Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Tuesday, April 21, 2009

พท. เตรียมโชว์หลักฐานทหารยิงปชช.

posttoday: พรรคเพื่อไทย เตรียมโชว์หลักฐาน ทหารยิงประชาชนในการสลายม็อบกลางที่ประชุมรัฐสภาพรุ่งนี้

นาย ประเกียรติ นาสิมมา สส.สัดส่วน ฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเด็นที่พรรคจะอภิปรายในที่ประชุมร่วมรัฐสภาวันพรุ่งนี้ คือ สาเหตุวิกฤตเกิดจากอะไร, การเรียกร้องประชาธิปไตยและขจัดสองมาตรฐานออกไป แต่เมื่อรัฐบาลเพิกเฉยประชาชนต้องออกมาเรียกร้องกลางถนน รวมถึง การที่รัฐบาลเข่นฆ่าประชาชนในการสลายการชุมนุม ซึ่งจะมีการนำภาพทหารยิงประชาชน และภาพการทำร้าย มาแสดงต่อสภา
        
ทั้งนี้ ข้อสรุปร่วมของวิปสามฝ่าย คือ เมื่ออภิปรายเสร็จ จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสองชุด คือ คณะกรรมการศึกษาประเด็นแก้ไขรธน. และ คณะกรรมการตรวจวสอบข้อเท็จจริงในการสลายการชุมนุม
        
นายประเกียรติ กล่าวว่า พรรคตั้งเป้าหมายเบื้องต้นว่ารัฐบาลจะต้องยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ยุติการจับกุมแกนนำคนเสื้อแดง และต้องปล่อยผู้ที่ถูกคุมตัว และรัฐบาลควรหยิบยกร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติที่พรรคเสนอเข้ามา เพื่อพิจารณานิรโทษกรรมคดีการเมืองและคดีอาญา มิฉะนั้นประเทศก็ไม่สงบ และรัฐบาลก็แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้
        
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเตรียมผู้อภิปรายไว้12- 15 คน โดยจะนำคลิปวีดีโอการสลายการชุมนุมช่วงตีสี่ที่สามเหลี่ยมดินแดง และภาพผู้เสียชีวิต 2 คนที่เป็นการ์ดนปช.ที่ตกเป็นข่าวมาแสดงในสภาฯ  โดยจะมีภาพชายเสื้อดำผูกผ้าขาวที่แขนมารุมทำร้าย รวมถึงคำให้สัมภาษณ์ของญาติที่ยืนยันว่าถูกทำร้ายจริง และขอรับรองข้อมูลที่นำมาเปิดเผยจะเป็นข้อจริง หากบิดเบือนผู้อภิปรายก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว
        
นายพร้อมพงศ์ ยังแถลงสรุปยอดรับเรื่องร้องทุกข์และเยียวยาของผู้ได้รับผลกระทบจากการสลาย การชุมนุมรวม ขณะนี้ได้รับทราบข้อมูลว่ามีผู้บาดเจ็บ 34 ราย สูญหาย 10 ราย โดยเป็นการเพิ่มเติมจากเมื่อวาน 2 คนโดยหนึ่งในนั้นเป็นคนอุดรธานี และเชื่อว่ามีผู้เสียชีวิต 2 รายคือ การ์ดแนวร่วมประชาธิปไยขับไล่เผด็จการ (นปช.) ซึ่งเป็นรปภ.บริษัทกรุงไทยบริการ  อยู่ในระหว่างควบคุมตัว 9 ราย


ตร.เตรียมขอตัว"จักรภพ"เป็นผู้ร้ายข้ามแดน

posttoday: ตำรวจเล็งเสนอขอส่ง จักรภพ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน หากไม่มาฟังคำสั่งคดีหมิ่นเบื้องสูงวันที่ 29เม.ย.

พล. ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและสอบสวน ในฐานะคณะกรรมการคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง  กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแล้วพบว่า นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว โดยยังไม่ทราบว่าขณะนี้พำนักอยู่ในประเทศใด ซึ่งวันที่ 29 เม.ย.นี้ อัยการนัดฟังคำสั่งว่า จะพิจารณาสั่งฟ้องคดีหรือไม่ หากนายจักรภพไม่มาฟังคำสั่ง อัยการก็อาจจะมีความเห็นเลื่อนนัดฟังคำสั่งไปก่อน เพราะตำรวจมีสิทธิที่จะพิจารณาเสนอศาลขอหมายจับ เพื่อให้มาฟังคำสั่งคดี และหากพบว่านายจักรภพ อยู่ในต่างประเทศ ก็จะต้องประสานกับอธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ ขอความร่วมมือในเรื่องของการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ด้านพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบตัวนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งถูกออกหมายจับ จากเหตุการณ์ทุบทำลายขบวนรถนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาดไทย  อย่างไรก็ตามจะพยายามสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ที่สุด ทั้งนี้ในสำนวนคดีที่กระทรวงมหาดไทยถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่มีการพิจารณาจะออกหมายจับเพิ่มเติม


One Voice - เจอคำถามยิงตรง ทักษิณก็โดนน็อค - กล้วยไม้ป่า

เจอคำถามยิงตรง ทักษิณก็โดนน็อค

สังเกตไหมว่านักข่าวต่างประเทศตั้งคำถามคุณทักษิณ ชินวัตร แบบเจาะลึกมากขึ้นทุกที

ที่ทักษิณเคยคิดว่ายิ่งให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะได้ประโยชน์กับตนใน "สงครามข่าวสาร" นั้น

เห็นทีจะเป็นการประเมินที่ผิดพลาดอย่างยิ่งเสียแล้ว

เพราะคนข่าวมืออาชีพไม่ว่าจะเป็นไทยหรือต่างประเทศนั้น จะไม่ยอมเป็นเพียง "กระบอกเสียงไร้จิตวิญญาณ" ของทักษิณ อีกต่อไปแล้ว

ที่ทักษิณ เคยจ้าง lobbyist ต่างชาติเพื่อ "ปั่น" (คำนี้วงการฝรั่งใช้ spin) เพื่อให้ข่าวคราวออกมาเข้าข้างตนเองนั้น

บัดนี้ย้อนกลับมาเล่นงานเขาเองเสียแล้ว

กลายเป็นบูมเมอแรงที่หวนกลับมากระแทกคนที่ริเริ่มการกระทำนั้นๆ

คำอธิบายมีง่ายนิดเดียว...ตามภาษาฝรั่งทีว่า

คุณสามารถหลอกคนบางคนบางเวลาได้ หรือหลอกคนทั้งหมดบางเวลาได้

แต่....คุณไม่อาจจะหลอกคนทั้งหมดตลอดเวลาได้

You can lie to someone sometimes BUT you can never lie to everyone every time.

ดูจากคำถามของนักข่าวต่างประเทศช่วงหลังๆ ไม่ว่าจะเป็น Telegraph หรือ Financial Times ซีเอ็นเอ็น หรือบีบีซี

ต่างทำการบ้านมาอย่างรอบด้าน และไม่มีนักข่าวคนไหนต้องการจะเสียประวัติว่า ถูกทักษิณใช้เป็นเครื่องมือเพื่อโฆษณาชวนเชื่อเพื่อตัวเขาเองอีกต่อไป

เพราะในแวดวงนักข่าววิชาชีพนั้น เริ่มมีการเฝ้าระวังกันและกันมากขึ้น

เช่นมีคำถามระหว่างนักข่าวต่างชาติว่า

"เฮ้ย ระวังนะเว้ย ไม่ทำการบ้าน ถามอะไรชุ่ยๆ เชยๆ เขาจะหาว่าคุณรับเงินทักษิณมา เขียนเชียร์เขาอย่างเดียว..."

ไม่มีนักข่าวอาชีพคนไหนต้องการได้ชื่อว่าเป็นเพียง "ลูกจ้าง" ของแหล่งข่าว ไม่ว่าแหล่งข่าวคนนั้นจะมีเงินมีอำนาจมากมายเพียงใดก็ตาม

ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจ ถ้าหากทักษิณ จะอ้ำๆ อึ้งๆ เมื่อเจอคำถามตรงๆ และไม่เกรงใจอย่างเช่นที่นักข่าว Financial Times (FT) จะถามทักษิณว่า

"คุณให้เงินกลุ่มเสื้อแดงหรือ?"

คำตอบของทักษิณ ของคำถามยิงตรงเช่นนี้น่าสนใจกว่าคำถามด้วยซ้ำ

เขาตอบว่า

"เปล่าเลย..." (No....no...no...no)

แล้วก็เฉไฉออกไป

"ถ้าคุณดูจะเห็นวัฒนธรรมที่น่ารักมาก ชาวประมงหยุดจับปลา แล้วเอาปลามาแจกจ่าย

พวกเขาช่วยเหลือกัน พ่อค้าแม่ค้าเร่เอาอาหารมาด้วย..."

ทักษิณ คิดว่า "ตีลูกชิ่ง" อย่างนี้ นักข่าวก็คงจะหลงทาง ไปถามเรื่องอื่นที่เขาอยากให้ถามต่อ

แต่นักข่าว FT ถามต่อว่า

"แต่เราได้ยินว่าคุณให้เงิน..."

ทักษิณรู้ว่าถูกต้อน แต่ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร จึงทำเสียงแหลมเหมือนคนจนมุม

"ไม่มีทาง ไม่มีเงินเลย

ครั้งหนึ่งผมพูดติดตลกว่า ตอนนี้รัฐบาลแจกเงินผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท ซึ่งผมมีสิทธิได้รับด้วย

หลังจากวันเกิดของผมในวันที่ 26 กรกฎาคม ในวันที่ 27 กรกฎาคม ผมจะมีอายุครบ 60 ปี และมีสิทธิได้รับเงินนี้

ผมพูดเล่นๆ ว่า หลังวันที่ 27 กรกฎาคม ผมจะไปเข้าคิวรับเงิน 500 บาทของผม

พวกนั้นเข้าใจว่าผมจะแจกคนละ 500 ..."

ออกทะเลไปเลยครับ...

(หมายเหตุ - ช่วยกันไปดู VDO Clip ใน Youtube กันหน่อยซิว่า เขาพูดอย่างที่ว่า จริงหรือไม่)

เมื่อนักข่าวไม่ยอมให้ทักษิณ หลอกใช้เป็นเครื่องมือ ก็ย่อมแปลว่า

ยิ่งทักษิณเปิดปากกับนักข่าวต่างชาติมาก และบ่อยเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งจะถูกเปิดโปงมากขึ้นเท่านั้น

http://matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1240236570


"เสื้อแดง"โชว์ภาพถูกยิงเจอจับผิด ที่แท้ถูกตี

matichon: "เสื้อแดง" โชว์ภาพถูกยิงเจอจับผิด ที่แท้ถูกตี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวนายสมยศนำเทปวิดีโอซึ่งอ้างว่ามีคนที่อยู่ในเหตุการณ์วัน ทหารปราบปรามกลุ่มเสื้อแดง เปิดให้กลุ่มสื่อมวลชนดู เป็นภาพรถเมล์ประจำทางสีขาวน้ำเงินถูกสกัดให้จอดบริเวณใดยังไม่ทราบ มี สห.และเจ้าหน้าที่ลากตัวผู้ชายสวมเสื้อแดงลงจากรถ และขณะลากต่อไปมีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดทำให้ผู้ชายเสื้อแดงคนนั้นทรุดลง ซึ่งนายสมยศเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการใช้อาวุธยิงผู้ชุมนุมจริง และกำลังตามสืบหาสถานที่อยู่

ต่อมาทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 ในรายการข่าวเรื่องเด่นเย็นนี้ ได้นำภาพดังกล่าวมาเสนอและมีการตรวจสอบเปรียบเทียบกับภาพข่าวที่ช่างภาพใน เหตุการณ์ถ่ายไว้ได้ พบว่าชายสวมเสื้อแดงคนดังกล่าวไม่ได้ถูกยิง แต่ถูกตีที่ศีรษะและล้มลง ก่อนทหารจะดึงให้ลุกขึ้นแล้วนำตัวไปควบคุมโดยไม่มีการเสียชีวิตแต่อย่างใด



thairath: ที่ จ.สมุทรสาคร จี้สื่อถาม "พัลลภ" ใครปั่นสถานการณ์ให้เกิดการรุนแรง โดยเฉพาะ การเผายางรถยนต์ ยึดและเผารถเมล์ระบุจันทร์นี้จะเปิดโปงอีกรอบ..?

เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (20 เม.ย.) ที่ห้องสีดา โรงแรมรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน สองแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วยนายเขื่อนเพชร โพนรัมย์ แกนนำคนเสื้อแดง จ.นครราชสีมา ร่วมกันแถลงแสดงความเสียใจกับผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์การสลายการชุมนุม และยกย่องนายวีระ มุกสิกพงษ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเสื้อแดง ที่ยอมมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรักษาชีวิตของประชาชน??

อย่าง ไรก็ตาม นายสมยศ ยืนยันว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ใช่การกระทำของคนเสื้อแดง แต่เป็นเหตุการณ์ที่มีการแทรกแซงจากกลุ่มบุคคลที่ต้องการทำลายความชอบธรรมใน การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันติของคนเสื้อแดง จึงฝากสื่อมวลชนทุกแขนงไปถาม พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.รมน.ว่าการปั่นสถานการณ์ให้เกิดการรุนแรง โดยเฉพาะ การเผายางรถยนต์ ยึดและเผารถเมล์ เผาสถานที่ราชการ แบบเดียวกับเหตุการณ์สมัยพฤษภาทมิฬ 2535 ทหารทำกันอย่างไรในยุคนั้น ซึ่งในวันจันทร์ที่ 27 เม.ย.นี้ ตนจะนำข้อเท็จจริงพร้อมหลักฐานมาเปิดโปงอีกครั้งว่า ใครเป็นผู้ก่อความรุนแรงกันแน่?

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำเสื้อแดงยังได้เปิดคลิปวิดีโอที่อ้างว่า เป็นภาพบันทึกเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารที่สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 เม.ย. ยิงผู้ชุมนุมเสื้อแดงเสียชีวิต บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยคลิปวิดีโอดังกล่าว เป็นภาพเจ้าหน้าที่ทหารกำลังจับกุมชายเสื้อแดง ลงจากรถประจำทางสีขาว และมีเสียงปืนดังขึ้น 1นัดชายเสื้อแดงจึงล้มลงกับพื้นพร้อมทั้งมีเสียงของผู้เห็นเหตุการณ์ตะโกน ว่า ''ทหารฆ่าประชาชน'' แต่ภาพหลังจากนั้นชายเสื้อแดงถูกดึงแขนให้ลุกขึ้น??

ทั้งนี้ นายสมยศ กล่าวว่า ภาพวิดีโอแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีผู้เสียชีวิต และขอเชิญคนเสื้อแดงจัดกิจกรรมร่วมทำบุญบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ในวันที่ 23 เม.ย. ในเวลา 10.00 น. เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่ผู้ที่เราเชื่อว่าเสียชีวิตในบริเวณนั้น และกลุ่ม นปช.จะชุมนุมใหญ่ที่ จ.สมุทรสาครในวันที่ 25 เม.ย. ส่วนจะเป็นสถานใดที่ยังไม่ชัดเจน เป็นการชุมนุมเพื่อต่อต้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และยุติความรุนแรง?

ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพวิดีโอถ่ายที่ใดและได้มาอย่างไร นายสมยศ กล่าวว่า เราขอตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่าเป็นสถานที่ใด ซึ่งภาพดังกล่าวมีภาพที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่อยู่ในเหตุการณ์ส่งภาพมา ให้ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นการมาเพื่อแสดงว่าใครขอเอาชีวิตเดิมพันว่าไม่มีผู้เสีย ชีวิตเราจะเอาซีดีไปให้ และในขณะนี้การรายงานว่ามีผู้สูญหายแล้ว 30 คน

Reblog this post [with Zemanta]

ดาวโจนส์ลดลง289.60 จุด น้ำมันดิบต่ำสุดในรอบ1เดือน

matichon: ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ลดลง 289.60 จุด ปิดที่ระดับ 7,841.73 จุด ส่วนดัชนีหุ้นแนสแดคปิดที่ระดับ 1,608.21 จุด ลดลง 64.86 จุด และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี ปิดที่ระดับ 832.40 จุด ลดลง 37.20 จุด

ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ลดลง 4.45 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ระดับ 45.88 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดในรอบ 1 เดือน


ทุกปั้มขึ้นราคาเบนซิน-โซฮอล์

posttoday: ผู้ค้าน้ำมันทุกรายปรับเบนซิน-แก๊สโซฮอล์60สต./ลิตรเว้นE85,ดีเซล

ผู้ ค้าน้ำมันทุกรายปรับขึ้นราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซิน และ แก๊สโซฮอล์ 60 สตางค์/ลิตร ยกเว้นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (21) เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป หลังจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บางจากปิโตรเลียม จำกัด มหาชน ประกาศปรับราคาขึ้นราคาน้ำมันเนื่องจากราคาน้ำมันโลกสูงต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว

การปรับขึ้นราคาดังกล่าว ส่งผลให้ราคาขายปลีกในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล  เป็นดังนี้ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 26.24 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 25.44 บาท, แก๊สโซฮอล์ อี 20 อยู่ที่ลิตรละ 23.94 บาท, เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 30.04 บาท, ดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 23.29 บาท และ ไบโอดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 20.29 บาท ส่วนแก๊สโซฮอล์ อี 85 อยู่ที่ลิตรละ 21.29 บาท เท่าเดิม

หาวิถีกระสุน กรณีลอบสังหาร สนธิ ลิ้มทองกุล

posttoday: ตำรวจจำลองเหตุการณ์ลอบยิงสนธิเพื่อตรวจหาแนววิถีกระสุนเมื่อคืนที่ผ่านมา

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รองผบก.กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบจาก บก.น.1 และตำรวจสายสืบจาก สน.ชนะสงคราม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมคลี่คลายคดี การลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำลองสถานการณ์ และตรวจพิสูจน์จุดที่เกิดเหตุที่คนร้ายลอบยิงนายสนธิ บนถนนสามเสน บริเวณหน้าวัดเอี่ยมวรนุช แขวงบ้านถม เขตพระนคร กทม. เพื่อตรวจหาแนววิถีกระสุนว่ากลุ่มคนร้ายยิงมาจากทิศทางใด        

พล. ต.ต.วิชัย กล่าวว่าสำหรับการตรวจที่เกิดเหตุในครั้งนี้ เพื่อหาแนวทางการยิงของคนร้ายว่าอยู่ตรงจุดไหน และทิศทางของรถคนร้าย และรถของผู้เสียหายว่าจะอยู่ในลักษณะใด เพื่อนำไปประกอบพยานวัตถุที่เจ้าหน้าที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ รวมทั้งพยานบุคคลที่มีอยู่หลายปาก แต่ยังให้การไม่ตรงกัน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจากรอยกระสุนที่รถยนต์ของนายสนธิในเบื้องต้นสามารถที่จะระบุ ได้ว่าคนร้ายมีประมาณกี่คน และใช้อาวุธปืนชนิดใดบ้าง และการตรวจพิสูจน์ในครั้งนี้จะได้นำไปประกอบและยืนยันแนววิถีกระสุนภายในรถ อีกครั้ง

จักรภพหนีไปนอก

posttoday: สื่อนอกตีข่าวจักรภพแกนนำนปช.หนีไปนอกแล้วเล็งเคลื่อนไหวใต้ดิน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานอ้างคำให้สัมภาษณ์ของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มนปช. ระบุว่า ขณะนี้เค้าได้หนีออกไปนอกประเทศไทยแล้ว และอยู่ในที่ปลอดภัย เพื่อเลี่ยงการถูกออกหมายจับฐานยุยงให้ใช้ความรุนแรง และจะตั้งสำนักงานที่สามารถดำเนินการเคลื่อนไหวได้ โดยมีการพัฒนายุทธศาสตร์บางประการเพื่อให้เราสามารถใช้เวลาวิเคราะห์ สถานการณ์ได้
         
นาย จักรภพกล่าวว่า มีความเห็นขัดแย้งกันกรณีกลุ่มเสื้อแดงยอมสลายการชุมนุมล้อมทำเนียบรัฐบาล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การตัดสินใจดังกล่าวไม่เป็นฉันทามติ แต่เขาก็ต้องยอมการตัดสินใจของแกนนำที่อยู่ในพื้นที่ เพราะตัวเขาเองอยู่นอกพื้นที่ จึงไม่สามารถตรวจสอบสถานการณ์เองได้ นอกจากนี้ เขายังคงติดต่อกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแต่ก็ไม่ได้แนะนำอะไรกับกลุ่มเสื้อแดง

เราวางแผน ว่าจะเคลื่อนไหวใต้ดินนานตราบเท่าที่ทำได้ การเคลื่อนไหวในประเทศไทยนั้นเกินจุดที่จะหยุดพักไปแล้ว แต่มันถึงจุดที่ต้องการการเข้าร่วมกันอย่างใหญ่หลวงของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้เมื่อเกิดพลวัตทางการเมืองเช่นนี้ขึ้นแล้วก็ไม่มีใครคาดเดาออกว่า อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป” นายจักภพ ระบุ

เปลวสีเงิน - ภาวะผู้นำในถ้ำเสือ-วังมังกรของอภิสิทธิ์

เปลว สีเงิน ไทยโพสต์ 20-04-2009

ก็ผ่านยกที่   ๒  ไปได้แบบใจหาย-ใจคว่ำ  สำหรับ  "นายกฯ  อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ"  แต่ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า  "ยืนครบ  ๕  ยก  หรือไม่ครบ"  จากวันที่  ๒๑  เมษายน  ๒๕๕๒  ไปถึงเดือนสิงหาคม  ๒๕๕๒  นับเป็นยกที่  ๓  และระหว่างเดือนพฤษภาคม-๙  มิถุนายน  คือตอนกลางๆ  ยก  ฝ่ายตรงข้าม  (ก็ยังไม่รู้ว่าใคร)  อาจประเคนอาวุธทุกชนิดเข้าใส่หวังเผด็จศึกอีก  หมายความว่า  "นายกฯ  ต้องต่อสู้ทุกวินาที  ต่อสู้ทั้งคู่ชก  ต่อสู้ทั้งกรรมการ  ต่อสู้ทั้งพี่เลี้ยง  ต่อสู้ทั้งคนดู  ไม่มีเวลาให้พักหายใจ  แต่ไม่เป็นไร  เพราะราศี  "สุภาพบุรุษสังเวียน"  เริ่มจับแล้ว!

     แบบนี้แหละที่เรียกว่า  "รสชาติของชีวิต"  เป็นนายกฯ  ให้เขาอิจฉา  ดีกว่าเป็นนายกฯ  ให้เขาสมเพชเวทนา  ต่อยมา  ๒  ยกถึงเลือดโชกแต่ก็คุ้ม  เพราะได้ใจประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ไปพะเรอเกวียน  ถ้ายก  ๓  นี้ไม่ถูกเขาน็อก  สามารถโชว์ลีลางามๆ  อีกซักดอก-สองดอก  ผมเชื่อว่า  ไม่มีใครกล้าเรียก  "นายกฯ  คุณหนู"  อีกต่อไป

     ศรัทธาจากประชาชนนั่นแหละ  จะเกิดเป็นรังสีที่เรียกว่า  "บารมีผู้นำ"  ๓-๔  เดือนที่ผ่านมา   ท่านเป็นนายกฯ  ที่บรรดาข้าราชการ  ทหาร-ตำรวจ  ทุกกระทรวง  ทบวง  กรม  "ท้าทายอำนาจ"  นั่งที่ไหนก็นินทารัฐบาลใหม่กันที่นั่น  ซึ่งก็น่าเห็นใจ  เพราะเขาเติบโต-ไต่เต้า  ชินกับการอยู่-การกินภายใต้ระบอบทักษิณมาตั้ง  ๕-๖  ปี

     เมื่อเปลี่ยนขั้วอำนาจใหม่  มันทำใจยาก...ว่างั้นเถอะ  อย่าว่าแต่ตำรวจ-ทหารเข้าแถวรับเครื่องแบบ  "แดงทักษิณ"  สวมทับเครื่องแบบตำรวจ-ทหารเลย  ที่เห็นเสื้อแดงมาชุมนุมกันเป็นหมื่นๆ  นั่นน่ะ  ส่วนหนึ่งคือบรรดา  "คุณครู"  ที่ใช้เวลาว่างตอนปิดเทอมมาทำประโยชน์ให้สังคมด้วยการ  "สวมเสื้อแดง"!

     การปักทวนสู้มรสุมศึกของอภิสิทธิ์ครั้งนี้  นอกจากประชาชนหันมาเทกำลังใจ  หนุนหลังให้  "สู้มัน"  แล้ว  ผมสังเกตว่า  นับจากวันที่  ๑๔  เมษายนเป็นต้นมา  ใจบรรดาข้าราชการใหญ่  นายทหาร-นายตำรวจ  ระดับแม่ทัพ  นายกอง  เริ่มเปิดอ้ารับบารมีอภิสิทธิ์ในฐานะ  "ผู้นำอำนาจ"  บ้างแล้ว

     ย้อนหลังกลับไปวัน-สองวัน  วันที่นายกฯ  อภิสิทธิ์ออกแถลงการณ์  โดยมีแม่ทัพใหญ่ทั้งหลาย  รวมทั้งปลัดกระทรวงนั่งล้อมรอบโต๊ะประชุมรูปไข่โดยมีโต๊ะหมู่บูชาอยู่ข้างๆ  ไม่ใช่ผมเห็นคนเดียว  คนไทย-เทศที่ดูโทรทัศน์ทั่วประเทศ  หรือทั่วโลกต่างก็เห็น....

     เห็นอะไรล่ะ?

     เห็นหน้า  รมว.กลาโหม  พลเอกประวิตร  วงษ์สวุรรณ  เห็นหน้า  ผบ.สส.พลเอกทรงกิตติ   จักกาบาตร์  เห็นหน้า  ผบ.ทบ.พลเอกอนุพงษ์  เผ่าจินดา  เห็นหน้า  ผบ.ทร.กำธร  พุ่มหิรัญ  และ  ฯลฯ

     นายกฯอภิสิทธิ์-สู้  ประกาศ  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  ต่อหน้าแม่ทัพ  นายกอง  และบรรดาข้าราชการใหญ่

     แต่...ตั้งแต่รัฐมนตรีกลาโหมลงไปยันแม่ทัพ-นายกองทั้งหลายที่นั่งเป็นพระอันดับ  ต่างก้มหน้า  หลุบสายตา  ในขณะที่นายกฯ  อภิสิทธิ์พูดให้ความมั่นใจกับประชาชนไป  แต่ดูเหมือนใจของคนที่นั่งอยู่รอบๆ  ตัวท่าน  ต่างโผบินไปสยบอยู่ใต้บารมีเสื้อแดงทักษิณหมดแล้ว!?

     สถานการณ์จาก  ๑๑-๑๒-๑๓  เม.ย.ทั้งตำรวจ  ทั้งทหาร  ทั้งข้าราชการ  "ทุกคน-ทุกฝ่าย"  ลงความเห็นตรงกันว่า  "อภิสิทธิ์ตายแน่"  ตายในทันทีที่  "ตำรวจ-ทหารบก-ทหารเรือ"  เปิดทางให้ม็อบเสื้อแดงบุกโรงแรมรอยัลคลิฟ  พังการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน  (นายกฯ  อภิสิทธิ์ตายเพราะ  "ตายใจ"  ให้กับ  "นายสุเทพ-นายเนวิน"  ที่วางตนเป็น  "ขุนพลใหญ่"  ในวันนั้นตะหาก)!

     จนกระทั่งเช้ามืดวันที่  ๑๔  เม.ย.หลังจากที่เปลี่ยนตัวผู้อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน  จากนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  ไปเป็นพลเอกทรงกิตติ  จักกาบาตร์  และยุทธการ  "นิ้วมือไหมบีบไข่แม้ว"  ได้เริ่มขึ้นจนม็อบเสื้อแดงแตกสลาย  แกนนำ  ๒-๓  คนเข้ามอบตัว  ฝ่ายรัฐบาลสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด

     ประชาชนเฮ....ซูกฮกยกอภิสิทธิ์เป็น  "สุภาพบุรุษนักสู้หน้าหยก"  ตัวจริง!

     ไม่เพียงประชาชนมั่นใจในตัวนายกฯ  ของเขาเท่านั้น  ตัวนายกฯ  เองก็มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น   เพราะสิ่งที่เคลือบแคลงสงสัยมานาน   บัดนี้ก็หายสงสัยเข้าใจกระจ่างแล้วว่า  ถ้าจริงใจต่อประชาชน  ประชาชนก็ย่อม  "มีใจ"  ให้เสมอ

     ที่ผมพูดย้อนเรื่องเก่ามา  ๒-๓  พารากราฟนี้  เพราะเมื่อวานนี้  (๑๙  เม.ย.)  นายกฯ   เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงที่ทำเนียบรัฐบาล   มี  ๔ ผบ.เหล่าทัพเป็นตัวยืน  นานกว่า  ๒   ชั่วโมง  ผมไม่ต้องการทราบหรอกว่าเขาประชุมเรื่องอะไรกันบ้าง  แต่ต้องการ  "เห็น"  มากกว่า  และก็ได้เห็นแล้ว  เห็นจากภาพในอินเทอร์เน็ต

     ก็เสียดายแทนท่านผู้อ่านที่ไม่ได้เห็น  เหมือนตอนนายกฯ  ออกทีวีพูล  "โดดเดี่ยว"  ท่ามกลางแม่ทัพ  นายกอง  และบรรดาข้าราชการใหญ่ที่นั่งรอบโต๊ะประชุม  แต่ใจไปอยู่เสียอีกทาง  ในขณะที่ภายนอก  ทัพเสื้อแดงกำลังฮือโหมรุกประชิดเผาเมือง!

     ผมเห็นหน้าชัดๆ   ของพลเอกประวิตร   พลเอกอนุพงษ์  และ  ฯลฯ  จากอินเทอร์เน็ต  เห็นแล้วก็ต้องแอบถอนหายใจด้วย  "สบายใจขึ้น"  แทนนายกฯ  เพราะว่า  มาเที่ยวนี้  แต่ละท่านดูขมีขมัน  "วิญญาณทหาร"  ข้นคลั่ก  ลงจากรถก็พึ่บพั่บตรงเข้าห้องประชุม  ครั้นประชุมเสร็จก็พึ่บพั่บออกมา

     หน้าตาจากดอกยี่หุบเมื่อวันโน้น  แต่ละท่านบานเป็นด้งไปตามๆ  กันเมื่อวานนี้!

     นี่เห็นบอกว่าวันนี้  (๒๐  เม.ย.)  พลเอกพัชรวาท  วงษ์สุวรรณ  ในฐานะ  ผบ.ตร.จะออกโทรทัศน์  แถลงการณ์เป็นเรื่อง-เป็นราวรายงานให้ประชาชนทราบ  เรื่องอะไรบ้างผมก็ไม่สนใจหรอก  แต่สะดุดใจตรงที่ว่า  บ้านเมืองแทบแหลกสลาย  ประชาชนมองหาใครเป็นที่พึ่งไม่ได้  แต่ผู้มีหน้าที่รักษากฎหมายโดยตรง  เพิ่งคิดจะโผล่หน้าออกมาพูดจากับประชาชน?

     แต่ก็ช่างเถอะ  ถ้าเราเป็นพราน  แล้วต้องฆ่าเสือที่แยกเขี้ยวใส่ทุกตัว  เว้นไว้แต่เสือที่กระดิกหางให้  เราก็คงได้แต่หมามาเลี้ยงแทนเสือเท่านั้น  นายกฯ  อภิสิทธิ์  ถ้าไม่มีธาตุแท้ผู้นำอยู่บ้างก็คงไม่สามารถยืนอยู่ได้ในวันนี้  ฉะนั้น  เมื่อขึ้นชั้นสังฆราชก็ไม่จำเป็นต้องให้เณรน้อย-เณรใหญ่เทศน์ให้สังฆราชฟัง   ในทางกลับกัน   คอยนั่งดูลีลาสังฆราชประกาศธรรมจะเข้าท่ากว่า

     นั่นก็คือ  ระยะนี้เจี๊ยวจ๊าวกันไปหมดว่า  ปลดคนโน้นซี  ย้ายคนนี้ซี  ล้วนแต่หวังดีกับนายกฯ  ทั้งนั้น  แต่ผมว่าฝ่าด่าน  ฝ่าสถานการณ์มาถึงขณะนี้  ประสบการณ์บอกแล้วว่า  การพูด  กับการทำมันคนละเรื่อง  และการทำอะไรที่ไม่ประกอบด้วยกาล  ด้วยสถานที่  ด้วยบุคคล  ด้วยเวลา  จะเสียทั้งงาน  เสียทั้งคน  แล้วลงท้ายก็จะ..จนใจตัวเอง!

     ในความเห็นผม  หน้าสิ่ว-หน้าขวาน  อย่างนี้  ไม่มีความจำเป็นใดๆ  ใช้อำนาจไปโยกย้ายใครนอกกาล-นอกฤดูเลย  ส้มในเข่งมาจากสวนพันธุ์เดียวกัน  ไม่ว่าจะเลือกหยิบลูกไหนขึ้นมา   มันก็เปรี้ยวหรือหวานเหมือนกันแหละ  ฉะนั้น  ลูกที่ปอกเปลือกอยู่ในจานตรงหน้านั่นแหละ  "หวาน"  ถูกปาก-ถูกคอดีที่สุด

     จุกหลุด  เปลือกเหลือง  "ลืมต้น-ลืมพันธุ์"  เอาเกลือ-น้ำตาลมาคลุกจิ้มอีกซักหน่อย  จะหวานตาหยี-อร่อยอย่าบอกใครเชียว!

     ผมสังเกตว่า  ตอนนี้ฝ่ายรัฐบาล  โดยนายกฯ  กับฝ่ายข้าราชการ  ทหาร-ตำรวจ  มีใจ-คือมีน้ำอกน้ำใจที่จะร่วมแก้ไขปัญหาบ้านเมืองมากขึ้นแต่ก่อนแล้ว  เรียกว่าคุณอภิสิทธิ์ผ่านด่านการ  "ลองของ"  จากบรรดาข้าราชการไปจนได้ใจ  อะไรๆ  ทำนองนั้น

     นั่นคือ   การยุบสภา  การย้าย  ๒-๓  บิ๊ก  ที่พูดจากันอยู่  ควรจะพับไว้  และนายกฯ  ควรใช้บารมีที่ได้มาตอนนี้  "สมานกับทุกเหล่าข้าราชการ"  หาวิธีสมัครสมานพี่น้องไทยฝ่ายเหลือง-ฝ่ายแดงให้มาเข้าใจกันให้ได้ในระดับหนึ่ง

     ไม่ต้องถึงขั้นลืมขั้วแล้วมาจ๊วบ..จ๊วบ..กันหรอก  เพราะมันยังเป็นไปไม่ได้  เอาที่เป็นไปได้คือ  ใครแยกข้าง-แบ่งขั้ว-แบ่งสี  ก็เชิญแบ่งกันตามสบาย  แต่ทำยังไงจะให้แต่ละฝ่าย  แสดงบทกันไปภายใต้  "กรอบ-กฎ-กติกา"  อย่าทำลาย-ทำร้ายบ้านเมือง  และสถาบันระบอบอันดีงามของชาติอันเป็นส่วนรวมกันเลย

     แล้วหาทางให้ตัวแทนแต่ละฝ่ายมานั่งโต๊ะหารือร่วมกัน   ทั้งฝ่ายข้าราชการ  ฝ่ายตำรวจ  ฝ่ายทหาร  ฝ่ายรัฐบาล  ฝ่ายค้าน  ฝ่ายเหลือง  ฝ่ายแดง  คุณจะเอาทักษิณ  ไม่ทักษิณ  "ได้ทั้งนั้น"  ข้อสำคัญคือว่า ร่างกฎกติกาออกมาแล้ว  ทุกฝ่ายต้องเคารพและเล่นกันไปตามนั้น  เฉพาะหน้านี้จะแก้รัฐธรรมนูญบางมาตรา  หรือว่าครอบคลุมแนวทาง  "นิรโทษกรรม"  คดีการเมือง  ในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับคดีอาญา  ถ้าตกลงร่วมกันได้  ก็ตกลงกันไป

     เรียกว่ากู้รถไฟประชาธิปไตยที่ตกราง  ให้ขึ้นมาวิ่งกันบนรางใหม่อีกครั้ง  เมื่อร่างกติกากันเรียบร้อย   การเมืองจะเข้าเส้นสตาร์ทใหม่พร้อมๆ  กัน  โดยยุบสภา  แล้วให้แต่ละพรรค  รวมทั้งที่จะตั้งใหม่   ไม่ว่าจะฝักใฝ่เหลือง-แดง  หรืออะไรก็ช่าง  มาเข้าสู่เส้นสตาร์ทพร้อมๆ  กัน  แล้วให้ประชาชนตัดสินใจ

     ประชาชนส่วนใหญ่เลือกใคร  ก็ให้คนนั้น-พรรคนั้นเขาไป  ใครแพ้ขืนวอแว-ถีบมันเลย!

     ฝ่ายสีเหลือง  หรือพันธมิตรฯ  นั้นผมไม่ค่อยห่วงหรอก  แต่ผมห่วงพี่น้องเสื้อแดง  เพราะเขาตกอยู่ในสภาพลูกที่พ่อแม่ไม่รัก  แถมพี่น้อง-เพื่อนฝูงก็รังเกียจ  ซ้ำร้ายไปกว่านั้น  จากเหตุการณ์จลาจลเผาบ้าน-เผาเมือง  และฆ่าพี่น้องประชาชนด้วยกัน  เขากลายเป็นตัวผู้ร้าย  เป็นศูนย์รวมความโกรธ-เกลียด-แค้น-ชิงชัง  ไปเลย

     น่าเห็นใจมากครับ  และใครก็ไม่พยายามเข้าใจเขา  ซึ่งในข้อเท็จจริง  พี่น้องเสื้อแดงก็เหมือนพี่น้องเสื้อเหลืองนั่นแหละ  ที่มีการแสดงออกตามความเห็น-ความเชื่อของตนทางการเมือง  แต่ทีนี้ในฝ่ายเสื้อแดงนั้น  มีคนบางคนแอบแฝง  อาศัยคราบ  "แดงบริสุทธ์"  เอา  "แดงอสัตย์"  แฝงเข้ามาใช้บท  "โจรป่า"  ปล้นบ้าน-ปล้นเมือง  เลยเสียชื่อป่นปี้ไปด้วยกันหมด

     นายกฯ  อภิสิทธิ์ต้องรัก  ด้วยเข้าใจพี่น้องเสื้อแดงให้มากเข้าไว้  และบนความเป็นองคาพยพแห่งรัฐทั้งหมด  ฝ่ายไหน-หน่วยไหน  หรือทั้งหมด  จะร่วมทำกันอย่างไรให้พี่น้องเสื้อแดงได้เข้าใจว่า  พี่น้องร่วมชาติด้วยกันทุกคน  ยังรัก  ยังผูกพัน  ฉันท์เลือดร่วมชาติเหมือนเดิม  ไม่ได้ผลักไส  หรือมองว่าเป็นฝ่ายร้าย-ฝ่ายเลวอย่างที่มีคนเป่าหูด้วยหวังตอกลิ้มให้แตกแยกแต่อย่างใดเลย

     ตรงนี้ผมว่าสำคัญนะครับ  คนที่ร้ายทุกวันนี้  ลองไปไล่เรียงแล้วแยกแยะดูแต่ต้นเถอะ  จะพบว่าสาเหตุ  "ร้าย"  มาจาก"  ขาดรัก-ขาดความเข้าใจ"  จากคนรอบข้างก่อนทั้งนั้น!

     จะอะไรกันนักหนามนุษย์เรา   ข้าราชการ  ทหาร-ตำรวจ  ๖๐  ก็เกษียณไปเป็นพ่อเฒ่า-แม่แก่อยู่กะบ้าน  นักการเมือง  สูงสุด  ๔  ปีก็ต้องถอดหัวโขน  ทั้งอภิสิทธิ์  ทั้งทักษิณ  รวมทั้ง  ผบ.๔  เหล่าทัพ  กระทั่งไพร่ราบพลเลวอย่างผม  มียาดีวิเศษขนาดไหน  มันก็เกินร้อยปีไปไม่ได้หรอก  แถมมันจะซี้เสียก่อนด้วยซ้ำ

     เมื่อเป็นอย่างนี้  ลดๆ  ละๆ  อย่าเห็นแก่เงิน  แก่ยศ  แก่ตำแหน่ง  แก่ความสุขสบายเฉพาะตัวจนลืมชาติบ้านเมืองอันเป็นมรดกที่บรรพบุรุษฝากฝังให้รักษาต่อๆ  กันมาตามสายเลือดไทยให้มากนักเลย  กินก็แค่ชั่วอิ่ม  ต่อให้ใครปลูกบ้านใหญ่ยกให้อยู่ในย่านเซนต์  จอห์น  วูด  มันก็เท่านั้น  กตัญญูต่อคนซื้อบ้านให้โดยยอมขายประเทศ  ไม่รู้สึกทุเรศตัวเองบ้างหรือไง  อะไรที่ถึงคราต้องเปลี่ยน  ก็ให้มันเปลี่ยนไปตามครรลองของมัน  ข้อสำคัญ  "คนหลวง"  อย่าเป็นตัวทะลวงแผ่นดิน.

Label Cloud