Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Sunday, July 12, 2009

กษิตแฉสื่อนอก มีคนเสี้ยม ให้พ้นตำแหน่ง

ไทยรัฐออนไลน์ - กษิตแฉสื่อนอก มีคนเสี้ยม ให้พ้นตำแหน่ง
กษิตเดือด!! แฉสื่อนอกคนมีสีเสี้ยมนายกฯให้พ้นตำแหน่งบัวแก้ว จี้เผยตัวถ้าเป็นลูกผู้ชาย เพราะตนไม่มีอำนาจไปกลั่นแกล้ง หรือโยกย้าย ถึงเวลาที่ต้องลุกขึ้นสู้ อย่ามารุมกินโต๊ะคนเดียว ...

(11ก.ค.) โอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างประเทศถึงกรณีข่าวระบุว่าคนมีสีแสดงความเห็นว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีควรให้ รมว.ต่างประเทศ ลาออกจากตำแหน่งว่า ตนไม่รู้ว่าคนมีสีเหล่านั้นเป็นใคร หนังสือพิมพ์ไปเอามาจากไหน ตนไม่มีอำนาจไปกลั่นแกล้ง หรือโยกย้าย ดังนั้นไม่ต้องกลัวการเปิดเผยตัว

"ถ้ากล้าพูดแล้วก็ต้องกล้าแสดงตัวด้วยเป็นลูกผู้ชายก็ต้องออกมาแสดงตัว จะกลัวอะไร และบอกด้วยว่าเนื้อหาแท้ๆ มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับตัวผม ทำไมมาเก่งกับผม เพราะผมไม่มีอำนาจเงินใช่ไหม ถ้าจะเปิดศึกรบก็ต้องรบกันรอบด้าน และต้องถามด้วยว่าตอนที่ทักษิณ ปู้ยี่ปู้ยำบ้านเมือง คนพวกนี้หายไปไหน ทำไมไม่ออกมาป้องกันประเทศชาติและสถาบัน ตอนที่บ้านเมืองคับขัน พวกนี้หายไปไหนหรือว่าเกรงกลัวพวกรุ่น10ถ้าหากผมเป็นรมว. กลาโหม ก็วิพากษ์วิจารณ์ผมได้ ผมรับฟัง เพราะผมไม่ใช้อำนาจเถื่อน ถ้ารักชาติก็ต้องรักตลอดเวลา และช่วยถามทีว่าใครปองร้ายนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ใครปองร้ายนายกฯ ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง คงต้องตอบ" รมว.ต่างประเทศกล่าว

นายกษิต กล่าวต่อว่า "ผมก็อยากจะรู้ว่ากลุ่มไหน มาขึ้นเวทีออกโทรทัศน์ด้วยกันไหม แล้วบอกว่ากระแสกดดันให้ลาออกนี่ กระแสทั้งหมดมีกี่ร้อยคนกัน ผมเอาออกมาเป็นแสนนะ ถ้าผมจะเรียกร้องให้คนออกมาสนับสนุนผม ผมก็ทำได้" เมื่อถามว่า รัฐบาลขณะนี้แสดงท่าทีให้ออกจากตำแหน่งหรือไม่ นายกษิตตอบว่า ไม่มี ใครอยากผลักดันก็ผลักดันมา แต่ต้องมีเนื้อหาข้อเท็จจริง ไม่ใช่พูดลอยๆ ทำไมไม่ตั้งคำถามว่าการตั้งข้อหาก่อการร้ายกับตนได้อย่างไร ตอนนี้เหมือนเอาหลายๆเรื่องมารวมกันเหมารุมกินโต๊ะ แล้วทำไมนักการเมืองเลวๆ เยอะแยะเดินลอยหน้าลอยตาอยู่ในและนอกสภา ทำไมไม่ออกไปวิพากษ์วิจารณ์และขับไล่คนพวกนั้น หนังสือพิมพ์บางท่านที่ด่าตนอยู่ ทำไมไม่ไปขุดคุ้ยความเลวระยำของคนอื่นที่มีอำนาจ กลัวเขาหรือรับเงินเขา และที่สำคัญต้องถามว่ารัฐบาลนี้ทำอะไรผิด นายอภิสิทธิ์และตนทำอะไรผิด

"ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจใครอีกแล้ว ผมสงบเสงี่ยมมานานเพราะว่าเห็นอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในรัฐบาล ผมไม่อยากจะไปพูดอะไรให้เกินหน้าเกินตา แต่ถ้าจะรุมกินโต๊ะผมคนเดียวผมก็จำเป็นต้องลุกขึ้นสู้ ผมไม่ต้องเกรงใจใครอีกแล้ว" นายกษิต กล่าว

เมื่อถามถึงผลโพลที่ระบุให้รมว.ต่างประเทศลาออก นายกษิต กล่าวว่า มันอยู่ที่ว่าการทำโพลตั้งคำถามว่าอะไร เช่นที่เอแบคโพลไปถามว่าควรลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ มันง่าย ทำไมไม่ถามเสียก่อนว่าตั้งข้อหากับตนนั้นถูกต้องหรือไม่ และคนรู้ตื้นลึกหนาบางหรือไม่ ทำไมตนจึงถูกตั้งข้อหาคนเดียว การไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เป็นบาปหรือ คนเลวๆ ตั้งเยอะอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ ทำไมไม่ออกมาประณาม ปล่อยให้คนเลวอยู่ในสังคมเป็นข่าวอยู่ทุกวัน พูดโกหกพกลมทุกวัน เรื่องโกหกก็มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ บิดเบือนข้อเท็จจริงบ่อนทำลายรัฐบาล

"คนที่โจมตีผมแล้วบอกว่าพูดเรื่องหลักการ ทำไมยังบินไปกราบไปไหว้คุณทักษิณ ซึ่งทำผิด ทำไมไม่พิจารณาตัวเอง ทำไมมี 2 มาตรฐานไปกราบไปไหว้ทำตัวเป็นทาสคนที่ผิดอย่าง คุณทักษิณ ทีกับผมกลับพยายามจะมาเล่นงานในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด" นายกษิต กล่าว

อย่างไรก็ดี รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตนไม่แคร์แรงกดดันที่มาผสมโรง แต่คนที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ควรจะพูดอะไรในสิ่งที่ถูกต้อง ทำไมไม่ออกมา ก็มีมาบ้างที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตั้งข้อหาได้อย่างไร ตนไม่ทราบตื้นลึกหนาบางภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือใครสั่งตนไม่ทราบ

"ทำไมสังคมไทย ไม่ไปประณามพวกนั้น กลับมาคอยถามผมว่าจะออกหรือไม่ออก ต้องถามว่าคนที่มาให้ผมออกอยู่ในคนประเภทใดของสังคม บัวในระดับน้ำขั้นไหน หรือต่ำกว่าน้ำยังอยู่ในโคลนในดิน โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำสิครับ ผมอยู่บนน้ำตลอด แล้วอย่ามาเก่งตอนนี้เรื่องปราสาทพระวิหาร ที่จะตกอยู่ในความเลวร้ายของตัวเองในอดีต แล้วทำไมมารุมสะกรัมผม มีใครเป็นลูกผู้ชายบ้าง มีใครมีใจเป็นนักเลงบ้างไม่มี" นายกษิต กล่าว

นายกษิต กล่าวถึงตรรกะที่บอกว่าเสื้อแดงจะก่อความวุ่นวาย จึงต้องมาหาเหตุให้ตั้งคดีกับคนเสื้อเหลืองว่า ตนไม่เห็นด้วยกับตรรกะแบบนี้ เพราะพฤติกรรมและเป้าหมายดำเนินการทางการเมืองมันต่างกัน วิธีการก็ต่างกัน และการประท้วงของเสื้อแดง ก็ไม่ควรเป็นเหตุให้ตนต้องลาออก เพราะไม่ได้ไปเผาเมืองไม่ได้ไปขัดขวางการประชุมระดับโลก ไม่ได้ไปข่มขู่ทำร้ายนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาดไทย ส่วนข่าวที่บอกว่ามีกลุ่มทหารไม่ชอบผมนั้น ช่วยบอกด้วยว่านายทหารนั้นเป็นใคร ผมจะไปจับเข่าคุยด้วย

เมื่อถามว่า กรณีที่นายสุเทพ เดินทางไปกัมพูชา เป็นการก้าวก่ายงานของกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า การดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตมีหลายประเภท เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างตัวบุคคล วัฒนธรรม การแพทย์ การให้ความร่วมมือช่วยเหลือ การทูตด้านความมั่นคง และเรื่องทั่วๆ ไป ส่วนการที่นายสุเทพเดินทางไปกัมพูชานั้น เป็นเรื่องเหมาะสม เพราะนายสุเทพ มีความสนิทชิดเชื้อกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก่อนที่เราจะมาเป็นรัฐบาล และเราก็สามารถที่จะรักษาความสนิทชิดเชื้อเอาไว้ได้ เมื่อมีอะไรบางสิ่งบางอย่างไม่สามารถพูดกันในห้องประชุมอย่างเป็นทางการได้ นายกรัฐมนตรีจึงคิดว่านายสุเทพ เหมาะสม และนายสุเทพ ยังเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชานั้น ก็มีส่วนความมั่นคงเป็นสำคัญ ต้องเสริมกับสิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศเจรจาทางการเมืองเรื่องการปักปัน เขตแดน ช่วยกันทำคนละไม้คนละมือ ตนไม่ได้เห็นรู้สึกอะไร ก็มีความยินดี

นายกษิต กล่าวอีกว่า ส่วน พล.อ. ประวิตร วงศ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูแลเรื่องความมั่นคง แต่ละคนก็ทำงาน เพราะเรื่องกัมพูชาก็เกินกำลังของผม เรื่องการสู้รบ การวางกองกำลังเป็นเรื่องของทหารไม่ใช่เรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ แต่การป้องกัน และระงับการสู้รบเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ ดังนั้นคนที่ไม่เข้าใจก็คิดว่าผมต้องทำทุกอย่างผมก็ไม่ใช่เพื่อนสนิทกับสม เด็จฮุนเซน และผมก็มิบังอาจ จะทำตัวเป็นเพื่อนกับสมเด็จฮุนเซน เมื่อถามว่ารองนายกฯฝ่ายความมั่นคงสนิทกับสมเด็จฮุนเซน ด้วยเรื่องอะไร นายกษิต กล่าวว่า ไม่ทราบว่าสนิทเรื่องอะไร เพราะรู้เพียงว่าสนิทส่วนตัวก็คือสนิทส่วนตัว ส่วนจะสนิทมากน้อยแค่ไหนนั้น ตนไม่ทราบและทำไมตนต้องไปรู้ว่าเขาสนิทอะไรกันยังไง

เมื่อถามถึงกรณีการถือหุ้น ของภรรยารัฐมนตรีต่างประเทศ นายกษิต กล่าวว่า ภรรยาตนไม่ได้ถือหุ้นและไม่ได้ซื้อ ซึ่งได้ตอบข้อถามของ ป.ป.ช.ไปแล้ว เป็นเพียงหุ้นกู้คือไปซื้ออะไรที่ธนาคารแล้วก็ได้ดอกเบี้ยตอบแทน และผู้ที่กล่าวหาตนก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ทำไมต้องบิดเบือนข้อมูล


Label Cloud