Find Other Sides of Thai Politic. Update you on the political turmoil in Thailand.

อ่าน ทวิตเตอร์

Upcoming

Monday, April 13, 2009

เปลว สีเงิน - "อภิสิทธิ์" บนเส้นด้ายอำนาจที่ไร้ทางถอย 13-04-2009

Thaipost: ครับ...บ้านเมืองเข้าสู่ยุค   "มิคสัญญี"  แล้ว  จะให้ผมต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้อีกล่ะ  เพราะสิ่งที่ควรพูด  ก็พูดไปหมดแล้ว  และสิ่งที่ควรบอก  ก็บอกไปหมดแล้ว  เหลือแต่คำสุดท้ายว่า   ถ้ารัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่สามารถกำราบปราบปรามกบฏแผ่นดิน  อันมีทักษิณเป็นตัวการใหญ่ได้  ผมก็เกรงว่า  จาก  ณ  วันที่  ๑๒-๒๐  เมษา.นี้  ไม่เพียงนายกฯ  อภิสิทธิ์เท่านั้นที่ยับเยิน  บ้านเมืองในความหมายของ  "ประเทศไทย"  ก็  "ย่อยยับ"  ด้วย!

     ในยามนี้  ไม่ว่าเหลียวมองไปทางไหน  รอบๆ  ประเทศไทย  นอกจากลุ่มเสื้อแดงทักษิณที่กำลังยึดบ้าน-ยึดเมืองแล้ว  ก็เหมือนไม่มีคนไทยอื่นใดเหลืออยู่ในประเทศไทยเลย!

     สภาพประเทศไทยวันปีใหม่-มหาสงกรานต์ของพุทธศักราช  ๒๕๕๒  อย่าว่าแต่มนุษย์ร่ำไห้  แม้องค์เทพผู้สถิตรักษา  "ปกบ้าน-ป้องเมือง"  ก็ยังต้องหลุบเปลือกพระเนตร  ด้วยเวทนาต่ออสัตย์สามานย์มนุษย์

     ทุกข์กันได้  แต่ไม่ต้องให้ถึงหม่นไหม้ใจตนหรอกครับ  ยามดี-บางดีก็เหลิงลืมฐานะแห่งตน  ปู้ยี่ปู้ยำ-ย่ำยีบ้านเมืองกันนัก  มีเหตุอาเพทให้ประจักษ์เสียบ้างจะได้รู้สำนึก  ผมขอย้ำ  "ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม"  และย้ำกับท่านมาแต่ต้นปีแล้ว  ฉะนั้น  เมื่อบ้านเมืองส่งสัญญาณเข้าสู่วงรอบของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ตามอนิจลักษณะ

     ท่านก็จงมั่นใจเถอะว่า  เมืองไทยเป็นเมืองธรรม  คนเริงเลวระยำ  จะกระทำต่อบ้าน-ต่อเมืองได้ชั่วพัก-ชั่วครู่ตามทักษาเท่านั้น  จะห้ำหั่นหักหาญเอาบ้านเอาเมืองหาได้ไม่!

     และจะว่าไปอีกที  เพราะมีสิ่งนี้  จึงทำให้สิ่งนั้นเกิด  ซึ่งก็นั่นแหละคือเหตุปัจจัยขยับเขยื้อนนำไปสู่  "ความเปลี่ยนแปลง"  ที่เราทั้งหลายจะเห็นรูปแบบใหม่ไทยวิไลเลิศหรูที่ทุกคนพอใจในอีก  ๑๕-๒๓  ปีข้างหน้า

     ผมบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร  แต่ทุบโต๊ะ-ฟันธงได้ว่า  เศษสวะอย่างทักษิณ  หรือระบอบทักษิณไม่มีส่วนได้ร่วมในการเปลี่ยนแปลงไปสู่มิติใหม่ของประเทศไทย ในอนาคตแน่นอน!

     หนังสือสวดมนต์  และบทสวดพระพุทธมนต์ที่เคยบอกไป  ยังยึดมั่นปฏิบัติสม่ำเสมอกันอยู่ดีหรือเปล่าเอ่ย  สวดให้กำลังเทพเทวาที่รักษาบ้านเมือง  และสวดถวายพระพรชัยแด่  "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หัว"  ของเรา-คนไทยทุกคน  ผมขอย้ำ..ไม่มีอะไรที่ทรงพลัง  และขลังยิ่งใหญ่เหนือไปกว่า  "พลังใจบริสุทธิ์"  ของมวลประชาไปได้หรอก

     ขาดอะไรก็ขาดได้  ในเวลานี้  แต่ที่ขาดไม่ได้คือ  "สติ"!

     จงประคองสติเอาไว้ให้ตลอด  อย่าให้อารมณ์โกรธ  อารมณ์เครียด  อารมณ์ทุกข์หม่นเศร้ามาครองใจแทนสติเป็นอันขาด  ตราบใดที่ยังมีสติ  ตามนั้น  จะเห็นทางออกของสถาบันและบ้านเมือง  เพราะสติมา-ปัญญาเกิดครับ

     อย่าโทษใคร  อย่าน้อยใจใคร  อย่าคับแค้นใคร  อย่าไปประชด-ประชันใคร  ต้อง  "ดูใจ-ถามใจ"  ตัวเราเองดีๆ  ก่อนในทุกเรื่อง  อย่าหวังคอยให้คนอื่นมาช่วยชาติ  ถ้าตัวเราเองไม่ช่วยก่อน  สำหรับรัฐบาลนี้  โดยเฉพาะนายกฯ  อภิสิทธิ์  "ตำหนิกันมาพอแล้วครับ"  อย่าไปพูดจาซ้ำเติมอะไรอันเป็นการทอนกำลังใจในขณะที่ท่านต้องทำหน้าที่  "ผู้นำสังคมชาติ"  อีกเลย

     ผิด-ถูก  ว่ากันทีหลัง  แต่ในยามตกอยู่ในสถาการณ์เครียดคลั่งของบ้านเมืองด้วยกัน  อะไรช่วยกันทำให้ผ่านพ้นสถานการณ์จากผีป่าสิงเมืองไปได้   ก็ต้องช่วยกัน  ไม่ควรไปซ้ำเติมอะไร  ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างย่ำแย่ลงไปอีก

     นายกฯ  อภิสิทธิ์กำลังเรียนรู้การเป็นผู้นำที่สมบูรณ์ด้วยประสบการณ์  และครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสทองที่ได้เหตุการณ์ล้ำค่ามาเป็นเบ้าหลอม  ด้วยความร้อนระดับ  ๑๐,๐๐๐  องศาฟาเรนไฮต์  ถ้านายกฯ  อภิสิทธิ์พิชิตได้ก็จะกลายเป็นผู้นำเหนือจุดหลอมละลายจากความร้อนใดๆ  ในโลก

     แต่ถ้าไม่ผ่านการหลอมละลายครั้งนี้ไปได้   ในเมื่อมาตามทางวิถีประชาธิปไตย  ในระบบรัฐสภา  ก็คืนอำนาจบริหารบ้านเมืองให้เขาไปตามวิถี  คือประกาศยุบสภา  ให้ไปเลือกตั้งกันใหม่  ประชาชนส่วนใหญ่เขาจะเอายังไง  ก็ว่ากันไปตามนั้น  อย่าไปคาดการณ์ถึงเรื่องราวล่วงหน้าให้มาเป็นโจทย์ของการตัดสินใจตอนนี้

     ในเมื่อมีหน้าที่นำประเทศ  แต่ไม่สามารถนำไปสู่ฝั่งฝันได้  ก็คืนอำนาจเขาไป...ลูกผู้ชาย  กล้าทำ  กล้ารับแบบเปิดเผย  ยังสามารถเงยหน้าสู้ฟ้าดินได้อยู่!

     ทำไมผมจึงแนะเรื่อง  "ยุบสภา"  เป็นทางออกสุดท้าย  เพราะผมมองเห็นแล้วว่า  บ้านเมืองขณะนี้  ไม่ว่าข้าราชการ  ทหาร  และตำรวจ  อันเป็นองค์กรที่เรียกว่าเครื่องมือในกลไกบริหารอำนาจรัฐ   ส่วนหนึ่งรวมตัวกันคล้าย  "แข็งขืนต่ออำนาจผู้นำประเทศ"  หรือเรียกว่า  "ปฏิวัติเงียบรัฐบาล"  ก็ประมาณนั้น

     จะเป็น  "ไส้ศึก"  ให้ทักษิณในระบบรัฐ  หรือจะเป็น  "แนวร่วมกองทัพแดง"  ในถนน  นั่นก็ไม่จำเป็นต้องพูดกัน   เพราะพฤติกรรมทั้งแต่  ๘  เมษายน  เป็นต้นมา  ประจักษ์ชัดว่า  "แดงยึดเมือง"   ส่วนหนึ่งมาจากคนในระบบรัฐ  "เปิดประตูเมือง"  ให้  ทั้งในเรื่องปิดถนนทั้ง  ๔  ด้านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  กระทั่ง  "เปิดทาง"  ให้คนเสื้อแดงบุกพังโรงแรมรอยัลคลิฟ  ที่พัทยา  ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน

     เอาที่ล่าสุด  เห็นจะจะลูกตาไปทั้งโลก  มันป่าเถื่อน  และปล่อยให้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไรกัน  ที่กระทรวงหมาดไทย  อันเป็นกระทรวงหลักใหญ่  ๑  ใน  ๔  ความหมายของประเทศนับแต่มีมา  กลุ่มคนบ้าคลั่งในชุดเสื้อแดง  อย่าว่าบุกเลย  คล้ายมีคนเปิดประตู  "เชิญเข้าไป"  จะถูกต้องกว่า  ไล่ล่ารุมตีรถนายกฯ  เหมือนหมาป่าบ้าคลั่งกระหายเลือด  รุมทึ้งฉีกเนื้อหมายชีวิต  จนมีผู้ติดตามบาดเจ็บสาหัส

     ท่ามกลางตำรวจ-ทหารที่ยืนดูด้วยความเบิกบานสำราญใจ  ดังเห็นได้จากในภาพ-ข่าวโทรทัศน์!?

     นายกฯ  ประกาศภาวะฉุกเฉินขั้นร้ายแรง  หมายความว่า  "รัฐบาลเอาจริง"  ด้วยอำนาจเข้มผ่านทหาร-ตำรวจ  แต่ดูเหมือนว่า  "เขาสั่ง-เราก็มา"  แค่นั้น  แต่ลืมหัวจิต-หัวใจไว้ในกรมกอง  ยิ่งเป็นสิ่งสร้างความลำพองให้กบฏทักษิณเหิมห้าวหนักขึ้น  เพราะรู้ว่าทหาร-ตำรวจพวกเรามาตามคำสั่ง

     แต่ไม่ทำตามคำสั่ง!?

     ฉุกเฉิน  กับไม่ฉุกเฉิน  ไม่มีผลต่างกันเลย  ยามปกติ  ก็ไม่เห็นหน้านายตำรวจ-นายทหารออกมาบัญชาการให้ปรากฏ  มีแต่ปริมาณไอ้เณรมานั่งๆ  นอนๆ  หยอกเอินพยักเพยิดกับม็อบ

     ครั้นฉุกเฉิน  ก็ไม่ปรากฏหน้านายทหาร-นายตำรวจใดๆ  ปรากฏออกมาพูดจาให้ความอุ่นใจกับประชาชน  ทั้งที่ตำรวจ-ทหารมียศ  มีขั้นระดับนายพลขึ้นไปมากมายเป็นร้อย-เป็นพัน  แต่เมื่อชาติต้องการ  กลับไม่ปรากฏหน้าใครเลย  มีแต่ไอ้เณรขับตุ๊กๆ  ที่เรียกว่า  "รถถัง"  มาจอดให้คนเสื้อแดงยึดไปประกาศชัยชนะ!?

     พฤติกรรมส่อเจตนา  จะให้เข้าใจเอาเองอย่างนั้นหรือ  ถ้าเป็นยุคก่อน  เมื่อประกาศภาวะฉุกเฉินถือว่าพื้นที่นั้น  "ทหารใหญ่สุด"  จะมีทหารใหญ่ที่ได้รับมอบหมายมาออกจอเปล่งประกายบารมี  ออกวิทยุทุกสถานี  พูดจาทำความเข้าใจกับประชาชน  และประกาศเตือนผู้ชุมนุมให้สงบและสลายตัวด่วน  ต่อจากนั้น  จะเป็นปฏิบัติการเฉียบขาด

     ไม่มีอย่างวันนี้หรอกครับ  ฉุกเฉินแล้วโจรเมืองยังรำเฉิบอยู่กลางถนน  แถมระดมคนมาปล้นบ้าน-ยึดเมืองต่อ!

     วันนี้-คำสั่งจากผู้มีอำนาจสูงสุดฝ่ายบริหารของประเทศ   สั่งเหมือนสั่งขี้มูก  เพราะฝ่ายกำลังสนองตอบแบบเสียไม่ได้  หรือฝืนทำด้วยไม่เต็มใจ  ซึ่งก็เป็นอุทาหรณ์แห่งอำนาจ  ที่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายคิดกันไว้บ้างก็ดีว่า

     "อำนาจแท้จริงไมได้อยู่ที่ผู้มีอำนาจ  หากแต่อยู่ที่คนใต้อำนาจ"  เหมือนศาลพระภูมิ  เมื่อคนไม่เชื่อถือกราบไหว้  มันจะต่างอะไรกับจอมปลวก?

     ย้อนมาดูผู้นำอำนาจรัฐ  "นายกฯ  อภิสิทธิ์"  เป็นรัฐบาลมา  ๓  เดือนกว่า  ท่านใช้คนทำงานอยู่คนเดียว  "นายเทพ  เทือกสุบรรณ"  ขี้ไม่ออก-เยี่ยวไม่ออกก็สุเทพ  แม้กระทั่งประกาศใช้  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  ก็ยังงมงายมอบหมายให้นายสุเทพเป็น  "ผู้กำกับดูแล"  เสียอีก

     หมายความว่า  พ.ร.ก.ฉุกเฉินใช้อำนาจทหาร  แต่ดันให้  "นายสุเทพ"  เป็นนายใหญ่ไปสั่งทหาร  แล้วมันจะได้เรื่องอะไร  นายสุเทพเหมาะในงานการเมืองแบบหนึ่งเท่านั้น  ดันให้ไปเป็นนายสั่งการทหารในภารกิจควบคุมบ้านเมืองยามวิกฤติ  เหตุนี้ด้วยหรือเปล่า  จึงไม่ปรากฏหน้า  ผบ.เหล่าทัพใดมายืนเคียงข้างให้ประชาชนอุ่นใจ

     ทีในยุค  "นายกฯ  สมชาย"  ยังเห็นหน้าพลเอกอนุพงษ์  เผ่าจินดา  ยืนเสริมรัศมีอยู่ข้างๆ  แต่ครั้งนี้..ไม่ปรากฏหน้าบิ๊กไหนๆ  ฝ่ายทหาร-ตำรวจ  ชาวบ้านว้าเหว่คล้ายว่า  ตำรวจ-ทหารลอยแพรัฐบาล  และประชาชน

     ประชุมอาเซียน  พังมาหยกๆ  ก็ไม่เพราะนายสุเทพบัญชาการด้านความมั่นคงดอกหรือ  แล้วนี่  ยังมอบหมายให้นายสุเทพมาคุมทหารปราบม็อบอีก  รองนายกฯ  ที่พอมีประสบการณ์งานทหาร-งานม็อบอย่าง  "พลตรีสนั่น  ขจรประศาสน์"  ก็ยังมีอยู่  ทำไมจึงไม่เรียกมาปรึกษาหารือ  หรือใช้ให้เป็นการ  "ใช้งานให้ถูกกับคน"  ล่ะ?

     ท่านนายกฯ  อภิสิทธิ์ครับ  จงเปิดเปลือกตามองคนให้กว้าง  และไกลออกไปให้พ้นรัศมีพรรคประชาธิปัตย์เถอะ  ท่านอยู่ในอำนาจ  ท่านก็ต้องเล่น  และคลุกคลีอยู่กับอำนาจ  ท่านจงคิดทุกเรื่อง-ทุกประเด็น  และมองทุกคนรอบตัวให้ทะลุ  แต่อย่าพูดทุกเรื่อง  ทุกประเด็น  และในทุกคน  อย่างที่ท่านคิด  และมองเห็น

     กุมสติให้ดี  ท่านประกาศ  "ขอเวลา  ๓-๔  วัน"  ที่จะกำราบปราบปรามผู้ทำผิดกฎหมายในการชุมนุมเสื้อแดง  ๓-๔  วันนี้  ท่านจะปราบเสื้อแดงได้อยู่หมัด  หรือจะเป็นฝ่ายถูกปราบ  พ่ายแพ้ราบคาบทั้งในการเมือง  และในเครดิตเสียเอง

     ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฤทธิ์เดชเสื้อแเดง  แต่ขึ้นอยู่กับ  "ทหาร-ตำรวจ"  ภายใต้  พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่าจะวางท่าที  และปฏิบัติการจริงจังขนาดไหน?

     การณ์นี้  เส้นตายผมขีดให้  ภายใน  ๒๐  เมษา.!

     พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่จะขลัง  ต้องเห็น  "นายทหาร"  ในเครื่องแบบออกมาบัญชาการต่อสายตาประชาชน  ไม่ใช่เห็นแค่นายสุเทพสวมเสื้อเชิ้ตออกมาบัญชาการ-สั่งทหารอยู่คนเดียว

     ครับ...ตอนผมคุยอยู่กับท่าน  ในเวลา  ๔-๕  ทุ่ม  แต่ถึงตอนเช้าที่ท่านอ่านอยู่นี่  ผมก็ไม่ทราบว่าตั้งแต่  ๒  ยามเรื่อยมา  มีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง  ม็อบป่วนเมืองท้าทาย  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  หรือว่าทหาร-ตำรวจใช้อำนาจตาม  พ.ร.ก.ฉุกเฉินปราบม็อบราบคาบไปแล้ว  ทุกช็อต-ทุกตอนต่อจากนี้ล้วนมีความหมาย  "ชี้เป็น-ชี้ตาย"  วัดใจทั้งฝ่ายเขา-ฝ่ายเรา  ตั้งสติให้มั่น  ถึงอย่างไร  สุดท้ายแล้ว  บ้านเมืองเราไปรอดได้แน่นอน.

Label Cloud