Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Friday, April 17, 2009

ผบ.ทบ.เอาชีวิตเดิมพันสลายม็อบไม่มีคนตาย

posttoday: ผบ.ทบ. ยอมรับ ในสังคมไทยยังมีผู้ใช้อาวุธสงครามนอกเหนือจากทหาร ระบุ ปัญหาอาชญากรรมสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แม้อยู่ในช่วง ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าว ถึงกรณีมีกระแสข่าวกลุ่มเสื้อแดงเสียชีวิตระหว่างถูกผลักดันว่า พร้อมเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน ว่าไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น ยืนยันทหารไม่ได้ใช้ความรุนแรง หรืออาวุธ ส่วนสถานการณ์ขณะนี้ประเมินว่าอยู่ในสภาพเรียบร้อยดี ส่วนการยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเรื่องของรัฐบาลพิจารณา แต่ยืนยันไม่กระทบกับประชาชน โดยทหารจะประจำตามจุดต่าง ๆ 102 จุด ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันการรวมตัวสร้างสถานการณ์ขึ้นอีก
 
พล.อ.อนุพงษ์  ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกลอบทำร้ายด้วยอาวุธสงครามว่า การลอบยิงเป็นเรื่องอาชญากรรมที่เกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้เป็นหน้าที่ของเจ้า หน้าที่ตำรวจที่ต้องสืบสวนสอบสวน ยอมรับว่าอาวุธสงครามยังคงมีใช้อยู่ในสังคมไทยซึ่งฝ่ายทหารก็พยายามแก้ปัญหา นี้อยู่  แต่ไม่ขอแสดงความเห็นว่าเกี่ยวกับทหารหรือไม่  ซึ่งขณะนี้มีกำลังนายทหารตรึงกำลังอยู่เวรยาม เขตละ 2 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร เพื่อรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ฝ่ายทหารได้รับคำสั่งและได้สั่งการเด็ดขาดว่าหลังคืนวันที่ 13 เมษายน 2552 ห้ามทหารใช้อาวุธโดยเด็ดขาด แม้เห็นตัวผู้ร้าย หรือ มีเหตุป่วนเมือง เช่น โยนระเบิดปิงปอง ระเบิดเพลิงขนาดเล็ก ส่วนเหตุการณ์ลอบยิงจะเป็นการป่วนเมืองหรือไม่ มองว่าการป่วนเมืองในขณะนี้ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องเพราะจะทำให้สังคมไม่ ยอมรับ
   
ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวถึงสถานการณ์ในกรุงเทพมหานครขณะนี้ว่า มีความเรียบร้อยระดับหนึ่งส่วนจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี แต่หากทุกคนใช้ชีวิตตามปกติก็จะไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ไม่ขอประเมินภาพรวมความมั่นคงภายใน ซึ่งเท่าที่ประเมินจากความรู้สึกของประชาชนทั้งประเทศและสื่อไทย-ต่างชาติ ก็เห็นว่าเรียบร้อยดียังมีปัญหาที่คงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยืนยันหนักแน่นว่า การปฏิบัติหน้าที่ทหารเข้าสลายการชุมนุมไม่ได้รุนแรงจนกระทั่งให้มีผู้ชีวิต ดังเช่นที่มีกระแสข่าว

ภาพเหตุการณ์ สนธิ ลิ้มทองกุล ถูกลอบยิง

ความเห็นจากบางเว็บบอร์ด ออกความเห็นว่าไม่น่าจะเป็นฝีมือของฝั่งตรงข้ามโดยตรง และน่าจะเป็นการเตือน ไม่ได้มุ่งหวังชีวิตโดยตรง แต่หากเสียชีวิตก็ไม่เป็นไร เพราะถ้าหากมุ่งหวังชีวิตจริงๆ สนธิก็ไม่น่าจะรอดชีวิต จะเห็นได้จากกระจกรถตอนหลัง ซึ่งเป็นจุดที่สนธินั่งอยู่ ไม่มีร่องรอยกระสุน หรือได้รับความเสียหายเลย



บางความเห็นบอกว่า อาจจะเป็นการสร้างเหตุการณ์ เพื่อให้กองทัพ และพันธมิตร เกิดความร้าวฉาน ทั้งนี้เพื่อให้กลุ่มผู้ที่ปกป้องสถาบัน มีกำลังอ่อนแอลง สังเกตจากการใช้อาวุธสงครามทั้ง M-16, M-79, AK-47 เพื่อให้ประเด็นมุ่งไปสู่กองทัพ ขณะเดียวกันก็สอดคล้องกับที่กลุ่มแกนนำพันธมิตรแถลงการณ์ว่า เป็นการกระทำจากฝ่ายตรงข้าม




Reblog this post [with Zemanta]

โฆษกรัฐบาลรับ"สนธิ"ถูกลอบยิงมีผลต่อการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน

nation channel: รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า เหตุลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จะมีผลกระทบแน่นอนต่อการพิจารณายกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่เดิมจะพิจารณาในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษซึ่งจะมีขึ้นที่ ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 09.00 น.วันนี้ ขณะนี้นายกรัฐมนตรีและหน่วยงานด้านความมั่นคงได้รับรายงานเกี่ยวกับเรื่อง ที่เกิดขึ้นแล้ว และในการประชุมคณะรัฐมนตรีคงจะมีรายงานที่ชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยว ข้องส่งมาให้ที่ประชุมได้พิจารณาเป็นระยะๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ
   
รศ.ดร.ปณิธาน ยอมรับว่า กำหนดการเดินทาง รวมทั้งสถานที่ที่นายกรัฐมนตรีจะไปปรากฏตัวทั้งหมดจะยังอยู่ภายใต้การควบคุม ดูแลของหน่วยงานด้านความมั่นคงต่อไป และจะยังไม่เป็นที่เปิดเผย เนื่องจากยังคงหวั่นเกรงเรื่องความปลอดภัยอยู่



ผอ.วชิระฯ เผย "สนธิ"กระสุนฝังหัวอาการรุนแรง เร่งผ่าตัด

Matichon: เมื่อเวลา 08.35 น. นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิรพยาบาล แถลงว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีอาการรุนแรง เนื่องจากกระสุนปืนฝังเข้าศรีษะทางกระโหลกด้านขวา ส่วนตามลำตัวไม่มีบาดแผลใดๆ คณะแพทย์กำลังเร่งผ่าตัด โดยผู้รักษาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมประสาทโดยตรง คาดว่าจะผ่าตัดแล้วเสร็จช่วงเที่ยงนี้ ทั้งนี้ เมื่อนายสนธิปลอดภัยดีแล้ว จะออกมาแถลงข่าวด้วยตนเอง

นพ.ชัยวัน กล่าวต่อว่า กรุณาอย่ามาเยี่ยมนายสนธิ เพราะเราแยกไม่ได้ว่าผู้มาเยี่ยมเป็นใคร เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

Yellow shirts' leader Sondhi ambushed and wounded

The Nation:

Sondhi was riding on Samsen Road , on his way to his newspaper and television office in Banglampoo at about 5am when a group of men  riding on a pickup opened fires on his vehicle.

The pickup then sped away along Tevet Road.

The bullets hit Sonthi's arm while his driver, Adul Daengpradub, was also injured. Both were rushed to a hospital nearby. Latest information showed that Adul who was seriously wounded and received urgent operation was also in stable condition.

Police who rushed to the attack scene in front of Iamworanut Temple found Sondhi's car riddled with bullets. Police reportedly collected about 100 cartridges of AK-16 and rifles.

Yellow shirts' leader Sondhi ambushed and wounded

ปานเทพ คาดยิง"สนธิ"ฝีมือคนมีสี

Posttoday: คนขับรถเมล์เผยผู้ติดตาม"สนธิ" ซิ่งรถยิงโต้คนร้ายจนหนีโฆษกพันธมิตร เผย สนธิ รู้ตัวก่อนหน้านี้ ถูกตามฆ่า

ความคืบหน้าเหตุคนร้ายถล่มยิงรถยนต์นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสี่แยกบางขุนพรหม เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมานั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบสภาพรถคันดังกล่าว พบว่าถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามอาก้า และเอ็ม16  กระจกด้านหน้าเป็นรูพรุน 27 รู ฝากระโปงหน้า 8 รู กระจังหน้ากันชน 7 รู บริเวณซันลูปด้านบนของรถเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ กระจกด้านหลังแตกทั้งบาน กระจกด้านหน้าซ้ายแตกทั้งบาน ยางรถทั้ง 4 ถูกยิงแตก น้ำมันเครื่องไหลนองพื้นถนน

พบปลอกกระสุนปืนอาก้าและเอ็ม 16 กว่า 100 ปลอก ขณะที่รถโดยสารประจำทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ( ขสมก.) สาย 53  หมายเลขทะเบียน12-0283 กรุงเทพมหานคร โดนกระสุนปืนลูกหลงเข้าด้านหน้ามุมขวารถ

นาย** อายุ 49 ปี คนขับรถ ขสมก. สาย 53 กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุขับรถมาถึงหน้าวัดเอี่ยมวรนุช เห็นรถกระบะสีน้ำเงิน ไม่ทราบยี่ห้อและรุ่น ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับแซงรถคันเกิดเหตุไปจอดด้านหน้า ก่อนที่คนร้ายที่นั่งกระบะท้าย 2 คน จะลุกขึ้นนั่งและใช้อาวุธสงครามใส่รถคันดังกล่าว จากนั้นได้มีรถยนต์เก๋ง สีดำที่ขับตามมา ขับแซงขึ้นมาใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับคนร้าย ทำให้คนร้ายหลบหนีไป

โฆษก พธม. คาดฝีมือคนมีสี

ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ทางช่อง 3 ถึงเหตุคนร้ายถล่มยิงรถยนต์นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า คนร้ายมีอย่างน้อย 2 คน ใช้อาวุธสงครามปืนอาก้าและเอ็ม16 ยิงล้อรถทั้ง 4 ล้อให้ยางแตก ก่อนลงรถมากราดยิงใส่ พบปลอกกระสุนปืนในจุดเกิดเหตุอย่างน้อย 100  ปลอก เบื้องต้นคนขับรถและคนติดตามได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ก่อนนำส่งโรงพยาบาลมิชชั่น

นายปานเทพ กล่าวต่อ ว่า ก่อนหน้านี้ ในที่ประชุมข่าวเอเอสทีวีช่วงเช้าทราบว่าจะมีเหตุลอบยิงนายสนธิอย่างต่อ เนื่อง แต่นายสนธิไม่ได้ให้ความสำคัญ เพราะเป็นเหตุต่อเนื่องมาตั้งแต่การต่อสู้กับรัฐบาลที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการขว้างระเบิด ยิงสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี จึงเป็นเรื่องคาดไม่ถึง เชื่อว่าการยิงประกบยิงครั้งนี้ เป็นมืออาชีพ เนื่องจากคนร้ายสวมชุดสีขาวกางเกงลายพราง ใช้เวลาประมาณ 5 นาที

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า เหตุดังกล่าวสะท้อนว่า วิถีการแสดงความคิดเห็นของภาคประชาชนถูกคุกคามอย่างหนัก รุนแรงผิดปกติ เพราะใช้อาวุธสงคราม  เข้าข่ายเป็นภัยความมั่นคงของชาติ  ไม่ได้เพียงมุ่งหมายข่มขู่ สื่อมวลชน แกนนำภาคประชาชน เท่านั้น แต่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในสายตาของนานานชาติ รัฐบาลต้องติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เชื่อว่า ไม่ใช่ฝีมือของคนธรรมดา  และถูกฝึกมาอย่างดี สังเกตจากการใช้อาวุธ อาจเป็นคนในแวดวง ทหารหรือตำรวจทางใดทางหนึ่ง


“สนธิ” ถูก มือมืดลอบกัด ใช้อาวุธสงครามยิงรถพรุน (edited)

Mgr: ด่วน "สนธิ" ถูก "สัตว์นรก" ลอบกัด ใช้ปืนกระหน่ำยิงกว่า 100 นัด ใส่รถยนต์ขณะเดินทางเข้า "เอเอสทีวี" เผยรถถูกยิงพรุนไปทั้งคัน-พบรอยเลือดที่บริเวณเบาะด้านหน้า เบื้องต้น "สนธิ" ได้รับบาดเจ็บ แต่เข้ารับการรักษาตัวจนอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว
      
       รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 05.45 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณปั๊มคาลเท็กซ์ หน้าวัดเอี่ยมวรนุช สี่แยกบางขุนพรหม ใกล้ธนาคารแห่งประเทศไทย
      
       รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน วล 89 กทม.ซึ่งเป็นรถยนต์ของนายสนธิ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามไม่ทราบชนิด ยิงกราดจนรถพรุนทั้งคัน กระจกฝั่งด้านคนนั่ง และกระจกด้านหลังแตกละเอียด ล้อรถยนต์ทั้ง 4 ล้อถูกยิงจนแบน บริเวณใกล้กันพบปลอกกระสุนอาวุธปืนสงคราชนิดอาก้า และเอ็ม 16 ตกอยู่จำนวนกว่า 100 ปลอก ใกล้กันพบรถประจำทาง ขสมก.สีครีมแดง สาย 53 ประจำเส้นทาง วัดโสมนัส-รอบเมือง ถูกกระสุนลูกหลงจอดอยู่ ตรวจสอบผู้บาดเจ็บคือนายสนธิ มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลวชิระ อาการปลอดภัยแล้ว นายอดุลย์ แดงประดับ คนขับอาการสาหัส ส่งโรงพยาบาลมิชชัน ล่าสุดรายงานว่าอาการปลอดภัยแล้วเช่นกัน และนายวายุภัก มัดสิน อายุ 40 ปีการ์ดที่นั่งมาด้านหน้าบาดเจ็บเล็กน้อยส่งโรงพยาบาลมิชชั่น
      
       จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายสนธิได้เดินทางด้วยรถยนต์คันดังกล่าวออกจากบ้านพักย่าน ถ.สุโขทัย มา 3 คนพร้อมคนขับ และการ์ดที่นั่งมาด้านหน้า ตั้งแต่เวลาประมาณ 05.30น. เพื่อมาจัดรายการมอร์นิ่งทอร์ก ที่สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ถ.พระอาทิตย์ ในเวลา 06.00น. ทุกวัน ขณะมาถึงที่เกิดเหตุ รถกระบะ โตโยต้าวีโก้ 2 ประตู สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบทะเบียนได้ขับมาประกบข้างรถ และ มือปืนสวมเสื้อสีขาวกางเกงลายพรางสันนิษฐานเบื้องต้นว่ามือปืนน่าจะเป็นมือ อาชีพ ซึ่งอยู่ด้านหลังของกระบะ ได้ยิงปืนใส่ล้อรถนายสนธิ เพื่อให้ยางแตกก่อน แล้วกระหน่ำยิงเข้าใส่ตัวรถ จนมีผู้บาดเจ็บดังกล่าว จากนั้นขับรถหนีไปโดยใช้เส้นทางถนนสามเสน มุ่งหน้าไปยังเทเวศร์
      
       ทั้งนี้ พยานที่เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า คนร้ายสวมเสื้อสีขาวกางเกงลายพรางสันนิษฐานเบื้องต้นว่ามือปืนน่าจะเป็นมือ อาชีพ และมุ่งหวังจะเอาชีวิตเป้าหมาย
      
       ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณพี่น้องพันธมิตรฯ ที่โทรศัพท์เข้ามายังเอเอสทีวี เพื่อสอบถามอาการของนายสนธิ ซึ่งต้องขอยืนยันว่า นายสนธิ ปลอดภัยแล้ว ถึงแม้ว่าจะถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนอาก้ายิงใส่กว่า 100 นัด ส่วนคนขับรถได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าขณะนี้ นายสนธิ รักษาตัวอยู่ที่ใด เพื่อรักษาความปลอดภัยเบื้องต้นให้กับนายสนธิ
      
       “ขอประณามคนที่ลงมือกระทำ หรือคนที่เข้าถึงอำนาจ หรือใครก็ตามที่จ้องทำลายคุณสนธิ เพราะถือเป็นการคุกคามที่ร้ายแรงที่สุด และถ้าหากคิดว่าหากทำลายคุณสนธิ ได้แล้ว ก็จะเหมือนทำลายทุกอย่าง บอกได้เลยว่าไม่ใช่ เพราะคุณสนธิ สร้างเครือข่ายเอาไว้แล้วในทุกๆ ด้าน ทั้งเอเอสทีวี และพี่น้องพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ฉะนั้นขอให้พี่น้องพันธมิตรฯ ไม่ต้องตระหนกกับอาการบาดเจ็บคุณนายสนธิ ที่สำคัญคือระบบตรวจสอบของเอสเอสทีวี สัมฤทธิ์ผล จนทำให้คนร้ายต้องก่อเหตุดังกล่าว”นายปานเทพ ระบุ
      
       นายปานเทพ กล่าวอีกว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น ตำรวจ จะต้องเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด ที่สำคัญโดยขณะนี้นายสนธิ คงไม่ปลอดภัย เพราะคาดว่านายสนธิ คงจะทำให้คนที่จ้างวานเสียผลประโยชน์ จนต้องส่งคนมาลอบยิงดังกล่าว
      
       ขณะที่ พ.ต.อ.ชิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผู้กำกับ สน.ชนะสงคราม ซึ่งเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นรถนายสนธิ ซึ่งขับรถยนต์จากแยกบางขุนพรหม มาทางแยกบางลำพู ได้ถูกกลุ่มคนร้ายจำนวนมากกว่า 2 คนขึ้นไป ใช้รถปิกอัพ ตีขนาบข้างรถของนายสนธิ แล้วใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่ เบื้องต้นคนขับรถได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนนายสนธิ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
      
       ส่วนพยานในที่เกิดเหตุนั้น มีเพียงคนได้ยินเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวเท่านั้น ซึ่งจากนี้ไปจะต้องไปตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด ก่อนที่จะเร่งติดตามตัวคนร้าย และผู้บงการที่มุ่งเอาชีวิตนายสนธิ มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด






สถานทูตนิการากัว ปฏิเสธออกพาสปอร์ตให้ “นช.แม้ว” ปัดไม่มีมูล

Mgr: ปลัดฯ ต่างประเทศ ยังอึดขอเวลาสอบข่าวนิการากัวออกพาสปอร์ตให้ “ทักษิณ” ชี้ข้อมูลยังขัดแย้งไม่ตรงกัน เผย อยู่ระหว่างเจรจาสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่งตัว “นช.แม้ว” กลับมาดำเนินคดี แต่ยังอุบรายละเอียดอ้างเป็นมารยาท ด้านรายงานข่าวเผยสถานทูตนิการากัวปฏิเสธข่าวออกหนังสือเดินทางให้ “ทักษิณ” ไม่มีมูล
      
       วันนี้ (16 เม.ย.) นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีประเทศนิการากัว ให้พาสปอร์ตกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลว่าเป็นความจริงหรือไม่ เนื่องจากยังมีข้อมูลที่ขัดแย้งไม่ตรงกัน จึงต้องขอเวลาตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบไปยังอีกหลายประเทศ ที่มีข่าวว่าออกหนังสือเดินทางให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นกัน แต่ยังไม่ทราบว่าจะได้ข้อมูลเมื่อไหร่
      
       นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ทางไทยได้แจ้งไปยังประเทศต่างๆ ถึงการเพิกถอนหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว ส่วนเรื่องการดำเนินการขอให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น จะเป็นไปตามกระบวนการที่มีขั้นตอนปฏิบัติ ในส่วนของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่แม้จะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย แต่เรื่องการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเป็นเรื่องถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ ซึ่งขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งรัฐบาลประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการติดต่อประสานกันอยู่แล้วในช่องทางการทูต ซึ่งโดยมารยาทจะไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด
      
       ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า บรรยากาศที่ทูตานุทูตประเทศต่างๆ รับฟังคำชี้แจงจากนายกฯ เป็นไปด้วยดี ซึ่งทูตทุกประเทศได้เข้าใจถึงสถานการณ์ทั้งหมด และในวันที่เกิดเหตุที่พัทยา ทางนายกฯ ได้เป็นผู้ไปส่งผู้นำแต่ละประเทศกลับด้วยตัวเอง และแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เว้นแต่ 2 ผู้นำจากประเทศนิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ที่ไม่ได้ไปส่ง เนื่องจากอยู่ระหว่างการเดินทางก็ส่งสาส์นแสดงความเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้น
      
       นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการจัดประชุมอาเซียนบวก 3 และ บวก 6 ครั้งต่อไปนั้น จะต้องหารือกับประเทศอาเซียนและประเทศคู่เจรจา เพื่อหาเวลาที่เหมาะสม ซึ่งในฐานะประเทศเจ้าภาพ ตามธรรมนูญอาเซียน ระบุว่า ยังต้องจัดประชุมอีก 2 ครั้ง ซึ่งกำหนดเดิมจะอยู่ในช่วงปลายปี ส่วนความเป็นไปได้ที่จะรวบจัดประชุมพร้อมกันทีเดียวเลยได้หรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องหารือร่วมกัน ถึงความเหมาะสม เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะนัดให้ผู้นำ 16 ประเทศให้มาพร้อมกันได้
      
       ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า สถานเอกอัครราชทูตนิการากัว ประจำเม็กซิโก ได้มีหนังสือที่ EDNIC/EMB/91/2009 มีเนื้อหาว่า สถานเอกอัครราชทูตนิการากัว ประจำเม็กซิโก ขอตอบหนังสือสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำเม็กซิโกที่ 31001/126/2552 ที่ขอให้ตรวจสอบรายงานข่าวเกี่ยวกับการให้สัญชาติและการถือหนังสือเดินทาง นิการากัว ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยทางสถานเอกอัครราชทูตนิการากัวประจำเม็กซิโก ขอเรียนสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำเม็กซิโก ว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวที่ไม่มีมูล ซึ่งหนังสือดังกล่าวลงวันที่ 15 เมษายน และทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำเม็กซิโก ได้รายงานเรื่องนี้มายังกระทรวงต่างประเทศไทยแล้ว

นิการากัวรับให้ "ทักษิณ" ถือพาสปอร์ตทูตพิเศษ

Posttoday: นิการากัวรับให้ "ทักษิณ" ถือพาสปอร์ตทูตพิเศษ

"ทักษิณ" ยังดิ้นไม่หยุด! ร้องผ่านทีวีฝรั่งเศส วอน สถาบัน ลงมาช่วยยุติความขัดแย้ง แม้ว่ากลุ่มเสื้อแดงจะก่อจลาจล ก็ตาม

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงาน รัฐบาลนิการากัว ได้แต่งตั้งให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นเอกอัครราชทูตพิเศษของประเทศ และถือพาสปอร์ตเจ้าหน้าที่การทูต ที่ออกโดยประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ในอเมริกากลางแห่งนี้
        
โดยรัฐบาลนิการากัวประกาศว่า พ.ต.ท. ทักษิณได้รับพาสปอร์ตดังกล่าว หลังเข้าร่วมหารือกับประธานาธิบดีแดเนียล ออร์เตกา ในเดือนกุมภาพันธ์
      
ขณะที่รัฐบาลไทยเพิ่งสั่งถอนพาสปอร์ตทุกเล่มของอดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นผู้ปลุกระดมให้มีการชุมนุมด้วยความรุนแรง จนทำให้ต้องยกเลิกการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ

ทั้งนี้ รัฐบาลนิการากัว โดยประธานาธิบดีออร์เตกาได้แต่งตั้งให้นักโทษหนีคดีของไทยรายนี้ดำรงตำแหน่ง สำคัญ เพื่อช่วยดึงนักลงทุนมายังประเทศยากจนแห่งนี้ด้วย

"แม้ว"ออกทีวีฝรั่งเศสวอนสถาบันช่วยยุติขัดแย้ง

พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ France 24 ของฝรั่งเศส เรียกร้องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ช่วยยุติความวุ่นวายทางการเมืองซึ่งปะทุให้เกิดการประท้วงรุนแรงช่วงต้น สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่ากลุ่มเสื้อแดงที่เขาเป็นผู้สนับสนุนจะก่อความโกลาหลในบ้านเมืองก็ตาม

"ผมขอเรียกร้องให้พระองค์ท่านได้โปรดลงมาแทรกแซง พระองค์ทรงเป็นคนเดียวที่สามารถแทรกแซงเหตุการณ์นี้ได้ มิฉะนั้นความรุนแรงจะขยายวงกว้างและยิ่งแต่มีการเผชิญหน้ามากขึ้น มากขึ้น" ทักษิณ กล่าว        

"ผมขอเรียกร้องพระองค์ท่าน...ลงมาช่วยคืนความปรองดองของประเทศ" ทักษิณกล่าว พร้อมระบุว่าเขาจะยังคง "สนับสนุนทางศีลธรรม" แก่ผู้ประท้วงในไทย


ความเชื่อทางโหราศาสตร์ ของทักษิณ ชินวัตร

สำหรับความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ของบุรุษผู้นี้ ในขณะที่ธุรกิจของเขาก้าวไปกับโลกแห่งอนาคต คงจะต้องใช้การอธิบายที่ยาวนานทีเดียว ทักษิณเริ่มสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของศาสตร์ลึกลับที่สามารถบอกอนาคตของ มนุษย์ได้ตั้งแต่เด็ก

"แม่ผมเคยเอาดวงไปให้แม่ชีดูมานานแล้ว ประโยคแรกที่แม่ชีทำนายคือ ดวงผมเป็นดวงนักสู้ที่ทรหด ซึ่งตอนนั้นผมอ่านแล้วยังขำเลย"

เมื่อผสานกับดวงของคนราศีกันย์ที่ชอบทำการใหญ่ ชีวิตของเขาจึงเหมือนกับเดินไปตามวิถีทางที่ดวงดาวลิขิต หากแต่ความเชื่อในเรื่องนี้เขายังไม่ปรากฎ จนกระทั่งเขาเดินทางกลับจากต่างประเมศใหม่ๆ หมอดูทักเขาว่าดวงไม่ค่อยดี หลังจากนั้นสถานการณ์ของเขาก็อยู่ในสภาพย่ำแย่ทั้งด้านการงานและการเงิน จากนั้นในช่วงที่ยังรับราชการเป็นตำรวจ มีหมอดูทำนายว่าเขาจะต้องทำธุรกิจ ซึ่งช่วงนั้นเขาก็เริ่มทำธุรกิจอยู่บ้างแล้ว ยิ่งตอกย๊ำความเชื่อของเขามากขึ้น และจากนั้นทุกปีเขาจะต้องให้หมอดูตรวจดูดวงของเขาทุกครั้งเพื่อเป็นแนวทางใน การดำเนินธุรกิจ

"แม้ว่าผมทำงานไฮเทค แต่ผมคิดว่าเรื่องดวงเป็นเรื่องสำคัญ เป็นสิ่งที่น่าคิด มันเชื่อถือได้พอสมควร เพราะในช่วงชีวิตที่ผมเคยผิดพลาด หรือล้มเหลวมา เป็นช่วงที่ผมไปตรวจดวงแล้ว หมอดูที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนบอกชัดเจน เช่นเดียวกับช่วงที่โชคดีมันก็ออกมาชัดเจนเช่นกัน"

ความเชื่อของเขามาจากพื้นฐานที่ว่า การสร้างพื้นฐานด้านความรู้นั้น สามารถเท่าเทียมกันได้ แต่ไม่ทุกคนที่ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้เพราะพรสวรรค์ และดวงของแต่ละคน

"การดูดวงเป็นโหราศาสตร์ เป็นพื้นสถิติ คือเป็นการเก็บสถิติความสัมพันธ์ของดวงดาว ระหว่างดวงนี้มันจะเป็นอย่างไร เป็นสถิติสมัยโบราณ สิ่งที่เขาพูดเป็นหลักวิชา และหลักวิชา หรือทฤษฏีไม่จำเป็นต้องถูกเสมอไป มันอาจจะผิดได้ แต่ถ้ามันถูกเป็นส่วนใหญ่เราก็น่าเชื่อ บังเอิญเขาพูดตามหลักวิชา แลัวมันถูกพอสมควร ผมก็เลยเชื่อ"

ด้วยหลักคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์เช่นนี้ ทำให้เขาเชื่อเรื่องดูดวง แต่ไม่เชื่อเรื่องการนั่งทางใน เพราะไม่สามารถอธิบายได้

เก็บตกจาก "ทักษิณ ชินวัตร อัศวินคลื่นลูกที่สาม" หน้า 113-114

โหรส.ว.ฟันธงดวง"มาร์ค"รุ่งโรจน์เหมือนประเทศ "แม้ว"ลำบากถูกบริวารหลอก

matichon: โหรส.ว.ฟันธงดวง"มาร์ค"รุ่งโรจน์เหมือนประเทศ "แม้ว"ลำบากถูกบริวารหลอก

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. นายบุญเลิศ ไพรินทร์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาจ.ฉะเชิงเทรา (ส.ว.) หรือโหร ส.ว. กล่าวว่า เมื่อเข้าวันที่ 15 เม.ย. ซึ่งถือเป็นวันเถลิงศก "ขึ้นศก"ปีใหม่ไทยเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ดาวอังคารจะย้ายจากราศีกุมภ์เข้าราศีมีน ทำให้ดาวบาปเคราะห์ที่ให้โทษนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คลี่คลายไปในทางที่ดี ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ดาวเสาร์หรือบริวารทำให้เสียหาย ดาวเสาร์ตกในเรือนวินาศ ดาวบริวารที่จะทำให้เสียหาย เสียเงินเสียทอง ไม่ได้ประโยชน์อะไรในการใช้เงินให้เกิดการชุมนุมชุมนุมขึ้นมา


"ส่วนดวงเมืองวันที่ 14  เวลา 01.09 น.อาทิตย์ก็ย้ายจากราศีมีนเข้าราศีเมษ ทำมุมที่ดีอาทิตย์ทิตย์เดิม ดาวพุธเดิมส่งกระแสที่ดีให้แก่ดวงกรุงเทพฯ   ฉะนั้นดวงกรุงเทพฯ ตั้งแค่เช้า 14 เม.ย.52  เป็นต้นมาเวลา 01.09 น. เป็นต้นมา ดวงกรุงเทพฯ ก็สว่างไสวขึ้นมาทันที เพราะดาวอาทิตย์ ดาวพฤหัสบดี ได้เคลื่อนย้ายจากราศีมีนสู่ราศีเมษย์ ทับลัคนาราศีเมษ อาทิตย์เดิมที่ เป็นมหาอุตให้คุณ เพราะฉะนั้นประเทศไทยดีขึ้นมาทันที และทำให้เป็นที่เรื่องลือของต่างประเทศ เป็นที่ยอมรับสำหรับคนไทยและต่างประเทศอย่างยิ่ง และวันที่ 20 เม.ย.  ดาวพฤหัสบดีเดินเร็วย้ายขึ้นไปมีนสู่ราศีกุมภ์ ส่งกระแสที่ดีให้แก่คุณอภิสิทธิ์ ทำให้โด่งดังอย่างมหาศาล" โหรส.ว. กล่าว


นายบุญเลิศ กล่าวว่า  แทนที่จะยุบสภาอย่างหมอบางคนพูด ดวงนายอภิสิทธิ์จะดีมาก ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและทั่วโลกยอมรับอภิสิทธิ์อย่างยิ่งเพราะดาว พฤหัสบดีเป็นดาวคุณธรรมให้คุณสูงสุดในจักรวาลเป็นดาวต่างประเทศด้วย นายอภิสิทธิ์จะได้รับการตอบรับแก่คนไทยและต่างประเทศอย่างยิ่ง


"ทั้งดวงเมืองและดวงอภิสิทธิอยู่ในฐานะที่ดีมาก เร็วๆ นี้ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. เป็นต้นไป พ้น 14 เม.ย. ความขัดแย้งหลบไปแล้ว ฉะนั้นทั้งดวงเมืองดวงอภิสิทธิ์อยู่ในฐานะที่ดีมากเร็ว ๆ นี้"


โหร ส.ว. กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะยิ่งลำบากสาหัสกว่าเดิมเยอะ และอยู่ตรงนี้อีก 2 ปีครึ่ง และมฤตยูเล็งลัคให้โทษถึง 7 ปีเต็ม ต้องรักษาเอาตัวให้รอด อย่าให้เสียหายถึงชีวิต เพราะฉะนั้นจะลำบากลำบนมากกว่าเดิมอีกมากเหลือเกิน


"เป็นช่วงวิกฤติ คุณทักษิณจะลำบากลำบนมากกว่านี้ ผมเคยเตือนทักษิณให้หยุด จะได้ใช้เงินที่มีอยู่เป็นประโยชน์แก่ชีวิต อย่าทำอะไรมากกว่านี้แต่แกไม่เชื่อผม"



นายกฯประกาศสังคมไทยชนะได้ความสงบคืน เปิดกว้างเชิญทุกฝ่ายหารือเพื่อให้ปท.เดินหน้า คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

matichon: นายกฯประกาศสังคมไทยชนะได้ความสงบคืน เปิดกว้างเชิญทุกฝ่ายหารือเพื่อให้ปท.เดินหน้า คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

"อภิสิทธิ์"แถลงเหตุการณ์ชุมนุมคลี่คลาย แล้วแต่ยังไม่ปกติยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อ เพื่อให้กำลังพลเฝ้าระวังต่อไป ยันม็อบกลับบ้านไม่ใช่ชัยชนะ พร้อมเปิดใจกว้าง เชิญทุกฝ่าย เข้ามาปรึกษาหารือกัน เพื่อให้ประเทศชาติพ้นวิกฤตเดินหน้าต่อไปได้ ชี้เพิ่มวันหยุดเพื่อให้ปชช.ได้ผ่อนคลายจากเหตุวุ่นวายช่วงสงกรานต์

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 14 เมษายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ภายหลังกลุ่มคนเสื้อแดงได้ยุติการชุมนุม ด้วยสีหน้าสดใส ว่า หลังจากมีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้คลี่คลายจนเกือบหมด เหลือเพียงการชุมนุมโดยรอบทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น ตนทราบดีว่ามีหลายคนวิตกกังวล ว่า การคลี่คลายจุดสุดท้ายจะนำไปสู่ความรุนแรงและการสูญเสีย แต่ตนเคยให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า ตน ทหาร ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆไม่เคยคิดว่าประชาชนคนใดเป็นศัตรู และจะทำทุกวิถีทางไม่ให้เกิดความสูญเสีย เห็นได้จากการดำเนินการตั้งแต่คืนวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมากระทั่งเช้าวันที่ 14 เม.ย. ก็ได้ทำให้ประชาชนที่มาชุมนุมโดยเจตนาบริสุทธิ์กลับบ้านโดยไม่เกิดความสูญเสีย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ถือว่าเหตุการณ์ไม่ปกติ ทั้งการปิดถนน หรือการก่อเหตุร้าย ได้คลี่คลายไปจนค่อนข้างเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งต้องขอบคุณทุกฝ่ายรวมถึงประชาชนที่ทำให้เราเดินมาถึงจุดนี้ได้ อย่างไรก็ตามภารกิจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังไม่เสร็จสิ้น รัฐบาลต้องไม่ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท จำเป็นต้องเฝ้าระวังต่อไป ดังนั้นกำลังพลต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจะยังปฏิบัติหน้าที่ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป จึงอยากเรียนให้พี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะภารกิจเป็นเพียงการเฝ้าระวังเท่านั้น
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากที่การชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลยุติลง ก็มีการชุมนุมในบางจุดที่ไม่ได้สวมเสื้อสีแดงต่อมในช่วงบ่าย ซึ่งรัฐบาลก็เข้าใจว่า การปฏิบัติการเช่นนี้อาจมีอารมณ์ตกค้างบ้างเป็นธรรมดา และรัฐบาลก็ได้พยายามพูดคุยจนการชุมนุมดังกล่าวยุติไป แต่ก็ยังมีความพยายามสร้างเงื่อนไขการชุมนุมอีก โดยการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่รัฐทำรุนแรงหรือฆ่าประชาชน ซึ่งตนขอยืนยันว่าการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐ ไม่มีผู้เสียชีวิต ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เกิดจากการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับประชาชนในชุมชน จึงสามารถยืนยันได้ว่าการปฏิบัติการของรัฐบาลทุกอย่างทำด้วยความโปร่งใส ไม่มีอะไรหลบซ่อน สื่อมวลชนก็อยู่ในเหตุการณ์ตลอด ที่สำคัญการปฏิบัติการส่วนใหญ่ก็ทำในเวลากลางวัน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวชี้แจงถึงสาเหตุที่มีมติครม.ให้เพิ่มวันที่ 16-17 เม.ย.เป็นวันหยุดราชการ ว่า เป็นเพราะเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องใช้เวลาในการเก็บกวาดอาวุธ วัตถุอันตราย รวมถึงซากความเสียหายที่เกิดจากการชุมนุม ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยตนก็รู้สึกเกรงใจประชาชนที่เกิดเหตุวุ่นวายในช่วงปีใหม่ไทย ดังนั้นจึงต้องเพิ่มวันหยุดอีก 2 วัน เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้พักผ่อนต่อ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องคดีความต่างๆ จะต้องมีการดำเนินคดีกับแกนนำผู้ชุมนุมที่มีส่วนกับความไม่สงบรวมถึงยุยงให้ ทำผิดกฎหมาย และแม้จะอยู่ระหว่างใช้กฎหมายพิเศษ แต่การดำเนินคดีทั้งหมดจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมปกติ พร้อมยืนยันว่า ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีการตั้งธงว่าจะเอาผิดกับใคร เพราะถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลมาแต่ต้น ว่าการสร้างความสมานฉันท์ต้องเกิดขึ้นบนความเป็นธรรมและยุติธรรม นอกจากนี้ รัฐบาลต้องขอความร่วมมือกับประชาชน เนื่องจากมีบุคคลที่ถูกออกหมายจับและหลบหนีไป ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากประชาชนให้แจ้งเบาะแส เพื่อประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย โดยรัฐบาลจะเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และจะทำให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด

“แม้ว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายไปในลักษณะนี้ ผมก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องของชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของฝ่ายใด สิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าจะเป็นชัยชนะ ก็เป็นชัยชนะของสังคมที่สามารถกลับเข้าสู่ความสงบได้ ไม่ได้เกี่ยวกับปัจจัยหรือฝ่ายทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น อาจจะเกิดการคนกลุ่มเล็กๆที่สร้างความเข้าใจผิดและทำให้เราต้องมาเผชิญหน้า กัน วันนี้ ผมไม่ได้มองว่า เป็นเรื่องชัยชนะของฝ่ายใดแต่มองว่า ถ้าเราช่วยกันทำให้สังคมสงบลง เรามาพูดคุยกันได้ง่ายขึ้น ปัญหาทางการเมืองก็มาคุยกันในเวทีทางการเมือง และต้องไม่มีความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวข้อง ขอให้ทุกฝ่ายกลับเข้าสู่ความสงบอย่างแท้จริงโดยเร็ว ผมจะเชิญทุกฝ่าย เข้ามาปรึกษาหารือกันอีกครั้ง เพื่อสร้างความเป็นธรรมและหาทางออกทางการเมืองที่เหมาะสมให้ประเทศชาติเดิน หน้าต่อไปได้ เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนทุกคน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ช่วงจากนี้ เราจะปฏิบัติภารกิจที่เหลืออยู่และหวังว่าเหตุการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เต็มร้อยโดยเร็ว และพี่น้องประชาชนจะอยู่ในลักษณะที่มีโอกาสได้พักผ่อนและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น หากมีอะไรรัฐบาลก็พร้อมทำงาน และรายงานความคืบหน้าให้ทราบ ตนขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่หลายฝ่ายทุ่มเทและพี่น้องประชาชนเองก็ต้องมาเครียดกับช่วงเวลาที่ควรจะ ได้พักผ่อน และธุรกิจเอกชนคงได้รับความเสียหายไปพอสมควร ถึงเวลาที่เรามาช่วยกันฟื้นฟูบ้านเมืองของเรา บนพื้นฐานของความสงบเคารพกฎหมาย และยืนยันว่าตนมาอยู่ตรงนี้ ทำงานให้พี่น้องประชาชน คนไทยทุกคน บนความเสมอภาคเท่าเทียม และทุ่มเทเต็มความสามารถด้วยความซื่อสัตย์สุจริตให้ผ่านพ้นวิกฤตยากลำบาก

สื่อนอกตีข่าว "แม้ว"เผ่นออกจากดูไบไปแอฟริกาแล้ว

มติชน: สื่อนอกตีข่าว "แม้ว"เผ่นออกจากดูไบไปแอฟริกาแล้ว

เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้(16 เม.ย.) สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างหนังสือพิมพ์ "7เดย์ส" สื่อท้องถิ่นของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ตัดสินใจเดินทางออกจากนครดูไบแล้ว มุ่งหน้าสู่ประเทศหนึ่งในทวีปแอฟริกา ซึ่งไม่ได้รับการเปิดเผย เมื่อกลางดึกคืนวันพุธที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังถูกรัฐบาลไทยยกเลิกหนังสือเดินทาง

โฆษกของของอดีตนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลไทยจะพูดอย่างไรก็เชิญ แต่ไม่สามารถหยุดเราได้ และคนไทยทุกคนมีสิทธิถือหนังสือเดินทาง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จะยกเลิกกันง่ายๆ

"เรากำลังจะไปยังที่แห่งหนึ่งในแอฟริกา แต่ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเป็นที่ใด อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณคาดว่าประเทศนั้นยังคงยอมรับพาสปอร์ตของเขา แม้จะถูกทางการไทยยกเลิก" โฆษกอดีตนายกฯ กล่าว

Label Cloud