Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Thursday, April 30, 2009

เบื้องลึกส.ว.กระโดดร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ - เบื้องลึกส.ว.กระโดดร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ
รัฐบาลผสมที่นำโดยนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เริ่มสั่นคลอนอันเป็นเรื่องธรรมดาของรัฐบาลที่มีหลายพรรคการเมือง

มาร่วมขับเคลื่อนนโยบาย ทำให้ "ง่าย" ต่อการ "ไม่ลงรอย-ไม่ลงตัว"

ผลอันสืบเนื่องมาจากการเมืองที่เริ่มไม่ลงตัวในหลายกระทรวง ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ข่าววงในด้านการศึกษาไทย บอกว่า เราจะปฏิรูปการเมือง แต่การศึกษายังติดอยู่ในหล่มโคลน เพราะเกิดความขัดแย้งของผู้ใหญ่ที่เกิดการ "ขวางทางปืน" กันอยู่ในเวลานี้

ดังนั้น หลายกระทรวงเวลานี้จึงเห็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงทำงานเฉพาะหน้า หรือแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ แต่สำหรับการเมืองระยะยาว มีเหตุผล และคำตอบอยู่ที่ว่า เวลานี้ทำไมนักการเมืองต้องกระเหี้ยนกระหือรืออยากแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นเหมือนขวากหนามที่สุดแล้วในอนาคตพรรคเล็กพรรคน้อย จะไหลรวมกันเป็นพรรคการเมืองใหญ่ และโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่มี ส.ว.สายพรรคการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ส.ว.เลือกตั้ง จึงรวบรัดตัดตอนกระบวนการร่วมประชุมกับวิปรัฐบาล วิปผ่านค้าน เสนอชื่อ ส.ว.และนักวิชาการ ในโควตา ส.ว. เข้าไปเป็นคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดองและสมานฉันท์ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ มีการอ้างในที่ประชุมกรรมาธิการกิจการวุฒิสภาถึงเหตุผลที่ ส.ว.เข้าผสมโรงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า "เหล็กกำลังร้อนต้องตีไว้ก่อน"

เหตุผลเพียงเท่านี้ไม่ได้ชักจูงให้คณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา เออออให้เป็นมติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ การที่อ้างเช่นนั้นโดยยกตนเองว่ามีตำแหน่งนั้น ตำแหน่งนี้ในกรรมาธิการ เพื่อสร้างเครดิตให้กับตัวเองเท่านั้น

ดังนั้น จะสังเกตได้ในทันทีว่า ส.ว. 2 คน ที่ได้รับการเสนอชื่อ คือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย จึงขอถอนตัวทันที เพราะที่ดำเนินมาทั้งหมดนั้นขัดกับ "ปฏิญญาเขาใหญ่"

ปฏิญญาเขาใหญ่ ที่ ส.ว.ร่วมกันวางหลักเกณฑ์ไว้ชัดเจนว่า

1. ถ้า ส.ว.คนใดจะไปร่วมกิจการการเมือง ต้องอภิปรายแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อทราบถึงความรู้ความสามารถของ ส.ว.ผู้นั้นเสียก่อน

2. การที่ ส.ว.คนไหนจะไปร่วมกิจกรรม หรือร่วมเป็นกรรมการประเด็นทางการเมือง ต้องขอมติจากที่ประชุมวุฒิสภา 150 คน เท่านั้น

ดังนั้น จึงมีการเสนอชื่อ นายอนุรักษ์ นิยมเวช และนายสุพจน์ โพธิ์ทองคำ เข้ามาแทน นายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และในการเปลี่ยนโผรายชื่อกรรมการครั้งนั้นมีคนบอกว่า "ไม่เป็นไรผมรับผิดชอบเอง"

เมื่อเห็นการรวบรัดตัดตอนเช่นนี้ จึงมี ส.ว.จำนวนมากโทรศัพท์ไปขอปรึกษากับ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา และนี่เองจึงเป็นที่มาของการยกเลิกรายชื่อกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดองและสมานฉันท์ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของวุฒิสภา

ดังนั้น จึงมีการเรียกประชุมกันอย่างเคร่งเครียดระหว่าง นายประสพสุข นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 นางทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 และนายวิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม ในฐานะเลขาธิการวิปวุฒิสภา ซึ่งต่างคนต่างมีความเห็นแตกต่างและมีการอ้างถึง "ปฏิญญาเขาใหญ่"

ทั้งนี้ วุฒิสภา ต้องเป็นกลางทางการเมือง เพื่อแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะที่สูงกว่า ส.ส. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ ส.ส.ยังไม่ตกผลึกว่าจะปฏิรูปการเมืองด้วยการสร้างความปรองดอง และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น พรรคประชาธิปัตย์ ก็แตกเป็น 2 ฝ่าย ขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็ประกาศไม่ส่งรายชื่อ ส.ส.เป็นคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯ

ผลของหารือครั้งนี้ เป็นที่มาของการส่งข้อความสั้น (sms) เพื่อนัดประชุมวุฒิสภาในเวลา 13.00 น.ของวานนี้ (29 เม.ย.) ซึ่งก็ไม่ใช่การประชุมวุฒิสภาเพื่อให้ ส.ว.แสดงวิสัยทัศน์ หรือให้ ส.ว.ลงคะแนนเลือกเป็นตัวแทนเข้าร่วมกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯ

ดังนั้น จึงเกิดคำถามว่า สมาชิกวุฒิสภา รู้หรือไม่ว่าที่เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา ไม่ใช่ฝ่ายเรียกร้อง แต่เป็นฝ่าย ส.ส.ทำไมวุฒิสภาต้องเร่งรีบชิงตั้งกรรมการทั้งที่นักการเมืองบางพรรคเขาไม่สนใจเข้าร่วมด้วยซ้ำ

อีกประเด็นหนึ่งก็คือ โครงสร้างของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯ ที่กำหนดมานั้นไม่มีความเหมาะสม เพราะไม่มีส่วนไหนที่ยึดโยงประชาชน แม้จะอ้างว่ามีนักวิชาการ แต่นักวิชาการเหล่านั้นก็มาจากการเสนอชื่อของนักการเมือง ซึ่งจะต้องเกรงใจผู้ที่เสนอชื่อและคล้อยตามผู้ที่เสนอชื่อ

นอกจากนี้จะเกิดคำถามใหญ่ ว่า ที่ ส.ส. และ ส.ว.เร่งรีบผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้น มีส่วนไหนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพราะทุกวันนี้ประชาชนฉลาดขึ้น สามารถมองออกว่าทุกมาตราที่เสนอมา ล้วนแต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของ ส.ส.เท่านั้น อาทิเช่น เรื่องแบ่งเขตเลือกตั้งให้เล็กลง ก็เพื่อให้นักการเมือง เขาจ่ายเงินซื้อเสียงได้ง่าย และจ่ายเงินน้อยลง รวมทั้งการแก้ไข มาตรา 237 เรื่องยุบพรรค มาตรา 265-266 เรื่องผลประโยชน์ที่ ส.ส.ต้องการนั่งควบตำแหน่งทางการเมือง

มาตราต่างๆ เหล่านี้มีคำถามจากสังคมอีกว่า ประชาชนได้ประโยชน์อะไรจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ครั้งนี้บ้าง นอกจากพบแต่การ "ฮั้ว" กันของนักการเมือง หากเป็นเช่นนี้บ้านเมืองก็จะเกิดความวุ่นวาย เพราะเหลือง และแดง ต่างมีจุดยืนที่ต่างกันสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อันอาจนำมาสู่การชุมนุมของคนจำนวนมาก เกิดการเผชิญหน้าจนมีการก่อจลาจล นำไปสู่วิกฤติ และที่สำคัญจะนำไปสู่การทำรัฐประหาร

น่าเสียดายคำพูดที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งพูดไว้เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ว่าจะตั้งกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คือคณะกรรมการตรวจสอบการสลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง และคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายและรัฐธรรมนูญ แต่เวลานี้ทำไมจึงรวบรัดให้เหลือเพียงกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองฯ เพียงชุดเดียว แล้วอ้างชื่อความปรองดอง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

เป็นเพราะแรงบีบจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ และ ส.ว.สายการเมืองก็ฉวยจังหวะนี้กระโดดไปรับลูกนักการเมือง เป็นตัวตั้งตัวตีขับเคลื่อนแก้รัฐธรรมนูญ

นี่คือเบื้องลึกเบื้องหลังที่ว่า ทำไม ส.ว.ส่วนหนึ่งจึงเริ่มเห็นต่างในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่อยากเห็น "การหักด้ามพร้าด้วยเข่า" ด้วยการเรียก ส.ว.มาประชุมโดยผ่าน sms แล้วรวบรัดเสนอชื่อกรรมการที่มีการเตรียมตั้งสมัครพรรคพวกของตัวเองเอาไว้แล้ว

หากเป็นเช่นนี้ "ปฏิญญาเขาใหญ่" ซึ่งเสียเงินเสียทองไปประชุมจึงเป็นแค่ไม้หลักปักขี้เลน

เพราะฉะนั้นจึงต้องกลับมาตั้งสติว่าเราจะปฏิรูปประเทศไทยด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน ซึ่งมันก็มีแต่ฉิบหายแล้วจะมุ่งหน้าเดินไปสู่จุดนั้นกันทำไม
, , ,
Reblog this post [with Zemanta]

เตียบันห์ยันทักษิณไม่เคยเข้ากัมพูชา

angkor pilgrimageImage by shapeshift via Flickr

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ - เตียบันห์ยันทักษิณไม่เคยเข้ากัมพูชา
"เตีย บันห์"ยัน"ทักษิณ"ไม่เคยเข้าเขมร ปัดให้พาสปอร์ตหลบหนี ส่วนประเด็นขัดแย้งรมว.ต่างประเทศของไทย เชื่อไม่มีอะไร

พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้รับพาสปอร์ตจากประเทศกัมพูชาในการหลบหนีเข้าประเทศว่า ไม่มี กัมพูชาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หลบเข้ามาอยู่บริเวณเกาะกง พล.อ.เตีย บันห์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่ว่าจะเป็นเกาะกงหรือเกาะอื่นๆของกัมพูชาก็ไม่มี เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยเข้ามาในบริเวณประเทศกัมพูชา

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มีปัญหาขัดแย้งกับสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มีการทำความเข้าใจหรือยัง พล.อ.เตีย บันห์ แสดงสีหน้าไม่สบายใจ ก่อนกล่าวว่า เรื่องมันแล้วไปแล้ว ไม่มีอะไร
,
Reblog this post [with Zemanta]

นายกฯเชื่อต่างชาติเข้าใจทักษิณพลิ้วป้ายสี

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ - นายกฯเชื่อต่างชาติเข้าใจทักษิณพลิ้วป้ายสี

"อภิสิทธิ์"มั่นใจปธ.สภาจะหาประธานกมธ.ปรองดอง ได้ แม้ พท.ปฏิเสธส่งคนร่วม โต้แถลงการณ์"ทักษิณ"พลิ้วป้ายสีรัฐบาลโยนความผิด เชื่อต่างชาติเข้าใจ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังมั่นใจประธานรัฐสภาจะสามารถหาทางออกในการคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดอง สมานฉันท์ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากพรรคเพื่อไทย(พท.) ปฏิเสธจะส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าว

โดยกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่การอภิปรายทั่วไป ทางวิปและสมาชิกหลายคนแสดงออกไปในทิศทางเดียวกันว่าจะต้องเดินหน้าต่อไป จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหาทางออกให้ได้ และอยากให้ประธานสภาฯ ช่วยดูว่าจะหาทางออกอย่างไร

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีปฏิเสธจะแสดงความเห็นต่อท่าทีของพรรคเพื่อไทยว่า สอดคล้องกับแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อ้างว่าจะเดินหน้าต่อสู้ด้วยสันติวิธีเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยหรือไม่ แต่เชื่อว่าอดีตนายกรัฐมนตรีและนายจักรภพ เพ็ญแข หนึ่งในแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่

"ขอยืนยันว่าไม่ว่าจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไร แต่จะต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย หากทำผิดกฎหมายทางการก็จำเป็นต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด" นายกรัฐมนตรี ระบุ

ส่วนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกแถลงการณ์ระบุถูกรัฐบาลไทยกล่าวหาว่าสนับสนุนให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงใช้ความรุนแรงนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต่างชาติน่าจะเข้าใจสถานการณ์เรื่องนี้เป็นอย่างดี ซึ่งรัฐบาลจะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป

อ่านแถลงการณ์ทักษิณ
Reblog this post [with Zemanta]

ปลัดกห.-อ.นิด้าชี้แดงตกยุคใช้รูปแบบพคท.

(Kookykman, self-made, based on Ricky Chow's work.Image via Wikipedia

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ - ปลัดกห.-อ.นิด้าชี้แดงตกยุคใช้รูปแบบพคท.
"อภิชาติ"ชี้เสื้อแดง"ตกยุค"เคลื่อนไหวแบบพรรคคอมฯ ด้านอธิการนิด้า ระบุคอมมิวนิสต์ทั่วโลกล่ม เชื่อไทยมีขบวนการสาธารณรัฐ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อภิชาติ เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) มีแนวคิดจะใช้ความเคลื่อนไหวแบบพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศ(พคท.) ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าคงทำไม่ได้ เพราะบ้านเมืองเปลี่ยนยุค เปลี่ยนสมัยแล้ว อีกทั้งเชื่อว่าแนวคิดนี้คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ ใครมีแนวคิดดังกล่าวก็คงตกยุค

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช.ระบุว่าจะใช้การเคลื่อนไหวลงใต้ดินและอาจใช้กองกำลังติดอาวุธ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า อยากถามว่าเขาจะทำได้แค่ไหน แต่เท่าที่ประเมิน ทำไม่ได้ เพราะเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ ไม่เอาด้วย ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการใช้ความรุนแรง คิดว่าสิ่งที่นายจักรภพพูดเป็นแค่การหลอกลวง หลอกประชาชน"

ด้านนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนายจักรภพว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะต้องรอหมายจับจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ก่อน จึงจะดำเนินการหาแหล่งที่อยู่ของนายจักรภพ ในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ถ้ามีการพำนักอยู่ที่ประเทศไลบีเรียจริง ก็คงเป็นปัญหา เนื่องจากประเทศไลบีเรียไม่มีสถานเอกอัครราชทูตไทย ซึ่งถ้าทราบว่าอยู่ที่ไหน เราก็พร้อมที่จะไปประสาน ยอมรับว่าในขณะนี้ยังไม่มีรายงานชัดเจนว่าทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพนั้นอยู่ที่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยหรือยัง และมีการห้ามนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยหรือไม่ นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศส่วนใหญ่ไม่มีการห้ามคนของเขาเข้ามาเที่ยวประเทศไทย เพียงแต่ให้ระมัดระวังตัว เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย ยังคงมีการเตือน โดยเขียนเตือนนักท่องเที่ยวว่าในเมื่อสถานการณ์ยังไม่แน่นอน ก็ขอให้หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ใช้ในการชุมนุม ซึ่งขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปยังสถานทูตไทยและสถานกงศุลต่างๆ ทั่วโลก ให้สร้างความมั่นใจ และเมื่อสถานการณ์ต่างๆ สงบลงแล้ว เชื่อว่าต่างประเทศเองก็รอดูสถานการณ์ไปสักระยะ จากนั้นก็คงเข้าสู่ภาวะปกติ

มท.1 ไม่ตอบเสื้อแดงปลุกคนเดือนตุลาเดินเกมใต้ดิน

ต่อมา เวลา 16.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวกลุ่มเสื้อแดงเตรียมให้คอมมิวนิสต์มานำขบวนการเคลื่อนไหวต่อต้านอำนาจรัฐ นายชวรัตน์ ย้อนถามว่า คอมมิวนิสต์ยังมีอีกหรือ ส่วนที่มีข่าวว่าคนเสื้อแดงจะให้อดีตคนเดือนตุลามาช่วยวางยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหนนั้น ตนยังไม่ทราบข่าว

เมื่อถามย้ำว่า ทางกระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการอย่างไร เพราะล่าสุด นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์(แซ่ด่าน) แต่งกายด้วยชุดของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มามอบตัวตำรวจนครศรีธรรมราช นายชวรัตน์ กล่าวว่า ตนเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์เท่านั้น ส่วนจะมีรายงานความเคลื่อนไหวในพื้นที่ต่างๆ หรือไม่ นายชวรรัตน์ปฏิเสธจะตอบคำถามนี้

เมื่อถามว่ารัฐบาลมั่นใจหรือไม่ว่าในการจัดงานครบรอบ 60 ปีบรมราชาภิเษก ในวันที่ 5 พ.ค.จะไม่มีการขนคนเพื่อให้เห็นว่ามีผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่มีเพราะเป็นการจัดงานเพื่อถวายสักการะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

อธิการนิด้า ระบุมีขบวนการสถาปนาสาธารณรัฐ

นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) คนเดือนตุลา กล่าวถึงกรณีคนเดือนตุลา จะเข้ามาเป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงว่า กลุ่มคนที่เรียกว่าคนเดือนตุลา มีหลายประเภท ส่วนใหญ่ที่ไปร่วมกับเสื้อแดงจะเป็นอดีตนักศึกษายุค 6 ต.ค. 2519 ซึ่งก็สามารถแยกได้หลายแนวคิดอุดมการณ์ ในเรื่องคอมมิวนิสต์นั้นถือว่าหมดอิทธิพลจากสังคมไทยไปแล้วในปัจจุบัน แม้แต่มหาอำนาจอย่างรัสเซียก็ต้องล่มสลายไป หรือจีนก็มีแต่เพียงพรรคคอมมิวนิสต์ที่ยังคงครองอำนาจอยู่เท่านั้น แต่ระบบเศรษฐกิจเป็นแบบทุนนิยมเสรีไปเรียบร้อยแล้ว ในเอเชียก็ยังมีเพียงเนปาลและฟิลิปปินส์เล็กน้อย

ทั้งนี้ แนวคิดคอมมิวนิสต์นั้นแม้ไม่สนับสนุนการมีสถาบันพระมหากษัตริย์แต่ก็ไม่ได้มองว่าสถาบันฯเป็นศัตรู เห็นได้จากประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศก็ยังให้เกียรติสถาบันฯของประเทศอื่นเห็นได้จากประเทศจีนที่มีความสัมพันธ์กับสถาบันฯของไทย

"เท่าที่ผมเห็นจากขบวนการเคลื่อนไหวที่มีลักษณะหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสถาบันฯ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในช่วงนี้ คาดว่าจะเกิดจากกลุ่มคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไปเป็นสาธารณรัฐมากกว่าคอมมิวนิสต์ เพราะแนวทางคอมมิวนิสต์นั้นล่มสลายไปแล้ว อาจจะมีบ้างที่เอากลยุทธ์การต่อสู้ของคอมมิวนิสต์มาใช้ ส่วนคนที่เคยเข้าร่วมการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์วันนี้ ส่วนหนึ่งก็หมดความเชื่อในเรื่องนี้กลายไปเป็นลิ่วล้อทุนนิยมสามานย์ไปแล้ว” นายสมบัติ กล่าว
Reblog this post [with Zemanta]

ซ้ายเก่า จะมาช่วยทักษิณ วิญญาณ เหมากับเช ขอร่ำไห้

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ - ซ้ายเก่า จะมาช่วยทักษิณ วิญญาณ เหมากับเช ขอร่ำไห้
ข่าวบอกว่า "ซ้ายเก่า" ได้รับการเสนอชื่อให้มาเป็นแกนนำของความเคลื่อนไหว เพื่อช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตร

หลังจากที่แกนนำเสื้อแดง ไม่ประสบความสำเร็จในภารกิจที่ตั้งไว้

"ซ้ายเก่า" เป็นชื่อที่คนอื่นใช้เรียกขานคนกลุ่มนี้ แต่ความเป็น "ซ้าย" จริงๆ เป็นอย่างไร หรือยังมีความเป็น "ซ้าย" ในความหมายเดิมหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าสงสัยอยู่

แต่พอผมเห็นภาพของแกนนำเสื้อแดงคนหนึ่ง ใส่ชุด "นักรบ" พรรคคอมมิวนิสต์ไทยในอดีต ไปมอบตัวกับตำรวจที่นครศรีธรรมราช ในข่าววันเดียวกัน ผมก็ต้องยอมรับว่าผมอดเห็นเป็นเรื่องขำๆ ที่ค่อนข้างจะประหลาดไม่น้อย

คำว่า "ซ้ายเก่า" สำหรับผมจึงเป็นเรื่อง "โจ๊ก" มากกว่าเรื่องจริงจังที่จะมาช่วยให้ชาติบ้านเมือง แก้ปัญหาของประเทศชาติได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมไม่อาจจะมองเห็นตรรกะของการผสมผสาน ระหว่างอภิมหาเศรษฐีที่ได้ประโยชน์สุดๆ จากระบบทุนนิยมอย่างคุณทักษิณ กับอุดมการณ์การต่อสู้แบบคอมมิวนิสต์ของ "ซ้าย" ไม่ว่าจะเป็นซ้ายเก่า หรือซ้ายใหม่ หรือซ้ายในอนาคตก็ตาม

ยิ่งคนที่รวยจากสัมปทานรัฐ และโดนศาลตัดสินติดคุก 2 ปี เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนที่มักจะปรากฏในระบบทุนนิยมสุดขั้วตะโกนคำว่า "ปฏิวัติประชาชน" ผ่านวีดิโอลิงค์บ่อยๆ ด้วยแล้ว ผมยิ่งเห็นเป็นเรื่องตลกโปกฮา

เป็นเรื่องที่ดูถูกสติปัญญาของคนไทยที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองและเหตุการณ์ระหว่างประเทศมาบ้าง

แต่ถ้าสังเกตให้ดี แม้ว่าหลักคิด และอุดมการณ์ของทุนนิยมสุดๆ (รวมถึงการปั่นหุ้นในตลาดหุ้นเพื่อความร่ำรวยส่วนตัวเมื่ออยู่ในอำนาจรัฐ) กับความเป็นซ้าย จะเป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง แต่ฝ่ายทุนนิยมก็อาจจะใช้วิธีการ หรือ tactics แบบกองโจร เพื่อบรรลุเป้าหมายของนักทุนนิยมได้

เพราะตรงกับความเชื่อของทักษิณ ที่เคยประกาศไว้ว่า "เป้าหมายสำคัญกว่าวิธีการ" หรือ "The end justifies the means."

แปลว่าจะใช้วิธีการอย่างไรก็ได้ ขอให้บรรลุเป้าหมายเป็นพอ

ดังนั้น ในช่วง "สงกรานต์เลือด" เราจึงเห็นความพยายามก่อจลาจล ด้วยวิธีการของคอมมิวนิสต์ในอดีตที่เรียกว่า urban guerrilla warfare อาทิเช่น การบล็อกถนน การบุกเข้ายึดสถานที่ประชุมอาเซียน การเผารถเมล์ การจี้เอารถขนแก๊สมาข่มขู่ประชาชน การใช้หน่วยจรยุทธในกรุง เพื่อสร้างความปั่นป่วนสูงสุด เพื่อใช้ความวุ่นวายให้เป็นประโยชน์ต่อการบรรลุเป้าหมายของฝ่ายตน

ถ้าหาก "ปฏิวัติประชาชน" หมายรวมถึง การที่ผู้ต่อต้านพยายามจะสังหารผู้นำประเทศด้วยแล้ว ก็น่าสงสัยว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ "ซ้าย" ด้วยหรือไม่?

นั่นคือ วิธีการของ "ซ้าย" ในอดีตที่ผมเคยพบ แต่จะเกี่ยวกับความเป็นคอมมิวนิสต์หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

และคนที่บงการวิธีการ "ซ้าย" ที่ว่านี้ คือ "นายใหญ่" ของระบบนายทุน

ใครใช้ใครเป็นเครื่องมือก็คงวิเคราะห์กันได้ไม่ยาก

ประชาชนที่เฝ้ามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิดก็คงจะมีคำถามว่าวิธีการเช่นนี้ เป้าหมายเช่นนี้ ถือเป็นการต่อสู้เพื่อ "ประชาธิปไตยที่แท้จริง" อย่างที่ประกาศเป็นเป้าหมายของการชุมนุมประท้วงจริงหรือ

ด้วยเหตุผลที่มองอย่างชาวบ้านอย่างผมอย่างนี้แหละ ผมจึงเห็นเรื่อง "ซ้ายเก่า" มาช่วยให้ "นายทุนใหญ่" กลับมามีอำนาจทางการเมือง โดยอ้างว่าเป็นการต่อสู้เพื่อ "ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง" เป็นเรื่องตลก

เพราะถ้าผมหลงกลให้ความสำคัญกับข่าวคราวเรื่องนี้ และตั้งหน้าตั้งตาหาเหตุหาผลมาวิเคราะห์ปรากฏการณ์เช่นนี้ ผมก็จะต้องกลายเป็นคนเครียดจนอาจจะเป็นบ้า ต้องขอลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศอีกคนก็ได้

เพราะถ้าเชื่อตามนั้นก็จะเสียชื่อ "ซ้าย" แท้ๆ อย่างเหมาเจ๋อตุง และเช เกวาร่า หมดสิ้นแน่นอน


“เสถียร จันทิมาธร” ลาออกหลัง “มติชน” หักปากกาเชียร์แม้ว

Manager Online

เสถียร จันทิมาธร” องครักษ์พิทักษ์ระบอบทักษิณ น้อยใจยื่นจดหมายลาออกจากค่ายมติชน-ข่าวสดแล้ว หลังถูกปลดกลางอากาศ พร้อม บก.เสื้อแดง ส่วน “สรกล อดุลยานนท์” ที่ชื่นชอบระบอบทักษิณยังเหนียว แม้จะงัดข้อกับลูกสาว “ขรรค์ชัย” อย่างแรง

แหล่งข่าวในหนังสือพิมพ์มติชนรายงานว่า นายเสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการอำนวยการหนังสือพิมพ์ข่าวสด บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ และคอลัมนิสต์หน้า 3 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการใช้สื่อในเครือมติชน ผู้ปกป้องระบอบทักษิณ และโจมตีการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ยื่นหนังสือลาออกจากบริษัทแล้ว หลังจากถูกนายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานบริษัทฯ ปลดกลางอากาศ พร้อมกับ “บก.เสื้อแดง” น.ส.จุฬาลักษณ์ ภู่เกิด บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน

โดยเมื่อวานนี้ (28 เม.ย.) นายเสถียรได้เข้ามายื่นใบลาออกแล้วเก็บเข้าของออกไปจากบริษัททันที

ทั้งนี้ คอลัมน์และข้อเขียนของนายเสถียร และ น.ส.จุฬาลักษณ์ มีทัศนะที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร ระบอบทักษิณ และการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงอย่างชัดเจน โดยทั้งคู่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มคนฝ่ายซ้ายที่เป็นมันสมองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ หรือนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ฯลฯ และ น.ส.จุฬาลักษณ์ได้เปิดตัวร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงมาแล้ว

การแสดงบทบาทสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงออกนอกหน้า ทำให้แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เปิดโปงนายเสถียรบนเวทีระหว่างการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล และเรียกร้องให้ประชาชนเลิกซื้อหนังสือในเครือมติชน-ข่าวสดทั้งหมดอีกด้วย

ส่วนการลาออกของ นายนิวัติ กองเพียร นั้น แหล่งข่าวกล่าวว่าไม่เกี่ยวข้องการการสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นความขัดแย้งจากเรื่องอื่น ประจวบกับนายนิวัติมีอายุ ครบ 60 ปี ทางบริษัทจึงถือโอกาสไม่ต่ออายุการทำงาน ทั้งนี้ โดยปกติแล้วทางบริษัทจะต่ออายุให้กับผู้ใหญ่ที่อยู่ร่วมกันมานาน อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่า นายนิวัติแม้จะรู้จักกับนายขรรค์ชัยมาก่อน แต่นายนิวัติก็ไม่ได้ร่วมหัวจมท้ายในการก่อร่างสร้างบริษัทมาตั้งแต่ต้น แต่เข้ามาในช่วงที่บริษัทมั่นคงอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แล้ว

แหล่งข่าวระดับบรรณาธิการของมติชนรายวันบอกว่า คนที่สนับสนุนระบอบทักษิณอย่างออกหน้า แต่ยังมีบทบาทในการเป็นคอลัมนิสต์มติชนรายวัน และมติชนสุดสัปดาห์ ก็คือ นายสรกล อดุลยานนท์ เจ้าของนามปากกา วิหคเหินฟ้า และหนุ่มเมืองจันท์ แม้ว่าปัจจุบันนายสรกลจะถูกจำกัดบทบาทอย่างมากหลังมีความขัดแย้งกับ น.ส.ปานบัว บุนปาน บุตรสาวของนายขรรค์ชัย และถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีส่วนรู้เห็นกับการเข้ามาฮุบกิจการมติชนของนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม หรืออากู๋แห่งแกรมมี่ ซึ่งในครั้งนั้นนายวาณิช จรุงกิจอนันต์ คอลัมนิสต์ นักเขียนรางวัลซีไรต์ กลายเป็นเหยื่อที่ถูกสังเวยออกจากเครือมติชนเพียงคนเดียว และครั้งนั้นองค์กรสื่อและประชาสังคมได้ออกมาต่อสู้ปกป้องเครือมติชน เพราะเชื่อว่าเบื้องหลังการเข้าฮุบกิจการมติชนของเครือแกรมมี่ครั้งนั้นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

http://pics.manager.co.th/Images/552000005144001.JPEG

หน้าเว็บมติชน วันที่ 30 เมษายน 2552 เวลา 7.10น. หลังข่าวการลาออก
ความเปลี่ยนแปลง ????

right click > view image เพื่อดูรูปใหญ่

Reblog this post [with Zemanta]

อดีตสหาย 15 จว.อีสานโต้! ไม่เข้าร่วมป่วนใต้ดิน - จี้หยุดแอบอ้าง/ชี้จุดยืนเทิดทูนสถาบัน

Manager Online

บุรีรัมย์ – แกนนำ “กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย” ที่มีสมาชิกใน 15 จว.อีสานกว่า 3,800 คน สุดทนออกโรงตอบโต้พร้อมปฏิเสธลั่น ไม่เข้าร่วมชุมนุมประท้วงหรือเคลื่อนไหวใต้ดินสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองกับกลุ่มใดโดยเฉพาะเสื้อแดงเด็ดขาด จี้ หยุดแอบอ้างก่อให้เกิดความสับสนเสียหาย ระบุ จุดยืนเดียวของกลุ่มอดีตสหาย คือ ต้องการพัฒนาประเทศชาติให้รุ่งเรือง เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เหนือสิ่งอื่นใด

วันนี้ (29 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีสมาชิกกว่า 334 คน และเป็น 1 ใน 15 จังหวัดภาคอีสานที่มีสมาชิกผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยรวมทั้งหมดกว่า 3,800 คน นำโดย นายญวน จันทร์ดี ประธานกลุ่ม ผรท.จ.บุรีรัมย์ และ นายละเอียด รัตนศรี เลขานุการกลุ่ม ผรท.จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาตอบโต้พร้อมปฏิเสธกรณีที่มีบางกลุ่มออกมากล่าวอ้างว่าได้มีกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเข้าร่วมเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง

นายละเอียด รัตนศรี เลขานุการกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า กรณีที่มีบางกลุ่มกล่าวอ้างว่ากลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ได้เข้าไปร่วมเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงและเคลื่อนไหวใต้ดินกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะกับกลุ่มคนเสื้อแดงทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายนั้น ไม่เป็นความจริง เป็นคำกล่าวอ้างที่ก่อให้เกิดความเสียหาย

ทั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ต่างมีจุดยืนที่จะไม่เข้าไปร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มเสื้อสีใดๆ เพราะที่ผ่านมาบ้านเมืองเกิดความวุ่นวายมามากแล้ว จึงขอให้กลุ่มคนดังกล่าวได้หยุดเคลื่อนไหวกล่าวอ้าง เพราะอาจทำให้หลายฝ่ายเกิดความสับสนได้

“กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยต่างมีจุดยืนเดียวกัน คือ ต้องการที่จะพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป รวมทั้งเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ไว้เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีจุดประสงค์ที่จะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จนทำให้บ้านเมืองเกิดความเดือดร้อนเสียหาย ตามที่มีผู้กล่าวอ้างอย่างแน่นอน” นายละเอียด กล่าว
Reblog this post [with Zemanta]

Label Cloud