Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Thursday, June 11, 2009

๔,๐๐๐ คัน"ไม่มี TOR"แต่ว่าขออนุมัติงบ? - เปลว สีเงิน

๔,๐๐๐ คัน"ไม่มี TOR"แต่ว่าขออนุมัติงบ? | ไทยโพสต์

ไม่มีเวลาไปชี้แจงเรื่องเช่ารถเมล์ NGV ๔,๐๐๐ คัน ต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานซืน (๙ มิ.ย.๕๒) แต่นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานบอร์ด ขสมก.มีเวลาไปฟ้อง "นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์" ส.ส.ปชป.ในฐานะรองประธานกรรมาธิการฯ ต่อศาลอาญาเมื่อวานนี้ ในข้อหาหมิ่นประมาท โทษฐานแถลงข่าวกล่าวหาว่าเขามีส่วนร่วมทุจริตโครงการ "ทั้งที่โครงการนี้ยังอยู่ระหว่างรอมติ ครม.อนุมัติ"

อืมมมม...รถเมล์ NGV นี่ทำท่าจะเป็น "รถเมล์ผีสิง" เฮี้ยนตั้งแต่อยู่ในท้องเพื่อนเนวินเสียแล้ว เพราะยังไม่ทันถึงไหนก็ฟ้องร้องกันเป็นปฐมฤกษ์ แบบนี้เห็นทีกว่าจะสรุปโครงการ คดีความไม่บานเบิกเถิกตะเกียงกันไปรึนั่น?

แต่ต้องขอบคุณ "นายชัยรัตน์ สงวนซื่อ" อธิบดีกรมการขนส่งทางบกเขานะครับ คือกรรมาธิการฯ เขาเชิญนายปิยะพันธ์ไปตอบข้อซักถามเกี่ยวกับโครงการรถเมล์ แต่นายปิยะพันธ์อ้างว่าติดอัดเทปรายการโทรทัศน์ที่นัดหมายไว้ก่อน เลยมอบหมายให้นายชัยรัตน์ในฐานะ "รองประธานบอร์ด ขสมก." ไปแทน

นายชัยรัตน์ก็คงเป็น "ลูกน้องเก่า" เพราะกรมขนส่งทางบกนี้ ตอนรับราชการยุคทักษิณ นายปิยะพันธ์เป็นอธิบดีกรมนี้อยู่ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะประเด็นอยู่ตรงที่ว่า นายชัยรัตน์ตอบข้อซักถามคณะกรรมาธิการฯ ด้วยซื่อ และด้วยความซื่อนั้น ทำให้เห็นไส้ในโครงการส่อถึงความไม่โปร่งใสจนผมต้องหยิบมาคุยกันวันนี้

ไม่ใช่ประเด็นเรื่องขึ้นป้าย ซื้อหน้าหนังสือพิมพ์โฆษณาชวนเชื่อโครงการหรอก นั่นเป็นของแถม เพราะใครๆ ก็คงนึกว่า พรรคภูมิใจไทยควักกระเป๋าทำเอง-จ่ายเอง เพราะใครเห็นก็รู้ว่า นี่คือป้ายและข้อความจงใจโฆษณาพรรคภูมิใจไทย แต่นายชัยรัตน์สารภาพว่า เปล่าหรอก...ไม่ใช่พรรคจ่าย

แต่ประชาชนคนไทยทุกคนนี่แหละจ่าย

เพราะใช้เงินหลวง ผ่านงบของ ขสมก.!!


เนื้อเต่ายำเต่า เข้าใจเล่นนะ อย่างนี้มันไม่ค่อยภูมิใจไทยซักเท่าไหร่หรอก แต่ก็ดี ผมชอบ ซื้อหน้าหนังสือพิมพ์ทีละ ๒ หน้า ๓ หน้า

อย่างนี้ หนังสือพิมพ์ที่ผู้บริหารคนหนึ่งออกมาสารภาพว่าอยู่ได้ด้วย "งบประชาสัมพันธ์ทางราชการ" เขาจะได้มีเงินเลี้ยงดูพนักงาน ผมสนับสนุน แต่ขอให้ทำอย่างตรงไป-ตรงมา อย่าซิกแซ็กโฆษณาพรรค แล้วตีขลุมไปเบิกเงินหลวงอย่างนี้

เนี่ยะ..เล็กๆ น้อยๆ ยังตอดเป็นปลาแขยงตอดขี้ แล้วที่ใหญ่ๆ ระดับกว่า ๑ แสนล้าน ลดลงมาเหลือ ๖ หมื่น ๔ พันล้าน มีหรือที่มันจะไม่คิดขม้ำ?

เอ้า..ก็เข้ารายการที่ผมบอกว่าเป็นประเด็นเสียที ส.ส.ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ในฐานะรองประธานกรรมาธิการฯ เขาซักนายชัยรัตน์ว่า

"เอกสารที่ ขสมก.เสนอให้ ครม.พิจารณามีการอ้างถึง TOR แสดงว่ามีการจัดทำ TOR เสร็จสิ้นแล้วก่อนที่จะเสนอ ครม.ใช่หรือไม่?" นายชัยรัตน์ขมีขมันชี้แจงว่า

"TOR ยังไม่แล้วเสร็จ ยังอยู่ระหว่างการฟังความเห็น ยังสามารถปรับปรุงได้อีก และที่ผ่านมาก็ขยายเวลาการจัดทำมาแล้ว ๑๑ ครั้ง"

ครับ..ท่านอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ลูกน้องนายปิยะพันธ์ชี้แจงได้ "ซื่อดี" ไม่ซื่อเพียงเท่านี้ แต่ยังซื่อตั้งแต่ต้นยันปลาย ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อตอบไปแล้ว TOR คือเงื่อนไขการประกวดราคารถเมล์ NGV ๔,๐๐๐ คัน ยังไม่เสร็จ ส.ส.ชาญชัยก็ถามต่อทันทีว่า

"อ้าว..ในเมื่อ TOR ยังไม่เสร็จสิ้น แล้วจะนำมาเสนอให้ ครม.พิจารณาได้อย่างไร?" นายชัยรัตน์ที่ตกหลุมจนมิดหัวได้แต่อ้อมๆ แอ้มๆ ว่า

"เพียงแค่ส่วนประกอบเท่านั้น"!?

ตรงนี้แหละถือว่าเป็นประเด็น "ซ่อนเงื่อนปม" สำคัญมาก TOR ยังไม่เสร็จ แล้วนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม พรรคภูมิใจไทย นำโครงการเสนอ ครม.ขออนุมัติได้อย่างไร เพราะอย่างนี้นี่เล่า โครงการจากราคาแสนล้าน จึงลดราคาง่ายๆ เหมือนสามล้อกลัวผู้โดยสารจะหนี จากกว่าแสนล้านเหลือหกหมื่นกว่าล้าน

ครม.อนุมัติไปก็ซวย (คนเสียภาษี) แต่รวยพวกเขา มีอย่างที่ไหน เงื่อนไขการประกวดราคายังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไง แต่ดันอนุมัติงบโครงการให้ไปก่อนแล้ว เหมือนจ่ายสินสอดทองหมั้นตั้งแต่เจ้าสาวเพิ่งเสียตัวคืนแรก แล้วแน่ใจเลยว่าท้องแน่ แถมรู้ซะด้วยว่าต้องคลอดออกมาเป็นหญิงแน่ๆ

ถ้า ครม.อนุมัติไปแบบนี้ มีหวัง "ติดคุก" กันทั้ง ครม.!

ไปดูทางกรรมาธิการของวุฒิสภาบ้าง วันเดียวกัน เขาประชุมร่วมกันทีเดียว ๕ คณะด้วยเรื่องรถเมล์ภูมิใจเนวิน ก็มีกรรมาธิการคมนาคม, กรรมาธิการตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล, กรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค, กรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน และกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วม

เขาแถลงหลังประชุม ประเด็นก็สอดคล้องกับกรรมาธิการฯ สภาผู้แทนราษฎร เช่นว่า การจัดทำ TOR ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากอัยการสูงสุด เพราะมีปัญหาหลายประเด็น เช่น การบริหารในสัญญามีการแบ่งเป็นช่วง และพบหลายประเด็นที่ทำให้รัฐจะเสียประโยชน์ เช่น

-การเสียค่าปรับ หากมีการส่งมอบรถไม่เป็นไปตามสัญญา ๑๑.๙๐ บาท/วัน/คัน ซึ่งถือว่าน้อยมาก

-ค่าประกันภัยรถ รวมอยู่ในค่าเช่า ซึ่งรัฐต้องเป็นผู้รับภาระ ทั้งที่ควรเป็นของเอกชน

-ค่าซ่อมที่ต้องจ่าย กม.ละ ๗.๕๐ บาท แต่หากวิ่งเกินวันละ ๒๐๐ กม.จะคิดค่าซ่อมเพิ่มเติมตามจริง แต่ไม่ได้กำหนดว่า หากวิ่งไม่ถึง ๓๐๐ กม. ผู้ให้เช่าต้องคืนส่วนต่างตรงนี้หรือไม่ ซึ่งเฉลี่ยแล้วรถเมล์จะวิ่ง ๒๔๐ กม./วัน

-การกำหนด TOR เช่นนี้ ทำให้รัฐขาดทุน ถือว่าจงใจทุจริต และการที่ ขสมก.และรัฐบาลบอกว่า โครงการนี้จะได้กำไร ๕ หมื่นล้านบาท แต่ความจริงขาดทุนถึง ๖ หมื่นล้านบาท ในระยะ ๑๐ ปีข้างหน้า!

ครับ..นั่นเป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการฯ ท่านจะว่าของท่านไป แต่ที่สรุปได้แก่นตรงกันหมด ทั้งจากกรรมาธิการฯ สภาผู้แทนฯ-วุฒิสภา ทั้งคนที่มาให้ปากคำกรรมาธิการฯ และกระทั่งตัวนายปิยะพันธ์ ประธานบอร์ด ขสมก.ผู้อหังการเอง คือ โครงการเช่ารถเมล์ NGV ๔,๐๐๐ คันนี้ ยังไม่มี TOR คือเงื่อนไขการประกวดราคายังไม่เสร็จเลย

แต่นายโสภณ ซารัมย์ กลับนำเสนอให้ ครม.อนุมัติโครงการด้วยงบกว่า ๖๔,๐๐๐ ล้านบาทไปแล้ว!?

นี่ดีว่านายกฯ อภิสิทธิ์ "ส่งไปดอง" ไว้ที่สภาพัฒน์ก่อนนะ ถ้า เยส โน โอเค ไปตั้งแต่ต้นสัปดาห์ละก็ ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี แน่ๆ

พระท่านว่า "กรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา" และกรรมลุกลี้-ลุกลน และกรรมปกปิดซ่อนเร้นประเด็นต่างๆ นี้ "ส่อเจตนา" ว่าคณะพรรคภูมิใจไทยประสงค์ "หักดิบ" แบบไหน อย่างไร วิญญูชนพึงรู้ได้ เห็นได้มิใช่หรือ?

พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ถ้านายอภิสิทธิ์ยอมให้โครงการนี้ผ่าน โดยแลกกับการยกมือของภูมิใจไทยเป็นอายุรัฐบาล ผมก็เกรงว่า ยาวนั้นมันจะสั้นในเชิงอนาคตของคนชื่ออภิสิทธิ์น่ะ!

ประชาธิปัตย์ใช่ว่าไม่เคยเป็น "รัฐบาลเสียงข้างน้อย" มาก่อน ผมคิดว่าในอนาคตไม่ไกล คงได้เป็น "รัฐบาลเสียงข้างน้อย" อีกครั้ง ลองศึกษาเคล็ดลับวิชาจากท่านปรมาจารย์ "ชวน หลีกภัย" เตรียมไว้ อย่างเร็ว ปลายกรกฎา อย่างช้า ปลายกันยา อาจได้ใช้วิชานี้ก็ได้

แต่มีอีกประเด็นที่ทุกคนมองข้าม สมมุติโครงการนี้ ครม.อนุมัติให้รถเมล์เนวินออกมาวิ่งฉลุย วัฒนธรรมหนึ่งอันเป็น "วัฒนธรรมใหม่" ที่คนขึ้นรถเมล์ทุกคนต้องปรับตัวตาม นั่นคือระบบ "ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์"

เข้าใจกันง่ายๆ คือ รถเมล์เนวิน ๑ คัน จะมีพนักงานในรถเพียง ๑ คนเท่านั้น คือ "พนักงานขับรถ" จะไม่มีกระเป๋า จะไม่มีนายตรวจให้เห็นอีกต่อไป ใครขึ้นรถเมล์ก็จะต้องใช้การ์ดเสียบเครื่องเก็บค่าโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ ประตูจึงจะเปิดให้เข้าไปในตัวรถ ปัญหาแรกที่ต้องเกิดตามมาคือ ปัญหาว่าจะเอากระเป๋าและนายตรวจไปไว้ที่ไหน

และกรณีมีคนขับคนเดียว ไม่มีกระเป๋าคอยดูแลคนขึ้น-ลงตามป้าย ปัญหาขั้นที่สองที่ต้องเกิดตามมาแน่นอน คือ

๑.รถเมล์มีคนขับคนเดียว โดยไม่มีพนักงานดูหัว-ดูท้ายรถ จะมีใครยอมขับบ้าง?

๒.ผู้โดยสารรถเมล์ใช่ว่าจะใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์เป็นเหมือนกันทุกคน แล้วใครจะดูแลตรงนี้?

๓.เครื่องเก็บเงินอิเล็กทรอนิกส์เสียแล้วคนโดยสารจะขึ้นรถอย่างไร?

๔.ใครจะดูแลผู้โดยสารขณะขึ้น-ลงตามป้าย และคอยส่งสัญญาณบอกให้คนขับรู้?

๕.มีปัญหาขึ้นมาภายในรถไม่ว่าด้านใดๆ แล้วใครจะคอยจัดการ-แก้ไขประสานกับคนขับ?

๖.ในขณะผู้โดยสารเต็มคัน ถึงแม้มองทางกระจก คนขับก็ย่อมมองไม่เห็นผู้โดยสารทั่วคัน แล้วจะทำไง?

๗.แล้วใครจะคอยตะโกน เลยๆๆๆๆ ลูกเพ่ จอดป้าย..จอดป้าย..หรือชิดหน้า-ชิดใน และมองหลังให้ล่ะ?

นี่คือปัญหาจากประสบการณ์จริงของคนนั่งรถเมล์อาชีพอย่างผม ท่านโสภณคงขับแต่รถเก๋งให้ท่านเนวินนั่ง ท่านสูงเกินระดับที่จะมานั่งรถเมล์ ฉะนั้น ย่อมจินตนาการไม่ออกหรอกว่า รถเมล์ทั้งคัน ถ้าไม่มีกระเป๋าดูหัว-ดูท้าย ปัญหามันจะมากมายขนาดไหน และคนขับ..จ้างเขาก็ไม่ยอม

เอาเข้าจริง ลงท้ายพยากรณ์ได้เลย เครื่องเก็บเงินอิเล็กทรอนิกส์จะเป็นแค่เฟอร์นิเจอร์ประดับรถ และก็ต้องมีพนักงานเก็บเงิน ทำหน้าที่ผู้จัดการทั่วไป ผู้แนะนำการเสียบการ์ดอิเล็กทรอนิกส์กับผู้โดยสารบางคน และทั้งต้องคอยกำกับคิวผู้โดยสารจากที่เคยแย่งกันขึ้นรถมาเป็นเรียงคิวเสียบการ์ด-ขึ้นรถทีละคน

ชั่วโมงเร่งด่วน เช้า-เย็น รถเมล์จะคาป้ายรอคิวคนเสียบการ์ดยาวทั้งจำนวนรถ และยาวทั้งจำนวนคนในแต่ละคิวขนาดไหน คิดเผื่อกันไว้หรือยัง?

และนี่จะเป็นกรณี "ผีถึงป่าช้า" เพราะเมื่อถึงเวลา จากโครงการรถเมล์ฝังโคตรเพชรที่ ๑ คัน ๑ คนขับ ก็ต้องขยับขยายเป็น ๑ คัน ๑ คนขับ และ ๑ พนักงานประจำรถ ถามว่า "แล้วใครจ่าย?" ที่ต้องจ้างคนอย่างน้อยอีก ๘,๐๐๐ คน โดยคิดหยาบๆ ให้กลางวัน ๑ คน กลางคืน ๑ คน เท่านั้น แต่เอาเข้าจริง ทำงานคนละ ๘ ชั่วโมง แล้ววันหนึ่งรถเมล์ต้องวิ่งกี่ชั่วโมงต่อคัน คิดเอาแล้วกัน ปัญหาจริงที่ต้องจ่ายอันไม่มีใน TOR นี้จะทำให้ ขสมก.ต้องจ้าง "พนักงานประจำรถ" เองเป็นหมื่นๆ คน ...ขนลุกมั้ยล่ะ?!

Label Cloud