Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Wednesday, May 20, 2009

บทเรียนการใช้ชาติ"ภักดีนักการเมือง" - เปลว สีเงิน




บทเรียนการใช้ชาติ"ภักดีนักการเมือง" | ไทยโพสต์
นี่ถ้าผมไม่รู้มาก่อนว่า "นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล" เป็นปลัดกระทรวงการคลัง และใครบอกว่าเป็นน้องชาย "นายธนินท์ เจียรวนนท์" เจ้าสัวซีพี ผมก็ต้องเชื่อสนิท เพราะท่านทั้ง ๒ หน้าตาประพิมพ์ประพายกันมากเหลือเกิน เพียงแต่คิ้ว-โหนกแก้ม-ประกายตา และสีผิวของใบหน้าคนละราศีกันเท่านั้น แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้วิถีและเส้นทางเดินชีวิตของคนทั้งสองเข้าลักษณะ "คนละฝั่งถนน" ได้แล้ว!

แต่ถนนหนทางเดี๋ยวนี้เอาแน่ไม่ได้ เห็นคนละสาย คนละทิศอย่างนั้นเถอะ ตัดไป-ตัดมา อ้าว...ไปเชื่อมเป็นทางร่วมกันเสียแล้ว อย่างวันก่อนผมไปบางใหญ่ จะไปสุพรรณฯ ขับไป-ขับมา...หลง คนอื่นขับน่ะครับ ผมขับเป็นแต่เครื่องบิน จึงนั่งเฉยๆ แต่ดันไปโผล่เอาเพชรเกษมโน่น

นี่ก็เหมือนกัน เผลอๆ นายธนินท์กับนายศุภรัตน์อาจเป็นอย่างนั้นบ้างก็ได้ เพราะตอนนี้นายศุภรัตน์ก็ถือว่าเป็น "อดีตข้าราชการตกงาน" หลังจากที่ อ.ก.พ.กระทรวงคลังมีมติ "ไล่ออก" ไปแล้ววานนี้ (๑๘ พ.ค.๕๒)

ก็เป็นการไล่ออกตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดร้ายแรงทั้งทางวินัยและอาญา ฐานทุจริตต่อหน้าที่ในการแต่งตั้งรองอธิบดีกรมสรรพากร ๔ คน ไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อหลายปีก่อนโน้น นอกจากถูกไล่ออกแล้ว ยังจะไม่ได้รับบำเหน็จ-บำนาญใดๆ อีกด้วย!

ผมไม่เคยเห็นหน้าค่าตานายศุภรัตน์ในสภาพ "ตัวเป็นๆ" มาก่อน เห็นแต่ทางโทรทัศน์ และตามหน้าหนังสือพิมพ์ แต่พูดจากใจจริง ก็ไม่รู้ซีนะ....เห็นหน้านายศุภรัตน์ทีไร วูบแรกของความรู้สึกที่บอกกับตัวเองคือ..

คนคนนี้น่าสงซ้าน..น่าสงสาร!?

ไม่ใช่เพิ่งมาสงสารเอาตอนนี้นะครับ สงสารตั้งแต่รัศมีความรุ่งโรจน์จับ คือเมื่อทักษิณเข้ามาเป็นนายกฯ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาเป็นรัฐมนตรีคลัง ในปี ๒๕๔๔ อธิบดีกรมสรรพากรที่ชื่อ "ศุภรัตน์" คนนี้ ฝีมือและความสามารถก็ "เข้าตา" ทั้งทักษิณและสมคิดทันที

ถึงขนาดนายสมคิดเจอหน้าใครที่ไหนเป็นต้องออกปากว่า "มีศุภรัตน์ช่วยทำงานซะคน ผมนอนตาหลับ ไม่ห่วงงานอะไรอีกแล้วในกระทรวงคลัง"!?

แรกๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่า "ศุภรัตน์" ที่รัฐมนตรีสมคิดพูดถึงหน้าตาเป็นอย่างไร แต่หลังจากเป็นอธิบดีกรมสรรพากรขวัญใจของ "ทักษิณ-สมคิด" นายศุภรัตน์ก็มีบทบาทเป็น "พระเอกหนังข่าว" เผยโฉมทางโทรทัศน์จนเป็นที่คุ้นหน้า-คุ้นตาชาวบ้านทั่วไป

และก็ตั้งแต่นั้นแหละ ผมเห็นหน้าขาวอมซีด ตาซ่อนแววเศร้าซับซ้อนของท่านทางโทรทัศน์ทีไร ความสงสารก็เกิดขึ้นเองบนฐานความรู้สึกที่ผุดขึ้นว่า

"อืมมมม...หน้าตาคนนี้ โดดเดี่ยว-อมทุกข์" จริงหนอ ทำงานอาสาจนตัวตาย "ขายชีวิต" ให้เขาได้ แต่ถึงคราวตัวเองต้องตายจริงๆ จะเหลียวไปทางไหน ก็หาใครช่วยได้ยาก"!

ก็อย่าไปคิดน้อยใจใครเลยครับ ทั้งกรรมที่เราสร้างลิขิต และทั้งวาสนาแต่ปางบรรพ์ มันถูกกำหนดเป็น "ชะตาหักเห-ด้วยอาภัพ" ขีดไว้เป็นลายแทงบนใบหน้ามาแต่กำเนิดแล้ว ถึงรู้-ไม่รู้ เราก็ต้องเดินไป ทำไงได้ล่ะ...เนอะ!

ก็ขอเอาใจช่วยครับ ปลัดศุภรัตน์...ท่านเป็นอันที่รักของข้าราชการกระทรวงคลังและผู้ได้สัมผัสการทำงานร่วมกันกับท่านทุกคน ครอบครัวท่าน ตระกูลท่าน จงภูมิใจเถิดว่า "ท่านปลัดศุภรัตน์ผู้นี้ สว่างมา-สว่างไป" มิได้มืดมนในบั้นปลายตามนิยามความหมายแห่งการถูกไล่ออกจากราชการ

นั่นเป็นวิบากแห่งกรรม ซึ่งแต่ละคนก็มีแตกต่างกันไป ทั้งโลก และมนุษย์ต่างรู้เต็มหัวใจว่า ครั้งนี้ ท่าน "ปลัดศุภรัตน์" ใช้กรรมที่ตัวเองถูกคนอื่นยืมมือก่อโดยแท้!

ขอให้คุณงามความดีที่ท่านขยันหมั่นเพียร ตั้งอก-ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองด้วยสุจริตเป็นที่ตั้งมาช้านาน จนทุกคนออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่า "เสียดายท่านปลัดศุภรัตน์" ที่ต้องมาพลาดพลั้งเพราะ "ทำตามใบสั่งการเมือง" ด้วยซื่อเพียงครั้งเดียว โดยที่ตัวเองเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่สุดท้ายแล้วต้องเอา "กระดูกมาแขวนคอ" เช่นนี้

ก็ขอให้คำอุทธรณ์ต่อ "คณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม" จงมีผล ผ่อนหนัก-เป็นเบาเถิด เพราะคนอย่างท่านยังมีคุณค่าและความหมาย และทั้งชีวิตบั้นปลาย ท่านยังต้องนำ "ความหมาย" ในชีวิตท่านมาทำงานรับใช้ให้เป็นประโยชน์บ้านเมืองอันเป็นส่วนรวมอีก!

เอาเถอะ ใครจะคิดอย่างไรต่อท่านในกรณีนี้ก็ช่าง แต่ท่านโปรดทราบเถอะว่า อย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งละที่เข้าใจ คนชื่อศุภรัตน์ ควัฒน์กุล "ไม่เป็นอย่างที่บางคนคิดว่าเป็น"

อืมมมม...พูดถึง "ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล" ปลัดกระทรวงการคลังแล้ว อดนึกถึงอีกปลัดหนึ่งไม่ได้ คือ "ปลัดกระทรวงสาธารณสุข" นามว่า "ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์"

อนาคตของท่านจะมีจุดจบทางราชการ "ก่อนเกษียณ" เหมือนปลัดศุภรัตน์ หรือจะอยู่ไปจนมีจุดจบทางราชการ "หลังเกษียณ" เหมือนคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ยากบอกได้?

ก็ขึ้นอยู่กับมิติของเจ้ากระทรวงสาธารณสุขคนปัจจุบัน "นายวิทยา แก้วภราดัย" ว่าจะบริหารเรื่องราวที่เป็นคดีความทุจริตคอรัปชั่นในกระทรวงด้วยมาตรฐานแบบไหน เพราะผมจำได้ว่า เมื่อต้นปี "สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน" ทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ป.ป.ช.ให้ดำเนินคดีอาญากับ "นายปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์" ปลัดสาธารณสุข และคนอื่นๆ อีกหลายคน

ในข้อหา "จัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินโดยวิธีพิเศษ" จนเข้าข่าย พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.๒๕๔๒!

โน่นแน่ะ เรื่องตั้งแต่ปี ๔๗-๔๘ เริ่มในยุคเจ้ากระทรวงนายหญิงส่งมา ทั้งล็อก ทั้งรื้อสเปก ทั้งประมูล ทั้งล้มประมูล นัวเนียกันถึง ๘-๙ ครั้ง จนครั้งสุดท้าย คงด้วยปาฏิหาริย์แห่งนายหญิงนั่นแหละ ข้าราชการประจำพร้อมคณะกรรมการจัดซื้อจึงทำให้เสร็จสมอารมณ์หมายด้วยคำว่า "จัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินด้วยวิธีพิเศษ"

ฉุกเฉินไปด้วยวงเงินตั้ง ๓๐๐-๔๐๐ ล้าน สำหรับรถพยาบาลฉุกเฉิน ๒๐๐ กว่าคัน ที่ สตง.ตรวจแล้วชี้มูลความผิดว่า

"มีความพยายามในการปรับปรุงคุณลักษณะเฉพาะเพื่อให้เอื้อต่อบริษัทที่เข้าประกวดราคาได้เพียงบริษัทเดียว ถือเป็นการไม่เปิดให้มีการแข่งขันอย่างป็นธรรม และการปรับลดคุณลักษณะเฉพาะ จนถึงลงมติให้มีการจัดซื้อนั้น มีการดำเนินการอย่างรีบร้อนและรวบรัด โดยใช้เวลาเพียงแค่ ๓ วันเท่านั้น"

ท่านปลัดปราชญ์นี่แหละ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง หรือพูดตรงๆ ก็คือ เป็นหัวหน้าทำงานทุกสิ่งทุกอย่างนำไปสู่การจัดซื้อพิเศษนี้ และขณะนี้ทาง สตง.ทำหนังสือแจ้งให้ดำเนินคดีอาญาปลัดปราชญ์กับคณะไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภา แต่ก็เห็นเงียบจ๋อย ไม่เห็นนายวิทยา หรือนายกฯ จะเดินตามมาตรฐานที่เคยปฏิบัติต่อข้าราชการที่ถูกชี้มูลความผิดอาญาร้ายแรงแต่อย่างใด?

ผมเห็นไล่ออกนายศุภรัตน์ ก็เลยนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ จะต่างกันตรงที่คดีนายศุภรัตน์ ป.ป.ช.ชี้มูลคดีแล้วแจ้งมติให้เจ้ากระทรวงทราบ และ อ.ก.พ.ลงมติให้ไล่ออกตามมติ ป.ป.ช. ส่วนรายของปลัดปราชญ์ เรื่องยังอยู่ในขั้นตอน ป.ป.ช. โดย สตง.ตรวจสอบ พบความผิดจึงแจ้งให้ตำรวจดำเนินคดีอาญาด้วย

ตามมาตรฐานระเบียบปฏิบัติ ในขั้นแรก เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น จะต้องย้ายปลัดฯ ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้มายุ่งเหยิงพยาน-หลักฐาน เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วตามกำหนด ถ้าพบว่ามีมูลตามที่ สตง.แจ้ง ก็เข้าสู่กระบวนการกฎหมายขั้นตอนต่อไป แต่ถ้าพบว่าไม่มีมูล ก็ย้ายเขากลับมาเป็นปลัดเหมือนเดิม

แต่นี่...รัฐมนตรีสาธารณสุข "นายวิทยา" ไม่ทำอะไรให้ปรากฏว่าเป็นการเอื้อเฟื้อต่อกฎระเบียบบ้านเมืองซักอย่าง และทั้งไม่ทำให้ปรากฏด้วยว่า เอาจริงเอาจังต่อการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นในวงราชการ การทำเป็นไม่รู้-ไม่ชี้อย่างนี้ ระวัง...จะเป็นบรรทัดฐานเลวทางบริหารที่รัฐมนตรีประชาธิปัตย์สร้างไว้ให้เป็นตัวอย่าง

หรือจะคิดว่า อีกไม่กี่เดือนปลัดปราชญ์ก็เกษียณแล้ว ทำเป็น (แกล้ง) ลืมๆ แล้วก็เลือนหายไปเอง ผมจะบอกให้ นอกจาก "ของหลวง" จะตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้แล้ว คดีความก็เหมือนกัน ใช่ว่าเกษียณแล้ว เรื่องคดีจะเกษียณตามไปด้วย ดูอย่างคุณหญิงทิพาวดีเห็นมั้ยล่ะ?

เรื่องก็ค้างคา มาตั้งแต่สมัยที่เป็นเลขาฯ ก.พ.จนกระทั่งไปเป็นรัฐมนตรีใหญ่โต ออกจากรัฐมนตรีไปเที่ยวรอบโลกสบายใจเฉิบ แล้วเมื่อตอนต้นปีนี้ กรรมเพิ่งมาส่งผล ป.ป.ช.มีมติให้พิจารณาโทษทางวินัยร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบทางราชการ

จะถูกเรียกเงินเดือน บำเหน็จ-บำนาญคืนย้อนหลังก็ยังพอทำเนา แต่ที่ต้องถูกดำเนินคดีอาญา มีคุก-ตะรางเป็นเดิมพันนี่ซี กินทิฟฟี่ทั้งแผงก็ไม่หายปวดหัว!

นี่...ปลัดปราชญ์ดูไว้เป็นมรณานุสติ นึกว่าจะหนีคดีความทางราชการพ้นหรือ ไม่ถูกวันนี้ เกษียณไปแล้ว นอนกระสับกระส่ายรอว่าเรื่องจะย้อนกลับมาหาตัววันไหน มันทรมานใจมิใช่เล่นนะ

Label Cloud