Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Monday, August 31, 2009

จับคนSC โยงคลิปเสียงนายกฯ

โพสต์ ทูเดย์ - จับคนSCโยงคลิปเสียงนายกฯ
กองปราบสอบพนักงานเอสซีเอี่ยวคลิปเสียงนายกฯเตรียมขยายผลต่อ

วันนี้(31สิงหาคม) ที่กองปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กองกำักับการ1 จับกุม นายสมศักดิ์ แซ่อึง อายุ 38 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2511/2552 และน.ส.กันทิมา แต้มครู อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2512/2552 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2552 ข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน กรณีนำคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีที่อ้างว่าสั่งการให้ใช้ความรุนแรง ในเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายน 2552

ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคน พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก.ได้เดินทางไปที่กองปราบปรามเพื่อสอบสวนผู้ต้องหาด้วยตัวเอง ทำให้ทราบว่้า ผู้ต้องหาทั้งสองเป็นพนักงานบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อาคารชินวัตร 3 ถ.วิภาวดีรังสิต ส่วนรายละเอียดในคดีนั้นผู้ต้องหาทั้งสองขอให้การในชั้นศาล จากนั้นได้ใช้เงินสดคนละ 1 แสนบาท เป็นหลักทรัพย์ยื่นประกันตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวออกไปได้ ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ พล.ต.ท.ไถง ได้มีคำสั่งห้ามตำรวจที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลใดๆกับสื่อมวลชน โดยอ้างว่าได้มีการปรึกษากับผู้หลักผู้ใหญ่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว

มีรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดต่อคลิปเสียง แต่เป็นเพียงผู้ส่งไฟล์คลิปเสียงผ่านทางอีเมล์ของบริษัท เอสซี แอสเสทฯ โดยที่มาของคลิปเสียงนั้นพบว่า หนึ่งในผู้ต้องหาเป็นผู้ได้รับแจกแผ่นซีดีคลิปเสียงดังกล่าวมาอีกทอดหนึ่ง จากนั้น ได้มีการนำไฟล์ไปแปลงเพื่อให้สามารถส่งต่อผ่านอีเมล์บริษัทได้ ซึ่งขณะนี้ตำรวจกำลังสอบสวนขยายผลต่อไปว่าผู้ต้องหาได้แผ่นซีดีมาจากบุคคลใด และกำลังขยายผลเข้าตรวจค้นบริษัทเอสซี แอสเสทฯ ซึ่งเป็นที่ทำงานของคนทั้งสองเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วย.


ศาลเลื่อนคดีจตุพรหมิ่นนายกฯอภิสิทธิ์

โพสต์ ทูเดย์ - ศาลเลื่อนคดีจตุพรหมิ่นนายกฯ
จตุพรอ้างติดสมัยประชุมศาลเลื่อนสอบคำให้การหมิ่นนายกฯ

วันนี้(31สิงหาคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลนัดพร้อมสอบคำให้การจำเลย คดีหมายเลขดำที่ อ.404 /2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา กรณีเมื่อวันที่ 12 ม.ค.52 นายจตุพร แถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย กล่าวหานายอภิสิทธิ์ กระทำการมิบังควรตีตนเสมอพระเจ้าแผ่นดิน โดยนั่งเก้าอี้เทียบเสมอพระเจ้าแผ่นดินในการถวายรายงานราชการ

อย่างไรก็ตามวันนี้ นายจตุพร ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่มอบให้นายองอาจ คำทอง ทนายความยื่นคำร้องขอเลื่อนนัดต่อศาลโดยระบุว่าจำเลย เป็น ส.ส. ขณะนี้อยู่ระหว่างสมัยประชุมสภา จึงไม่สามารถเดินทางมาศาลเพื่อสอบคำให้การได้

นายไพบูลย์ โพธิ์น้อย ทนายความโจทก์ แถลงศาลว่า เนื่องจากการประชุมสภาจะปิดสมัยประชุมประมาณสิ้นเดือนพ.ย.นี้ ดังนั้นเพื่อความสะดวกขอให้ศาลนัดพร้อมสอบคำให้การนายจตุพรคดีนี้ พร้อมกับอีกคดีที่นายจตุพร ตกเป็นจำเลยคดีหมายเลขดำที่ อ.1962/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ฯ กรณี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2552 นายจตุพร ได้ปราศรัยด้วยเครื่องกระจายเสียงต่อหน้าประชาชน จำนวนกว่าหมื่นคน ทำนองว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ฆาตกรมือเปื้อนเลือดฆ่าประชาชน และใส่ร้ายกลุ่มคนเสื้อแดง

ทั้งนี้ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีมีเหตุอันสมควรจึงนัดพร้อมสอบคำให้การนายจตุพร จำเลยคดีนี้ พร้อมกับคดีหมายลขดำ อ.1962/2552 ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.ด้านทนายความนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับคดีในชั้นสืบพยาน เบื้องต้นได้เตรียมพยานบุคคลไว้แล้วประมาณ 2 ปาก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาเบิกความด้วยตนเองอย่างแน่นอน


4 เดือน ศูนย์รับเรื่องข้อมูลคนหาย จากการชุมนุมทางการเมือง

ไม่ว่าจะไม่มีใครหายไปจริงๆ
มีคนหายไปจริงๆ
หรือเชื่อว่ามีคนหายไปจริงๆ
หรืออยากจะให้คนเชื่อว่ามีคนหายไปจริงๆ

วันเวลาที่ผ่านมาน่าจะรวบรวมข้อมูลเพียงพอที่จะเสนอเป็นประเด็นทางการเมืองได้
4 เดือนผ่านไป กลับมีคลิปเสียงนายกอภิสิทธิ์ ผุดขึ้นมาแทนหลักฐานการหายตัวไปของผู้ก่อการจราจลกลางกรุง

วันนี้ เรื่องนี้หายไปจากความสนใจของหลายคน และสื่อต่างๆแล้ว
คงเหลือทิ้งไว้แต่ความเชื่อที่สร้างไว้ ในใจของคนไทยที่ได้รับรู้
ไม่ว่าจะเชื่อ หรือไม่เชื่อ

ว่า

มีคนหายไปจริงๆ !!!???



กองปราบขยายผลปลอมคลิปเสียงนายกฯ

โพสต์ ทูเดย์ - กองปราบขยายผลคลิปเสียงนายกฯ
กองปราบบุกอาคารชินวัตรค้นคอมพิวเตอร์ขยายผลคลิปเสียงนายกฯ

วันนี้(31สิงหาคม) พ.ต.ท.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ รองผู้กำกับการ 1 กองปราบปราม พร้อมตำรวจนอกเครื่องแบบ 4 นาย นำหมายค้นของศาลอาญา ไปที่อาคารชินวัตร 3 ชั้น 19 และ 20 ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท เอสซีแอทเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า พร้อมประสานนายพิชิฏ ชื่นบาน ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของตระกูลชินวัตร เพื่อขอเข้าตรวจค้นคอมพิวเตอร์ของ 2 ผู้ต้องหาที่เผยแพร่คลิปตัดต่อเสียงของนายกรัฐมนตรี แต่ไม่อนุญาตให้นำเครื่องคอมพิวเตอร์ออกมาจากบริษัท จึงนำโน้ตบุ๊กไปโอนถ่ายข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ 5 เครื่อง ที่ 2 ผู้ต้องหาใช้เป็นประจำ เพื่อต้องการรู้ว่าทั้ง 2 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดต่อเสียงในคลิปหรือไม่

นายพิชิฏ ยืนยันว่า พนักงานทั้ง 2 คน ได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์ จึงส่งต่อให้พนักงานในบริษัท ไม่ได้เป็นผู้เผยแพร่หรือตัดต่อเสียง แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จนกว่าจะได้ตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ทั้ง 5 เครื่องอย่างละเอียด

ด้าน พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนหาต้นตอผลิต และเผยแพร่คลิปเสียง เปิดเผยว่าแนวทางการสืบสวน ได้แบ่งการทำงานออกเป็น 3 ส่วน คือกลุ่มผู้ทำ ตัดต่อ และนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้รับรายงานว่าคืบหน้าโดยได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก แต่ยังไม่ขอเปิดเผยขบวนการที่สั่งการและแหล่งผลิต และยังไม่ชัดเจนว่ามีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนพนักงานบริษัทที่ถูกจับกุมน่าจะแค่นำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่น่าจะอยู่ในขบวนการ.


Friday, August 28, 2009

สุรชัยถามตู่ สู้เพื่อล้มใคร

โพสต์ ทูเดย์ - Breaking News - สุรชัยถามตู่สู้เพื่อล้มใคร
แดงร้าวหนักแยก2ขั้วชัดสุรชัยอัดจตุพรเด็กหัดใหม่ทางการเมือง

วันนี้(27สิงหาคม) ที่จ.นครศรีธรรมราช นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำ นปช.กลุ่มแดงสยาม เปิดเผยว่า กรณีนายจตุพร นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินออกมาตอบโต้ในทำนองว่าตนเป็นพวกคอมมิวนิสต์นั้น ขอทำความเข้าใจว่า นายจตุพรนั้นแค่เด็กหัดใหม่ ความรู้น้อยและยังรู้ช้าอีกเพราะคนเข้ารู้ทั้งประเทศว่าตนเป็นคอมมิวนิสต์มากว่า 30 ปีแล้ว และหน้าบ้านพักก็ยังขึ้นป้ายที่ทำการก่อตั้งพรรคคอมมิวส์ไทยใหม่

ส่วนประเด็นที่โจมตีนายจักรภพ เพ็ญแข หนึ่งในแกนนำกลุ่มแดงสยาม ว่าหนีออกไปนอกประเทศก็ให้เกรงใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีบ้าง ทั้งที่เป็นนายเหนือหัวตัวเอง การหนีของนายจักรภพไม่ใช่หนีขี้ขลาดแต่หนีเพื่อสู้ และไม่ยอมจำนน

นายสุรชัยกล่าวต่อว่า สิ่งที่นายจตุพรพูดว่าต้องการมีประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขีดเส้นตั้งแต่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุญ ลงมาไปยื่นถวายฎีกาทำไม ยื่นเพื่อล้มอำมาตย์หรือ หรือไปยื่นเพื่อล้มพล.อ.เปรมหรือ ทั้งที่การยื่นนั้นจะต้องผ่านคณะองคมนตรี นายจตุพรรู้ดีตั้งแต่ต้นไม่ใช่หรือว่า โอกาสแนวทางนี้คือศูนย์เปอร์เซ็นต์

"นายจตุพรต้องการให้ทักษิณกลับมาแพ้ กลับมาตายหรือ หรือล่อให้ทักษิณกลับมาอย่างนั้นหรือ แค่แนวทางนี้นายจตุพร ไม่สามารถอธิบายได้แล้ว ตั้งเป้าที่จะล้มพล.อ.เปรม ล้มรัฐบาลแล้วพล.อ.เปรมคือใคร อธิบายได้หรือไม่ จตุพรเป็นแค่เด็กหัดใหม่ในทางการเมืองตีโพยตีพาย การต่อสู้ของจตุพรเป็นการต่อสู้ของเสื้อแดงทั้งหมดหรือ ประเทศไทยเป็นของจตุพรคนเดียวหรือ" นายสุรชัย กล่าวและว่าตนไม่ใช่เด็กปั้นของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะตนมีที่มายาวนานกว่า 30 ปีแล้ว ทักษิณมีหรือไม่มีก็สู้ ส่วนนายจตุพรขอสบประมาทไว้เลยว่าสู้แล้วต้องสู้ต่อไป อย่าเลี้ยวออกข้างทาง ใครเลี้ยวลงข้างทางขอให้คนนั้นเป็นลูกเต่า.



Wednesday, August 19, 2009

ต่อลมหายใจ 44 สส.ปมถือหุ้น

โพสต์ ทูเดย์ - ต่อลมหายใจ 44 สส.ปมถือหุ้น
กกต.ต่อลมหายใจ เลื่อนชี้ขาดสถานภาพ 44 ส.ส. ปมถือหุ้น ไปหลัง 25 ส.ค. เหตุมีเอกสารเพิ่ม

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม กกต.ยังไม่สามารถลงมติในกรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่า 44 ส.ส.ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานรัฐและหุ้นในกิจการสื่อว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากอนุกรรมการไต่สวนกรณีดังกล่าวพบผู้เกี่ยวข้องและได้รับเอกสารเพิ่มเติม จึงต้องทำข้อสรุปใหม่ รวมทั้งแยกแยะบริษัทที่ถือหุ้นให้ชัดเจนแล้วนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม กกต.อีกครั้งในวันที่ 25 ส.ค.นี้ หลังจากนั้นจะให้เวลา กกต.ศึกษาสำนวนการสอบสวนเพื่อลงมติต่อไป

"หลังจากฝ่ายเลขาฯ ของคณะอนุกรรมการไต่สวนเสนอข้อมูลเข้ามา ท่านประธาน(กกต.)จะนำเสนอต่อที่ประชุม และถ่ายเอกสารให้กรรมการนำไปศึกษา และจะนัด(ลงมติ)ภายในระยะเวลา 7 วัน" นายสุทธิพล กล่าว

ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ กลับไปจัดทำเอกสารใหม่ โดยแยกแยะจัดระบบเกี่ยวกับบริษัทที่ถือหุ้นให้ชัดเจนว่า บริษัทใดเป็นบริษัทใหม่ที่ยังไม่เคยอยู่ในวินิจฉัยของ กกต., บริษัทใดที่อนุกรรมการไต่สวนเห็นต่างจากที่ กกต.ให้ความเห็นไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยให้แยกประเด็นการถือครองหุ้นกู้และหุ้นสามัญ แล้วนำกลับมาเสนอที่ประชุม กกต.

เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า หลังจากอนุกรรมการไต่สวนส่งเอกสารให้ประธาน กกต.แล้ว คาดว่าจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมฯ ทันที เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

สำหรับ ส.ส.ทั้ง 44 ราย ประกอบด้วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย 23 ราย, ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน 8 ราย, ส.ส.พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาราช พรรคละ 3 ราย, ส.ส.พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 2 ราย, ส.ส.พรรคกิจสังคม และประชาธิปัตย์ อีกพรรคละ 1 ราย

ทั้งนี้ ส.ส.ในกลุ่มนี้มี 6 ราย ที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน ได้แก่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี, นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน, นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน, นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย, นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม



Tuesday, August 18, 2009

“อดีตราชองครักษ์” แจ้งจับ 3 เกลอบังอาจถวายฎีกาช่วย นช.แม้ว

Crime - Manager Online
“อดีตราชองครักษ์” นำประชาชนกว่า 30 คนบุกกองปราบแจ้งจับ 3 เกลอหัวขวดบังอาจถวายฎีกาช่วย นช.แม้ว ขอร้องทักษิณให้กลับมารับโทษและถามหาความจงรักภักดีจาก พล.อ.อนุพงษ์

วันนี้ (15 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ อดีตนายทหารราชองครักษ์เวร พร้อมด้วย พ.ต.ท.พชรเกรียงชัย ศรีหนาท อดีต รอง ผกก.อก.ภ.จ.ตราด และประชาชนกว่า 30 คน เข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล พนักงานสอบสวน กองปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ในข้อหาช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดเพื่อไม่ให้ต้องโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 และความผิดตามมาตรา 198 ข้อหาดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล หลังสามเกลอดำเนินการล่ารายชื่อประชาชนลงนามถวายฎีกาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ต้องหาหนีคดี ทั้งนี้ พล.อ.กิตติศักดิ์ ได้มอบซีดีการปราศรัยของแกนนำเสื้อแดงที่สนามหลวงและราชบุรี จำนวน 2 แผ่น บทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์กรณีดังกล่าว และแบบฟอร์มหนังสือถวายฎีกามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานอีกด้วย

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า ที่มาวันนี้ไม่เกี่ยวกับพันธมิตรฯ เพราะเรามาในนาม ของทหาร ตำรวจและพลเรือน ที่ออกมาปกป้องราชบัลลังก์ เนื่องจากการกระทำของ 3 แกนนำที่ประกาศว่าจะนำรายชื่อประชาชนหลายล้านคนร่วมลงชื่อเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกในคดีที่ดินรัชดาฯ 2 ปี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และประกาศว่าจะนำมวลชนเรือนแสนนำฎีกาไปยื่นต่อราชเลขาธิการ มีหลายฝ่ายเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมายและเป็นการกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นเรื่องมิบังควรอย่างยิ่ง

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งสามรู้อยู่แก่ใจว่าฎีกาดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพราะเนื้อหาที่จัดพิมพ์ขึ้นมีลักษณะเป็นการกล่าวร้ายต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าตัดสินคดีสองมาตรฐาน ถือว่าเข้าข่ายดูหมิ่นศาล และกลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีสิทธิและ ไม่มีอำนาจขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เพราะมาตรา 23 วรรคสองบัญญัติไว้ว่า คดีที่ศาลฎีกาได้พิจารณาหรือมีคำสั่งแล้ว คู่ความไม่มีสิทธิที่จะทูลเกล้าถวายฎีกาคดีนั้นต่อไป และประกอบพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2549 มาตรา 4 บัญญัติว่า ผู้ซึ่งจะได้รับการอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่ หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนด ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับติดต่อกันไปจนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อย หรือลดโทษ หรือนายกฯมีคำสั่งปล่อยหรือลดโทษเว้นแต่ผู้ที่ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า การปลุกระดมให้ประชาชนร่วมลงชื่อทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับโทษเพราะหลบหนีไปก่อนที่ศาลจะอ่านคำพิพากษา อีกทั้งยังหลบหนีหมายจับของศาลในคดีฉ้อราษฎร์บังหลวงซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายคดี นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังมิได้สำนึกในการกระทำความผิดของตัวเอง นับว่าเป็นเรื่องมิบังควรอย่างยิ่ง

“อยากฝากไปยังน้องทักษิณ เพราะเขาเป็นเตรียมทหารรุ่นน้องผม 3 ปี ว่าพระองค์ท่านดูแลพสกนิกรมากว่า 63 ปี แล้ว น้องเพิ่งมาไม่กี่ปีเทียบเคียงพระองค์ท่านไม่ได้หรอก ขอร้องให้หยุดเสียเถอะ หยุดทำความผิดซ้ำซาก อย่าเชื่อคนรอบข้างเพราะพวกนั้นคบกับน้องเพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น พี่อู๊ดขอร้องให้น้องอยู่เฉยๆ จนกว่าบ้านเมืองจะสงบ วันหนึ่งหากน้องสำนึกได้ก็ขอให้น้องกลับมารับโทษ พี่จะไปรับถึงสนามบิน หรือไปรับที่ต่างประเทศก็ได้ จะดูแลความปลอดภัยให้ เมื่อกลับมารับโทษและขอพระราชทานอภัยโทษจากพระองค์ท่าน ไม่มีอะไรสายเกินไปหรอก นอกจากนี้ อยากถามไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. อดีต ผบก.กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือทหารเสือราชินีว่า น้องจำได้ไหมน้องเคยมอบประกาศนียบัตรทหารเสือกิตติมศักดิ์ให้แก่พี่ บัดนี้ความจงรักภักดีของน้องหายไปไหนหมด น้องต้องกลับมาทำหน้าที่รักษาราชบัลลังก์ อย่าพูดเพียงว่าไม่มีความเห็นกรณีคนเสื้อแดงล่ารายชื่อถวายฎีกา น้องพูดได้อย่างไร น้องลองทบทวนดู” อดีต นายทหารราชองครักษ์เวร กล่าว

ด้าน พ.ต.ท.พชร เกรียงชัย กล่าวว่า อยากฝากไปยัง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.นักเรียนนายร้อยอบรมรุ่น 16 รุ่นเดียวกันว่าให้ดำเนินการติดตามจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ น้องเขยมาดำเนินคดีให้ได้ แล้วเพื่อนจะไม่ถูกเขาวิพากษ์วิจารณ์ได้

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ก่อนดำเนินการส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป



“กอร์ปศักดิ์” แจ้นพบ “คุณหญิงจารุวรรณ” ช่วยสอบทุจริตชุมชนพอเพียง

Politics - Manager Online
“กอร์ปศักดิ์” แจ้นพบ “คุณหญิงจารุวรรณ” ช่วยสอบทุจริตชุมชนพอเพียง ยันพร้อมร่วมมือเต็มที่ เดินหน้าตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใส หวังลบข้อครหาสังคมที่มองว่าเป็นโครงการขี้โกง เผย จะนำข้อเสียที่ได้รับ ไปปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้น

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.) ตนจะเดินทางไปพบ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อขอความร่วมมือให้จัดส่งทีมพิเศษเข้ามาตรวจสอบการทำงานของสำนักงานโครงการชุมชนพอเพียง หลังจากที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ส่งหนังสือขอให้ สตง.เข้ามาตรวจสอบการทำงานของ สพช.ว่า ได้ดำเนินการถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากตนเห็นว่า สตง.มีระบบการตรวจสอบที่ดี และสามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียด ทั้งนี้ สพช.จะได้นำข้อมูลที่ได้รับไปปรับปรุงองค์กรต่อไป

นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากมีอะไรที่บกพร่อง หรือเกิดปัญหาจะได้แก้ไขให้ถูกต้อง รวมถึงจะได้ทราบแนวทางในการเดินหน้าโครงการที่ถูกต้องต่อไปด้วย เพราะหากรอให้เข้ามาตรวจสอบตามกระบวนการต้องรอไปอีก 1-2 ปี ดังนั้น ในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีและเหมาะสมที่สุด

“ผมจะไปปรึกษา คุณหญิงจารุวรรณ เพื่อขอให้ส่งทีมพิเศษเข้ามาตรวจสอบโดยเร็ว เพราะหากรอกระบวนการอย่างเป็นทางการ อาจล่าช้าไม่ทันได้ เพราะขณะนี้ โครงการชุมชนพอเพียงกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ดังนั้น การเดินทางขอให้มีการตรวจสอบ จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น” นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว

มติชนเสนอข่าวแย้ง เรื่อง สตง. เข้าตรวจสอบ
นายกฯเผย"กอร์ปศักดิ์"แจงทางออกชุมชนพอเพียงทุกกรณีพรุ่งนี้ ระงับโซลาร์เซลส์แล้ว สตง.ลุยสอบไม่รอเชิญ
(ตัดตอนบางส่วน)
นาย พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายกอร์ปศักดิ์ จะประสานให้ สตง. เข้ามาตรวจสอบโครงการชุมชนพอเพียง ว่า ยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ แต่ไม่ว่าจะมีหนังสือมาหรือไม่ ทาง สตง.ก็เตรียมเข้าไปตรวจสอบอยู่แล้ว ตั้งแต่วิธีการขอ ไปถึงการอนุมัติ สินค้าที่ชุมชนซื้อแพงเกินจริงหรือไม่ พฤติกรรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไร รวมถึงกรณี ส.ก.และ ส.ข.ของพรรค ปชป. เกี่ยวข้องหรือไม่ คาดว่าจะเริ่มเร็วๆ นี้

"ตั้งแต่มีข่าวว่าโครงการนี้ไม่ชอบมาพากล สตง.ก็เตรียมเข้าไปตรวจสอบอยู่แล้ว เลยไม่แน่ใจว่า ทำไมเขาจะต้องออกข่าวว่าจะเชิญเราเข้าไปอีก แต่ไม่ว่าเพราะจะดึง สตง.ไปอ้างหรือเหตุผลอะไรก็ตาม การที่คุณกอร์ปศักดิ์บอกว่าจะเชิญ สตง.เข้าไปตรวจสอบ เท่ากับว่า เขาไฟเขียวเต็มที่ การขอข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ ของ สตง. คงง่ายขึ้น"  นายพิศิษฐ์กล่าว

ส่วนที่นายกอร์ปศักดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารโครงการชุมชนพอเพียง ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งตนเอง เป็นประธานคณะอนุกรรมการด้วยนั้น นายพิศิษฐ์กล่าวว่า ประเด็นนี้ สตง. จะเข้าไปตรวจสอบด้วยเช่นกัน ว่า นายกอร์ปศักดิ์ มีเหตุผลอย่างไร ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะในหลักการแล้ว ไม่ค่อยมีใครทำกันแบบนี้ เรื่องนี้มันอาจมองได้ 2 มุม คือ ตัวประธานมีเจตนาดี ที่จะเข้าไปนั่งเป็นประธานคณะอนุกรรมการ เพื่อกลั่นกรองงานให้รอบคอบมากที่สุด หรืออีกมุมหนึ่งคือ จะทำให้การอนุมัติโครงการใดโครงการหนึ่งง่าย และสะดวกมากขึ้น ไม่มีใครกล้าค้าน
รองโฆษกปชป.ปูดสพช.มี "ไส้ศึก"

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก รองโฆษกพรรค ปชป.(*1)กล่าวว่า นอกจากข้อมูลว่ามีคนใกล้ชิด ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งเป็นถึงประธานคณะกรรมาธิการคนหนึ่งไปแอบอ้างกับชาวบ้านว่า รู้จักนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ร่วมมือกับไส้ศึกบางคนใน สพช. เปลี่ยนโครงการที่ชาวบ้านเสนอขอใช้งบฯชุมชนพอเพียงเพื่อหาประโยชน์ให้กับ พรรคพวกของตัวเองแล้ว ตนยังมีข้อมูลเด็ดที่เตรียมไว้เป็นก๊อกสอง ที่ได้มาจากสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องเกี่ยวกับบริษัทแห่งหนึ่งที่หากินจากโครงการซื้อปุ๋ยอินทรีย์กับ ชาวบ้าน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในตอนนี้ จะเก็บไว้เตรียมอภิปรายสู้กับพรรค พท.ในสภาผู้แทนราษฎรทันทีที่ฝ่ายค้านหยิบเรื่องชุมชนพอเพียงขึ้นมาพูด หลังจากนี้พรรคจะเตรียมทีมไว้ชี้แจงเรื่องนี้ในสภา
"ก่อนหน้านี้ โครงการชุมชนพอเพียงเหมือนคนไข้ที่กำลังจะถูกเข็นเข้าห้องไอซียู แต่หลังจากเราเจอหลักฐานที่พรรคเพื่อไทยได้จากไส้ศึกแล้วนำมาอ้างในการแถลง ข่าว แต่กลับอ้างไม่หมดเพราะไปเกี่ยวข้องกับพวกเขาเอง ถือว่าเราเริ่มตั้งหลักได้แล้ว คล้ายกับพอฉีดยาให้ผู้ป่วยแล้วอาการดีขึ้น สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้ คิดว่าให้ยาอีกไม่กี่วัน ก็น่าจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้" นพ.วรงค์กล่าว
พท.พบ พอเพียง อีสานส่อทุจริต

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) และคณะกรรมการติดตามการใช้งบประมาณโครงการชุมชนพอเพียง พรรค พท. กล่าวว่า ที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษก ปชป. (*2)ระบุว่ามีข้อมูลเอกสารที่พบว่ามีคนใกล้ชิดส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.อำนาจเจริญ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต โดยแอบอ้างว่ารู้จักกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯนั้น ข้อเท็จจริงคือ พรรค พท.ไม่มีส.ส.อำนาจเจริญ มีแต่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น แต่พรรคก็ไม่ขัดข้องที่จะให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และถ้ามีเอกสารหลักฐานก็ควรจะแสดงให้ชัดเจนเพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ภาคอีสานตอนบนพบความผิดปกติในโครงการชุมชนพอเพียงในทุก จังหวัด โดยการทุจริตมีหลายลักษณะ บางพื้นที่มีลักษณะเช่นเดียวกับกรุงเทพฯ ที่ซื้อสินค้าราคาแพง อาทิ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย พบว่ามี 35 ชุมชนที่สินค้าประเภทเดียวกัน พรรคจะรวมรวมหลักฐานทั้งหมดก่อนแถลงข่าวอีกครั้งในสัปดาห์นี้

ThaiDMZ: *1 และ *2 เสนอข่าวไม่สอดคล้องกัน

ยกฟ้อง! “สนธิ” ศาลชี้ ปลอมลายเซ็น “แม้ว” ฟ้องแทน

Crime - Manager Online
ศาลจังหวัดปทุมธานี ยกฟ้อง “สนธิ” กับพวก หมิ่น “ทักษิณ” ประณามแก้ไขรัฐธรรมนูญ ศาลชี้ ผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจดำเนินคดีฟ้องแทน เหตุหลักฐานลายมือชื่อมอบอำนาจน่าสงสัย อีกทั้งผู้ฟ้องไม่มีพยานเบิกความยืนยัน พิพากษาให้ยกฟ้อง

วันนี้ (18 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวานที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดปทุมธานี ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1234/2551 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ นายพิชา ป้อมค่าย เป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล จำเลยที่ 1 นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำเลยที่ 3 นายพิภพ ธงไชย จำเลยที่ 3 นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จำเลยที่ พลตรีจำลอง ศรีเมือง จำเลยที่ 5 นายสุริยะใส กตะศิลา จำเลยที่ 6 บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด จำเลยที่ 7 บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด จำเลยที่ 8 ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

คำฟ้องระบุเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2551 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 8 ได้ร่วมกันโฆษณาด้วยเอกสารและคำแถลงเรื่องการคัดค้านและประณามการแก้ไข้รัฐธรรรมนูญเพื่อลบล้างความผิดของตนเองและพวกพ้อง ผ่านการถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชังจากประชาชนทั่วไป

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประเด็นแรก โจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้ นายพิชา ป้อมค่าย เป็นผู้ดำเนินคดีแทนจริงหรือไม่ ปัญหานี้โจทก์ไม่ได้มาเบิกความเป็นทนาย เพื่อยืนยันว่าโจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้ นายพิชา ป้อมค่าย ดำเนินคดีแทน โจทก์คงมี นายพิชา ป้อมค่าย ผู้รับมอบอำนาจ เป็นพยานปากเดียว เบิกความว่า พยานเป็นผู้รับมอบอำนาจของโจทก์ตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจ เอกสารหมาย จ.1 แต่นายพิชา ป้อมค่าย เบิกความตอบทนายจำเลยทั้งแปดว่าเอกสารหมาย จ.1 ทำในและลงลายมือชื่อที่อาคารชินวัตร ถนนวิภาวดีรังสิต แต่ที่จะทำที่บริษัทอะไร ชั้นอะไร จำไม่ได้ ทำให้น่าสงสัยว่าโจทก์ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจริงหรือไม่ นอกจากนี้ โจทก์ไม่มีบุคคลที่รู้เห็นการลงลายมือชื่อของโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจมาเป็นพยานเบิกความสนับสนุน ประกอบกับเอกสารหมาย จ.1 เป็นสำเนาไม่ใช่ต้นฉบับ ทั้งนี้ นายพิชา ป้อมค่าย ตอบค้านว่า หนังสือมอบอำนาจทำต้นฉบับไว้ 2 ฉบับ มีข้อความตรงกับกับเอกสารหมาย จ.1 ต้นฉบับอีกฉบับหนึ่งนั้นพยานเป็นผู้เก็บไว้ไม่ได้ส่งเป็นพยานต่อศาล จึงยิ่งเป็นพยานหลักฐานสนับสนุนให้น่าสงสัยยิ่งขึ้นว่า โจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจในเอกสารหมาย จ.1 จริงหรือไม่ พยานหลักฐานของโจทก์ในชั้นนี้จึงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้นายพิชา ป้อมค่าย ดำเนินคดีแทนตามเอกสารหมาย จ.1 นายพิชา ป้อมค่าย จึงไม่มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ ส่วนประเด็นเรื่องคดีโจทก์มีมูลหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป พิพากษายกฟ้อง


Monday, August 17, 2009

4 เดือน เตือนความจำ





นายกอภิสิทธิ์รับโครงการพอเพียงมีทุจริต

โพสต์ ทูเดย์ - นายกฯรับโครงการพอเพียงมีทุจริต
นายกฯไม่สบายใจผู้บริหารโยนผิดให้ประชาชน รบ.พร้อมรับผิดชอบ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงว่า ในส่วนของพรรคมีความชัดเจนมากขึ้น โดยนายเจริญ คันธวงศ์ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง จะสรุปผลการตรวจสอบให้ทราบในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นมีคนผิดแน่นอน โดยจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับบุคคลที่เชื่อมโยงไปถึง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ทั้งนี้ ยอมรับว่าหลักเกณฑ์ของโครงการเอื้อให้เกิดการทุจริต ส่วนกรณีที่ผู้บริหารโครงการโยนความผิดให้ประชาชน นายกรัฐมนตรียอมรับว่าไม่สบายใจ พร้อมระบุว่า ผู้บริหารโครงการจะโยนความผิดให้กับประชาชนไม่ได้ หากไม่สามารถผลักดันให้เกิดการปฏิบัติได้จริง ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยืนยันจะเดินหน้าโครงการชุมชนพอเพียง โดยไม่กลับไปใช้รูปแบบโครงการ SML เพราะเชื่อว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตได้


ศาลเลื่อนตัดสินคดีกล้ายาง

โพสต์ ทูเดย์ - ศาลเลื่อนตัดสินคดีกล้ายาง
ศาลฎีกาฯเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตกล้ายางออกหมายจับอดิศัย

วันนี้(17สิงหาคม) เมื่อเวลา 13.40 น.นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำเลยในคดีทุจริตกล้ายาง เดินทางถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อฟังคำพิพากษาแล้ว โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 13.15 น.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นนักการเมืองคนแรกที่เดินทางมาถึงศาล ตามมาด้วยนายวราเทพ รัตนากร นายสรอรรถ กลิ่นประทุม กลุ่มผู้บริหารบริษัทซีพี อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า นายอดิศัย โพธารามิก อดีตรมว.พาณิชย์ ป่วยไม่สามารถเดินทางมาฟังคำพิพากษาวันนี้ได้

นอกจากนี้มีกลุ่ม ส.ส. เพื่อนเนวิน อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ นายสุชาติ ศรีสังข์ นายพิจิตร ศรีชนะ นางศุภมาศ อิสระภัคดี เป็นต้น และกลุ่มชาวบ้านสวมเสื้อสีน้ำเงิน ประมาณ 5-6 คน นำช่อดอกไม้ และดอกกุหลาบสีแดง เตรียมมอบให้กำลังใจนายเนวิน ท่ามกลางบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

ล่าสุด ศาลฎีกาฯ ได้มีคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีนี้ออกไป เป็นวันที่ 21 กันยายน 2552 พร้อมมีคำสั่งให้ออกหมายจับนายอดิศัย เนื่องจากเห็นว่าจำเลยจงใจหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา.


ศาลรับฟ้อง คดีจตุพรหมิ่นนายกฯ

โพสต์ ทูเดย์ - ศาลรับฟ้องคดีจตุพรหมิ่นนายกอภิสิทธิ์
ศาลอาญารับฟ้องจตุพรหมิ่นนายกฯมือเปื้อนเลือดนัดตรวจพยาน14ธ.ค.

วันนี้ (17สิงหาคม) ศาลอาญา มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย(พท.) และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง ในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากเห็นว่าคดีมีมูล โดยได้นัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 14 ธ.ค.52

คดีดังกล่าวนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นฟ้องนายจตุพร เพราะไปขึ้นพูดบนเวทีปราศรัยที่วัดไผ่เขียว เมื่อวันที่ 10 พ.ค.52 โดยกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้นั่งอยู่ในรถประจำตำแหน่ง ในช่วงเหตุการณ์ม็อบเสื้อแดงปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย และรุมทุบรถ รวมทั้งกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีเป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือดที่สั่งให้ทหารยิงประชาชนคนเสื้อแดงในเหตุการณ์ชุมนุมช่วงเดือนเม.ย.52


Friday, August 14, 2009

Yoon - Anand has a piece of advice for Thaksin: Come home....

Suthichai Yoon's personal journal
Anand Panyarachun, a former prime minister, has told another ex-premier, Thaksin Shinawatr, to come home and fight his case through the judicial system "the same way that I did when I was accused of being a communist."

Anand gave a special interview that was aired as part of a special programme on Channel 11 entitled: "Stop the Petition!" broadcast just now. He said the petition being planned by the red-shirts to be presented to the King to seek a pardon for Thaksin was against rules, regulations and tradition.

"Khun Thaksin and some of his followers have said the judicial system has double standards. But from my own observation, they seem to accept the part that benefits them and criticizes the part that doesn't," Anand said.

Will Thaksin come back? He would, but only after he has been pardoned!



Thursday, August 13, 2009

นายกอภิสิทธิ์ รัฐบาลไทย กับ Flickr



หน้าตาของหน้า Flickr ของ thaigov
ดูไปดูมา 8-9 หน้า ก็เห็นมีแต่รูปเปิดงานเป็นหลัก
ดูแล้วไม่รู้ว่าเป็นผลดี หรือผลเสียกับภาพพจน์ของรัฐบาลกันแน่
เพราะในขณะที่เศรษฐกิจย่ำแย่ เรื่องต่างๆต้องการการดูแล
ภาพของ thaigov กลับมีแต่ ภาพเปิดงาน และเน้นรูปของนายกอภิสิทธิ์เป็นหลัก

แถม account ยังเป็น "pro" หมายถึงเงิน $24.95 ต่อปี
เงินไม่มาก แต่หากออกมาจากภาษีประชาชน
ก็น่าจะเห็นภาพของการทำงานที่"จริงจัง"มากกว่านี้

รัฐบาลอภิสิทธิ์ทำงานประชาสัมพันธ์
แต่รัฐบาลทักษิณ ทำงาน propaganda






นายกอภิสิทธิ์ กับป๊อด Modern Dog

Label Cloud