Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Thursday, September 10, 2009

"สนธิ"คุก2ปี ไม่รอลงอาญา หมิ่น"หม่อมอุ๋ย"

Matichon Online
"สนธิ"คุก2ปีไม่รอลงอาญาหมิ่น"หม่อมอุ๋ย"กล่าวหาล้างมลทินอำนาจเก่าทำผิดซ้ำไม่หลาบจำ เจ้าตัวอุทธรณ์ต่อ

พิพากษาคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา" สนธิ "จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ปี 50 หมิ่น"หม่อมอุ๋ย"บริหารงานมีประโยชน์ทับซ้อน แก้กฎหมายล้างมลทินสั่งอนุมัติหวยบนดิน-หวยออนไลน์ ขณะที่ทำผิดซ้ำ ไม่หลาบจำ ศาลสั่งนับโทษต่อคดีหมิ่น "ภูมิธรรม" อีก 2 ปี ส่วนไทยเดย์ โดนปรับ 2 แสน แถมจำคุก "ขุนทอง" บก.นสพ.ผจก. อีก 1 ปี ปรับ 3 หมื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลพิพากษาจำคุก นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำเลยที่ 2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาเป็นเวลา 2 ปี ส่วนบริษัทไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด จำเลยที่ 1 ลงโทษปรับ 200,000 บาท และลงโทษจำคุกนายขุนทอง ลอเสรีวานิช บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.ผู้จัดการ จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 1 ปี ปรับ 30,000 บาท ให้ยกฟ้อง บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 3

คดีนี้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นโจทก์ฟ้อง สรุปว่า เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2550 นายสนธิ จำเลยที่ 2 ใส่ความโจทก์ผ่านรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกอากาศทางช่อง New 1 เอเอสทีวี และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ทำนองว่าโจทก์ล้างมลทินให้กลุ่มอำนาจเก่า ปล่อยให้มีการออกสลากบนดิน 2 ตัวขัดต่อกฎหมาย และโจทก์ช่วยเหลือ นายศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ที่ไม่ตรวจสอบการขายหุ้นแอมเพิลริชให้กลุ่มทุนเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ และปกป้องผู้กระทำผิดกรณีที่ปล่อยให้มีการโอนหุ้นชิน บมจ.ชินคอร์ป โดยไม่เสียภาษี รวมทั้งมีผลประโยชน์ทับซ้อนธนาคารกสิกรไทย

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานรวมทั้งแนวคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมิ่นประมาทหลายคดีแล้ว เห็นว่าการจะพิจารณาว่าข้อความใดหมิ่นประมาทหรือไม่เป็นอำนาจของศาล รวมทั้งจะต้องพิจารณาถึงเจตนาจากข้อความ โดยข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้กล่าวถึงโจทก์ว่า โจทก์หลอกลวงประชาชนและรัฐบาลในขณะนั้น ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในการให้ความเห็นเรื่องการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก , กล่าวว่าโจทก์ เป็นผู้สั่งอนุมัติโครงการออกสลากเลขท้ายพิเศษ 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) หวยออนไลน์ และแก้ พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อล้างมลทินให้ผู้กระทำความผิดรวมทั้งตัวโจทก์เองซึ่งเป็นอดีต รมว.คลังด้วย , กล่าวว่าขณะที่โจทก์ดำรงตำแหน่งผู้บริหารธนาคารกสิกรไทยมีผลประโยชน์ทับซ้อนโดยให้ธนาคารกสิกรไทยไปถือหุ้นบริษัทคอมลิงค์ที่โจทก์บริหารอยู่ด้วย , กล่าวว่าขณะดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง โจทก์ปกป้องนายศิโรตม์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเลี่ยงจัดเก็บภาษีจาก คุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดา และกล่าวว่าโจทก์ต้องรับผิดเช่นเดียวกับกรณีของนายเริงชัย มะระกานนท์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)กรณีที่ออกนโยบายลดเงินลงทุน 30 เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งมีผู้ใกล้ชิดกับโจทก์ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อยู่

ศาลเห็นว่าข้อความที่จำเลยที่ 2 กล่าวล้วนแต่เป็นการกล่าวเท็จ ทั้งที่ขณะนั้นจำเลยอยู่ในวิสัยที่จำตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดได้ แต่ก็นำข้อเท็จจริงมาพูดโยงรวมกัน และชี้นำโน้มน้าวให้ประชาชนผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ว่าเป็นคนชั่วมีพฤติการณ์บริหารงานต่างๆเพื่อประโยชน์ของตนและพวกพ้องทั้งที่ข้อเท็จจริงในหลายกรณี เช่นกรณีนายศิโรตม์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ปรากฏข้อเท็จจริงในทางนำสืบว่าหลังจากที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแล้ว ต่อมากระทรวงการคลังก็มีมติให้นายศิโรตม์ ออกจากตำแหน่งโดยเรื่องนี้มีอดีตปลัดกระทรวงการคลังมาร่วมเบิกความยืนยัน ขณะที่การลงมติไล่ออกโจทก์เป็นประธาน อ. กพ.กระทรวงการคลัง ซึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์จึงเห็นได้ว่าโจทก์ไม่มีพฤติการณ์ปกป้อง ส่วนกรณี ที่จะให้โจทก์รับผิดเช่นเดียวกับนายเริงชัย ชั้นพิจารณาโจทก์นำสืบว่ากรณีของนายเริงชัย เป็นการรับผิดต่อการบริหารนโยบาย ธปท.เข้าแทรกแซงค่าเงินบาทซึ่งขณะนั้นเป็นเรื่องของการจัดซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าที่มีการทำสัญญาไว้ก่อนแล้ว โดยเมื่อค่าเงินบาทก่อนจึงทำให้ ธปท.ต้องขาดทุนเป็นจำนวนเงิน 11 บาท ต่อทุกดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นการขาดทุนจริง แต่กรณีของโจทก์เป็นการปรับลดเงินลงทุนไม่ได้เป็นเหตุให้จำนวนเงินตราต่างประเทศลดลงแต่เป็นการลดลงของมูลค่าตามอัตราแลกเปลี่ยน โดยเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ คิดเป็นเงินบาท กว่า 2 ล้านล้านบาท ส่วนกล่าวอนุมัติโครงการหวยบนดิน และออนไลน์ นั้นก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้สั่ง โดยการปฏิบัติหน้าที่โจทก์ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหารือข้อกฎหมายว่า การแก้กฎหมายจะส่งผลให้ผู้กระทำผิดหลุดพ้นจากความผิดหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มี

แม้จำเลยที่ 2 จะอ้างว่าเป็นการติชมโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลสาธาราณะด้วยความเป็นธรรม ในฐานะสื่อมวลชน แต่รูปแบบการจัดรายการของจำเลยที่ 2 เป็นการวิเคราะห์โดยอาศัยภูมิความรู้ของตนเองโดยไม่ได้เชิญบุคคลใดมาร่วมสัมภาษณ์อีกทั้งการตั้งคำถามของจำเลยก็แสดงเจตนาที่จะให้ร้ายโจทก์ไม่ได้เป็นคำถามในรูปแบบปกติทั่วไปที่วิญญูชนจะกระทำเพื่อสอบถามให้ได้ข้อเท็จจริงซึ่งหากจำเลยที่ 2 เห็นว่าการกระทำของโจทก์ไม่ถูกต้องอย่างไรก็ควรต้องแสดงความคิดเห็นว่าสิ่งที่ถูกต้องควรทำอย่างไรเมื่อพิจารณาถ้อยคำทั้งหมดแล้วจึงเห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 มีเจตนาใส่ร้ายให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อตัวโจทก์ซึ่งต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

ส่วนบริษัทไทยเดย์ ฯ จำเลยที่ 1 ศาลเห็นว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 โดยการบันทึกถ้อยคำที่กล่าวหมิ่นประมาทโจทก์ลงในวีซีดีออกเผยแพร่ จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 และประมลกฎหมายอาญา มาตรา 328 แต่เนื่องจาก พ.ร.บ.การพิมพ์ ถูกยกเลิกหลัง พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 บังคับใช้ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายกฎหมายอาญาเท่านั้น เช่นเดียวกับนายขุนทอง บก.นสพ.ผู้จัดการ จำเลยที่ 4 ศาลเห็นว่า มีความผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่เผยแพร่ข้อความที่จำเลยที่ 2 กล่าวถึงโจทก์อย่างต่อเนื่องระหว่างวันที่ 13 – 16 มกราคม 2550 ทั้งที่จำเลยที่ 4 ในฐานะบรรณาธิการ มีหน้าที่ต้องระมัดระวังการลงข้อความที่จะหมิ่นประมาทบุคคลอื่น ดังนั้นการที่จำเลยที่ 4 อ้างว่า ก่อนตีพิมพ์ข่าวมีหัวหน้าข่าวคอยกลั่นกรองอยู่แล้วจึงไม่อาจรับฟังได้

พิพากษาว่า บริษัทไทยเดย์ฯ จำเลยที่ 1 นายสนธิ จำเลยที่ 2 และนายขุนทอง จำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 238 ให้ปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 2 แสนบาท หากไม่ชำระค่าปรับให้ยึดทรัพย์ตามกฎหมาย ส่วนสนธิ จำเลยที่ 2 เคยกระทำผิดและถูกลงโทษในคดีหมิ่นประมาทมาแล้วแต่ไม่หลาบยังคงกระทำผิดซ้ำอีก จึงให้จำคุก 2 ปี และให้นับโทษต่อจากคดีหมายเลขแดงที่ อ.1241/2550 ที่ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี ฐานหมิ่นประมาท นายภูมิธรรม เวชชยชัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ส่วนนายขุนทอง จำเลยที่ 4 ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 3 หมื่นบาท แต่เนื่องจากจำเลยไม่เคยต้องโทษคดีอาญามาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษกำหนด 2 ปี และให้จำเลยที่ 1 ,2 และ 4 ร่วมกันโฆษณาคำขอขมาโจทก์ใน นสพ.มติชน ,ไทยรัฐ ,เดลินิวส์ และผู้จัดการเป็นเวลา 5 วันติดต่อกันโดยจำเลยทั้งสามเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

ส่วนบริษัทเมเนเจอร์ฯ จำเลยที่ 3 ชั้นพิจารณาโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่ากรรมการบริษัทร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการจัดรายการหมิ่นประมาทโจทก์จำเลยจึงไม่มีความผิดพิพากษายกฟ้อง

ภายหลัง นายสนธิ เดินชูสองนิ้วออกมาจากห้องพิจารณา โดยกล่าวว่าศาลสั่งจำคุก 2 ปี ไม่มีอะไรตื่นเต้น แพ้ศาลชั้นต้น ก็อุทธรณ์ต่อ อุทธรณ์แพ้ ก็ฏีกา ถ้าสุดท้ายศาลฎีกาเห็นว่าตนผิดก็เข้าไปใช้ชีวิตในคุก คนอย่างผมผ่านอาวุธสงครามมา 200 นัด ระเบิดอีก 2 ลูก ต่อสู้เพื่อชาติ เรื่องติดคุกไม่ใช่เรื่องตื่นเต้น ไม่กลัว และไม่หนี

นายสนธิ ยังกล่าวถึงการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. ให้มารักษาการ ตำแหน่ง ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่ถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าตนรู้สึกเฉยๆ และจะไม่กดดัน พล.ต.อ.ธานี เรื่องการสะสางคดีที่ตนถูกลอบยิง และคดีของกลุ่มพันธมิตรฯ เวลา 21 วันของ พล.ต.อ.ธานี ทำได้แค่ไหนก็ทำไปแค่นั้น แต่เชื่อว่า พล.ต.อ.ธานี ต้องทำเต็มความสามารถ และน่าจะมีอะไรดีๆออกมาเอง

"ที่บอกว่า ผม สนิทกับ พล.ต.อ.ธานี เพราะเป็นรุ่นน้องสมัยเรียนที่อัสสัมชัญศรีราชา ยืนยันว่าไม่จริง ตอนเรียนไม่ได้สนิทกัน แค่คุ้นหน้ากันเท่านั้น บ้านเขาอยู่ไหนผมก็ไม่รู้จัก ลูกเมียเขาผมก็ไม่รู้จัก และส่วนตัวก็ไม่ได้คุยกันนานแล้ว" นายสนธิ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เช้าวันเดียววันนี้ นายสนธิ ยังได้สอบคำให้การคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสนธิ , น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ และ บจก.แมเนเจอร์ ฯ เป็นจำเลยที่ 1-3 คดีหมายเลขดำที่ อ.3323/2550 ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ฯ กรณีเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2550 จัดรายการกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ วางแผนโค่นล้มสถาบัน ซึ่งนายสนธิ ให้การปฏิเสธ แต่เนื่องจากวันนี้ น.ส.สโรชา จำเลยที่ 2 ไม่ได้เดินทางมาสอบคำให้การ ศาลจึงนัดพร้อมเพื่อตรวจสอบหลักฐาน และสอบคำให้การ น.ส.สโรชา ในวันที่ 18 กันยายน นี้ เวลา 13.30 น.


Label Cloud