอร์เซ็นต์

ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ขอปรึกษาหารือกับ ที่ปรึกษานายกฯทั้ง 5 ท่าน และทีมที่ปรึกษา ขอให้นายกฯยึดหลักความถูกต้อง และ ประโยชน์ของประชาชน ในการบริหารประเทศ โครงการอะไรที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง หรืออนุมัติไปแล้วจะมีเรื่องทุจริตคอรัปชันตามมา ก็ไม่ควรยอม
คำปรึกษาอย่างนี้ ผมขอปรบมือให้ด้วยความชื่นชม

การเป็นผู้นำบริหารประเทศต้องยึดความถูกต้อง ผลประโยชน์ของชาติและผลประโยชน์ประชาชนส่วนใหญ่เป็นหลัก ไม่ใช่ยึดการเมืองนํ้าเน่าเป็นหลัก อย่างที่บางกลุ่มบางคนแนะนำ ให้ยอมปล่อยผ่านโครงการที่ไม่โปร่งใส ส่อไปในทางไม่ชอบ เพื่อประนีประนอมทางการเมือง

อย่างเรื่อง การเช่ารถเมล์ 4 พันคัน 10 ปี ค่าเช่า 69,788 ล้านบาท หากปล่อยผ่านออกไปตามที่เสนอ มันอาจจะกลายเป็น "โครงการโคตรโกง" ที่เป็น "รอยด่าง" ของ พรรคประชาธิปัตย์ ไปตลอดชีวิตก็ได้ ถ้าไม่ทบทวนให้รอบคอบ

ยิ่งได้ฟัง นายโสภณ ซารัมย์ นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยคมนาคม เอาตัวเลขต่างๆมาแจกแจงนักข่าวแล้ว ก็ยิ่งเห็น "ตัวเลขซ่อนเร้น" ที่ไม่เคยเปิดมาก่อนจนน่าตกใจ

ไม่เพียง ค่าดอกเบี้ย ที่คิดแพงกว่าตลาดถึง 3.15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน เพิ่งมาเปิดเผยเมื่อบอกว่าจะลดดอกเบี้ยให้ 1 เปอร์เซ็นต์ และเรื่องรถเมล์เช่าทุกคันต้อง เปลี่ยนเครื่องยนต์ เมื่อวิ่งครบ 4 แสนกิโลเมตร โดยใช้ซากเก่าสวมใส่เครื่องยนต์ใหม่ แต่ยังคิดค่าเช่าในราคารถใหม่เหมือนเดิม

ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีคมนาคม ก็ออกมาเปิดเผย "ความลับอีกเรื่อง" ของ "รถเมล์ 4 พันคัน" โดยไม่รู้ตัวว่า

ค่าเช่ารถเมล์ 4 พันคันที่เขาลดราคาให้ ครม.พันกว่าล้านบาท จากราคาเต็ม 69,788 ล้านบาท เหลือ 67,992 ล้านบาทนั้น จะเก็บค่าโดยสาร 30 บาทต่อคนต่อวัน มีรายได้คันละ 11,000 บาทต่อวัน จากผู้โดยสาร 300 คนต่อวันต่อคัน ตลอดการเช่า 10 ปี ขสมก.จะมีรายได้มากกว่า 100,000 ล้านบาท

ผมมาติดใจตรงที่ รายได้ 11,000 บาทต่อคันต่อวัน เป็นรายได้

ที่สูงมากทีเดียว เมื่อเทียบกับ ค่าเช่ารถเมล์ 4,780 บาทต่อคันต่อวัน หมายความว่า ขสมก.จะมีกำไร 6,220 บาทต่อคันต่อวัน กำไรถึง 130 เปอร์เซ็นต์ เป็น "เสือนอนกิน" ที่ฟันกำไรโหดยิ่งกว่าพ่อค้าหน้าเลือดที่ค้ากำไรเกินควรเสียอีก

ผมลองเอาตัวเลขกำไรต่อคันต่อวันมาคำนวณดู กำไร 6,220 บาทต่อคันต่อวัน ปีละ 365 วัน ก็ฟันกำไรไป 2,270,300 บาทต่อคันต่อปี เช่า 10 ปี ก็เอา 10 คูณ ฟันกำไรไปเหนาะๆคันละ 22,703,000 บาท นี่ยังไม่รวมค่าเช่ารถเมล์อีกคันละ 1,744,700 บาทต่อปี หรือคันละ 17,447,000 บาทต่อการเช่า 10 ปี
ถ้าเอารถเมล์ 4,000 คันคูณเข้าไป โอ้ พระเจ้าจอร์จ ขสมก.ฟันกำไรไปเบ็ดเสร็จ 10 ปี เป็นเงิน 90,812 ล้านบาท นี่ยังไม่รวม ค่าเช่าที่โคตรแพงอีก 67,992 ล้านบาท เบ็ดเสร็จโครงการนี้คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 158,804 ล้านบาท ไม่ใช่ 67,992 ล้านบาท อย่างที่เราเข้าใจกันเบื้องต้น

เงินค่าเช่าและกำไรก้อนโต 158,804 ล้านบาทนี้ "คนกรุงตาดำๆ" ที่ยากจนไม่มีรถส่วนตัวจะต้องเป็น "ผู้รับภาระจ่ายทั้งหมด" ผ่าน "ค่าโดยสารรถเมล์" ที่ ขสมก.จะเก็บจากประชาชน รู้ตัวกันหรือยังจ๊ะ.

"ลม เปลี่ยนทิศ"

สมัคร สั่งถอนเช่ารถNGV 6 พันคัน

ย้อนเวลา
สมัคร สั่งถอนเช่ารถNGV 6 พันคัน
นายกรัฐมนตรี สั่ง ครม. ถอนวาระเช่ารถเมล์ เอ็นจีวี 6 พันคันออกไปก่อน อ้างเกี่ยวพันกับโครงการเมกะโปรเจกต์

นายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยระบุว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมถอนโครงการเช่ารถโดยสารที่ใช้เครื่องยนต์ก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี ) เป็นเชื้อเพลิง จำนวน 6,000 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)ออกจากวาระการประชุม ครม.วันนี้ไปก่อน เนื่องจากนายกรัฐมนตรีจะขอเข้าไปพิจารณาในรายละเอียดให้รอบคอบ เพราะเป็นโครงการที่เกี่ยวพันกับโครงการเมกะโปรเจกต์ตามแผนระบบขนส่ง

ด้าน นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ประเด็นการจัดเช่ารถโดยสารระบบ NGV นั้น ได้ถูกนำไปให้คณะกรรมการอีกชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณาต่างหาก นอกจากจะเป็นการเช่ารถแล้ว คณะรัฐมนตรียังมีการหารือในเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งในส่วนของรถ NGV นั้น เบื้องต้น ยังไม่มีการกำหนดระยะเวลา หรือกรอบเวลาในการนำกลับเข้ามาพิจารณาใหม่

รัฐเร่งเช่ารถเมล์ NGV 6 พันคันฟื้นขสมก. เล็งใช้ตั๋วราคาถูกเริ่มต้น 15 บาท

ย้อนเวลา
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ [http://www.thannews.th.com]
"สมัคร" เปิดทางให้ ขสมก. ฟื้นฟูกิจการ สั่งเร่งจัดหารถเมล์ NGV 6,000 คันวิ่งให้บริการแทนรถเมล์ใช้น้ำมันดีเซล ด้านคมนาคมเตรียมชงฝเรื่องเข้า ครม. อนุมัติแผน 10 มิ.ย.นี้ "สันติ" คาด มี.ค.2552 ได้ใช้ล็อตแรก 3,000 คัน จากนั้นอีก 4 เดือนจะได้ใช้ครบทั้งหมด 6,000 คัน เตรียมใช้ตั๋ว E-ticket เก็บค่าโดยสารราคาถูก เริ่มต้นที่ 15 บาท เชื่อปี 2553 เริ่มมีกำไร หลังดึงช่วยรับภาระดอกเบี้ยกว่า 2,000 ล้าน/ปี แทน พร้อมหามาตรการเยียวยารถร่วมเอกชนด้วย

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุม คณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แล้ว โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ คือ ให้ ขสมก.จัดหารถที่ใช้ก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิง จำนวน 6,000 คัน ด้วยวิธีการเช่า ซึ่งจากนี้ไป ขสมก.ต้องไปดำเนินการตามระเบียบพัสดุ

ทั้งนี้ คาดว่าการเปิดประมูลเช่ารถเมล์ NGV จะเสร็จสิ้นและ ได้เอกชนผู้ให้เช่าประมาณเดือนกันยายนนี้ จากนั้นอีก 6 เดือน ขสมก.จะได้รับมอบรถส่วนแรก จำนวน 3,000 คัน หลังจากนั้นอีกประมาณ 4 เดือน จะได้รับมอบรถส่วนที่เหลืออีก 3,000 คัน ซึ่งรถเมล์ NGV ที่ขสมก. เช่าใหม่นี้จะติดระบบตั๋วโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-ticket

โดยระบบตั๋วโดยสารอิเล็กทรอนิกส์นั้น จะมีทั้งแบบรายวัน ซึ่งจะคิดราคาเริ่มต้นสำหรับการเดินทางเที่ยวเดียว 15 บาท แต่ถ้ามากว่า 1 เที่ยวต่อวัน จะจ่ายค่าโดยสารในราคาแค่ 30 บาท ส่วนรายสัปดาห์ จะคิดค่าโดยสารในราคา 150 บาท ขณะที่รายเดือนจะคิดค่าโดยสารในราคา 900 บาท ส่วนผู้พิการและคนชราจะได้รับส่วนลด 50% ขณะเดียวกันก็จะมีส่วนลดพิเศษสำหรับนักเรียน-นักศึกษาด้วย โดยคาดว่าหาก ขสมก. ดำเนินการได้ตามแผนที่กล่าวมาข้างต้น ขสมก.จะเริ่มมีกำไรประมาณ 500 ล้านบาทได้ภายในปี 2553

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวต่ออีกว่า สำหรับภาระหนี้ ที่ ขสมก. มีอยู่ 69,000 ล้านบาทนั้น คณะกรรมการ มีมติว่าให้พักการชำระหนี้ไว้ก่อน โดยจะให้กระทรวงการคลังรับภาระดอกเบี้ยปีละกว่า 2,000 ล้านบาทแทน ขสมก. เพราะถือว่าภาระหนี้นี้เกิดจากการที่ ขสมก.ตรึงค่าโดยสารไว้ เพื่อลดผลกระทบให้แก่ประชาชน ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม จะเสนอแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 มิถุนายนนี้

"ประมาณเดือนมีนาคมปีหน้าเราจะมีรถเมล์ NGV ให้บริการล็อตแรก 3,000 คัน โดยแผนนี้รัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายหรือให้งบประมาณแก่ ขสมก. เลย เพราะเขาจะใช้รายได้ของตัวเองมาจ่ายค่าเช่า ซึ่งเราประเมินไว้ว่า ขสมก.จะเริ่มมีกำไรในปี 2553 ประมาณ 500 ล้านบาท ก็จะแบ่งตรงนี้มาจ่ายค่าเช่ารถ และชำระหนี้อีกกว่า 69,000 ล้านบาท ซึ่งภาระหนี้จะลดลงเรื่อยๆ ทุกปี เนื่องจากกระทรวงการคลังจะรับภาระดอกเบี้ยให้" นายสันติ กล่าว

นายสันติ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า หลังจากได้รับรถใหม่ 6,000 คันแล้ว ขสมก.จะนำรถเก่ามาเปิดประมูล โดยให้สิทธิ์องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก่อน เพื่อนำรถไปใช้ประโยชน์ เช่น รับ-ส่งนักเรียน จากนั้นจึงจะให้สิทธิ์เอกชนทั่วไปเข้าประมูลแข่งขัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

สำหรับรถร่วมบริการ ขสมก.นั้น จะไม่มีการยกเลิกสัญญาสัมปทานโดยเด็ดขาด แต่จะใช้วิธีเยียวยาผู้ประกอบการ โดยขณะนี้กระทรวงคมนาคม กำลังประสานกับกระทรวงพลังงาน เพื่อขอเงินจากกองทุนอนุรักษ์พลังงานประมาณ 9,000 ล้านบาท มาให้เอกชนกู้ยืม เพื่อใช้ปรับปรุงคุณภาพรถ โดยรัฐจะไม่บังคับว่าต้องปรับเป็นรถ NGV หรือ ต้องใช้ระบบ E-ticket แต่จะให้ดำเนิน การด้วยความสมัครใจ

"เราต้องดูแลคนทุกระดับในสังคม อย่างรถร่วมบริการเราถือว่า เขามีส่วนช่วยเหลือสังคมมากเช่นกัน และก็ต้องเข้าใจว่าการประกอบกิจการ ต้องมีรายได้มีกำไร การที่เขามาขอขึ้นค่าโดยสารถือเป็นเรื่องจำเป็นมีเหตุมีผล เพราะราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมาก และเขามีภาระหนี้ มีครอบครัวต้องเลี้ยงดู อีกอย่างถ้าหากไปยึดสัมปทานคืนหมด เดี๋ยวขสมก.จะได้ใจ เราจึงคิดว่าใช้วิธีเยียวยารถร่วมบริการเพื่อให้เขามาเดินรถแข่งกับขสมก.จะดีกว่า" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าว

ส.ส.ปชป.รวมตัวคัดค้านรถเมล์ NGV 4000 คัน

ส.ส.ปชป.รวมตัวคัดค้านรถเมล์ NGV 4000 คัน - MSN ข่าว
รัฐสภา 3 มิ.ย.- ส.ส.ปชป. รวมตัวคัดค้านโครงการรถเมล์ NGV 4,000 คัน ชี้มีข้าราชการและนักการเมืองเอี่ยวทุจริต จี้ ครม.ทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ต้องหวั่นเรื่องเสถียรภาพรัฐบาล ด้าน “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ยืนยันจะจับมือ ส.ว. และภาคประชาชนคัดค้านถึงที่สุด

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ โฆษกกรรมาธิการฯ รวมทั้ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ส่วนหนึ่ง แถลงข่าววันนี้ (3 มิ.ย.) ที่รัฐสภา คัดค้านโครงการการเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน พร้อมระบุว่า หากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการดังกล่าว แสดงว่าเป็นจุดเสื่อมของรัฐบาล

"ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์คัดค้านโครงการนี้มาตลอด และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็เป็นผู้ที่นำข้อมูลเรื่องนี้ไปให้กลุ่มพันธมิตรฯ ปราศรัยโจมตีรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี" นายชาญชัย กล่าว

นายชาญชัย ยืนยันว่า โครงการดังกล่าวส่อเอื้อผลประโยชน์ให้เอกชน และมีหลักฐานว่ามีข้าราชการและนักการเมือง ร่วมกันทุจริตเรื่องนี้ ดังนั้น หากคณะรัฐมนตรีทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องเสถียรภาพรัฐบาล

ด้านนายสมเกียรติ กล่าวว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนหนึ่ง จะร่วมมือกับ ส.ว. และภาคประชาชนยับยั้งโครงการนี้ อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นในตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และต้องการเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีทบทวน และตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะยุติโครงการนี้ หรือจะปล่อยให้ยื้อกันต่อไป โดยคณะรัฐมนตรีต้องคำนึงถึงเสียงท้วงติงของทุกฝ่าย และตัดสินใจในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน.-สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2009-06-03 13:44:32

ขสมก.จ่อปลดกระเป๋ารถเงินเดือนสูง-โละรถร่วม

ขสมก.จ่อปลดกระเป๋ารถเงินเดือนสูง-โละรถร่วม
ขสมก.จ่อปลดกระเป๋ารถเงินเดือนสูง-โละรถร่วม

นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 มี.ค. จะเรียกนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าหารือเรื่องการจัดระเบียบรถร่วมขสมก. ซึ่งเป็นรถแอร์ที่วิ่งให้บริการประชาชนในปัจจุบันจำนวน 1,800 คัน โดยหากมีการตรวจพบว่า รถร่วมขสมก. คันใดมีสภาพที่ไม่เหมาะสมในการให้บริการประชาชนก็ควรมีการปรับปรุงหรือซื้อรถใหม่เข้ามาให้บริการ รวมทั้งจะหารือจำนวนรถร่วมขสมก. ที่มีแนวโน้มจะเข้าร่วมในโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ด้วยว่าควรมีปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อการสนองความต้องการใช้ของผู้โดยสารในกรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดว่าภายในเดือนมี.ค.นี้ จะสามารถเปิดซองประกวดราคาเพื่อเชิญชวนให้เอกชนที่สนใจเข้ามาซื้อซอง ซึ่งจะทำให้โครงการดังกล่าวเป็นรูปธรรมได้ในเดือนเม.ย.นี้

ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า โครงการการเช่ารถโดยสารใช้เอ็นจีวี 4,000 คัน จะต้องเดินหน้าควบคู่กับแผนฟื้นฟู ขสมก. เพื่อให้ขสมก.ลดปัญหาขาดทุน ซึ่งหลักการนั้น ขสมก.จะต้องปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยการปรับลดพนักงาน จัดให้มีโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด จัดอบรมพนักงานเก็บเงินไปปฏิบัติหน้าที่อื่นหลังจากใช้ระบบเก็บเงินอัตโนมัติ

"ปัจจุบันพบว่าพนักงานเก็บเงินของขสมก. บางคนเงินเดือน 3 หมื่นบาท ซึ่งสูงมาก แต่เขาทำงานกับขสมก. มานาน ซึ่งตอนนี้ต้องขอความร่วมมือให้เข้าโครงการเกษียณอายุ เพื่อลดต้นทุนให้กับองค์กร และให้สิทธิลูกเข้ามาทำงานใน ขสมก.แทน ซึ่งอัตราเงินเดือนจะไม่สูงมาก เพราะเป็นการเริ่มงานใหม่" นายโสภณ กล่าว

ที่มา:หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2552
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.phpnewsid=TURObFkyOHdPREEwTURNMU1nPT0=&sectionid=TURNd05RPT0=&day=
TWpBd09TMHdNeTB3TkE9PQ==

สภาพัฒน์มั่นใจ 1 เดือน ได้ข้อสรุปรถเมล์ฉาว 4 พันคัน

Business - Manager Online
สภาพัฒน์ ได้รับมติ ครม.ให้สอบโครงการเช่ารถเมล์ฉาว 4,000 คัน เรียบร้อยแล้ว พร้อมประสานประธานบอร์ด เพื่อจัดประชุมพิจารณานัดแรก "พนัส สิมะเสถียร" ขอเวลาทำงานสักระยะ มั่นใจเสร็จตามกรอบ 30 วันแน่

นายอำพล กิตติอำพล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ กล่าวว่า สศช.ได้รับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มอบให้ สศช.เป็นเจ้าภาพในการพิจารณาความเหมาะสมโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีอื้อฉาว 4,000 คัน เรียบร้อยแล้ว

ล่าสุด ตนเองได้ทำหนังสือถึง นายพนัส สิมะเสถียร ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) สศช.เพื่อขอนัดประชุมชี้แจงรายละเอียดมติ ครม.เป็นอย่างไร เพื่อให้ความเห็นก่อนว่า กรอบการศึกษาตามมติ ครม. ควรจะเน้นไปที่ประเด็นอะไร ควรตั้งสมมุติฐาน และความเสี่ยงอย่างไร

ส่วนรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง คงไม่สามารถให้ความเห็นได้ในขณะนี้ เพราะถือเป็นดุลพินิจของทางคณะกรรมการ ส่วนจะมีการประชุมนัดแรกเพื่อพิจารณาโครงการดังกล่าวได้เมื่อใดนั้น เลขาธิการ สศช. กล่าวว่า ตนเองเพิ่งส่งหนังสือถึง ประธานฯ เมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน 2552 (วานนี้) พร้อมคาดว่า นายพนัส จะทราบเรื่องในวันนี้ และน่าจะทราบว่าจะมีการนัดประชุมนัดแรกได้หรือไม่ ช่วงเย็นวันนี้ หรืออย่างช้า น่าจะเป็นวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2552

ส่วนประเด็นที่ว่า สศช.มีความหนักใจหรือไม่ ที่ต้องเป็นหนังหน้าไฟรับพิจารณาโครงการร้อน ซึ่งกำลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างอยู่ในเวลานี้ นายอำพล กล่าวว่า ไม่มีความหนักใจแต่อย่างใด เพราะถือเป็นหน้าที่โดยตรงของ สศช.อยู่แล้วที่จะต้องศึกษานโยบายเรื่องความเหมาะสม ความคุ้มทุน การลงทุนของประเทศ พร้อมทั้งแสดงความมั่นใจว่า การพิจาณาจะเสร็จสิ้นทันตามกรอบระยะเวลา 30 วัน ตาม มติ ครม. แน่นอน

ด้านนายพนัส สิมะเสถียร ประธานคณะกรรมการ สศช. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ตนเองยังไม่ได้รับหนังสือเพื่อให้ศึกษาโครงการเช่ารถเมล์4,000 คัน จากทาง เลขาธิการ สศช. ทำให้ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะมีการนัดประชุมนัดแรกได้เมื่อใด อย่างไรก็ดี ตนต้องขอเวลาในการศึกษาข้อมูลก่อนว่า รัฐควรจะใช้รูปแบบการเช่า หรือซื้อ แบบไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน เพราะ ครม. เพิ่งจะมีมติในเรื่องดังกล่าว เมื่อวันพุธที่ 3 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมานี้เอง

กรุงเทพฯ สีเขียวด้วยรถเมล์ NGV รุก ขสมก. ลดภาวะโลกร้อน เปลี่ยนใช้ก๊าซ NGV

ย้อนเวลา Deal ขสมก สมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ปลายปี 2550/2007

ข้อสังเกตุ และคำอ้าง
  • อ้างว่าขาดทุนปีละ 6000 ล้านบาท เมื่อปลายปี 2550
  • อ้างว่าโครงการนี้ จะทำให้ ขสมก ยืนได้ด้วยตัวเองใน 3-5 ปี โดยลดการขาดทุน
  • อ้างว่าโครงการนี้ ช่วยรัฐลดค่าใช้จ่ายค่านำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 7500 ล้านบาทต่อปี (ถ้าหักลบกับการขาดทุน 6000 ล้านบาทต่อปี กับต้นทุนค่าแกส NGV ที่เพิ่มขึ้น การประหยัดค่าน้ำมันนี้ เกือบจะทำให้ ขสมก กลับมาทำกำไรได้เลยทีเดียว)
  • เมื่อเร็วๆนี้ ในคำแถลงเรื่องเช่ารถเมล์ NGV 4000 คัน กว่า 1 ปี ครึ่งที่ผ่านมา ขสมก ยังใช้ตัวเลขขาดทุนตัวเดิม คือ 6000 ล้านบาทต่อปี แม้ในปีที่แล้ว 2551 จะประสบปัญหาน้ำมันแพง แต่ก็ได้มีการขึ้นราคาค่าโดยสารช่วยไปแล้ว รายได้ที่ลดไปในช่วงปี 2551 ส่วนหนึ่งเกิดจากโครงการ "รถเมล์ฟรี เพื่อประชาชน" ที่เกิดจากอดีตนายกสมัคร จนถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในปัจจุบัน "รถเมล์ฟรี จากภาษีประชาชน" และล่าสุด จากเหตุการณ์ เมษาแดงเดือด ขสมก สรุปค่าเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
  • อ้างว่าจะนำเทคโนโลยีมาใช้ในรถ เช่น GPS และ e-ticket 1 ปีครึ่งผ่านไป ยังไม่เห็นการนำระบบ e-ticket มาใช้งานอย่างเป็นรูปธรรม
  • อ้างว่าเป็นการลดมลพิษ แต่บริษัท จะรับซื้อรถเมล์เก่า ราคาคันละ 300,000 บาท มูลค่ารวม 750 ล้านบาท แล้วนำไปบริจาคให้โรงเรียนยากจน หน่วยราชการในต่างจังหวัด คือเท่ากับ ย้ายมลพิษ จากกรุงเทพ ไปสู่ต่างจังหวัด
  • บริษัท ซันลอง ได้เข้าร่วมประมูล รถประจำทางด่วนพิเศษ กทม. (BRT) พร้อมกับบริษัทปรินทร์ อิมพอร์ต เอ็กพอร์ต และ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด (ผู้ชนะประมูล) อยู่ระหว่างการสอบสวนจากการทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว เนื่องจาก บริษัททั้งสอง ต่างถือหุ้นอยู่ในบริษัท ซันลอง
  • จากการสอบถามศุนย์ข้อมูลภาครัฐ (1111) ถึงเรื่องมูลค่าโครงการซื้อรถเมล์ NGV 2500 คัน และรายละเอียด ศูนย์ข้อมูลไม่สามารถให้รายละเอียดได้ โดยให้หมายเลขของ ขสมก มา เมื่อสอบถามทาง ขสมก ได้รับแจ้งว่าเป็นเรื่องของ ฝ่ายนโยบายของ ขสมก และบริษัท ซันลอง ไม่สามารถเปิดเผยได้ั ทั้งๆที่เป็นโครงการสาธารณะ
  • จากการโทรศัพท์ถึง บริษัท ซันลองเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องโครงการ NGV 2500 คัน โดยใช้หมายเลข 02-750-3901-4 พบว่า เป็นหมายเลขของ บริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป เมื่อถามว่าเป็นบริษัทซันลองใช่หรือไม่ ได้รับคำตอบว่าใช่ เมื่อสอบถามถึงเรื่องรถเมล์ NGV ผู้รับสายเข้าใจว่าสอบถามถึง รถเมล์ NGV 4000 คัน ที่เป็นข่าวอยู่ในปัจจุบัน เมื่อแจ้งว่าไม่ใช่ จึงได้รับคำแนะนำให้สอบถามบุคคลอื่นต่อไป
  • โครงการเช่ารถเมล์ NGV 6000 คัน ของ ขสมก เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลอดีตนายกสมัคร สุนทรเวช

กรุงเทพฯ สีเขียวด้วยรถเมล์ NGV รุก ขสมก. ลดภาวะโลกร้อน เปลี่ยนใช้ก๊าซ NGV
Thursday, 1 November 2007
บริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด (Sunlong Motors Thailand Co., Ltd.) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย “รถโดยสาร NGV” กล่าวถึงการเปิดตัวโครงการเปลี่ยนรถโดยสาร NGV ว่าบริษัทได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนในการรับซื้อรถโดยสารเก่าของ ขสมก. และของรถร่วมบริการ ขสมก. ในเขตกรุงเทพมหานครที่มีอายุใช้งานกว่า 15 ปี และเป็นผู้ให้บริการจัดหารถโดยสาร NGV ใหม่มาทดแทน โดยรถโดยสารรุ่นใหม่ทุกคันจะติดตั้งเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เป็นโครงการในฝันของคนกรุงเทพฯ ในการได้รับบริการที่ดี สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นด้วยการช่วยลดมลภาวะ ประเทศสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 7,500 ล้านบาท/ปี โดยงบที่ประหยัดได้ในส่วนนี้สามารถนำมาใช้ปรับปรุงคุณภาพบริการและประสิทธิภาพของ ขสมก. ให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ ขสมก. ได้เป็นรัฐวิสาหกิจที่สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองภายในระยะเวลา 3-5 ปี โดยลดปัญหาการขาดทุนปีละ 6,000 ล้านบาท โดยในโครงการนี้คาดว่าจะมีการเปลี่ยนรถโดยสาร NGV จำนวน 2,500 คัน ซึ่งจะสามารถลดมลพิษในอากาศได้มากกว่า 250 ตัน/ปี ทำให้การแก้ปัญหามลพิษในกรุงเทพฯได้ผลเป็นรูปธรรม โครงการนี้จึงถือเป็นทางเลือกใหม่ของระบบขนส่งมวลชน ให้คนกรุงเทพฯ ได้อย่างแท้จริง

นายหลิน เข่อ นั่ว ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด แถลงถึงการเปิดตัวโครงการ “เปลี่ยนรถโดยสารประจำทางเก่าเป็นรถโดยสารประจำทาง NGV ใหม่” เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ในการโดยสารรถประจำทาง ซึ่งปัจจุบันรถโดยสารประจำทางยังเป็นระบบขนส่งมวลชนสำคัญในการสัญจรไปมาของผู้โดยสารที่มีรายได้จำกัดมากกว่า 3 ล้านคนต่อวันแต่ผู้โดยสารจำนวนร้อยละ 80 ยังไม่พอใจกับมาตรฐานการบริการโดยรวมนอกจากนั้นรถโดยสารประจำทางยังเป็นต้นเหตุของการก่อให้เกิดมลพิษ และ อุบัติเหตุต่าง ๆ ที่เกิดจากสภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐานและยังมีอายุการใช้งานมานานกว่า 15 ปีขึ้นไป โครงการเปลี่ยนรถโดยสาร NGV เป็นโครงการที่เน้นให้ผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและเอกชน ให้มีความสนใจและตระหนักถึงปัญหาต่างที่เกิดขึ้น โดยโครงการมีนโยบายในการนำรถโดยสารประจำทางเก่ามาแลกเป็นรถโดยสารประจำทาง NGV ใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพยกระดับการให้บริการ และตอบสนองความต้องการของประชาชนในกรุงเทพฯ อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของรัฐในการนำเข้าเชื้อเพลิง ประมาณ 7,500 ล้านบาท/ปี

โครงการนี้มีหลายหน่วยงานของรัฐและเอกชนเกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบไปด้วย กรมขนส่งทางบก ปตท. ขสมก. รัฐบาลท้องถิ่นสาธารณรัฐประชาชนจีน สภาหอการค้าระหว่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ทูตพาณิชย์สาธารณรัฐประชาชนจีน บริษัท โกลเด้นดราก้อน (ประเทศจีน) ซึ่งเป็นโครงการที่นับได้ว่าเป็นกรอบของความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศ ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างเต็มที่จากทั้งบริษัทเอกชนที่เดินรถร่วมบริการ ขสมก. โดยเบื้องต้นมีบริษัทเอกชนสั่งซื้อรถโดยสาร NGV มาที่บริษัทฯเพื่อให้บริการผู้โดยสารแล้วจำนวน 6 รายรวมกว่า 200 คัน และกำลังอยู่ในช่วงทำความตกลงกับทาง ขสมก. โดยรัฐบาลจีนยินดีสนับสนุนด้วยการส่งมอบรถโดยสารรุ่นใหม่ จำนวน 2,500 คัน โดยทางรัฐบาลไทยเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขในการผ่อนชำระยาวนานถึง 10 ปี นอกจากนี้ทางรัฐบาลจีนยังยินดีให้ทางรัฐบาลไทยกำหนดอัตราผ่อนซื้อบนพื้นฐานรายได้ของ ขสมก. โดยทางบริษัทฯ ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลจีน ยินดีซื้อรถเก่าที่เสื่อมสภาพทั้งหมดคืนในราคาคันละ 300,000 บาท หรือเป็นจำนวน 750 ล้านบาท โดยไม่มีการหักจากค่าผ่อนซื้อแต่อย่างใด และในส่วนของรถเก่าที่ทางบริษัทซื้อคืนนั้น ทางบริษัทฯจะนำไปบริจาคให้กับโรงเรียนยากจนและหน่วยงานราชการในต่างจังหวัดรวมถึง 3 จังหวัดชายแดนภายใต้ ซึ่งรถโดยสาร NGV ที่นำเข้ามาจากประเทศจีนนั้นจะมาพร้อมกับการรับประกันเหมาซ่อมไม่จำกัดระยะทางในเวลาที่กำหนด

มร. หลิน ได้กล่าวเสริมถึงประโยชน์ของโครงการนี้ว่า หากเราได้เปลี่ยนรถโดยสาร NGV ตามเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 2,500 คัน จะสามารถลดมลพิษได้มากกว่า 250 ตัน/ปี ทำให้กรุงเทพฯ ไม่มีควันดำบนท้องถนนอีกต่อไป รวมถึงการประหยัดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศประมาณ 150 ล้านลิตร/ปี โดยสามารถหันมาใช้ผลผลิตทางด้านพลังงานราคาถูกที่ผลิตในประเทศแทน สามารถช่วยเอกชนรถร่วมบริการ หรือ ขสมก. ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงลงประมาณ 1,799 ล้านบาท/ปี อีกทั้งนำประโยชน์การใช้ก๊าซสู่ประชาชนผู้ใช้บริการโดยตรง

ดังนั้นโครงการ “เปลี่ยนรถโดยสารประจำทางเก่าเป็นรถโดยสารประจำทาง NGV ใหม่” จะเป็นหนึ่งในการผลักดันให้เกิดประโยชน์ในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การสาธารณูปโภคที่ให้บริการแก่ประชาชนและที่สำคัญคือสิ่งแวดล้อมและสภาวะโลกร้อนที่นับวันก็จะยิ่งเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นทุกวัน และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของทางกรุงเทพมหานคร ที่เน้นในเรื่องการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม เพื่ออากาศที่สดใสไร้มลพิษในกรุงเทพฯ โดยทั้งหมดที่กล่าวมานั้นจึงเป็นที่มาของงาน “กรุงเทพฯ สีเขียวด้วยรถโดยสาร NGV”

สำหรับจุดเด่นของนวัตกรรมรถโดยสาร NGV นี้อยู่ที่การติดตั้งระบบความปลอดภัยชั้นสูง ที่จะสามารถควบคุมพฤติกรรมของคนขับรถ รถทุกคันที่ส่งมอบจะใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์โดยจำกัดความเร็วสูงสุดของการเดินรถ มีระบบล็อคอัตโนมัติหากประตูไม่ปิดให้สนิทรถจะไม่สามารถเคลื่อนที่ออกได้ ที่ด้านข้างประตูและด้านท้ายรถจะติดตั้งกล้องวงจรปิดแสดงผลผ่านหน้าจอบนแผงหน้าปัดพวงมาลัยรถเพื่อให้พนักงานขับรถสามารถตรวจความเรียบร้อยในช่วงการขึ้นลงของผู้โดยสารและในขณะถอยหลังพร้อมสัญญาณเตือนการถอย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับการบริการและความปลอดภัยสูง สำหรับเทคโนโลยีอื่นๆที่ปัจจุบันมีใช้งานอยู่ในระบบรถโดยสารในประเทศจีน ได้แก่ระบบ GPS ที่จะสามารถควบคุมพฤติกรรมของคนขับรถ ทั้งยังทำให้ศูนย์ควบคุมกลางสามารถควบคุมความถี่ของการปล่อยรถได้ ใช้ปรับเพิ่มความเร็วในชั่วโมงเร่งด่วน หาก นอกจากนี้ยังมีระบบ E-Ticket ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร ด้วยการใช้บัตรคอนแท็คเลสสมาร์ทการ์ด (เทคโนโลยี RFID - ThaiDMZ)(Contactless Smartcard) เหมือนกับปัจจุบันที่ใช้กับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ( BTS และ BMCL ) ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารแล้ว ยังช่วยลดปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ โดยดำเนินการแบบ

One Man Operation มีเพียงพนักงานคนขับท่านเดียวที่ดูแลและให้บริการ เทคโนโลยีทั้งสองส่วนนี้หาก ขสมก. เลือกใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและลดต้นทุนด้านแรงงาน สามารถลดจำนวนพนักงาน Back Office ซึ่งเป็นนายท่าประจำอู่โดยสารกำกับดูแลการปล่อยรถมากกว่า 1,200 คน และจำนวนกระเป๋ารถเมล์กว่า 7,000 คน สำหรับยอดลดต้นทุนรวมด้านแรงงานปีหนึ่งๆ คิดเป็นยอดเงินมากกว่า 2,000 ล้านบาท/ปี ประกอบด้วยการลดต้นทุนค่าแรงนายท่า จำนวน 216 ล้านบาท/ปี และพนักงานกระเป๋ารถเมล์ จำนวน 1,260 ล้านบาท/ปี จึงเชื่อว่าในอนาคตทางรัฐบาลไทยจะนำระบบ E-Ticket และ GPS มาใช้กับรถโดยสารประจำทาง เนื่องจากทั้ง 2 ระบบนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยลดต้นทุนและปรับปรุงคุณภาพการบริการ ทั้งยังลดต้นทุนการใช้แรงงานปีหนึ่งๆ มากกว่า 2,000 ล้านบาทอีกด้วย

สำหรับบรรยากาศในงานเป็นการเปิดตัวโครงการ “กรุงเทพฯสีเขียวด้วยรถโดยสาร NGV” ซึ่งนำเข้าและจัดจำหน่าย “รถโดยสาร NGV” โดยบริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์และเชี่ยวชาญด้านการผลิตรถโดยสารด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูงที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลจีน ผู้ใช้ในภูมิภาคเอเชียและในภูมิภาคอื่นๆของโลก โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายหลิน เข่อ นั่ว ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด เป็นประธานในงาน พร้อมด้วย นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ อธิบดีกรมขนส่งทางบก นายเกรียงศักดิ์ กองพลพรหม รองอธิบดีกรมขนส่งทางบก นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. ร่วมกันให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ นายเฉิน เต๋อ ไห่ กงสุลที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมพิธีการส่งมอบกุญแจรถโดยสาร NGV และพีธีมอบเช็คชำระค่ารถโดยสารเก่าที่ซื้อจากกลุ่มบริษัทรถร่วมบริการ ขสมก. ที่ได้เข้าร่วมโครงการ แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานได้แก่ คณะทูตจากประเทศฮังการี คณะทูตจากประเทศแคนนาดา นายแจ๊คกี้ เฉิน รองประหอการค้าระหว่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน นายเฉิน จิน ฉาย ประธานกลุ่ม บ.โกลเด้น ดราก้อน คณะสื่อมวลชนสถานีโทรทัศน์ CCTV สาธารณรัฐประชาชนจีน คณะสื่อมวลชน ซิง หัว สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี นายหวัง เจียง และ นายปรินทร์ โรจนะโกสินทร์ กรรมการผู้จัดการ ของบริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด ให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนที่มาร่วมงาน เมื่อเร็วๆ นี้ ที่พีทีที มอเตอร์สปอร์ตแลนด์ ( แดนเนรมิตเก่า )

ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด

บริษัท ซันลอง มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด (Sunlong Motors Thailand Co., Ltd.) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย “รถเมล์ NGV” เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2546 ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท และบริษัทในเครืออีก 65 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 95 ล้านบาท ที่ตั้งสำนักงานเดียวกัน เลขที่ 111 ถนน บางนา-ตราด กม.13.5 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

วัตถุประสงค์หลัก คือ การนำเข้า ผลิต และจำหน่ายรถบัสโดยสารและรถหัวลาก และดันแปลงระบบเชื้อเพลิง (NGV) ที่มีคุณภาพสูง ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมีราคาที่เหมาะสม พื้นที่โรงงานประกอบรถบัสกว่า 300,000 ตารางเมตร โดยทางบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุน ด้านเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และได้รับความไว้วางใจเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จาก Xiamen Golden Dragon Van Co., Ltd. (Golden Dragon) ซึ่งนับได้ว่าบริษัท Xiamen Golden Dragon Van Co., Ltd. เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถบัสรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีฐานการผลิตใหญ่อยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน

ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

บริษัท Sunlong Motors Thailand จำกัด แผนกประชาสัมพันธ์โทรศัพท์ : 0-2750-3901-4 โทรสาร: 0-2750-0225


Label Cloud